Skip to main content
sharethis

หลังคนร้ายยิง ว่าที่ ร.ต.หญิง กุลธิดา อินจำปา อายุ 33 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านลาเมาะ หมู่ 3


ต. รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เสียชีวิตขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก เมื่อบ่ายวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน นายไพรัช แสงทอง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานราธิวาส เขต 1 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความหวาดผวาให้เพื่อนครูอย่างมากจนไม่กล้าออกจากบ้าน และโรงเรียนในพื้นที่ อ.รือเสาะ  40 แห่ง ได้พร้อมใจกันปิดการเรียนการสอนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย อีกทั้งต้องการไว้อาลัยให้ ว่าที่ ร.ต.หญิง กุลธิดา ซึ่งเป็นบุคลากรครูที่มีบทบาทในการพัฒนาระบบการศึกษาในพื้นที่จนเป็นที่ยอมรับ และสอนอยู่ในพื้นที่มานานกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นอาจารย์พิเศษที่วิทยาลัยชุมชนนราธิวาสด้วย ล่าสุดเพิ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสอบบรรจุเป็นผู้บริหารโรงเรียนในตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนได้โดยมีกำหนดจะบรรจุอย่างเป็นทางการเดือนธันวาคมนี้ แต่มาถูกยิงเสียชีวิตก่อน


 



 "รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้ง ที่ทราบว่ามีครูดีๆ ตกเป็นเหยื่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เช่นเดียวกับกรณีของครูกุลธิดา ที่มีความตั้งใจสูงที่จะพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ชายแดนใต้ให้ก้าวหน้า แต่ก็ต้องมาจบชีวิตอย่างอนาถใจ ขณะเดียวกัน การเสียชีวิตของครูกุลธิดาส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของครูในพื้นที่อีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาครูหลายคนเชื่อว่า หากอยู่ในพื้นที่มานาน ไม่น่าจะตกเป็นเป้าหมาย เนื่องจากคุ้นเคยกับชาวบ้านมาเป็นอย่างดี" นายไพรัช กล่าว


 



นายไพรัช กล่าวอีกว่า ทันทีที่เด็กนักเรียนจากโรงเรียนลาเมาะ และวิทยาลัยชุมชนนราธิวาสทราบข่าว ต่างพากันร้องไห้พร้อมกับร้องขอให้ผู้ปกครองและครูพาไปร่วมพิธีทางศาสนาที่วัดพุทธภูมิ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งมีพิธีรดน้ำศพเวลา 14.30 น. วันที่ 16 พฤศจิกายน ขณะเดียวกัน ครูในพื้นที่ อ.รือเสาะทั้ง 40 โรงเรียน ได้นัดประชุมด่วนเพื่อหาข้อสรุปในการเปิดปิด


โรงเรียน รวมถึงการหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยของครูในพื้นที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่


 



นายเจริญ เชาวลิต ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาดา ต.รือเสาะ  กล่าวว่า ครูทุกคนตกใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพราะแทบไม่มีใครเชื่อว่าครูจะถูกยิงเสียชีวิต เนื่องจากครูกุลธิดาสอนหนังสืออยู่ในพื้นที่มานานกว่า 10 ปี และมีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับชาวบ้านอย่างดีเยี่ยม ทำให้ข้าราชการครูที่อยู่ในพื้นที่มานานและเคยไว้วางใจความปลอดภัยในพื้นที่ซึ่งเชื่อว่าชาวบ้านจะเป็นเหมือนเกราะป้องกันอย่างดีต่างหวาดผวาอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะครูที่เพิ่งบรรจุใหม่


 



นายสงวน อินทรักษ์ เลขาธิการสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า สาเหตุที่ ว่าที่ ร.ต.หญิง กุลธิดา ต้องเดินทางกลับบ้านพักล่าช้ากว่าเพื่อนครูคนอื่นในโรงเรียนเดียวกัน เนื่องจากต้องเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางเข้าประชุมเกี่ยวกับการศึกษาที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ทำให้ไม่ได้เดินทางร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัย กระทั่งตกเป็นเหยื่อของคนร้ายในที่สุด


 



เลขาธิการสมาพันธ์ครูจังหวัดนราธิวาส กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 19 พฤศจิกายน แกนนำข้าราชการครู และผู้บริหารสถานศึกษาใน จ.นราธิวาส จะเข้าพบ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นข้อเสนอ ขอให้เพิ่มอัตรากำลังพลเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยครู เนื่องจากปัจจุบันแผนและมาตรการคุ้มครองครูที่ฝ่ายทหารและตำรวจจัดวางไว้นั้นมีความรัดกุมพอสมควร แต่ยังมีปัญหาเรื่องจำนวนกำลังที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง และขอให้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยแก่สถานศึกษา 24 ชั่วโมง รวมถึงดูแลผู้บริสุทธิ์ให้เข้มข้นกว่าเดิม


 



"ข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ครู จ.นราธิวาสต้องการให้นายกรัฐมนตรีเร่งพิจารณาและให้ความช่วยเหลือ เพราะหากไม่มีการปรับหรือเพิ่มมาตรการดังกล่าว เชื่อว่าจะมีครูตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นและการศึกษาจะต้องหยุดชะงักต่อไปอีกเรื่อยๆ" นายสงวน กล่าว


 



นายสงวน กล่าวด้วยว่า อีกแนวทางหนึ่งที่ต้องการให้รัฐเร่งดำเนินการคือ การจัดตั้งกองกำลังทหารพราน 30 กองร้อย ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. เพราะมั่นใจว่าจะสามารถเข้ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานในด้านรักษาความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้อย่างแน่นอน


 



ด้าน ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น พ่อค้า และประชาชน จำนวนกว่า 100 คน ได้ร่วมกันทำพิธีละหมาดฮายัดที่มัสยิดกลาง อ.รือเสาะ เพื่อปัดเป่าสิ่งเลวร้าย และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ให้สามารถจับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้โดยเร็ว พร้อมทั้งขอพรจากพระผู้เป็นเจ้า หรือองค์อัลเลาะห์ให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่โดยเร็ว


 



ว่าที่ ร.ต.หญิง กุลธิดา ถือเป็นข้าราชการครูรายที่ 57 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ หลังจากก่อนหน้านี้โครงการเสมาห่วงใยร้อยใจสู่สันติสุข กระทรวงศึกษาธิการ ได้รวบรวมสถิติตัวเลขข้าราชการครูในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547-13 พฤศจิกายน 2549 มีครูเสียชีวิต 56 คน ขณะที่ครูซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการลอบทำร้ายร่างกายมีจำนวน 58 คน ขณะเดียวกัน คนร้ายยังลอบทำลายทรัพย์สินของข้าราชการครูอีกจำนวน 37 ราย


 



ส่วนช่วงเช้า วันที่ 16 พฤศจิกายน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายอารีย์ วงศ์อารยะ รมว.มหาดไทย พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกฯ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เดินทางโดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ จาก บน.6 ไปยัง จ.นราธิวาส โดยนายกฯ ได้นำพระผงเนื้อว่านหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ไปมอบให้ทหาร ตำรวจ และชาวบ้านในพื้นที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ทั้งนี้นายกฯ ยังเดินทางไปพบครูและนักเรียนโรงเรียนฮัดตัลกรียะ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม และพบครูนักเรียนโรงเรียนนราสิขาลัย จ.นราธิวาส ด้วย


 



จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.สุรยุทธ์ พร้อมด้วยคณะ เดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านที่อพยพไปอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมือง จ.ยะลา และพูดกับชาวบ้านว่า สิ่งที่ทุกคนกังวล ก็กังวลเหมือนกัน แต่ก็หวังว่าจะมีโอกาสแก้ไขปัญหาเหล่านี้กันได้ ในภาพกว้างๆ พยายามทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในส่วนของผู้นำทางศาสนาในท้องถิ่นและเยาวชนต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจแล้วหันมาร่วมกันแก้ไขปัญหา พูดจา ทำความเข้าใจกัน โดยไม่ใช้ความรุนแรง


 



นายสมชาย แซ่ตัน หนึ่งในแกนนำกลุ่มชาวบ้านไทยพุทธ ซึ่งมาอาศัยที่วัดนิโรธสังฆาราม อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า ขณะนี้ชาวบ้านร้อยละ 90 จากทั้งหมด 206 คน ที่อพยพทิ้งบ้านเรือน ต่างยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่กลับไปยังภูมิลำเนาเดิมอีก และต้องการให้ พล.อ.สุรยุทธ์ช่วยเหลือเรื่องที่อยู่อาศัยเป็นลำดับแรก


 



ด้านนายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เตรียมประสานข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อเสนอแนวคิดระงับสัญญาณโทรศัพท์มือถือในบางเวลา ที่เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนและมีความเสี่ยงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อแก้ปัญหาการจุดระเบิดด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยจะพิจารณาบางเวลา เช่น เวลาเลิกงาน โรงเรียนเลิกในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง แต่จะต้องไปดูข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือจากผู้ให้บริการในแต่ละเครือข่ายด้วย ส่วนการใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือในเขตชายแดนระหว่างประเทศนั้น ได้ขอความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว


 



ทั้งนี้ กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ยังคงใช้วิธีลอบวางระเบิดด้วยการจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ แม้รัฐบาลจะจัดระเบียบโทรศัพท์มือถือในระบบบัตรเติมเงินไปแล้วโดยให้ลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์มือถือและบัตรเติมเงิน


         


สำหรับสถานการณ์ในจังหวัดสงขลา นายสมบูรณ์ ท้าวนิล ผู้จัดการสำนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยให้อยู่ในขั้นเข้มข้นสูงสุด รวมทั้งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรอบอาคารสำนักงาน ขณะเดียวกัน ได้วางรั้วลวดหนามโดยรอบเพิ่มอีกชั้น หลังจากมีผู้ไม่ประสงค์ดีโทรศัพท์มาข่มขู่และอ้างว่าจะวางระเบิดภายในอาคารช่วงเช้า สร้างความแตกตื่นให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.หาดใหญ่อย่างมาก จึงประสานและขอกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบและคุ้มครองความปลอดภัยเพิ่มอีกระดับหนึ่ง


 



นายสมบูรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ไม่พบสิ่งผิดปกติภายในอาคาร และตรวจสอบไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้โทรเข้ามาข่มขู่เพื่อสร้างสถานการณ์ พบว่าเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเมื่อโทรกลับหมายเลขเดิมปรากฏว่าเจ้าของโทรศัพท์ปิดเพื่อตัดสัญญาณการติดต่อ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังเร่งแกะรอยต่อไปเพื่อนำตัวมาสอบสวน



"เราประมาทไม่ได้เพราะหาดใหญ่ก็เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นประสบการณ์มาแล้ว ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นข่าวจริงหรือข่าวลวงก็ต้องเตรียมมาตรการป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อเรียกขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย" นายสมบูรณ์ กล่าว


 


เรียบเรียงจาก : เว็บไซต์ คม ชัด ลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net