นักวิชาการ ม.อุบลฯ ชี้ "เราจะต่อสู้กับการรัฐประหารไม่รู้จบ หากไม่เปลี่ยนแปลงทัศนคติเรื่องอำนาจนิยม"

เรียบเรียงจากสำนักข่าวประชาธรรม อุบลราชธานี

รายงานโดยมนูญ มุ่งชู

           

 

 

20 พ.ย. 2549 เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ห้องประชุมดอกจาน 3 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน (กสส.) จัดเวทีเสวนาวิชาการ หัวข้อ "2เดือนรัฐประหารกับทิศทางกระบวนประชาชน" เพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์การเมืองในรอบ 2 เดือนหลังการรัฐประหาร (19 ก.ย.) ซึ่งคณะผู้จัดได้ย้ำชัดเจนว่า การจัดเวทีดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการเคลื่อนไหวของคลื่นใต้น้ำใด ๆ

           

นายเสนาะ เจริญพร อาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า การรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมาไม่ว่ายุคสมัยใดๆผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับนายทุนเพราะทั้งหมดอยู่ภายใต้การพัฒนากระแสหลัก กล่าวคือการรวมศูนย์อำนาจเอื้อประโยชน์กับกลุ่มทุนและพวกพ้อง ชาวบ้านไม่ได้อะไรเลย พอมีการรัฐประหารเมื่อมีกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องความเป็นประชาธิปไตยเอาไว้ก็จะถูกมองว่าเป็นคลื่นใต้น้ำของระบอบทักษิณ แต่ถ้าไม่ออกมาต่อต้านใดๆ ก็จะถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่สมยอมอำนาจเผด็จการ

           

นายเสนาะ กล่าวต่อไปว่า คนที่ออกมาเคลื่อนไหวภาคประชาชนในช่วงแรก ๆ อาจจะถูกประณามบ้าง และสุดท้ายในระยะ ปีถึงปีครึ่งหลังการรัฐประหารถ้ารัฐบาลเผด็จการทำให้เศรษฐกิจตกต่ำคนที่จะกลายเป็นฮีโร่มาล้มล้างรัฐบาลเผด็จการจะกลายเป็นชนชั้นกลางและนายทุนเพียงหยิบมือเดียว ส่วนคนที่เคลื่อนไหวมาตลอดจะเป็นเพียงตัวประกอบ

           

นายเสนาะกล่าวต่อไปว่า ประชาธิปไตยซึ่งถือว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุดที่คิดได้ในขณะนี้ ถามว่าศัตรูที่แท้จริงของประชาธิปไตยคือใคร บอกได้เลยว่าไม่ใช่ ผู้ว่าราชการฯ ส.ส.หรือนายกรัฐมนตรีอย่างเด็ดขาดแต่ศัตรูที่แท้จริงของประชาธิปไตยคือวิธีคิดในเชิงวัฒนธรรมของชาวบ้านเอง เราจะต่อสู้กับการรัฐประหารไม่รู้จักจบสิ้นหากไม่เปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อเรื่องอำนาจนิยม เปรียบเทียบกับคนตาบอดข้างเดียวสามารถปกครองประเทศได้ ถ้าคนทั้งประเทศตาบอดสองข้าง" นายเสนาะกล่าว

           

นพ.กิติภูมิ จุฑาสมิต ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษและนักกิจกรรมทางสังคม กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นว่าไม่มีรัฐบาลชุดไหนที่จะลงมาผู้มิตรกับคนจน แต่จะเน้นผู้มิตรกับชนชั้นกลางและนายทุนเป็นหลัก มีรัฐบาลไทยรักไทยที่ดึงเอาคนตุลาเข้าไปร่วมรัฐบาลและมีนโยบายที่จะผูกมิตรกับชนบท แต่พอเกิดเหตุการณ์รัฐประหาร ชาวบ้านไม่มีกระแสตอบโต้ใดๆ แม้แต่น้อย ต่อไปจะไม่รัฐบาลชุดไหนกล้าที่เสี่ยงมาผูกมิตรกับชนบท แม้แต่ไทยรักไทยเองถ้าได้กลับมาก็เชื่อว่าจะไม่เล่นมุขนี้อีก แต่จะเน้นไปผูกมิตรกับชนชั้นกลางและเปลี่ยนวิธีการจากการกินรวบไม่แบ่งใครมาเป็นการแบ่งให้กลุ่มอำนาจต่างๆ แทน

           

นพ.กิติภูมิ กล่าวอีกว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องพูดถึงผลประโยชน์ของคนจนเป็นหลัก ถ้าเราปล่อยเลยตามเลยอนาคตชนบทจะมืดมนอย่างแน่นอน นอกเสียจากว่าเราจะทำให้การรัฐประหารครั้งนี้ล้มเหลวเพราะต่อไปจะไม่ใครกล้าเสี่ยงมาทำเพื่อผลประโยชน์ของคนจนอีก ถ้าทำไปแล้วคนจนไม่ได้มีความรู้สึกร่วม มีทางเดียวที่ชนบทจะอยู่ได้คือจะต้องออกมาต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ โดยยึดมั่นที่จะปกป้องอำนาจอธิปไตยของเขาเองไว้ไม่ยอมให้ใครมาครอบครองไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนรวย เก่ง หรือฉลาดขนาดไหนก็ตาม" นพ.กิติภูมิกล่าว

           

ด้าน ผศ.ธิดา ถาวรเศรษฐ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองในฐานะที่เป็นประเทศอิสระช้าที่สุดในโลก แต่การเปลี่ยนแปลงก็แค่เปลี่ยนผ่านอำนาจจากพระมหากษัตริย์มาสู่กลุ่มขุนนางและนายทุน การมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเพียงรูปแบบการปกครองแบบรัฐซ้อนรัฐเพราะอำนาจที่แท้จริงยังอยู่ที่คนคุมปืนอยู่ซึ่งติดกับโครงสร้างเดิมอยู่ ฉะนั้นชาวบ้านจึงภาระที่ต้องจ่ายให้รัฐทั้งคู่

           

ผศ.ธิดา กล่าวต่อไปว่า เราจะมอบความไว้วางใจให้ชนชั้นกลางและนายทุนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะชนชั้นกลางและนายทุนคือพวกโลเลและจะยืนอยู่เคียงข้างผู้ที่จะชนะเสมอ ดังนั้นเราต้องมองว่าใครมีจุดยืนอยู่ภาคประชาชนมากที่สุด การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต้องให้ประโยชน์ตกไปสู่ประชาชน

 

เหตุการณ์รัฐประหารครั้งนี้ทำให้เราสามารถจำแนกคนได้ว่าคนที่คิดแบบก้าวหน้าคือคนที่มองว่าคนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของประเทศ แต่ถ้าคิดแบบถอยหลังจะมองว่าคนส่วนน้อยคือเจ้าของประเทศ สุภาษิตจีนบอกว่าถ้าเราอยากรู้จักใครให้เอาอำนาจใส่มือเขา คนที่มีอำนาจจะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมาในที่สุด

           

"การออกมาพูดในครั้งนี้ยืนยันว่าอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลักใครจะมองว่าเป็นคลื่นใต้น้ำอะไรก็ตาม เพราะคนจนเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศเราต้องเรียกร้องอย่าให้คนรวยเพียงหยิบมือเดียวมากำหนดประเทศได้ เรายากจนแต่อย่าอับจนต้องกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนของเราคืนมา" ผศ.ธิดากล่าว

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากจบการเสวนา กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน (กสส.) แจกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 โดยระบุประณามการรัฐประหารของ คปค./คมช. ในครั้งนี้ และจะต่อต้านทุกรูปแบบ ทั้งยังเรียกร้องให้ประชาชนที่รักชาติ รักประชาธิปไตยทุกคน ร่วมกันคัดค้าน ต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร

 

พร้อมกันนี้ กลุ่มฯได้ เรียกร้องต่อคณะเผด็จการ คปค./คมช. ให้ยกเลิกกฎอัยการศึก โดยไม่มีเงื่อนไข ภายใน 15 วัน  ให้คืนประชาธิปไตยให้กับประชาชนโดยเร็ว โดยให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 จัดการเลือกตั้งโดยทันที แล้วให้มีกระบวนการปฎิรูปการเมืองใหม่ ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง

 

โดยระบุในตอนท้ายว่า กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน (กสส.) ขอใช้สิทธิ เสรีภาพ ตามหลักประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญปี 2549 "เอาประชาธิปไตยของประชาชนคืนมา"

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท