โดย นิตยสารรายสัปดาห์พลเมืองเหนือ
ปี 2549 คาดว่าลำไยสดทั้งประเทศมีผลผลิต ประมาณ 566,525 ตัน ในส่วนของ 8 จังหวัดภาคเหนือมีผลผลิตประมาณ 350,000 ตัน ซึ่งขณะนี้ผลผลิตลำไยเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กำหนดนโยบายการบริหารจัดการลำไยปีนี้ว่าจะเร่งกระจายผลผลิตสู่ตลาดต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างเหมาะสมและรวดเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาราคาลำไยที่อาจจะตกต่ำ
นายพนิต เจิญบูรณ์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จ.เชียงใหม่ การเร่งรัดกระจายผลผลิตลำไยในฤดูกาลนี้ โดยผ่านมาตรการและช่องทางต่างๆดังนี้
1. การบริโภคภายในประเทศ ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 100,000 ตัน ให้สถาบัน
เกษตรกรกระจายผลผลิตลำไยสดไปสู่ปลายทางผ่านเครือข่ายสหกรณ์ โดยจะสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปีจาก คชก. ให้สถาบัน - เกษตรกร กู้ยืมเพื่อรวบรวมผลผลิตและกระจายออกนอกแหล่งผลิต ในวงเงิน 125 ล้านบาทและขอเงินจ่ายขาดจาก คชก. เพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายการตลาดเหมาจ่ายให้สถาบันเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 6 กค. - 5 กย. 2549 กิโลกรัมละ 3 บาท จำนวน 10,000 ตัน วงเงิน 30 ล้านบาท ดังนั้นขอให้สถาบันเกษตรกร / สหกรณ์ ติดต่อโดยตรงกับสำนักงานสหกรณ์จังหวัดโดยเร่งด่วน และในส่วนผลผลิตที่เหลืออีก 90,000 ตัน จะปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการกระจายตามกลไกตลาด
2. การผลักดันการส่งออกลำไยสด ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 130,000 ตัน โดยกระทรวง
เกษตรฯจะประสานงานและอำนวยความสะดวกในการส่งออกเช่นการรับรอง GAP การตรวจสารพิษตกค้าง การขนส่งลำไยสดจากแหล่งผลิตไปยังท่าเรือ รวมทั้งการผลักดันการส่งออกและรักษาระดับราคา โดยชดเชยค่าขนส่ง กิโลกรัมละ 3 บาท จำนวน 45,000 ตัน ทั้งนี้จะกระตุ้นให้เป็นไปตามกลไกตลาดโดยผลักดันการส่งออกลำไยสดให้ได้มากที่สุดและรักษาระดับราคาลำไยในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากและกระจุกตัว ถ้าเกษตรกรยังไม่ได้รับการรับรองแปลง GAP ให้รีบติดต่อ สวพ.1 โดยเร่งด่วน
3. การแปรรูปลำไยเนื้อสีทอง ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 30,000 ตัน ( 3,000 ตันแห้ง )
โดยสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนจาก คชก. อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี วงเงิน 30 ล้านบาท ให้กับสถาบันเกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จำนวน 100 กลุ่มๆละ 300,000 บาท ขอให้สถาบันเกษตรกรติดต่อที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนติดต่อที่สำนักงานเกษตรจังหวัดโดยด่วน เพื่อเตรียมการวางแผนและดำเนินการผลิตลำไยแปรรูปเนื้อสีทองได้ทันทีที่งบประมาณมาถึง
4. การผลิตลำไยกระป๋อง ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 20,000 ตัน จะดำเนินการประสาน
ให้ผู้ประกอบการ เข้าไปรับซื้อในแหล่งผลิตโดยตรงจากสถาบันเกษตรกรและเกษตรกร รวมทั้งประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการบริโภคให้มากขึ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
5. การแปรรูปลำไยอบแห้งทั้งเปลือก ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 70,000 ตัน ( ประมาณ
21,212 ตันแห้ง ) ภาครัฐจะไม่เข้าไปดำเนินการแทรกแซงตลาด ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดปกติ แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกรสนใจที่จะขอกู้เงินให้ติดต่อกับ ธ.ก.ส. และสหกรณ์จังหวัดในเงินกู้อัตราปกติ
6. การส่งเสริมการตลาดในประเทศ กระทรวงเกษตรฯ มีความจำเป็นต้องให้เกษตรกร
พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานเพื่อสร้างตลาด ซึ่งจะร่วมกับเกษตรกรจัดงานเทศกาลจำหน่ายลำไยคุณภาพ ทั้งที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และกรุงเทพ
7. การส่งเสริมการตลาดต่างประเทศ กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการส่งเสริมการ
บริโภคและสร้างภาพพจน์ของตลาดเดิมคือ สาธารณะรัฐประชาชนจีนกับอินโดนีเซีย และตลาดใหม่เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรส ออสเตรเลีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเนเธอร์แลนด์