Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ต้องยอมรับกันก่อนนะครับว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยในยุคที่มีคุณภัทระ คำพิทักษ์ เป็นนายกฯ เป็นยุคที่มีกิจกรรมหลากหลาย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักข่าวรุ่นใหม่ๆ ในสนาม เราเกิดศูนย์ข่าวอิศราฯ อันโดดเด่นก็ในยุคนี้ การทำงาน การบริหารงานที่ก้าวกระโดดนี้ย่อมทำให้เกิดปัญหา มีคนรัก มีคนชัง มีคนหมั่นไส้ มีคนนินทา มีคนสงสัย เป็นธรรมดา


 


แต่เรื่องเหล่านี้ต้องแยกให้ออกกับการเรียกร้องให้คุณภัทระลาออกจากนายกฯ เพราะคุณภัทระไปนั่งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ที่ไม่ได้มาจากกระบวนคัดเลือกของประชาชน


 


ไม่เช่นนั้น หากแยกไม่ออก ปัญหาจะบานปลาย การวิเคราะห์จะผิดพลาดเหมือนคุณทักษิณ ชินวัตร ที่คิดแต่ว่าคนอื่นอิจฉา คนอื่นเสียประโยชน์ จนทำให้ต้องล้มทั้งกระดานมาแล้ว


 


ข้อเขียนต่อจากนี้จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องแยกแยะ ไม่เกี่ยวกับความรักความชังส่วนตัว แต่เกี่ยวกับอนาคต เกี่ยวกับน้องๆ ลูกๆ หลานๆ ที่จะเดินตามมาในภายหลัง 


 


ขออภัยที่จำต้องฟูมฟาย เพราะช่วงที่ผ่านมา โดนหนักจริงๆ ครับ ทั้งขึ้นทั้งล่อง บนล่าง ซ้ายขวา (ที่อาจจะมองได้ว่า เป็นการคุกคามสื่อในนามของมิตรภาพได้เช่นกัน) 


 


0 0 0


 


แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่ออกมาหลังการลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมฯ ของ ภัทระ คำพิทักษ์ กลับยิ่งนำไปสู่ความคลุมเครือมากขึ้น เพราะเป็นคำแถลงที่ทำให้การเรียกร้องให้ภัทระ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลาออกจากนายกสมาคมฯ ไร้ความหมาย แต่ตีตรารับรองว่า การยอมลาออกของคุณภัทระด้วยเหตุผลว่า "เทปลับ" ถูกเผยแพร่เป็นเรื่องที่เหมาะสมถูกต้องขึ้นมาทันที


 


เป็นความรับผิดชอบชนิดไหนกันที่นายกฯต้องลาออกเพราะเทปลับถูกเผยแพร่จนทำให้สมาคมเสื่อมเสีย สิ่งที่อยากรู้ก็คือ สมาคมเสื่อมเสียอย่างไร? สมาคมเสื่อมเสีย หรือผู้บริหารสมาคมเสื่อมเสีย?


 


สิ่งที่ต้องชี้แจงแถลงไขก็คือ เนื้อหาในเทปลับนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ไม่ใช่ตั้งกรรมการสอบว่า เทปลับถูกเผยแพร่ได้อย่างไร (โปรดพิจารณา กรณีนี้ "ประชาไท" มีส่วนในการร่วมเผยแพร่ด้วย)


 


อดีตนายกสมาคมฯนั้นเป็นนักข่าวการเมือง คงจะต้องรู้ดีว่า เวลาท่านเจอเทปลับอันไม่ชอบมาพากลของนักการเมือง ท่านเลือกที่จะเปิดหรือไม่


 


ไม่ต้องอะไรมากเลย การสนทนาระหว่างนักข่าวหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งกับคุณบรรหาร ศิลปอาชา เมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับเรื่องคุณทักษิณ ชินวัตร แม้จะเป็นวงปิดที่ตกลงกันว่า จะไม่นำไปเผยแพร่ แต่ที่สุดนักข่าวของสำนักพิมพ์แห่งนั้นภายใต้ไฟเขียวของบรรณาธิการ ก็ยอมฉีกข้อตกลง และตัดสินใจเผยแพร่ แม้จะนำมาซึ่งความไม่พอใจอย่างมากของคุณบรรหาร แต่วงการสื่อก็ไม่มีการสอบสวนใดๆ ไม่ใช่หรือ


