ตัดสินจำคุก 10 ปี ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงภาคใต้

สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 

เมื่อเวลา 09.30 น. ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.ปัตตานี ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 352/47 ที่พนักงานอัยการปัตตานีเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอาดือนัน เส็น อายุ 26 ปี กับพวกรวม 3 คน คือ นายอภิสิทธิ์ มาหะมะ อายุ 23 ปี และนายอับดุลเลาะ ดือราแม อายุ 31 ปี ซึ่งทั้งสามคนเป็นครูสอนศาสนาในพื้นที่ ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ด้วยฐานความผิดข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ ตระเตรียมสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ อั้งยี่และซ่องโจร ฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานและผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และฐานความผิดร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครองจากพฤติการณ์วางระเบิดหน้าบริษัทพิธานเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 2 นายเหตุ เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2547

                                  

คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดซุกรถจักรยานยนต์ในตัวเมืองจังหวัดปัตตานี ภายหลังจากเกิดเหตุปล้นปืนที่กองพันทหารพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพียงหนึ่งวัน นับเป็นคดีที่สะเทือนขวัญประชาชนเป็นอย่างมาก เนื่องจากสื่อมวลชนได้บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้และนำเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างกว้างขวาง

 

ศาลได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่าให้พิพากษาจำเลยทั้ง 3 มีความผิดฐานสะสมกำลังพล หรือ อาวุธตระเตรียมการอื่นใด สมคบ หรือกระทำความผิดใดๆอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อเป็นกบฏ อันเป็นบทหนักสุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 พฤติการณ์การกระทำผิดของจำเลยทั้ง 3 เป็นภัยต่อความมั่นคง เหตุสมควรให้ลงโทษขั้นสูง จึงลงโทษจำคุกคนละ 15 ปี แต่คำให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้ง 3 คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 10 ปี และริบซากรถจักรยานยนต์ที่ใช้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง

 

อนึ่ง ศาลได้ตัดสินพิพากษาในส่วนของฐานความผิดเกี่ยวกับการสะสมกำลังพล ตระเตรียมการกระทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนการก่อกบฎ แต่ในส่วนของฐานความผิดอื่นๆ ที่ระบุในคำฟ้อง อาทิเช่น ฐานฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ฐานร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ไม่ได้รับอนุญาติไว้ในครอบครองนั้น ศาลได้พิจารณายกฟ้อง

 

ทั้งนี้ ในสำนวนของพนักงานสอบสวน ระบุว่า จำเลยทั้งสามคนเป็นสมาชิกของขบวนการพูโลใหม่  ซึ่งต้องการแบ่งแยกดินแดน จึงมีฐานะเป็นกบฎ โดยนายอับดุลเลาะ ดือราแม จำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้ากลุ่มนายอภิสิทธิ์ มาหะมะ จำเลยที่ 2 เป็นรองหัวหน้ากลุ่ม ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการในพื้นที่ ต.ปากู ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง

 

ภายหลังที่ศาลพิพากษา ญาติๆ ของจำเลยต่างให้ความเห็นว่า ยอมรับในคำพิพากษาของศาล และเชื่อมั่นว่าจำเลยทั้ง 3 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดรถจักรยานยนต์ที่หน้าบริษัทพิธาน ซึ่งในที่สุดศาลก็ยกฟ้องในประเด็นนี้ ส่วนที่บอกว่าจำเลยสารภาพว่าเป็นสมาชิกกลุ่มขบวนการพูโลนั้น พวกตนไม่เชื่อ แต่คิดว่าน่าจะถูกบังคับให้รับสารภาพมากกว่า ส่วนจะอุทธรณ์หรือไม่จะต้องหารือกับทนายความอีกครั้ง

 

ด้านนายอนุกูล อาแวปูเตะ ทนายความฝ่ายจำเลย กล่าวว่า เท่าที่สอบถามจำเลย พวกเขามีพอใจในคำพิพากษาดังกล่าว เนื่องจากว่าคดีนี้มีโทษสูงสุดถึงขั้นลงโทษประหารชีวิต แต่เมื่อผลการพิพากษาของมาจำคุก 10 ปี จึงรู้สึกพอใจ แต่จะอุทธรณ์หรือไม่คงต้องปรึกษากับญาติจำเลยก่อน

 

อย่างไรก็ตาม ทนายฝ่ายจำเลยผู้นี้ เห็นว่า ควรจะต้องอุทธรณ์ต่อไป เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ระบุว่าจำเลยเป็นสมาชิกกลุ่มขบวนการนั้นเป็นความจริงตามกฎหมาย แต่คดีนี้ตั้งแต่ถูกจับกุมจำเลยมา มีกระบวนการสอบสวนที่พาไปสอบสวนหลายแห่ง ในขณะที่จำเลยเองก็ได้มีการโต้แย้งว่าในกระบวนการสอบสวนมีการบังคับ ข่มขู่ ต่างๆ เพื่อให้รับสารภาพ ซึ่งถือว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

 

"ด้วยความเคารพในการพิจารณาของศาล เมื่อศาลเห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนมีรายละเอียดมาก ไม่น่าเชื่อว่าพนักงานสอบสวนจะตกแต่งมาเอง แต่ผมมองในกระบวนการสอบสวนที่ต้องเคารพในสิทธิของผู้ต้องหา ประการแรก ต้องถามด้วยความสมัครใจว่าเขาต้องการให้ญาติ หรือ ทนายมานั่งฟังหรือไม่ และประการที่สอง วิธีการสอบสวนต้องสอบสวนตรงไปตรงมา ปฏิเสธก็ปฏิเสธ เพราะถึงแม้ว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ทางฝ่ายพนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้หนักแน่น เพียงพอ ศาลก็ลงโทษได้ ไม่ได้อยู่ที่ว่าจะให้การอย่างไร"

 

นายอนุกูล กล่าวอีกว่า จำเลยโต้แย้งว่าถูกบังคับ ถ้ามีการกระทำอย่างนั้นจริง แสดงว่ากระบวนการสอบสวนนี้ไม่ชอบ ไม่สามารถรับฟังพยานหลักฐานนั้นๆ ได้ เหล่านี้คือมาตรฐานของการทำงานของพนักงานสอบสวนว่าการสอบสวนจะต้องทำถูกต้อง ตามหลักประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

 

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2547 จำเลยได้วางระเบิด จำนวน 2 จุด ที่ตงปากู ต.รูสะมิแล ต.อาเนาะรู เจตนาฆ่า พ.ต.ท.สัจจา ดีแท้ กับพวกเจ้าพนักงานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษปัตตานี ได้วางระเบิดในถังขยะของเทศบาลเมืองปัตตานี ใกล้ป้อมตรวจของตำรวจภูธร อ.เมือง จ.ปัตตานี สวนสมเด็จฯ และที่รุนแรงที่สุดซุกซ่อนระเบิดในรถจักรยานยนต์หน้าบริษัทพิธาน เป็นเหตุให้ตำรวจเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 1 นาย และชาวบ้านบาดเจ็บ 1 ราย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท