ข้อสรุปเวทีประชาธิปไตยประชาชน
เรื่อง รัฐธรรมนูญกับรัฐสวัสดิการ
4 กุมภาพันธ์ 2550 เวทีประชาธิปไตยประชาชน จัดเวทีสาธารณะเรื่อง รัฐธรรมนูญกับรัฐสวัสดิการ โดยมีตัวแทนจากองค์กรต่างๆ เข้าร่วม ได้แก่ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ อาทิ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย และเครือข่ายเยาวชนด้านเอดส์ประเทศไทย เครือข่ายผู้พิการ อาทิ สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย สมาคมคนพิการ สมาคมคนหูหนวก สมาคมเพื่อความก้าวหน้าอาชีพคนตาบอดแห่งประเทศไทย และศูนย์การดำรงชีวิตอิสระ เครือข่ายพนักงานบริการจากมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ สหภาพแรงงานย่านรังสิต นักวิชาการจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พรรคแนวร่วมภาคประชาชน และประชาชนทั่วไป
เนื้อหาจากเวทีสาธารณะ สรุปประเด็นได้ 11 เรื่องที่รัฐธรรมนูญต้องครอบคลุม คือ
- เรื่องสาธารณสุข ต้องทั่วถึง ฟรี และมีคุณภาพ
- การศึกษาต้องให้เรียนฟรีอย่างน้อย 12 ปี (เริ่มตั้งแต่อนุบาล) และประชาชนต้องสามารถจัดการศึกษาได้เองด้วย
- เพื่อสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย รัฐต้องจัดที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับวิถีการดำรงชีวิตให้กับประชาชน
- เด็กก่อนวัยเรียน จำเป็นต้องมีผู้ดูแลทั่วถึง
- รัฐต้องจัดสาธารณูปโภคให้โดยไม่แสวงหากำไร โดยมีคุณภาพ และโดยทั่วถึง
- นอกจากสาธารณูปโภคทั่วๆ ไปแล้ว ในเรื่องระบบการขนส่งมวลชน รัฐต้องดูแลให้ทั่วถึงทั้งกลุ่มคนและพื้นที่ อย่างมีคุณภาพ
- ทุกคนในวัยทำงาน ต้องมีงานทำ และมีการประกันรายได้ขั้นต่ำให้
- คนทำงานทุกคน แรงงานทุกประเภท ต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
- มีการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม
- รัฐต้องส่งเสริมและคุ้มครองคนพิการ ที่ผ่านมา รัฐใช้คำว่าสงเคราะห์ ซึ่งคนพิการไม่ต้องการการสงเคราห์ แต่ต้องการการส่งเสริม เช่น การสนับสนุนรายได้ผู้ช่วยเหลือคนพิการ การเข้าถึงสื่อ
- ต้องมีการดูแลคุ้มครองผู้สูงอายุ ซึ่งควรเริ่มตั้งแต่อายุ 55 ปีขึ้นไป
จากสาระสำคัญดังกล่าว นำไปสู่มาตรการสามประการที่รัฐมีหน้าที่ต้องทำได้แก่
- ต้องเก็บภาษีรายได้ ที่ดิน มรดกในอัตราก้าวหน้า ภาษีการประกอบกิจการที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม ภาษีการค้าจากตลาดหลักทรัพย์ และภาษีอบายมุข ภาษีสินค้าที่ส่งผลต่อสุขภาพ
- รัฐต้องสนับสนุนให้ภาคเอกชน องค์กรเอกชน บุคคล เข้ามามีบทบาทในการดำเนินการ โดยรัฐมีบทบาทในการกำกับ ดูแล
- รัฐต้องจัดงบประมาณสบทบเข้ากองทุนของภาคประชาชน เพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการดำเนินการรัฐสวัสดิการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องเป็นเรื่องที่รัฐจัดให้แต่ฝ่ายเดียว
ข้อเสนอในรัฐธรรมนูญ
จากเวทีสาธารณะดังกล่าว ได้หลักการที่เป็นหัวใจของเรื่องรัฐสวัสดิการในรัฐธรรมนูญสามประการดังต่อไปนี้
- รัฐธรรมนูญต้องครอบคลุมคนทุกคนในประเทศไทย เนื่องจากนี่คือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มิใช่รัฐธรรมนูญแห่งปวงชนชาวไทย
- รัฐธรรมนูญ ต้องป็นกฎหมายที่บังคับในตัวเอง ประชาชนกล่าวอ้างต่อรัฐได้ โดยไม่ต้องรอกฎหมายลูก เพราะที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญมักระบุข้างท้ายไว้ว่า "ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ" ซึ่งทำให้สิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ยังไม่เกิดขึ้นได้จริงทันที แต่ต้องรอกฎหมายลูกก่อน
- รัฐธรรมนูญต้องบัญญัติให้เรื่องเหล่านี้อยู่ในหมวดว่าด้วย "หน้าที่ของรัฐ" ซึ่งที่ผ่านมาแม้จะมีหมวดนี้ แต่ไม่ใช้ชื่อนี้ ทั้งนี้ เพื่อบอกว่ารัฐมีหน้าที่ต้องปฏิบัติต่อประชาชนและต่อรัฐเองอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ หลักการทั้งสามข้อจากเวทีสาธารณะเรื่องรัฐธรรมนูญกับรัฐสวัสดิการนั้น นำไปสู่ความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญสี่ประการ คือ
- มาตรา 4 ที่ระบุว่า "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ และเสรีภาพของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง" ต้องเพิ่มคำว่า "คุณภาพชีวิต" เข้าไปในหลักการพื้นฐานของมนุษย์ด้วย ดังนั้น ความเดิมจะถูกแก้เป็น "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และคุณภาพชีวิตของบุคคล ย่อมได้รับความคุ้มครอง"
- หมวดที่ 3 ของรัฐธรรมนูญ ที่เดิมใช้ชื่อหมวดว่า "สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย" ต้องแก้เป็น "สิทธิและเสรีภาพของประชาชน"
- หมวดที่ 4 ของรัฐธรรมนูญ ที่เดิมใช้ชื่อหมวดว่า "หน้าที่ของชนชาวไทย" ต้องแก้เป็น "หน้าที่ของประชาชน"
- หมวดที่ 5 ของรัฐธรรมนูญ ที่เดิมใช้ชื่อหมวดว่า "แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ" ต้องแก้เป็น "หน้าที่ของรัฐ"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)