Skip to main content
sharethis

รายงานพิเศษ : วิทยากร บุญเรือง


 


เรียนรู้จากประวัติศาสตร์เบื้องต้นของ  Zionism , Hezbollah : และสรรค์สร้างการต้านทาน "จักรวรรดินิยม"


 


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ "Zionism" ขบวนการชาตินิยมยิวในการสร้างรัฐ "อิสราเอล"


 



โปสเตอร์ภาพยนต์ (ในยุค 1930"s) ที่มีเนื้อหาว่าด้วยการอพยพตั้งถิ่นฐานของชาวยิวสู่รัฐอิสราเอล (ในปัจจุบัน) … ที่มา http://en.wikipedia.org



 


… ประวัติศาสตร์ชนชาติยิวเก่าแก่มีความน่าสนใจในการศึกษา และขบวนการ Zionism ก็ถือว่ามีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ชนชาติยิว


 


Zionism ถือว่าเป็น กลุ่มขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองและอุดมคติทางการเมือง ที่สนับสนุนในเรื่องการหาที่อยู่เป็นหลักแหล่ง รวบรวมชาวยิวที่อยู่กระจัดกระจายทั่วโลก มารวมกันเพื่อเป็นหนึ่งเดียว หรือ ประเทศของชาวยิว ซึ่งแนวคิด Zionism นี้มีความเก่าแก่มาถึง 3200 ปีแล้ว


 


มีเรื่องปรัมปรามากมาย (รวมถึง Conspiracy Theory ต่างๆ ที่อะไรๆ ก็ดูเหมือนว่ามีชาวยิวบงการหมด) เกี่ยวกับขบวนการ Zionism นี้ฝังอยู่ในสังคมยุโรปมาตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งส่วนมากจะเป็นเรื่องเสียๆ หายๆ เนื่องด้วยการเหยียดชนชาติยิวนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจชาวผิวขาวอยู่*


 


* โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้ข้อมูลของชาวยิว ถ้าผู้เขียนเรื่องราวเหล่านั้นคือ David Duke อดีตเจ้าพ่อแห่ง KKK ถึงแม้ Duke จะมีข้อมูลของชาวยิวอยู่มากมาย แต่บนพื้นฐานในความเกลียดคนยิวทั้งหมดของเขา อาจจะทำให้เราแยกไม่ออกระหว่าง ชาวยิวดีๆ ซึ่งมีอยู่มาก กับยิวคลั่ง Zionism สายความรุนแรงไม่ออก!


 


ในที่นี้ผู้เขียน (ซึ่งมีจุดยืนคนละขั้วกับ David Duke) จะขอมุ่งเน้นที่ขบวนการ Zionism ในช่วงสร้างรัฐชาติอิสราเอลหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และปฏิสัมพันธ์เชิงลบกับชาวปาเลสไตน์ …


 


จึงขอย้ำไว้ ณ ที่นี้ว่า "โปรดแยกชาวยิวดีๆ ออกจากพวกคลั่ง Zionism ปีกที่เน้นความรุนแรง" และการกระทำของกลุ่ม Zionism ที่เน้นความรุนแรงสุดโต่งนั้น ก็ขอให้ผู้อ่านทำความเข้าใจในเรื่องโครงสร้างและความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และจิตใต้สำนึกที่ต้องการแสวงหา "อำนาจที่เหนือกว่า" ซึ่งแฝงอยู่ในตัวเราทุกผู้ทุกคนเป็นเหตุผลในการวิเคราะห์รายงานพิเศษนี้ควบคู่กันไป


 



 


Theodore Herzl … ที่มา  http://www.mideastweb.org


 


Theodore Herzl (.. 1860-1904) ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของขบวนการ Zionism ในยุคใหม่ โดยเขาได้เขียนหนังสือที่เกี่ยวกับการกระตุ้นจิตสำนึกรำลึกถึงความเป็นชนชาติยิวหลายเล่ม หนังสือเล่มหนึ่งที่ถือว่ามีอิทธิพลต่อขบวนการ Zionism ยุคใหม่นี้ก็คือ  Der Judenstaat ("The Jewish State") ตีพิมพ์และเผยแพร่ในปี ค.. 1896


 


Herzl ได้เสนอแผนการในการสร้างรัฐชาติของชาวยิวในหนังสือเล่มนั้น พร้อมทั้งในปี ค.. 1897 เขาได้จัดตั้งสภาแห่ง Zionism (first Zionist Congress ) ขึ้นที่เมือง Basle ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


 


ปี ค.. 1902 Herzl ได้ตีพิมพ์หนังสืออีกหนึ่งเล่มที่เกี่ยวกับการสร้างรัฐชาติยิว Altneuland, (old-new land) โดยทิ้งคำคมชวนคิดให้กับชาวยิวทั้งหลายไว้ว่า "ถ้าคุณตั้งใจจะทำ มันก็ไม่ใช่เรื่องของตำนานอีกต่อไป" ("If you will, it is no legend")


 


เมื่อขบวนการ Zionism สมัยใหม่เริ่มต้นเป็นรูปเป็นร่างในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 18 มีชาวอาหรับอาศัยอยู่ในดินแดนที่ Zionism หมายปองไว้ถึง 200,000 กว่าคน ซึ่งส่วนมากเป็นชาวปาเลสไตน์ โดยอาศัยในแถบ West Bank และ Galilee ทั้งนี้ในดินแดนแถบนี้เองก็มีชาวยิวอาศัยอยู่รวมกันโดยไม่มีข้อบาดหมางใด และเป็นเช่นนี้มาหลายพันปีแล้ว และในสายตาของชาวตะวันตก ดินแดนเหล่านี้มิได้เป็นรัฐชาติ (อาจจะเป็นเพราะต้องการคงสถานะนี้ไว้เพื่อการถ่วงดุลจักรวรรดินิยมแต่ละฝ่ายในขณะนั้น)


 


ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 สหราชอาณาจักรเข้ามาควบคุมดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อต้องการขจัดอิทธิพลของจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Turkish Empire) โดยได้รับเงินสนับสนุนจากขบวนการ Zionism


 


ปฏิกริยาแรกเริ่มของชาวอาหรับในดินแดนปาเลสไตน์เกิดความกลัวที่ชาวยิวจะมีอำนาจในภูมิภาคนี้ รวมถึงมีการต่อต้านชาวยิวอย่างรุนแรงในช่วงปี ค.. 1920 - 1921 ซึ่งในช่วงเวลานี้ ขบวนการ Zionism เองยังไม่อยากที่จะมีความขัดแย้งอย่างยืดเยื้อกับชาวอาหรับเท่าไรนัก


 


ความตระหนกตกใจและความเกรงกลัวเกินกว่าเหตุของชาวอาหรับและชาวคริสต์ในช่วงนี้ มีอิทธิพลจากการเหยียดชนชาติยิวผสมอยู่มาก โดยครั้งหนึ่งเมื่อปี ค..1919 สภาแห่ง Jaffa Muslim-Christian council ถึงกับออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะชนว่า:


 


"We will push the Zionists into the sea or they will push us into the desert"


 


หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กระแสต่อต้านชาวยิวกลายเป็นเรื่องที่น่าอดสู เนื่องจากผลกระทบที่ชาวยิวได้รับอย่างโหดร้ายทารุณจากพลพรรคนาซีของ Hitler วาระร่วมอย่างหนึ่งของสังคมการเมืองระหว่างประเทศในขณะนั้นก็คือ การเยียวยาจิตใจที่ระส่ำระสายของชาวยิว เหยื่อของสงครามอภิมหาโหดครั้งนั้น


 


เหล่านี้ทำให้แผนการปัดฝุ่นแนวความคิดของ Herzl ถูกนำมาปฏิบัติอย่างชอบธรรม เพื่อรักษาความปวดร้าวจากสงครามที่ชาวยิวต้องทนทุกข์ทรมานอย่างสาหัส  แน่นอนว่าเบื้องหลังการตั้งรัฐอิสราเอลเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.. 1948 ขบวนการ Zionism มีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง


 


 



 


David Ben-Gurion … ที่มา  http://www.mideastweb.org


 


หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษบอบช้ำอย่างมหาศาล รวมถึงความนิยมในประเทศเครือจักรภพ (British mandate) เสื่อมลง ประเทศในเครือจักรภพหลายแห่งต้องการประกาศตัวเป็นเอกราช รวมถึงดินแดนปาเลสไตน์ด้วย


 


ทั้งนี้สหประชาชาติเองก็เข้ามามีส่วนในการนี้ โดยในวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.. 1947 ที่ประชุมของสหประชาชาติเองก็มีมติให้ดินแดนในปาเลสไตน์เป็นอิสระจากสหราชอาณาจักร และต้องการที่จะแยกกลุ่มชนเชื้อชาติ ตั้งเป็นรัฐใหม่ของทั้งชาวอาหรับและชาวยิว สำหรับนครเยรูซาเล็มนั้นสหประชาชาติจะเป็นผู้ดูแล.. ซึ่งชาวยิวในปาเลสไตน์เห็นชอบด้วยเป็นส่วนใหญ่ ส่วนชาวอาหรับส่วนใหญ่และชาวอาหรับในปาเลสไตน์เองไม่ยอมรับข้อเสนอนี้


 


หลังจากวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 กองกำลังชุดสุดท้ายของสหราชอาณาจักรถอนกำลังออกจากปาเลสไตน์ไป ชาวยิวนำโดย David Ben-Gurion (ซึ่งต่อมาคือนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิสราเอล) ได้ประกาศตั้งรัฐ "อิสราเอล" ตามแผนการแบ่งแยกของสหประชาชาติ (1947 UN Partition Plan) ที่กล่าวไว้ในขั้นต้น


 


และทันทีที่อิสราเอลประกาศเอกราช ประเทศในอาหรับจึงประกาศสงครามเพื่อปกป้องชาวอาหรับในปาเลสไตน์ แต่ผลของสงครามนี้กลับทำให้ชาวอาหรับในปาเลสไตน์กว่า 700,000 คนถูกขับไล่หนีหัวซุกหัวซุนออกจากดินแดนแห่งนี้ไปยังประเทศใกล้เคียงในภูมิภาค


 


การที่ขบวนการ Zionism ต้องการสร้างรัฐอิสราเอลให้เป็นรัฐยิวที่บริสุทธิ์ซึ่งสบกับโอกาสที่กลุ่มชาวปาเลสไตน์ลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน รัฐอิสราเอลจึงกำหนดกฎหมายว่าใครที่จะมีคุณสมบัติเป็นพลเมืองของอิสราเอลขึ้นมา


 


ในปี ค..1950 รัฐสภาของอิสราเอลได้ผ่านกฎหมายออกมาสองฉบับ ฉบับแรกคือกฎหมายว่าด้วยการกลับคืน (the Law of Return) ซึ่งกำหนดขอบเขตการรวมไว้ว่า "ชาวยิวทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอพยพเข้ามายังประเทศ" และอีกฉบับหนึ่งคือกฎหมายทรัพย์สินของ "ผู้ที่ไม่อยู่" ซึ่งกำหนดขอบเขตของการแบ่งแยกไว้


ภายใต้กฎหมายสองฉบับนี้ ชาวยิวทุกคนจากทั่วโลกมีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายที่จะมาเป็นพลเมืองของรัฐอิสราเอลโดยการอพยพเข้ามาในประเทศ  ขณะที่ประชาชนอีกประมาณ 2 ล้านคนซึ่งเป็นชาวอาหรับปาเลสไตน์และลูกหลานที่ต้องหลบลี้หนีภัยไปเพราะสงครามในปี ค..1948 ไม่มีสิทธิ์ในการเป็นพลเมือง นอกจากนี้รัฐอิสราเอลภายใต้อิทธิพลของขบวนการ Zionism ยังกระทำการก่อการร้ายต่อพลเรือนปาเลสไตน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำลายสาธารณูปโภคของชาวอาหรับเพื่อขยายดินแดนอิสราเอลออกไป การกดดัน, การลักพาตัว และการกำจัดฝ่ายตรงข้ามของขบวนการ Zionism


 


การแบ่งแยก-กีดกัน-รวมถึงทำร้าย ชาวปาเลสไตน์เพื่อบีบให้ออกจากดินแดนมาตุภูมิของตน โดยขบวนการ Zionism หัวรุนแรงนี้เอง ที่เป็นเหตุให้ความไม่สงบยังดำเนินต่อไปในตะวันออกกลางอยู่เนืองๆ จนถึงปัจจุบัน


 



"Hezbollah" กลุ่มก่อการร้ายหรือถูกป้ายสี ?


 



 


ธงสัญลักษณ์ของกลุ่ม Hezbollah… ที่มา http://en.wikipedia.org


 


Hezbollah ในภาษาอารบิค มีความหมายว่า "พรรคของพระเจ้า" (party of God) ขบวนการ Hezbollah เป็นองค์กรของชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ (Shi"a Islamist) ในภาคใต้ของเลบานอนที่ได้รับความนิยมจากคนในท้องถิ่น


 


ในขบวนการ Hezbollah เอง มีหลายปีกในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรทางการเมือง, การช่วยเหลือสังคมในฐานะองค์การกุศล, การศึกษา, สารธารณะสุข, การทำสื่อทางเลือก หรือแม้แต่กองกำลังติดอาวุธ … แต่การโหมกระหน่ำของสื่อกระแสหลักในปัจจุบัน ทำให้เราได้รับรู้เพียงแต่ว่า Hezbollah เป็นเพียงองค์การก่อการร้ายเท่านั้น


 


ในช่วงทศวรรษที่ 1960"s นักการศาสนากลุ่มหนึ่งจากอิหร่านได้เข้ามาเห็นสภาพความอดอยาก แร้นแค้น และอ่อนแอ จากภัยสงครามของชาวเลบานอนในตอนใต้ จึงได้ก่อตั้งขบวนการของคนด้อยโอกาส (Movement of the Deprive) เพื่อเรียกร้องสิทธิและป้องกันตนเองจากศัตรูในสงครามกลางเมือง โดยมีกองกำลัง Armal เป็นหน่วยทางการทหารเพื่อป้องกันตนเอง


 


ว่ากันว่าองค์การ Movement of the Deprive นี้เป็นแบบอย่างของขบวนการ Hezbollah ในกาลต่อมา และอิทธิพลของอิหร่านในช่วงปฎิวัติชีอะห์ (Shia revolution) โดย Ayatollah Ruhollah Khomeini ก็มีส่วนในการกำเนิดของ Hezbollah ด้วยเช่นกัน


 


ปี ค.. 1982 สงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 อิสราเอลส่งกองทัพเข้ามายึดครองเลบานอน โดยอ้างว่าต้องการปราบชาวปาเลสไตน์ที่โจมตีอิสราเอลจากดินแดนของเลบานอน อิสราเอลเข้าบุกทำลายเมือง Beirut และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์รวมถึงชาวเลบานอนไปถึง 14000 คน


 


ในช่วงนี้เอง ที่ Hezbollah ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อต้านทานการรุกรานของอิสราเอล และมีเป้าหมายในขั้นแรกอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ สร้างรัฐเลบานอนให้เป็นรัฐอิสลาม (Islamic Republic) แต่หลังจากนั้นปณิธานของกลุ่มก็มีความหลากหลายยิ่งขึ้น และเป้าหมายเฉพาะหน้าก็คือ "การปลดปล่อยเลบานอนจากการยึดครองของอิสราเอล"


 


ผลของการต่อสู้อย่างยืดเยื้อและไม่ยี่หระต่อความย่อท้อของ Hezbollah ทำให้ในเดือน พฤษภาคม ปี ค..2000 ทหารอิสราเอลจำเป็นต้องถอนทหารออกจากตอนใต้ของเลบานอนไป


 


ซึ่งขณะที่ทำการต้านทานและขับไล่กองกำลังอิสราเอลออกไปนั้น กลุ่ม Hezbollah เอง ก็มีการดำเนินนโยบายทางการเมืองควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นให้ความช่วยเหลือชาวเลบานอนและปาเลสไตน์ในเรื่องของสาธารณะสุข, การศึกษา และปัญหาสังคมต่างๆ โดยกลุ่ม Hezbollah ได้สร้างโรงพยาบาล, ศูนย์การศึกษา, ศูนย์ข่าว และสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ภายใต้แคมเปญ "การก่อสร้างใหม่" (Reconstruction) หรือในภาษาอารบิคว่า 'Jihad al-Bina'


 


กิจกรรมทางสังคมเหล่านี้เอง จึงทำให้กลุ่ม Hezbollah เป็นที่เคารพรักของทั้งชาวเลบานอนและปาเลสไตน์รวมทั้งชาวอาหรับในภูมิภาค และ Hezbollah ก็ยังได้ส่งผู้แทนซึ่งได้รับเลือกตั้งในรัฐสภาเลบานอนอีกด้วย ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2005 ปีกทางด้านการเมืองของ Hezbollah ได้รับการโหวตจากชาวเลบานอนถึง 27.3% (ได้จำนวนสมาชิกสภา 23 คนจาก 128 คน)


 


นอกจาก Hezbollah เป็นกลุ่มที่ต้านทานจักรวรรดินิยมอิสราเอล-อเมริกาและพันธมิตร อย่างแข็งขันด้วยวิธีการประชาสังคมบวกกับกองกำลังป้องกันตนเองอย่างน่าชมเชยแล้ว กลุ่ม Hezbollah ยังถือว่าเป็นกลุ่มมุสลิมหัวก้าวหน้าที่ให้ความสำคัญกับสิทธิสตรีมากที่สุดกลุ่มหนึ่งด้วยเช่นกัน


 


ตั้งแต่ Hezbollah ก่อตั้งมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980"s เป็นต้นมา ผู้หญิงในกลุ่มถือว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการดำเนินนโยบายและปฏิบัติการ ทั้งทางด้าน การศึกษา, การรักษาพยาบาล และกิจกรรมทางสังคมในด้านต่างๆ บ่อยครั้งที่กลุ่ม Hezbollah จะส่งผู้หญิงเข้าแข่งขันลงเลือกตั้งสู่รัฐสภาเลบานอน และเมื่อได้รับการเลือกตั้ง กลุ่มสตรีจาก Hezbollah นี้เองที่ผลักดันข้อกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิสตรี (Islamic feminism in Sharia law) ในรัฐสภาเลบานอน


 


ครั้งหนึ่งแกนนำคนหนึ่งของ Hezbollah ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับ Online Journal  ใจความว่า :


 


"…Hezbollah ต่างจากองค์กรอิสลามอื่นๆ ในการปฏิบัติต่อผู้หญิง เราเชื่อมั่นว่าความสามารถของชายและหญิงนั้นเท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วมสำหรับการกำหนดชะตาชีวิตของแต่ละคน…"


 


 



 


นักรบหญิงของกลุ่ม Hezbollah … ที่มา http://www.worldnews.com


 


 


หลังจากขับไล่อิสราเอลออกไปได้เมื่อปี ค.. 2000 กลุ่ม Hezbollah เองก็ยังมีพันธกิจที่ยังต้องสะสางอีก 2 เรื่อง คือ ปัญหา Shebaa Farm และ การช่วยเหลือนักโทษชาวอาหรับที่ถูกอิสราเอลจับกุมตัวไว้


 


Shebaa Farm เป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญ เนื่องจากอยู่สูงกว่าที่ราบสูง Golan ของซีเรีย อิสราเอลได้เข้ายึดครองมาตั้งแต่สงคราม 6 วัน ในปี ค..1967 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเลบานอน ชาวเลบานอนเองก็เห็นว่าเป็นพื้นที่ของเลบานอน ไม่ใช่ของทั้งซีเรียหรืออิสราเอล


 


 



 


โปสเตอร์การรณรงค์ของขบวนการเคลื่อนไหวในเลบานอน เพื่อต้านทานการรุกรานของอิสราเอล ในยุคทศวรรษที่ 1970"s  … ที่มา  Socialist Worker ฉบับที่ 2013 วันที่ 12 สิงหาคม 2006


 



และจากคำสั่งของมติความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 1559 (UN Security Council Resolution 1559) "ห้ามไม่ให้กองกำลังของเลบานอนและไม่ใช่เลบานอนอยู่ในพื้นที่นี้" แต่กองกำลังของอิสราเอลก็ยังตั้งมั่นอยู่ต่อไป


 


และอีกภารกิจที่กลุ่ม Hezbollah กระทำอย่างแข็งขัน นั่นก็คือการช่วยเหลือนักโทษชาวอาหรับ 10000 กว่าคน โดยวิธีการของ Hezbollah คือการจับตัวประกันชาวอิสราเอลเพื่อแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวอาหรับเหล่านั้น


 


เมื่อ ค.. 2004 จากการเป็นตัวกลางประสานของรัฐบาลเยอรมัน อิสราเอลยอมปล่อยตัวประกันชาวอาหรับ 430 คน เพื่อแลกเปลี่ยนกับนายทหารอิสราเอล 3 นายและนักธุรกิจอิสราเอลอีก 1 คน


 


ความขัดแย้งล่าสุดระหว่าง Hezbollah กับอิสราเอล มิใช่เพียงเกิดจากการตกลงกันไม่ได้ของทั้งสองในเรื่องแลกเปลี่ยนตัวประกันนี้เป็นชนวน แต่เบื้องลึกแล้ว รัฐอิสราเอลต้องการที่จะกวาดล้าง Hezbollah ให้สิ้นซากภายใต้เกราะกำบังเกี่ยวกับเรื่อง "สงครามต่อต้านการก่อการร้าย"


 


รวมถึงจักรวรรดินิยมอเมริกันและพันธมิตรต้องการที่จะ "ตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดในเลบานอน" เพื่อเป้าหมายต่อไปนั่นก็คือการโจมตี "อิหร่านและซีเรีย" ที่ยังแข็งข้อ ทำให้สหรัฐและพันธมิตรมิอาจจะครอบคลุมบ่อน้ำมันในตะวันออกกลางได้อย่างเบ็ดเสร็จนั่นเอง



 


การต้านทานอย่างแข็งขันของ Hezbollah และชาวเลบานอนก็อาจจะเป็นก้าวเล็กๆ อันแสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนที่ขัดขืนต่อ "จักรวรรดินิยมของนายทุน" ก็เป็นได้ 


 


และขณะนี้ทุกภูมิภาคในโลกที่กำลังโดนจักรวรรดินิยมของนายทุนกดขี่อยู่ --- พวกเรากำลังจับตามองวิธีขัดขืนนั้นอย่างไม่กระพริบตา!


 


เรียนรู้จากเหตุการณ์เพื่อสรรค์สร้างการ "ต้านทาน" จักรวรรดินิยม


 



 


การต่อต้านการกระทำของรัฐบาลอิสราเอลที่ประเทศอาเจนตินา  … ที่มา http://www.indymedia.org



 


… สำหรับมุมมองต่อปัญหาในตะวันออกกลาง ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนมุมมองจาก "เรื่องของผู้ก่อการร้ายบ้าเลือด" หรือเป็นเรื่องของ "ศาสนาสองศาสนาที่ชอบทะเลาะกัน" (แต่พุทธดีที่สุด;-) โดยไม่คิดคำนึงวิเคราะห์เชื่อมโยงไปถึงเรื่อง เศรษฐกิจ-การเมือง จริงๆ จังๆ อาจจะทำให้การพัฒนาสติปัญญาในการวิเคราะห์ปัญหาและการใช้ชีวิตของเราในอนาคต … คงจะหนีไม่พ้นให้นักเล่าข่าวคนสองคนมาสรุปเหตุการณ์และพิพากษาอะไรๆ ให้มันดูง่ายๆ ต่อความเข้าใจของเรา ก่อนเข้านอนเท่านั้น ;-)



 


ถ้าเรากำลังพูดถึงเรื่องปฏิรูปการเมือง ก็คงไม่ใช่แค่การเคลื่อนไหวเพื่อถือหาง "ทุนเก่า-ทุนใหม่,อำนาจเก่า-อำนาจใหม่" เพื่อหาผู้นำพาประเทศเข้าสู่ระบบโลกาภิวัฒน์โลก แต่เราต้องรู้เท่าทันว่า "ระบบโลกปัจจุบัน" มันเป็นเช่นไร เราจะต้องวางตัวอย่างไร และเปลี่ยนแปลงพื้นฐานประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ "ให้เท่าเทียม" ขจัด "อภิสิทธิ์ชน" และร่วมมือกับท้องถิ่นอื่นๆ ในโลกเพื่อ ต้านทานโลกาภิวัฒน์ของนายทุนและจักรวรรดินิยม ซึ่งพวกมันมีเป้าหมาย "ดูดทรัพยากร", "สร้างผู้บริโภค" , "กดหัวแรงงาน" เหล่านี้พวกมันกระทำเพื่อคงความเป็นอภิสิทธิชนบนโลกที่ไม่เท่าเทียมใบนี้ไว้


 


ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ถือว่าเป็นหนังตัวอย่างชั้นยอด ที่ช่วยสาวไส้ให้เห็นทาสแท้ของนายทุนและจักรวรรดินิยม … เลบานอนคงจะไม่ใช่เหยื่อรายสุดท้าย และแน่นอนว่าภาพแบบ Dejavu นี้พร้อมที่จะฉายซ้ำในทุกภูมิภาคของโลก หากฝ่ายนายทุนและจักรวรรดินิยมคิดว่าที่นั่นสมควรถูกทำโทษ เนื่องด้วยการไม่เชื่อฟังและขัดขืนพวกมัน



 


เราจะต้องสร้างประชาธิปไตยแนวราบเอาไว้รองรับในการร่วมมือกับภูมิภาคอื่นๆ เพื่อต่อสู้กับพวกมัน มิใช่การเคลื่อนไหวโบกธงสัญลักษณ์อะไรเย้วๆ เพื่อรอฝนห่าเล็กห่าน้อยมาคอยชโลมดินเพื่อดับทุกข์ --- นั่นมันเป็นนิทานปรัมปราที่ภูมิภาคอื่นๆ ของโลกเขาเลิกงมงายไปนานแล้ว



 


และอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องเข้าใจก็คือ ชนชั้นนำไทยไม่ว่าจะเป็นนายทุนกลุ่มไหน ล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการให้เกิดการเมืองจากล่างสู่บนอย่างจริงๆ จังๆ และในชีวิตจริง พวกมันล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์อยู่กับกลุ่มที่กระทำย่ำยีพี่น้องในตะวันออกกลางทั้งสิ้น



 


การเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดด้วยน้ำมือของประชาชนเท่านั้น อาจจะมีทั้งวิธีรุนแรงในการตอบโต้หรือวิธีอหิงสา สำหรับวิธีปฏิบัติเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเราจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสมกับแต่ละสถานที่-แต่ละสถานการณ์ หากเพียงแต่ต้องมองภาพรวมเป้าหมายนั้นโดยรวม และทำเท่าที่เราทำได้ ดังวลีที่ว่า "Think Global Act local"  



 


จากนี้ไปโลกใบใหม่ไม่ใช่โลกที่มีเรื่องชาติพันธุ์หรือรัฐชาติเป็นตัวขวางกั้น ปัญหาของทุกคนที่ไม่มีสิทธิมีเสียงทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจจะต้องเป็น "วาระร่วม" และเรา ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคใดในโลก เราจะต้องร่วมกัน "ต่อสู้" เพื่อให้ได้โลกใบใหม่ที่มีแต่ความเท่าเทียมนั้นมา!


 


เตรียมพบกับรายงานพิเศษชุด "กลุ่มก่อการร้าย หรือ กองกำลังภาคประชาชน" - ประวัติศาสตร์ขององค์กรก่อการร้ายและการต่อสู้ของภาคประชาชน ตั้งแต่กลุ่ม IRA(ที่ใช้ความรุนแรงเป็นอาวุธ) จนถึงกลุ่ม Direct Action (ที่ต่อสู้เชิงสัญลักษณ์) … โดย วิทยากร บุญเรือง เร็วๆ นี้ที่ประชาไท แห่งเดียวเท่านั้น!



 


ประกอบการเขียน - แหล่งข้อมูลแนะนำ


 


ใจ  อึ้งภากรณ์ "ความปวดร้าวของเลบานอนและความป่าเถื่อนของอิสราเอล" ใน เลี้ยวซ้าย สิงหาคม 2549



 


วิทยากร บุญเรือง "อำนาจ-การต่อสู้-การก่อการร้าย : และฝ่ายซ้ายควรใช้ความรุนแรงแบบไหน" ใน เลี้ยวซ้าย สิงหาคม 2549



 


ศราวุฒิ อารีย์ "ฮิซบุลลอฮ ในเลบานอน" ใน มติชนรายวัน 31 กรกฎาคม 2549



 


อุทัยวรรณ เจริญวัย "Angry Arab สัมภาษณ์ร้อน : บอมบ์เลบานอน แผ่นดินไหวตะวันออกกลาง " ใน ประชาไท วันที่ 31 กรกฎาคม พ.. 2549



 


Yoav Peled "Zionist Realities" ใน New Left Review Issue 38 Mar-Apr 2006



 


Socialist Worker ฉบับที่ 2011



 


Socialist Worker ฉบับที่ 2012



 


Socialist Worker ฉบับที่ 2013



 


Socialist Worker ฉบับที่ 2014



 


http://en.wikipedia.org/wiki/Hezbollah


http://en.wikipedia.org/wiki/Zionism


http://news.bbc.co.uk/2/hi/middle_east/1908671.stm


http://www.mideastweb.org/zionism.htm


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net