ภาพจาก membres.lycos.fr
โดย วิลาศ เตชะไพบูลย์
ตลอดสิบกว่าปีมานี้ เช่นเดียวกันกับผู้คนต่างๆทั่วโลก พวกเราชาวไทยก็ได้แต่ติดตามข่าวคราวของสงครามที่บังเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในแถบตะวันออกกลาง เสมือนหนึ่งว่า สงครามเหล่านี้เป็นเพียงแต่เรื่องไกลตัวที่น่าสนใจเท่านั้น แต่ก็หาได้มีผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราเลยแม้แต่น้อย
ทว่า เราต่างหารู้ไม่ว่า เราทุกคนนั่นแหละ คือผู้ได้รับเคราะห์กรรมจากมหันตภัยของสงครามในตะวันออกกลางไปแล้วทั้งสิ้น
ตลอดสิบกว่าปีมานี้ มันได้คร่าชีวิตประชาชนคนไทยไปแล้วจำนวนนับไม่ถ้วน และอีกมากมายจำต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ไม่เพียงเท่านี้ แต่ลูกหลานไทยไม่รู้อีกเท่าไหร่ที่จะต้องรับเคราะห์ในอนาคตต่อไป ชั้วกัลป์ปาวสาน
แท้จริงแล้ว นับตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรกในปี2534 กองทัพสหรัฐและพันธมิตรได้แอบใช้อาวุธนิวเคลียประเภทต่างๆในทำสงครามทุกครั้งตลอดมา กระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังมีการใช้อาวุธเหล่านี้ในประเทศอิรักเป็นประจำทุกวัน[1]
เพื่อปกปิดความจริงนี้จากพวกเรา อาวุธนิวเคลียเหล่านี้จึงถูกเรียกขานในชื่ออื่นๆแทน อธิเช่น อาวุธกากยูเรเนียม อาวุธกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำ อาวุธโลหะความหนาแน่นสูง จรวดเจาะเกราะ ระเบิดทำลายบังเกอร์ ฯลฯเป็นต้น
คาดกันว่า ปริมาณสารกัมมันตภาพรังสีในบรรยากาศโลก อันเป็นผลมาจากการใช้อาวุธเหล่านี้ ทั้งหมดรวมกันแล้วมีปริมาณมากมายกว่าที่เกิดจากการทิ้งระเบิดปรมาณู ณ เมืองนางาซากิประเทศญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ถึง400.000เท่า ในช่วง15ปีมานี้ [2] ฝุ่นกัมมันตภาพรังสีจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้ถูกลมพัดพา ฟุ้งกระจายไปสู่ทุกแห่งหนทั่วโลก
สารกัมมันตภาพรังสีเหล่านี้มีอัตราการสลายตัวถึงจุดครึ่งชีวิตที่ประมาณ4.5พันล้านปี นั่นหมายความว่ามันจะดำรงอยู่กับเราไปชั่วกัปล์ชั่วกัลป์ ในสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นในอากาศ ในน้ำ ในดิน หรือแม้กระทั่งในเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตต่างๆรวมถึงของมนุษย์อีกด้วย ทั้งนี้ โดยปราศจากหนทางที่จะแก้ไขหรือกำจัดได้ เพียงแค่หนึ่งอนุภาคของรังสีอัลฟาเท่านั้น ก็สามารถก่อมะเร็งได้แล้ว
แต่กากยูเรเนี่ยมหนึ่งกรัมสามารถปลดปล่อยอนุภาครังสีนี้ได้ถึง 12,000 หน่วยต่อวินาทีอย่างต่อเนื่องไปนานนับพันล้านปี[3] ดังนั้น ลูกหลานเหลนโหลนของเรานั่นแหละคือผู้ที่จะต้องรับเคราะห์ต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
กัมมันตภาพรังสีไม่เพียงแต่ทำลายเซลของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความผิดปกติในระดับพันธุกรรมอีกด้วย ดังนั้น กัมมันตภาพรังสีจึงไม่เพียงก่อให้เกิดโรคมะเร็งต่างๆเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บและอาการผิดปกติอื่นๆอีกมากมายได้ด้วย
เบาหวานเป็นหนึ่งในโรคที่อาจมีสาเหตุจากกัมมันตภาพรังสี เป็นที่น่าประหลาดใจว่า ตัวเลขสถิติผู้ป่วยเป็นเบาหวานในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และของมลรัฐนิวยอร์กในช่วงเดียวกันคือประมาณกว่า10ปีมานี้ ล้วนเพิ่มขึ้นในลักษณะที่เหมือนกัน กล่าวคือ เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในปี 2534 ปีที่เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก และเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อปี 2539-40ซึ่งตรงกับช่วงบังคับใช้กฎเขตห้ามบินและทิ้งระเบิดปูพรมเหนืออิรัก[4]
ไม่นานมานี้ ในการสัมมนาประจำปี 2549 ของกระทรวงสาธารณสุข ก็มีการกล่าวถึงสถิติการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานในไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา
เป็นที่น่าสนใจว่า ถ้าหากข้อมูลของทางกระทรวงระบุว่า มีผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งในปี2539-40 เช่นเดียวกัน ก็เท่ากับว่า นี่อาจเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่บ่งชี้ได้ว่า นานมาแล้วที่มหันตภัยจากสงครามตะวันออกกลางได้เดินทางมาถึงตัวเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว
โรคและความผิดปกติต่างๆที่เกิดกับทหารผ่านศึกจากสงครามอ่าวและครอบครัว
GENERAL
abnormal births and birth defects |
gastrointestinal signs/symptoms |
multiple cancers |
CHILDREN |
FEMALE |
MALE |
VISIE: http://www.xs4all.nl/~stgvisie/VISIE/du-diagnosis.html
DESERT SHIELD/DESERT STORM website: http://www.ushostnet.com/gulfwar/articles.htm 04/1504
[1] "Depleted Uranium: A Hidden Worldwide Calamity"Stephen Lendman 19/01/2006,www.globalresearch.ca
[2] เพิ่งอ้าง
[3] "Depleted Uranium is WMD"Leuren Moret
[4[4] "Loose Change-Leuren Moret-Nuclear Cover Up#1"14/06/2006,http://video.google.com