 


ผมพยายามจับต้นชนปลาย ก็หาเหตุผลไม่เจอว่า อะไรจึงทำให้คุณภัทระ อ้างเอาเหตุผลนี้มาเป็นเหตุผลของการลาออก แต่ผมเองรับได้ เพราะนี่คือการตัดสินใจของบุคคล แต่ยากจะรับจริงๆ เมื่อสมาคมออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหาสรุปว่า


 


1.รับการลาออกของคุณภัทระ (เพราะรับผิดชอบที่เทปลับถูกเผยแพร่ออกไป)


2.สนับสนุนให้คุณภัทระทำหน้าที่ สนช.ต่อไป ในนามสมาคมฯ


3.สอบสวนกรณีเทปลับ


 


ก็เมื่อเป็นดังที่แถลงออกมาแล้ว ทำไมทางสมาคม (หรือผู้บริหารสมาคม) จึงไม่ยับยั้งการลาออกของคุณภัทระ แน่ละแม้ว่าคุณภัทระคงจะยืนยันลาออก แต่ทำไมกระทำการราวกับไม่มีใครเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์อีกเลยนอกจากกรรมการและสมาชิกในสมาคมฯ ด้วยการไม่พูดถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้คุณภัทระต้องลาออก


 


นี่คือความไม่ตรงไปตรงมาหรือไม่ เล่นแง่ เล่นเกม หรือไม่


 


ด้วยความรักและเคารพ เรื่องราวที่ไม่ตรงไปตรงมาเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่เราร่วมกันด่าประณามคุณทักษิณ การเล่นแง่ หาช่องอธิบายไม่ใช่หรือที่ทำให้ปัญหาของรัฐบาลทักษิณ กลายเป็นวิกฤติ


 


ทำไมนักข่าวจึงเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ที่เผยแพร่เรื่องราวของคนอื่นได้ แต่ไม่อาจยอมให้ใครอื่นเผยแพร่เรื่องราวของตนเอง


 


ตรวจสอบและเคร่งครัดกับผู้อื่นในนามของความดี และเคร่งครัดที่จะไม่ยอมให้ใครตรวจสอบตนเองได้ในนามของความดี


 


ที่ไม่เข้าใจที่สุดก็คือ ทำไม สมาคมจึงยังคงยืนยันว่า คุณภัทระยังคงเป็นตัวแทนของสมาคม ขนาดยอมให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมวิชาชีพของตนเองต้องแตกออกเป็นเสี่ยงขนาดนี้


 


และนั่นอาจจะทำให้คนคิดไปได้ว่า สมาคมมีจิตเจตนาแอบแฝงที่จะเข้าไปผลักดันอะไรในสภาฯ ซึ่งจะทำให้สมาคมและนักข่าวทั้งหลายต้องอยู่ในสภาพมีผลประโยชน์ทับซ้อน ยิ่งสิ่งที่ผลักดันผ่านออกมาดีเลิศเพียงใด ความพยายามเสนอข่าวและตรวจสอบรัฐบาลของวงการสื่อก็จะถูกตั้งคำถามและไม่น่าไว้วางใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะผลประโยชน์ทับซ้อนนั้นไม่จำเป้นต้องออกมาในรูปแบบของเงินทอง แต่อาจหมายถึงอภิสิทธิ์บางประการเหนือกลุ่มคนอื่นๆ


 


ความสำคัญของวันนี้ ในวันที่วิกฤติมาเยือนวงการสื่อก็คือ เราจะต้องตอบคำถามสังคมว่า สมาคมฯเป็นพันธมิตรกับประชาชน หรือสมาคมฯเป็นพันธมิตรกับ คปค?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net