Skip to main content
sharethis

วานนี้ (27 พ.ย.2549) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มเพื่อนรัฐธรรมนูญ 2540 ได้จัดอภิปรายทางวิชาการ เรื่องรัฐประหารซ้ำซ้อนในประเทศไทย โดย นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ที่ปรึกษาสมาพันธ์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า คณะรัฐประหารชุดนี้เรียกตัวเองว่าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่สิ่งที่ทำคือ การรัฐประหาร


 


ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการปฏิวัติ 3 ครั้ง รัฐประหาร 13 ครั้ง โดยมีการรัฐประหารซ้ำ (คณะรัฐประหารเดิมทำการรัฐประหารซ้ำ) 6 ครั้ง มีการรัฐประหารซ้อน 1 ครั้ง โดยเป็นการรัฐประหารที่ใช้ความรุนแรงในการโค่นล้ม 8 ครั้ง ไม่ใช้ความรุนแรง 4 ครั้ง


 



นายศุภลักษณ์ กาญจนขุนดี ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น กล่าวว่า ประเทศไทย ผ่านการยึดอำนาจโดยทหารมาถึง 17 ครั้ง อยู่ในระบอบเผด็จการมาถึง 39 ปี มีเพียง 19 ปี ที่อยู่ในภาวะที่เป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังอยู่ในระบอบกึ่งประชาธิปไตย กึ่งเผด็จการ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาผู้นำทหารไม่ได้ช่วยพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตย จนทำให้การเมืองกลับสู่วงจรอุบาทว์ ซึ่งทหารกลุ่มต่าง ๆ จะหมุนเวียนกันมาทำรัฐประหารซ้ำและรัฐประหารซ้อนเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่า


 


ขณะเดียวกันทหารมักประสบความล้มเหลวในการบริหาร การปกครองและเสียชื่อเสียงในการโกงกินไม่น้อยไปกว่ารัฐบาลพลเรือนที่ตนใช้อาวุธโค่นล้มเข้ามาเสียอีก อย่างไรก็ตามชะตากรรมของการรัฐประหารและผู้สืบทอดอำนาจมักจะถูกประชาชนลุกฮือขึ้นมาโค่นล้ม หรือไม่ก็ถูกคนอีกพวกหนึ่งขึ้นมายึดอำนาจแทน


 



นายศุภลักษณ์ กล่าวว่า การรัฐประหาร 19 ก.ย. จะไม่นำมาซึ่งประชาธิปไตย เพราะยังไม่เห็นอะไรที่เป็นการเตรียมการไปสู่ประชาธิปไตย โดยเฉพาะการให้คณะทหารมาเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ถือว่ากระบวนการประชาธิปไตยจบลงแล้ว ดังนั้น รัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจกับราชการ และเปิดช่องให้ราชการเข้ามามีบทบาททางการเมือง และจะปิดประตูสำหรับนักการเมือง โดยจะเป็นรัฐธรรมนูญที่รังเกียจนักการเมืองมากและจะมีแนวโน้มเชื่อในระบอบแต่งตั้งมากกว่าระบบเลือกตั้ง ทำให้รัฐบาลชุดต่อไปเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอ เพราะ "ระบอบทักษิณ" บอกเราว่า รัฐบาลเข้มแข็งอันตราย ทำให้รัฐบาลต่อไปต้องทำโดยคนหัวอ่อน เชื่อฟังและไม่มีนโยบายเป็นของตนเอง โดยนโยบายจะถูกกำหนดรูปแบบโดยรัฐบาลทหาร


 



"ที่สุดแล้วการยึดอำนาจในครั้งนี้จะจบลงด้วยทางเลือก 3 ทาง คือ 1. มีการสืบทอดอำนาจต่อไป ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็นไปในทางนั้น แม้อาจจะไม่ได้ทำโดยประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) หรือนายกรัฐมนตรี แต่คนอื่นไม่แน่ 2. อาจถูกอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามายึดอำนาจแทน โดยมีเหตุผลมาจากกลุ่มที่ไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว โดยเรียกตนเองว่า กลุ่มฮาร์ดไลน์ และ 3.ประชาชนอาจจะลุกฮือขึ้นขับไล่ อาจจะมาจากพันธมิตรของระบอบทักษิณเดิมและประชาชนที่อกหักจากกลุ่มอำนาจปัจจุบันนี้" นายศุภลักษณ์ กล่าว


 



ด้าน นายจรัล ดิษฐาอภิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่า จะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น โดยหลังการรัฐประหาร ระบอบการเมืองของไทยจึงเข้าสู่ระบอบเผด็จการทหาร แต่มีคนส่วนหนึ่งไม่ได้คิดว่าประเทศไทยเป็นระบอบเผด็จการ ดังนั้น เวลาเราบอกว่า เป็นระบอบเผด็จการ จึงมีคนออกมาโต้แย้งแทน คมช. จึงขอเสนอให้ คมช.ได้ออกประกาศเกียรติคุณให้คนเหล่านี้ เช่น นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ นายการุณ ใสงาม นายพิภพ ธงชัย หรือนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ทั้งนี้ ระบอบการเมืองปัจจุบันของเราเป็นระบอบเผด็จการที่มาจากการยึดอำนาจ ซึ่งระบอบเหล่านี้ต้องรักษาด้วยอำนาจ และจะมีคนที่มาแย่งยึดอำนาจ ซึ่งตามบทเรียนประวัติศาสตร์เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศในอเมริกาใต้ โดยระบอบการปกครองที่มาจากการยึดอำนาจจะต้องมีการรักษาอำนาจเสมอ


 



 "ข่าวที่ว่าจะมีรัฐประหารซ้ำ รัฐประหารซ้อน จึงไม่ใช่เรื่องที่เราคิดขึ้นมาเอง แต่มีความเป็นไปได้ ในเมื่อสิ่งที่คนคาดคิดไม่ถึงในวันที่ 19 พ.ย.ยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้น แนวโน้มโอกาสของการจะมีรัฐประหารซ้ำ หรือซ้อนนั้น มีความเป็นไปได้ เห็นได้จากกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา เริ่มมีความเห็นที่แตกต่างกัน อาทิ ความเห็นให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือความเห็นเรื่องหวยบนดิน ความเห็นเรื่องการห้ามโฆษณาเหล้า ความคิดเห็นเหล่านี้เริ่มมีความขัดแย้งขึ้นทั้งจากฝ่าย คมช.และกลุ่มการเมืองต่าง ๆ โดยสถานการณ์ที่รู้สึกเป็นห่วงว่า จะถูกนำมาเป็นเหตุผลของการปฏิวัติซ้ำ คือ ประเด็นปัญหาคลื่นใต้น้ำ และสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงที่พวกฮาร์ดไลน์จะทำรัฐประหารซ้ำ"นายจรัล กล่าว


 


 


 


          ที่มา: http://www.komchadluek.com


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net