รสนาแนะจับตา "สมัชชายุง" ร่าง รธน.ใหม่

6 ต.ค. 2549  เมื่อวันที่ 4-5 ต.ค.2549 ที่ผ่านมา  เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง(คปสม.) ได้จัดสัมมนาเพื่อระดมแนวทางในการผลักดันให้มีการปฏิรูปสังคมและการเมืองภาคประชาชน ขึ้น ณ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี เขตคอนเมือง  โดยมีตัวแทนจากองค์กรภาคประชาชนกว่า  27 แห่งเข้าร่วม  นอกจากนี้ยังมีวิทยากรพิเศษหลายท่านมาร่วมแสดงความคิดเห็นอีกด้วย

 

ในการสัมมนาครั้งนี้ ทาง คปสม. ได้สรุปประเด็นสำคัญในการสัมมนาและเตรียมขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมืองโดยภาคประชาชน สาระที่สำคัญๆ ได้แก่ การแก้ปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่ให้กับประชาชน เช่น ชุมชนถูกไล่รื้อ คืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น เป็นต้น ขอให้ยกเลิก FTA ทันที่ ให้ปฏิรูปที่ดินอย่างเป็นธรรม หยุดการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ยกเลิก อพท. ปฏิรูปการศึกษาใหม่ที่ส่งเสริมความเป็นไทยและคุณธรรมจริยธรรม 

 

ปิดกั้นทุนต่างชาติ พัฒนาชาติโดยใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ผลักดันให้เกิดสมัชชาเครือข่ายภาคประชาชนทุกระดับ การให้เสรีภาพแก่สื่อมวลชน ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมฉบับถาวร โดยสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการคัดสรรของประชาชน ไม่ใช่มาจากการแต่งตั้ง และให้มีการถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาล และตรวจสอบการคอรัปชั่นอย่างเข้มข้น

           

ในโอกาสนี้  นางรสนา  โตสิตระกูล  จากมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค ได้เดินทางมาเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับฟัง  โดยนางรสนา  กล่าวว่า  เราอย่าเพิ่งดีใจกับการมาของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ คปค. หรือต่อมาเปลี่ยนเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.  เพราะแม้ว่าการทำรัฐประหารจะสามารถกำจัดรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปได้สำเร็จ  แต่ก็อย่าลืมบทเรียนจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆ มา และไม่มีวันที่เราจะได้สิ่งที่ดี จากหนทางที่เลว  เวลานี้ เราต้องตั้งคำถามว่า  เขายึดอำนาจจากทักษิณอย่างเดียว หรือว่า ยึดอำนาจจากประชาชนด้วย  

           

แม้ว่าปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะออกมาแล้ว และในนั้นจะกำหนดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้นโดยเร็ว แต่ก็มีหลายอย่างน่าจับตามอง โดยเฉพาะกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่มีการหมกเม็ด มาตรา 17 ในอดีตไว้หลายมาตราด้วยกัน ทำให้ คปค.ยังคงดำรงอำนาจอยู่ไปต่ออีกยาวนาน

           

"หากอ่านให้ดีๆ จะเห็นว่า สมัชชาแห่งชาติ จำนวน 2,000 คน ที่ รธน.ฉบับนี้ระบุไว้มีอายุสั้นมาก เพียง 7 วันเท่านั้นเอง มีวงจรอายุเท่ากับยุง จะเรียกว่า สมัชชายุง ก็ได้ นอกจากนี้ยังระบุว่าหลังจากที่สมัชชาแห่งชาติเลือกกันเองจนเหลือ 200 คน แล้ว ลำดับต่อไป คมช.และ ครม. ก็จะคัดเลือกให้เหลือสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญเพียง 100 คน และ 100 คน ก็จะเลือกกันเองให้เหลือ 25 คน สำหรับเป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ โดย คมช.และ ครม. เลือกมาเองอีก 10 คน รวมแล้วมีคนร่างรัฐธรรมนูญจริงๆ แค่ 35 คน เท่านั้น ที่เหลือก็นั่งดูตาปริบๆ

           

ขั้นตอนที่น่าจับตามองขั้นต่อไป ก็คือ หลังจากที่ร่าง รธน. เสร็จแล้ว ก็จะมีการทำประชามติ ถ้าผ่าน ก็ประกาศใช้เลย แต่ถ้าหากไม่ผ่าน ก็ให้ คมช. นำเอารัฐธรรมนูญฉบับอื่นๆ มาพิจารณาและประกาศใช้แทนได้ ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนี้ ก็ไม่รู้จะร่าง รธน.ไปทำไม และจะทำประชามติไปเพื่ออะไรกัน

           

เพราะฉะนั้น ภาคประชาชนะต้องมีความเข้มแข็งและต้องขับเคลื่อนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี เราอยากได้อะไร เราก็ต้องลงมือทำเอง อย่าฝากชีวิตและความหวังไว้กับคนอื่นอย่างเด็ดขาด"  นางรสนากล่าว

           

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท