Skip to main content
sharethis

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้ใช้เวลานานพอสมควรในการหารือถึงเหตุการณ์วางระเบิดในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ซึ่ง ครม.มีมติที่สำคัญเป็น 2 ประเด็น 1.เรื่องการที่จะต้องหาทางในการนำตัวผู้ดำเนินการมาดำเนินการทางกฎหมายให้ได้ 2.เรื่องการป้องกัน ในเดือนมกราคมนี้จะมีงานสำคัญอีกงานหนึ่งคือ งานวันเด็กแห่งชาติ ในงานนั้นจะมีการป้องกันที่จะไม่ให้เกิดปัญหาอย่างที่ผ่านมาด้วยความรอบคอบ ส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะได้มีการหารือร่วมกัน และเสนอแนวทาง และมาตรการ รวมทั้งวิธีการดำเนินการภายในวันศุกร์ที่ 5 มกราคมนี้ โดยจะมีการชี้แจงทำความเข้าใจให้เยาวชนและผู้ปกครองได้รับทราบว่าเราจะดำเนินการกันอย่างไร ทั้งในเรื่องการจัดงานและมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกับช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา


 


 "ผมได้สรุปในส่วนนี้ว่า ในมาตรการของการระวังป้องกันทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการประสานงาน ดูแลเฝ้าระวังในช่วงระยะเวลาต่อไป ว่าเราจะต้องมีมาตรการอะไรบ้าง มีวิธีการในการเฝ้าตรวจเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง จะใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกส่วนเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง แต่ส่วนที่สำคัญคือการขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน เราคงไม่มีใครอยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลักษณะอย่างนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนว่าภัยในรูปแบบใหม่ที่เราจำเป็นจะต้องหาทางแก้ไขนั้น ต้องการความร่วมมือความเข้าใจจากพี่น้องประชาชน ในการร่วมมือกันระวังให้มากยิ่งขึ้น" พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าว


 


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนหนึ่งที่ได้ดำเนินการในช่วงระยะเวลา 2-3 วันที่ผ่านมานั้น เป็นมาตรการในเบื้องต้น เราจะได้ชี้แจงและทำความเข้าใจในการที่ประชาชนจะให้ความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้น โดยจะรวมศูนย์ของจุดที่จะสามารถรายงาน หากผู้ใดสังเกตเห็นสิ่งที่อาจจะเป็นสิ่งที่น่าสงสัย หรือบุคคลที่น่าสงสัย เราจะกำหนดศูนย์โทรศัพท์ศูนย์กลางรับเรื่องราวต่างๆ นั้น เป็นศูนย์แห่งเดียว เพื่อชี้แจงให้พี่น้องประชาชนรับทราบต่อไป


 


เมื่อสื่อถามว่าผลการสืบสวนของการวางระเบิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม คืบหน้าไปถึงไหน พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า จะหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้ง กอ.รมน.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และจะเรียนให้พี่น้องประชาชนรับทราบความคืบหน้าโดยเร็วที่สุด


 


ส่วนเรื่องการที่ระบุว่าเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองที่สูญเสียผลประโยชน์เป็นเชิงวิเคราะห์ทางด้านการข่าวเท่านั้น ซึ่งจากที่ได้เรียนไปเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ก็เป็นผลการวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ที่ได้วิเคราะห์ว่า จำนวนของวัตถุระเบิดที่วางในจุดต่างๆ ห้วงเวลาที่ได้กำหนดให้เกิดขึ้น และปริมาณ ชนิด ของวัตถุระเบิดที่ใช้งาน น่าจะเป็นการหวังผลทางการเมือง นั่นเป็นการวิเคราะห์ทางด้านการข่าว ยังไม่สามารถที่จะระบุเป้าชี้ชัดลงไปได้อย่างที่ได้เรียนแล้วคือ คงจะรอจากการดำเนินงานจากเจ้าหน้าที่ 


 


 สื่อมวลชนจึงถามต่อว่าเป็นการหวังผลทางการเมืองถึงขั้นไหน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทำให้เกิดความระส่ำระสายขึ้น ลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ที่ดำเนินงาน นั่นเป็นเรื่องที่เราสามารถจะวิเคราะห์ได้เบื้องต้นเพียงเท่านี้ และตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานคงจะขอติดตามข้อมูลจาก กอ.รมน. และ สตช. เพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านั้น 


 


เมื่อถามถึงการดูแลหลังจากนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ได้สั่งให้ดูแลเพิ่มเติมเป็นพิเศษ อย่างที่ปรากฏข่าวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาอยู่แล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลก็จะส่งผู้เชี่ยวชาญมาคอยตรวจสอบในแต่ละจุด สิ่งที่ขอเรียนตรงนี้คือเราพร้อมที่จะรับข้อมูลและพร้อมที่จะตรวจสอบ แต่ขอให้พี่น้องประชาชนได้ให้ความร่วมมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า และจุดที่ประชาชนไปอยู่กันจำนวนมากๆ  หากเห็นอะไรที่ผิดสังเกต น่าสงสัย ช่วยแจ้งมา เราจะดำเนินการแต่ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการจับกุมคนร้าย 


 


จากนั้นสื่อมวลชนซักอีกว่าพูดเหมือนกับว่าพอจะรู้ว่าใครเป็นคนทำแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน นายกรัฐมนตรี จึงย้ำว่าเรียนแล้วว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลจาก สตช.  ยังไม่ได้จากเจ้าหน้าที่ เพียงแต่เป็นการวิเคราะห์เรื่องของการใช้วัตถุระเบิด เรื่องของเวลาและสถานที่ที่วางระเบิด


 


ส่วนเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการก่อเหตุภาคใต้แต่ละครั้งยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ทำไมเหตุระเบิดเกิดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 แต่วันที่ 1 มกราคม 2550 กลับสามารถชี้ชัดได้ว่า ฝ่ายการเมืองเป็นผู้กระทำ พล.อ.สุรยุทธ์ ตอบว่าเป็นการวางน้ำหนักไว้ตรงไหน ไม่ได้ชี้ชัด วางน้ำหนักไว้ว่า ในส่วนของใครเท่านั้นเอง ไม่ได้ชี้บุคคล


 


"สื่อมวลชนเองต้องช่วยทำความเข้าใจตรงนี้ด้วย ผมคิดว่าสื่อมวลชนคงไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก ถ้ามีสื่อแห่งใดที่คิดจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมก็คิดว่าท่านมองภาพในลักษณะที่ไม่น่าจะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมือง" นายกรัฐมนตรี กล่าว


 


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net