Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง


 


 


บังเอิญมีจังหวะได้เช่าหนังชุด "เทพมารสะท้านภพ" มาดู (ต่างจากจากเนื้อหาที่หวงอี้ประพันธ์เป็นหนังสืออยู่บ้าง) ดูไปเรื่อยๆ เริ่มสะท้อนใจ เพราะมันมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจจากหนังเรื่องนี้ไม่น้อย


 


อ้อ...อาจจะแปลกใจว่า ทำไมมาพูดเรื่องหนัง เรื่องละคร ตรงนี้ ไม่เอาไปไว้ในส่วนเอนเตอร์เทนเมนท์สุดสัปดาห์ นั่นเพราะลองพิจารณาดูแล้ว ประเด็นที่จะสื่อสารมันชวนคิดชวนคุยต่อ จึงตัดสินใจฮิทแล้วรันไว้ตรงนี้แหล่ะ


 


ไม่ให้เสียเวลามาก เข้าเรื่องเลยดีกว่า ประเด็นของผมคือเรื่อง "เทพมารสะท้านภพ" นี้ กำลังพูดถึงปัญหาภาคใต้ได้อย่างน่าสนใจ เอ๋... เกี่ยวกันอย่างไร จะขอเล่าไปยาวๆ แล้วจะสรุปไว้ตอนท้ายเรื่องก็แล้วกัน


 


หนังเรื่องนี้พาเรากลับไปสมัยราชวงศ์หมิง มีตัวละครเด่นตัวหนึ่งชื่อ "ผังปาน" ภูมิหลังเป็น "ชนชาติมองโกล" สถานะเป็นหัวหน้าวังจอมมารฝ่ายอธรรมที่มีวิชายุทธ์และกำลังภายในล้ำเลิศที่สุด ดังนั้นการปรากฏตัวของจอมมารคนนี้จึงหมายถึงสัญลักษณ์แห่งความวุ่นวายของยุคสมัย ความอำมหิต ความโหดร้ายต่างๆจะเกิดขึ้นกับ "ความมั่นคง" ของยุทธจักรที่หมายรวมไปถึงอันตรายของ "ชนชาติฮั่น" ภัยคุกคามความมั่นคงนี้ทำให้ฝ่ายธรรมมะนั่งกันไม่ติด ชิงชังและพยายามกำจัดทุกวิถีทางอย่าง "ไม่เลือกวิธีการ"


 


คงคุ้นๆ ว่าพล็อตแบบนี้มันเป็นคลาสสิกหนังจีน เอามาเล่าทำไม


 


เอามาเล่าเพราะบทหนังเรื่องนี้เล่าเรื่องด้วยการสื่อความว่า ความเลวร้ายต่างๆ ในตัว "ผังปาน" นั้นมีสาเหตุและสาเหตุนั้นล้วนมาจากการมีทัศนคติที่แตกต่างไปมองและตัดสินกันอย่างสุดขั้ว ความเลวของจอมมารคนนี้จึงไม่ใช่การเลวอย่างเป็นมารโดยสามัญสำนึก


 


หนังเรื่องนี้ เสนอการมอง "ผังปาน" ในมุมของชาวมองโกลซ้อนไปกับการมองของชาวฮั่น ดังนั้น อีกมุมหนึ่งของตัวโกง "ผังปาน" คือ ผู้มีอุดมการณ์กู้ชาติมองโกลที่มีความเป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป มีความรัก มีความอบอุ่น มีความอ่อนโยน มีความห่วงใยคนรอบข้าง แต่เพราะมีอดีตเลวร้ายเกิดขึ้นกับชนชาติมองโกลช่วงผลัดเปลี่ยนขั้วอำนาจการปกครองจากเดิมเป็นของชนชาติมองโกลกลายเป็นชนชาติฮั่น ศักดิ์ศรีอย่างที่มนุษย์พึงจะมีก็หายไป ชนชาติมองโกลในสายตาของชนชาติฮั่นคือ พวกนอกด่านป่าเถื่อน อำมหิตผิดมนุษย์ และเคยทำลายศักดิศรีของชนชาติฮั่น ทั้งกดขี่ ทารุณ ข่มเหง ด้วยอำนาจกำลังทางทหาร ดังนั้น เมื่อได้อำนาจมาบ้าง สิ่งที่ทหารมองโกลทำกับประชาชนฮั่นก็กลายเป็นสิ่งที่ชนชาติฮั่นจะทำกับชาวมองโกล ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ว่าชนชาติมองโกล หรือชนชาติฮั่นล้วนต่างต้องการความยุติธรรม ความมีศักดิ์ศรี การคงอัตลักษณ์ การกินอิ่ม การนอนหลับ อย่างทัดเทียมกัน


 


สิ่งที่ชนชาติมองโกลได้รับหลังการเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจคือ การสั่งสังหารเด็กชายหญิงวัยรุ่นอย่างโหดเหี้ยม เนื่องจากต้องการฆ่ารัชทายาทแห่งราชวงศ์หยวนอย่างสิ้นตระกูล ไม่ให้กลับมาเป็นศูนย์รวมกำลังใจในการลุกฮือ การขับไล่ให้ไปอยู่ชายแดนท้องทุ่งทะเลทรายอันกันดาร การเก็บส่วยภาษีอย่างไม่ยุติธรรม ในขณะที่พืชผลไม่ดี คนฮั่นได้รับการยกเว้น แต่สำหรับคนมองโกลคือต้องจ่ายภาษีที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังฆ่าและทัณฑ์ทรมานอย่างไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม และที่ทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรงมากที่สุดคือ การขุดโครงกระดูกบรรพบุรุษ "กุบไลข่าน" และอาวุธคู่มือที่กลายเป็นสมบัติประจำชนชาตินำไปซ่อนไว้ในจีน


 


ทั้งนี้ ก่อนหน้าจะสูญเสียซึ่งอำนาจการปกครอง "มองโกล" คือ ชนชาติที่เป็นอิสระในท้องทุ่งหญ้าทางเหนือของดินแดนจงหยวนหรือจีนภาคกลาง ต่อมา "เจงกีสข่าน" ได้รวบรวมชนเผ่าอิสระต่างๆ ในมองโกลเข้าด้วยกันอย่างเป็นปึกแผ่นจนสร้างกองทหารอันเกียงไกรได้ กองทหารนี้มีแสนยานุภาพรุกไปได้เกือบครึ่งโลก แม้แต่คริสตจักรในโรมช่วงเวลานั้นยังต้องกล่าวขวัญถึงอย่างสะพรึงกลัว โชคดีที่ว่า ข่านผู้นี้สิ้นลมไปเสียก่อน ดินแดนในโลกตะวันตกจึงพ้นจากการถูกยึดครอง


 


ต่อมา "กุบไลข่าน" ได้นำทัพ "มองโกล" ล้มราชวงศ์ซ้อง ยึดดินแดนจีนภาคกลางได้สำเร็จ สถาปนาเป็นราชวงศ์หยวน นับเป็นความอัปยศอันใหญ่หลวงของชนชาติฮั่นที่เคยดูถูกชาวมองโกลว่าเป็นพวกนอกด่านป่าเถื่อน ในสภาวะของการมีอำนาจของราชวงศ์หยวนแห่งมองโกล ชนชาติฮั่นถูกกดขี่อย่างไม่ปราณี และกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง สร้างความเจ็บปวดคับแค้นอย่างมาก จึงมีคำกล่าวว่า "ครองดินแดนได้ แต่ครองใจคนไม่ได้ ก็ปกครองไม่ได้" เพราะการกดขี่นี้ทำให้ราชวงศ์หยวนเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว


 


ต่อมา "จูหยวนจาง" รวมชาวฮั่นผู้มีอุดมการณ์ล้างอัปยศแห่งชนชาติได้มากมายจึงสามารถขับไล่มองโกลได้สำเร็จ สถาปนาราชวงศ์หมิงขึ้น การปกครองโดยชาวฮั่นจึงกลับมาอีกครั้งในจีนภาคกลาง ...ทว่า เรื่องแบบนี้สำหรับชาวมองโกลมันคือฝันร้ายและความอัปยศแห่งชนชาติเช่นกัน


 


ดังนั้น เมื่อ "ผังปาน" ปรากฏตัวขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ในฐานะแกนนำในการต่อต้านอำนาจรัฐปัจจุบันสถานะของชาวฮั่นจึงถูกสั่นคลอน ทัศนคติเลวร้ายที่มีต่อมองโกลในยุคที่ชนชาติฮั่นเคยถูกกดขี่กลายเป็นคำพิพากษาให้เขากลายเป็นมารโดยปริยาย ภายใต้วัฏจักรที่ยอกย้อนไปมาระหว่างการผลัดเปลี่ยนอำนาจเช่นนี้ คุณจะมอง "ผังปาน" อย่างไร 


 


ผมมีบทสนทนาในเรื่องท่อนหนึ่งให้พิจารณา


 


เป็นบทสนทนาของ "ผังปาน" กับ "จิงปิงหวิน" ศิษย์สาวคนโตพรรคใหญ่ที่สุดในฝ่ายธรรมมะซึ่งได้รับคำสั่งให้มาสังเกตความเคลื่อนไหวของ "ผังปาน" ซึ่ง "จิงปิงหวิน" คนนี้โตมาด้วยแนวคิดกระแสหลักของสังคมที่มองว่า "ผังปาน" คือ มารร้าย และทุกคนมีหน้าที่กำจัดเหล่ามารร้าย     


 


บทสนทนานี้เกิดขึ้นระหว่างการติดตาม "ผังปาน" ไปจนถึงทุ่งหญ้า ตอนนั้น "ผังปาน" กำลังเล่นกับเด็กๆชาวมองโกลด้วยการทายคำถามว่า "มีใครรู้ไหม อะไรอยู่ในกองหญ้านี้"


 


"ข้าว่า อึ" "ข้าว่าก้อนหิน"  "ไม่ใช่ๆ ในนั้นต้องมีหญ้า" เด็กๆ ตอบ "ผังปาน" จึงตอบว่า " พวกเจ้าอยากรู้จริงหรือ ทำไมไม่แหวกกอหญ้าออกก็จะรู้ว่ากอหญ้านั้นมีอะไร ในเมื่ออยากรู้ความจริง เราก็ต้องค้นด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่แค่การเดา"


 


เมื่อเด็กๆ พากันแหวกกอหญ้า ก็พบกระดาษห่อเนื้อแพะไว้ จึงพากันดีใจ จากนั้นก็วิ่งเล่นกันไปมาพักหนึ่ง เด็กๆ ก็ไปพบกับ "จิงปิงหวิน" "ผังปาง"เดินเข้ามาแล้วดักทางชักชวนให้ไปหาผลไม้มาให้เด็กๆ ทานด้วยกัน เธอจึงยินยอม ออกมาได้ระยะหนึ่ง ทั้งสองจึงหยุดเจรจา โปรดพิจารณา บทสนทนานี้


 


ผังปาน - อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน ทุ่งหญ้ากับจงหยวนต่างกันราวฟ้ากับดิน


จิงปิงหวิน - ในเมื่ออยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน ทำไมไม่อยู่ในขอบเขตของตัวเอง แต่เพ้อฝันจะชิงแผ่นดินฮั่นเล่า


ผังปาน - เรื่องบ้านเมืองท่านรู้แค่ไหน


จิงปินหวิน - ข้ารู้แต่ท่านคือจอมมารร้าย


ผังปาน - ใครบอกท่าน


จิงปินหวิน - คุณธรรมบอกกับข้า


ผังปาน - อะไรคือธรรม อะไรคือมาร ฝ่ายธรรมะเห็นว่าไม่ใช่ชนเผ่าเดียวกันจึงปรักปรำอีกฝ่ายหนึ่งให้เป็นมาร ชาวโลกตาบอดตามกระแสช่างตลกสิ้นดี


จิงปิงหวิน - ไม่มีลมก็ไม่มีคลื่น ท่านไม่ใช่ฝ่ายธรรมมะ ทำไมคนอื่นจึงเห็นเป็นศัตรู


ผังปาน - ข้าขอถามหน่อยว่าเห็นกับตาหรือไม่ว่า คนวังจอมมารชั่วช้าสามาลย์ ทางฝ่ายธรรมมะปากบอกว่ามีหน้าที่กำจัดมารไม่ว่าต่อหน้าหรือว่าลอบกัดก็ตาม แต่วังจอมมารเคยท้าทายฝ่ายธรรมมะหรือไม่ หรือว่าต่างคนต่างอุดมการณ์ วังจอมมารรับฝ่ายธรรมมะได้ แต่ฝ่ายธรรมมะเห็นเราเป็นศัตรู ก็เหมือนกับราชสำนักไม่ยอมรับชาวมองโกล เราอยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน ทำไมชาวฮั่นต้องกดขี่ชาวมองโกลด้วย


จิงปิงหวิน - หรือมองว่ามองโกลกดขี่ชาวฮั่นจึงถูกต้อง


ผังปาน - ราษฎรไม่มีการแบ่งแยกชนชาติ ทุกคนเป็นคนดี รักสันติเสมอ ที่สำคัญคือผู้ปกครองเป็นคนดีหรือคนชั่ว


จิงปินหวิน - ข้าไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย แพ้ชนะไม่มีความหมาย ข้าแค่อยากจะฆ่าท่าน


ผังปาน - ทำไมไม่เอามือของท่านแหวกกอหญ้าออกดูว่า ในนั้นมีอะไรล่ะ?


 


เมื่อบทสนทนาจบลง มีกลุ่มคนฝ่ายธรรมมะ 12 คนมาพบ จึงจะฆ่าทั้งคู่  "จิงปินหวิน" บอกว่า เธอคือศิษย์คนโตของพรรคใหญ่ฝ่ายธรรมมะ แต่ทุกคนไม่เชื่อและลงมือกับเธออย่างไม่ปราณี โดยอ้างว่าทั้งคู่คลุกคลีเจรจากันจะเป็นฝ่ายธรรมะได้อย่างไร


 


"ผังปาน"จึงกล่าวว่า "ท่านเห็นความโง่เขลาของฝ่ายธรรมมะหรือไม่" จากนั้นมาความสับสนในจิตใจก็เกิดขึ้นกับ "จิงปินหวิน"


 


แล้วคุณล่ะ จะมองอย่างไร


 


.............................................


เรื่องราวต่างๆ ที่เล่ามานี้อาจดูเป็นเพ้อเจ้อ แต่กระนั้นก็มาจากเค้าโครงของประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นจริง แต่ที่สำคัญที่อยากชวนคิดคือ สิ่งที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้ตอนนี้ ต่างไปจากเรื่องราวในเรื่องนี้หรือไม่?


 


เป็นจริงหรือไม่ที่ว่า เรายังไม่เคยมองในมุมของคนอื่นให้เห็นสิ่งที่ซ่อนในจิตใจเขาอย่างถ่องแท้


 


สังคมไทยหรือเอาเป็นว่าชาวพุทธในประเทศไทยส่วนใหญ่ตอนนี้มองคนมีเคราสวมหมวกกะปิเยาะห์แบบใด หรือมองผู้หญิงที่คลุมฮิญาบอย่างไร


 


และยิ่งถ้าคนเหล่านี้เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัด พวกเขาถูกตัดสินไปแล้วครึ่งหนึ่งหรือไม่ว่า เป็นผู้ก่อการร้าย หรือในยุทธจักคนเรานี้คงเป็น "จอมมาร" และยิ่งสังคมไทยมองแบบนี้ แล้วผู้มีอำนาจปกครองจะจัดการอย่างไรกับพวกเขาเหล่านั้น


 


หากไม่คิดเข้าข้างว่าตัวเองเป็นคนดี มีคุณธรรม เป็นฝ่ายธรรมะ เมื่อมีสถานการณ์รุนแรงในภาคใต้ ลองอ่านความเห็นท้ายข่าวทางเว็บไซต์ต่างๆ หรือเช็คกระแสอารมณ์ของตัวเองและคนข้างๆ ดู มันเป็นไปในทิศทาง "ฆ่า ฆ่า ฆ่า" หรือไม่ ให้จัดการอย่างรุนแรงเพื่อจะได้หลาบจำใช่หรือไม่


 


นักวิชาการก็พูด นักสันติวิธีก็พูด แต่ทัศนคติแบบนี้ยังคงอยู่อย่างชัดเจน เลยอยากลองนำเสนอผ่านเรื่องเบาๆ อย่างหนังหรือละคร เผื่อว่าเราจะได้ลองมองในมุมคนอื่นดูบ้าง เช่น ตอนนี้เขากินอิ่ม นอนหลับหรือไม่  การที่สมบัติคู่บ้านคู่เมืองอย่างปืนใหญ่พญาตานีที่พวกเขามากว่า 200 ปี แล้วไปตั้งเป็นของโชว์หน้ากระทรวงกลาโหมเขารู้สึกอย่างไร การหายตัวไปของเพื่อนร่วมชนชาติด้วยการอุ้มของเจ้าหน้าที่ทำให้เขารู้สึกอย่างไร หรือข้อมูลเท็จจริงที่พบว่า คนในพื้นที่ 23 คน หายไปโดยที่รัฐไม่มีคำตอบให้ครอบครัวเขามันทำให้เกิดอะไรตามมา


 


การตายที่กรือเซะ และตากใบ ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่รัฐตั้งขึ้นมีข้อสรุปว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุมีการเอาผิดหรือไม่ แบบนี้กระบวนการยุติธรรมในพื้นมีให้พวกเขาแค่ไหน


 


บางทีการมองจากมุมของเขาแบบนี้คงจะทำให้รู้ว่า คนมลายูมุสลิมใน 3 จังหวัด ก็ต้องการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่ได้ภาคภูมิใจกับวิถีชีวิต ประเพณี วัฒธรรม และภาษา แต่ไม่รู้ว่า ทำไมการนำเสนอเรื่องราวที่เห็นพวกเขาเหล่านี้เป็นมนุษย์ทั่วๆ ไปมักจะได้รับการปฏิเสธจากสังคมไทยและยังเรียกร้องให้ใช้ความรุนแรงอยู่ร่ำไป


 


อย่างไรก็ตาม ในมุมกลับ คนมลายูมุสลิมในพื้นที่เองต้องถามใจตัวเองเช่นกันว่า มองคนพุทธซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในพื้นที่จากมุมของเขาแล้วหรือไม่เช่นกัน เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตอนนี้คนบางคนบางกลุ่มในหมู่มลายูมุสลิม ก็กำลังกระทำการอันอยุติธรรมกับคนต่างเชื้อชาติศาสนาเช่นกัน  


 


ลองมองในมุมคนอื่นกันดูบ้างเถอะ


"จงเอามือของท่านแหวกกอหญ้าออกดูสิ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net