รัฐอัวฮากา รัฐทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ติดกับรัฐเชียปาส มนตร์เสน่ห์ของสิ่งก่อสร้างยุคอาณานิคม เป็นฉากหลังของการประท้วงที่กลายเป็นการก่อขบถทางสังคมยืดเยื้อมาถึง 5 เดือนแล้ว ขณะนี้กองกำลังตำรวจของรัฐบาลกลางกำลังพยายามเข้าไปยึดมหาวิทยาลัยในอัวฮากา "ภัควดี" รายงาน
ชื่อเดิม : ประชาธิปไตยไม่มีทางงอกออกจากปากกระบอกปืน
ประชาชนต้องออกแรง (และสังเวยชีวิต) อีกครั้งที่อัวฮากา
.............................................................................................................................
โดย ภัควดี วีระภาสพงษ์
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ตุลาคม) ฝูงเฮลิคอปเตอร์บินส่งเสียงดังสนั่นเหนือจัตุรัสกลางเมืองอัวฮากาซิตี เมืองหลวงของรัฐอัวฮากา รัฐทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก ซึ่งตั้งอยู่ติดกับรัฐเชียปาส
กองกำลังตำรวจราว 4,000 นาย พร้อมรถติดอาวุธ รุกเข้าไปในใจกลางเมืองอัวฮากาซิตี ฝ่าด่านหลายชั้นของผู้ประท้วง ตั้งแต่เครื่องกีดขวางที่สร้างจากรถเมล์ วัสดุก่อสร้างและยางรถยนต์ จนประจันหน้ากับโล่มนุษย์ ตำรวจใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำและแก๊สน้ำตา ผู้ประท้วงใช้ท่อนไม้ เศษอิฐหินและยางรถยนต์เผาไฟ ทั่วทั้งเมืองอัวฮากาซิตีที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวยุโรป คละคลุ้งไปด้วยควันไฟและแก๊สน้ำตา
ตำรวจปราบจลาจลใส่ชุดเกราะ ถือโล่และปืนกล ดาหน้าเข้าสู่จัตุรัสกลางเมือง ในขณะที่ผู้ประท้วงหลายพันคนพยายามต้านทานและตะโกนด้วยความโกรธแค้น แม่บ้าน, คนงาน, นักศึกษา, ครู ฯลฯ ท่องคำขวัญ "ประชาชนจับมือกันจะไม่มีวันพ่ายแพ้" แม้ว่าพวกเขาจะถูกตำรวจกดดันจนถอยร่นและแตกกระจายไปในที่สุด
แต่ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาไปรวมตัวกันอีกในที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย และยืนยันว่าจะยึดเมืองอัวฮากากลับคืนมา ผู้ประท้วงบางคนใช้เข็มฉีดยาแทงตามแขนขา แล้วใช้เลือดวาดเป็นสัญลักษณ์ประณามการกระทำของตำรวจ มีรายงานผู้เสียชีวิตคนหนึ่งในฝ่ายประท้วง ข่าวกล่าวว่าเป็นเด็กชายวัย 15 ปี ตายด้วยกระสุนปืน แต่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า เขาเสียชีวิตจากแก๊สน้ำตา และไม่ยืนยันอายุของผู้ตาย
เมืองท่องเที่ยวอัวฮากาซิตีที่โด่งดังด้วย "มนตร์เสน่ห์ของสิ่งก่อสร้างยุคอาณานิคมและวิถีชีวิตของชาวพื้นเมือง" เป็นฉากหลังของการประท้วงที่กลายเป็นการก่อขบถทางสังคมยืดเยื้อมาถึง 5 เดือนแล้ว ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤษภาคม สหภาพครูของรัฐอัวฮากานัดหยุดงานเพื่อเรียกร้องให้เพิ่มเงินเดือนและปรับปรุงสภาพการทำงาน ครูหลายพันคนรวมตัวกันประท้วงในจัตุรัสใหญ่กลางเมือง โดยมีพลเมืองชาวอัวฮากาอีกกว่า 120,000 คน มาร่วมประท้วงจนกลายเป็นการระดมมวลชนครั้งประวัติศาสตร์ของรัฐนี้
วันที่ 11 มิถุนายน อูลิเซส รูอิส ผู้ว่าการรัฐอัวฮากา ประกาศต่อผู้ประกอบการธุรกิจในเมืองว่า เขาจะใช้มาตรการเด็ดขาดกำราบการประท้วง ตอนตีสี่ของเช้าวันที่ 14 มิถุนายน เฮลิคอปเตอร์เริ่มบินวนเหนือเต็นท์ของผู้ประท้วงที่กำลังนอนหลับ จากนั้นกำลังตำรวจหลายร้อยนายบุกเข้าไป ประชาชนจำนวนมากถูกทุบตี ผู้หญิงท้องคนหนึ่งถึงกับแท้งลูก
แม้กองกำลังตำรวจของรูอิสจะสลายการประท้วงได้สำเร็จ แต่ก็เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น เขาประเมินความเข้มแข็งของสหภาพครูต่ำเกินไป ตกเย็นวันเดียวกันนั้นเอง กลุ่มผู้ประท้วงก็กลับมายึดจัตุรัสใหญ่ไว้ได้อีก คราวนี้มาพร้อมกับประชาชนชาวเมืองถึง 300,000 คน เดินขบวนไปทั่วทั้งเมืองอัวฮากา และการประท้วงยกระดับไปที่ข้อเรียกร้องให้รูอิสลาออกอย่างไม่มีเงื่อนไข
ไม่นานหลังจากนั้น ครูและผู้ประท้วงกลุ่มอื่น ๆ ร่วมกันก่อตั้งองค์กร "สมัชชาประชาชนแห่งอัวฮากา" (Popular Assembly of the People of Oaxaca หรือคำย่อจากชื่อภาษาสเปนว่า APPO) มีกลุ่มแพทย์กับพยาบาลเข้าร่วม รวมทั้งนักศึกษา ชาวเมืองและองค์กรของชาวพื้นเมือง กล่าวกันว่ามีตัวแทนจากกลุ่มจรยุทธ์ใต้ดินติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในท้องถิ่นนั้นร่วมอยู่ด้วย APPO จัดตั้งในรูปแบบการเป็นแนวร่วมพันธมิตรอย่างหลวม ๆ แต่ก็มีความเข้มแข็งไม่น้อย จนทำให้รูอิสปรากฏตัวในที่สาธารณะของรัฐอัวฮากาไม่ได้เลยก็แล้วกัน
รัฐบาลท้องถิ่นของรัฐอัวฮากาพยายามตอบโต้ด้วยความรุนแรง ทั้งเป็นทางการและนอกรูปแบบ มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 9 คน เสียชีวิตในการปะทะกับตำรวจของเมืองนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา APPO กล่าวหาว่า รูอิสจัดตั้งกองกำลังกึ่งทหารคอยลอบทำร้ายสมาชิกขององค์กร อาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่งถูกสังหารกลางถนน สามีของครูหญิงที่เข้าร่วมการประท้วงต้องสังเวยชีวิต มือปืนยิงใส่ผู้ประท้วงที่ยึดสถานีวิทยุไว้เผยแพร่ข่าวสารของฝ่ายขบถ ฯลฯ คาดว่ามีผู้ประท้วงอย่างน้อย 14 คนเสียชีวิตจากการลอบสังหารนอกรูปแบบ
ผู้ว่าการรูอิสพยายามเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวิเซนเต ฟอกซ์ ส่งกองกำลังตำรวจ-ทหารจากส่วนกลางเข้ามาปราบจลาจล ทั้ง ๆ ที่รัฐสภาของเม็กซิโก ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาลงมติกันอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ผู้ว่าการรูอิส "พิจารณาตัวเองและลาออกจากตำแหน่งเพื่อฟื้นฟูกฎหมายและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม" แต่รูอิสยืนกรานมาตลอดว่าเขาจะดำรงตำแหน่งต่อไป
ส่วนประธานาธิบดีฟอกซ์ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมนี้ เขาพยายามลอยตัวอยู่เหนือปัญหามาหลายเดือนแล้ว โดยยืนยันว่าปัญหาในรัฐอัวฮากาเป็นปัญหาท้องถิ่นที่ต้องจัดการกันเอง จวบจนไม่นานมานี้เอง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของเม็กซิโกจึงเข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจา จนได้ข้อตกลงกับแกนนำของฝ่ายครู เริ่มมีสัญญาณถึงการคลี่คลายอย่างสันติ ครูส่วนใหญ่ลงมติว่าจะกลับมาสอนหนังสือในวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคมนี้
แต่พอถึงวันศุกร์ (27 ตุลาคม) ความรุนแรงกลับปะทุขึ้นอีกโดยไม่คาดหมาย ลงเอยด้วยการมีผู้เสียชีวิต 3 คน สองคนเป็นผู้ประท้วงชาวเม็กซิกัน อีกคนหนึ่งเป็นนักข่าวและช่างภาพชาวอเมริกันชื่อ แบรดลีย์ โรแลนด์ วิล อายุ 36 ปี เขาเป็นชาวนิวยอร์ก ทำงานเป็นนักข่าวอิสระให้สื่อนอกกระแสอย่าง indymedia.org และมีจุดยืนอยู่ข้างผู้ประท้วง วิลถูกยิงที่หน้าอกสองนัดขณะกำลังบันทึกภาพกองกำลังติดอาวุธที่บุกโจมตีแนวกีดขวางของฝ่ายประท้วง หนังสือพิมพ์ระดับชาติของเม็กซิโกฉบับหนึ่งระบุว่า มือปืนเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ
ฝ่ายผู้ประท้วงประณามผู้ว่าการรูอิสว่าจงใจสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพื่อบีบให้รัฐบาลกลางส่งกองกำลังตำรวจปราบจลาจลเข้ามา รูอิสจะจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่ความปรารถนาของเขาสัมฤทธิ์ผลจนได้ ประธานาธิบดีฟอกซ์ตัดสินใจส่งกองกำลังตำรวจเข้าไปในคืนวันเสาร์และลงเอยเป็นการปราบปรามผู้ประท้วงในวันอาทิตย์
"ไอ้ประธานาธิบดีฟอกซ์เฮงซวย" อาร์บาโด คอร์เทซา อดีตคนงานก่อสร้างเกษียณอายุและเป็นหนึ่งในผู้ประท้วงด่าอย่างเหลืออด "นี่เขาคิดว่าตำแหน่งของผู้ว่าการรัฐคนเดียวมีค่ามากกว่าประชาชนทั้งหมดในอัวฮากาหรือไง?"
แต่คำพูดของคอร์เทซาก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเสียทีเดียว ไม่ใช่ประชาชนทั้งหมดในอัวฮากาสนับสนุนการประท้วง ชาวเมืองบางส่วนและภาคธุรกิจไม่พอใจการประท้วงที่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมทั้งการหยุดสอนของครูทำให้นักเรียนถึง 1.3 ล้านคน ต้องขาดเรียน จึงไม่แปลกที่มีธงโบกสะบัดต้อนรับกองกำลังตำรวจของรัฐบาลกลางให้เห็นประปราย
กระนั้นก็ตาม APPO มีแรงสนับสนุนเข้มแข็งในหมู่สามัญชน การสนับสนุนยังขยายออกไปภายนอกอัวฮากาด้วย ในกรุงเม็กซิโกซิตี กลุ่มประชาชนหลายร้อยคนที่สนับสนุนการประท้วงของชาวอัวฮากา รวมตัวกันหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งที่มีข่าวลือว่าผู้ว่าการรูอิสหลบมาพำนัก พร้อมกับร้องตะโกนก้องว่า "ไอ้ฆาตกร! ไอ้ฆาตกร!"
รองผู้บัญชาการมาร์กอสประกาศในนามของซาปาติสตาว่า "อัวฮากาจะไม่โดดเดี่ยว" เฉพาะวันจันทร์ที่ผ่านมาเพียงวันเดียว มีการประท้วงและรำลึกถึงการเสียชีวิตของแบรด วิล เกิดขึ้นอย่างน้อย 14 เมืองในสหรัฐอเมริกา ในยุโรป มีการประท้วงในลอนดอนและบาร์เซโลนาหน้าสถานกงสุลเม็กซิโก ส่วนในบราซิล มีการประท้วงเกิดขึ้นหลายเมืองทั้งในริโอเดจาเนโร, บราซิเลียและเซาเปาลู
"ขณะนี้ กองกำลังตำรวจของรัฐบาลกลางกำลังพยายามเข้าไปยึดมหาวิทยาลัยในอัวฮากา ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของฝ่ายประท้วงและเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อขบวนการ APPO การต่อสู้ค่อนข้างดุเดือดรุนแรง ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปทั้งจากภาคพื้นดินและจากเฮลิคอปเตอร์ รวมทั้งใช้ปืนน้ำแรงดันสูงโจมตีใส่ประชาชน นอกจากนี้ ตำรวจยังบุกเข้าไปค้นตามบ้านเรือนต่าง ๆ ทำให้ชาวอัวฮากาตกอยู่ในความหวาดกลัวว่าจะมีการล้างแค้นแบบที่เกิดขึ้นในเมืองอะเทนโกเมื่อไม่นานมานี้ แต่ APPO ยังคงยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยว และสถานีวิทยุของ APPO ยังคงออกอากาศอยู่"
ข้อมูลจาก
David Bacon, "
Jo Tuckman, "Showdown looms as Mexican riot police move in on city occupied by protesters," The Guardian; October 31, 2006.
http://news.bbc.co.uk/go/pr/fr/-/2/hi/americas/6100864.stm
Mark Stevenson, "Mexican police seize center of
Oct 30, 2006.
Velcrow Ripper, "Enough," ZNet , October 31, 2006.