Skip to main content
sharethis





การเมือง


คมช.พอใจการร่างรัฐธรรมนูญ มั่นใจปีนี้เลือกตั้งได้แน่นอน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ--โฆษกคมช.เผย คมช.พอใจความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญ มั่นใจจะเป็นไปตามกรอบเวลาที่ตั้งไว้ เชื่อเลือกตั้งภายในปีนี้แน่นอน แม้จะมีกระแสคว่ำประชามติ ยืนยัน คมช.ทุกคนไม่เคยคิดที่จะเล่นการเมืองทั้งในวันนี้และอนาคต แต่เปิดทางหากเข้าสู่วงการเมืองหลังเกษียณก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งต้องเข้าแข่งขันในสนามเลือกตั้งตามระบบ


 


ขณะที่การยกร่างรัฐธรรมนูญ ดำเนินไปตามกระบวนการ วานนี้ (13 ก.พ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) แถลงภายหลังการประชุมคมช. ที่มีพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคมช.เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมคมช.ได้หารือถึงกรอบเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการประสานกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ เห็นว่า การดำเนินการของสภาร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีความคืบหน้าตามลำดับ ทั้งนี้ คมช.ทุกคนจึงมั่นใจว่า ก่อนสิ้นปี 2550 จะมีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


 



"แม้จะมีกระแสข่าวว่า จะมีการลงประชามติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญก็ตาม ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว แต่ช่วงเวลานี้ คมช.จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้เป็นหน้าที่ของสภาร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แต่คมช.จะเข้าไปให้ความเห็น เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว โดยจะระดมความเห็นของกำลังพล ในฐานะที่ คมช.เป็นองค์กรหนึ่งที่จะต้องรับร่างรัฐธรรมนูญมาพิจารณา"


 



ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคมช.กับพรรคการเมืองในลักษณะนอมินี นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคการเมืองโดยตรง ไม่เกี่ยวกับคมช. และคมช.ไม่มีความประสงค์ที่จะเข้าไปดำเนินการร่วมกับพรรคการเมืองทั้งในวันนี้หรือในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการคมช.ได้ชี้แจงแล้วว่าถ้าเป็นเรื่องของการลากยาวเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง และคมช.เข้าไปมีอิทธิพลต่อการบริหารราชการแผ่นดินในวันข้างหน้านั้น ยืนยันว่า คมช.ไม่เคยมีความคิดนี้เลย และไม่ทำอย่างแน่นอน



ส่วนนายทหารที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว จะเข้าไปเกี่ยวข้องถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะพิจารณา แต่ต้องเข้าไปด้วยกลไกของระบอบที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย


 


นักวิชาการเสนอกมธ.ยกร่างฯตั้งสภาพิทักษ์รธน.แก้วิกฤติ


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ--นักวิชาการเสนอคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สร้างกลไกสมานฉันท์ ตั้ง "สภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำหน้าที่แก้ไขวิกฤติบ้านเมือง ห้ามปรามไม่ให้เกิดปัญหาขัดแย้งในสังคม


 



นายทวี สุรฤทธิกุล ประธานกรรมการประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายจรัญ ภักดีธนากุล ประธานคณะอนุกรรมการธิการยกร่างกรอบสถาบันการเมือง เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดตั้ง "สภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" เพื่อดำรงบทบาทสภาผู้นำ ช่วยสร้างระบอบประชาธิปไตยให้มีความมั่นคงมากขึ้น ด้วยการวางระบบความร่วมมือและความปรองดอง เพื่อขจัดความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะกับประเทศที่มีโครงสร้างผู้ที่คอยแสวงหาผลประโยชน์



 


นายทวี ให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมารัฐธรรมนูญไทยยังขาดกลไกในการจัดการกับวิกฤติที่จะเกิดแก่รัฐธรรมนูญ จนเกิดการปฏิเสธหรือทิ้งรัฐธรรมนูญ และเมื่อวิกฤติถึงที่สุด ประชาชนก็ขาดที่พึ่งและก็ชอบที่จะขอคืนพระราชอำนาจให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงมาแก้ไขวิกฤติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสถาบัน และแสดงถึงความอ่อนแอของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยดังที่เห็นมาโดยตลอด


 



ทั้งนี้ สภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญฯ จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นมาตรการที่เชื่อมั่นได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาวิกฤติ โดยสภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญฯ จะประกอบไปด้วยประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และอาจจะรวมไปถึงประธานองคมนตรี ผู้นำฝ่ายค้านหรือประธานองค์กรอิสระอื่นๆ


 



ให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดว่าเหตุการณ์ใดถึงภาวะวิกฤติหรือยัง และนำเรื่องเข้าสู่สภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญฯ และสภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญฯ ก็จะมีหน้าที่สร้างความสมานฉันท์ ใช้มาตรการประนีประนอมในเบื้องต้น หรือถ้าเหตุการณ์ลุกลามก็ให้รีบเข้าแก้ปัญหาโดยเร็ว เช่นสั่งการให้ตำรวจ ทหารปฏิบัติหน้าที่เพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือมอบหมายให้ผู้ที่มีหน้าที่เข้าคลี่คลายปัญหาโดยเร็ว รวมทั้งอาจจะต้องมีหน้าที่ป้องกันสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการรับเอามาเป็นภาระที่ต้องจัดการโดยเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเพื่อมิให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท


 



"สภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญฯ จะไม่มีบทบาทหน้าที่ในเรื่องใด แต่เมื่อมีปัญหาจะสามารถพิจารณากำหนดมาตรการเชิงประนีประนอม เพื่อให้เกิดการเจรจาระหว่างฝ่ายที่มีความขัดแย้ง หรือห้ามปรามไม่ให้เกิดปัญหา รวมถึงมีหน้าที่มอบหมายให้ผู้ที่รับผิดชอบสามารถเข้าไปคลี่คลายความขัดแย้งได้"


 


 


อัยการสั่งฟ้อง"คำตา"นำม็อบปิดล้อมเนชั่น


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ--อัยการสรุปสำนวนแล้ว สั่งฟ้อง "คำตา" กับพวกนำม็อบปิดล้อมอาคารเนชั่น นัดให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ด้าน "คำตา -อรรถฤทธิ์" ไม่หวั่นถูกฟ้อง ระบุปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย พร้อมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ รับฟังคำสั่งฟ้อง


 



นายขวัญชัย ควรคิด อัยการจังหวัดประจำกรมฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 เจ้าของสำนวนคดีม็อบคาราวานคนจนนำคนปิดล้อมอาคารเนชั่น กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนว่า เมื่อได้ตรวจพิจารณารายละเอียดพฤติการณ์ของนายคำตา แคนบุญจันทร์ อดีตแกนนำคนสำคัญของสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน (สกยอ.) ผู้ต้องหากับพวกในครั้งแรก หลังจากที่ได้รับมอบสำนวนและความเห็นจากพนักงานสอบสวน สน.บางนา แล้ว


 



เห็นว่าสำนวนคดียังไม่สมบูรณ์ อัยการจึงได้มอบหมายให้สอบสวนเพิ่มเติมหลายประเด็น อาทิเช่น การขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่หรือไม่ เนื่องจากในสำนวนการสอบสวน ระบุว่า การชุมนุมที่หน้าตึกเนชั่น กลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้เครื่องขยายเสียงด้วย ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นความผิดตามกฎหมาย หากผู้ต้องหาไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่


 



โดยเมื่อพนักงานสอบสวนได้รวบรวมผลสอบสวนเพิ่มเติม ส่งกลับมาให้อัยการพิจารณาครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว ตนจึงมีคำสั่งนัดให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมาฟังคำสั่งแล้วในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น. ซึ่งตนได้มีความเห็นสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดตามความเห็นของพนักงานสอบสวน และได้รายงานการสรุปความเห็นให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 3 และอธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ผู้บังคับบัญชารับทราบตามขั้นตอนการสั่งคดีแล้ว


 



อย่างไรก็ดี ในนัดฟังคำสั่ง หากผู้ต้องหาทั้งหมดมารับทราบคำสั่ง อัยการก็จะนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ทันที แต่ถ้าผู้ต้องหามารายงานตัวไม่ครบทุกคน ก็จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะเลื่อนนัดสั่งคดีออกไปหรือไม่ ซึ่งการเลื่อนคดีเนื่องจากต้องรอผู้ต้องหาทุกคนมารายงานตัวให้ครบ ไม่มีผลต่อความเห็นการสั่งคดี เนื่องจากอัยการมีความเห็นสั่งให้ฟ้องแล้ว


 



ด้านนายคำตา กล่าวว่า หลังจากทราบว่า อัยการได้ฟ้องตนและพวกกรณีปิดล้อมสำนักงานหนังสือพิมพ์คมชัดลึกในส่วนของคดีก็คงต้องปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย หากมีหลักฐานก็ฟ้องกันไป โดยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ก็จะเดินทางไปรับฟังตามหมายเรียกของศาล หากศาลรับฟ้องก็คงต้องประกันตัวออกมา



"ทางเรากับคมชัดลึกก็เข้าใจกันดี ไม่ติดใจอะไร และไม่ได้อาฆาตพยาบาทซึ่งกันและกัน เพราะสิ่งที่เราทำในวันนั้นไม่ได้มีเจตนารมณ์เป็นอย่างอื่น เพียงเพื่อต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เท่านั้น คงปล่อยให้เป็นกระบวนการกฎหมายว่าจะสืบพยานหรือดำเนินการอย่างไร" นายคำตา กล่าว



นายคำตา กล่าวอีกว่า ในเบื้องต้นก็ได้แจ้งข่าวไปยังเพื่อนคนอื่นที่ต้องคดีเดียวกัน ซึ่งทุกคนก็ยืนยันว่า พร้อมที่จะเดินทางไปพบอัยการ



ด้านนายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ รองเลขาธิการกลุ่มคาราวานคนจน กล่าวว่า เพิ่งทราบข่าวเช่นเดียวกัน แต่ก็คงต้องปล่อยให้เป็นกระบวนการในชั้นศาล ซึ่งว่ากันไปตามกฎหมาย "ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ตามหมายเรียก ผมก็คงต้องเดินทางไปพร้อมกับคณะ เชื่อว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น โดยเรื่องนี้ไม่ได้ตกใจอะไร คงปล่อยให้เป็นกระบวนการตามกฎหมายเท่านั้น" นายอรรถฤทธิ์ กล่าว


 


สหภาพการบินไทยค้านเปิดใช้สนามบินดอนเมือง


เว็บไซต์คมชัดลึก--ชี้เอื้อประโยชน์โลว์คอสต์ ชี้บริษัทลงทุนที่สุวรรณภูมิกว่า 2 หมื่นล้าน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ยอมรับยังไม่เตรียมตัว "ธีระ" ยืนยันต้องปิดซ่อมแต่ไม่ปิดสนามบิน นายกฯ ปัดตอบ ชี้เป็นเรื่องกระทรวงคมนาคม


 



แม้แนวคิดการเปิดใช้ 2 สนามบินของรัฐบาลยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้าน ซึ่งล่าสุด หนึ่งในกลุ่มคัดค้านการเปิดใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือสนามบินดอนเมือง กลับเป็นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินของประเทศ


 



เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย 10 คน นำโดยนายสมศักดิ์ ศรีนวล รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย และนายกฤษณ์รัตน์ บูรณะสัมฤทธิ์ รองประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้ยื่นหนังสือเรื่องขอให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่จะนำท่าอากาศยานกรุงเทพ มาใช้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติอีกแห่งหนึ่ง ถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ผ่าน ร.อ.ทวิช ศุภวรรณ หัวหน้าฝ่ายประสานงานมวลชน ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล



นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สหภาพตั้งข้อสงสัยว่าการที่จะเปิดสนามบินดอนเมืองเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ทำให้สายการบินแอร์เอเชีย ซึ่งเป็นสายการบินต่างชาติและสายการบินโลว์คอสต์บางแห่ง เพราะสายการบินดังกล่าวพยายามผลักดันให้สนามบินดอนเมืองเปิดตัวใช้ตั้งแต่ก่อนมีเรื่องรันเวย์และแท็กซี่เวย์ร้าว


 



ชี้บินไทยลงทุนมากแล้ว


รักษาการประธานสหภาพ กล่าวว่า บริษัทการบินไทย ได้ลงทุนในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นจำนวนมากถึง 2 หมื่นล้านบาท ตามนโยบายที่จะเปิดให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินเดียว (single airport) ดังนั้น หากทราบว่ารัฐบาลต้องนำสนามบินดอนเมืองมาใช้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติด้วย การบินไทยก็ไม่จำเป็นที่ต้องลงทุนที่สนามบินสุวรรณภูมิจำนวนมาก ดังนั้น มติ ครม.ดังกล่าวกำลังจะก่อให้เกิดความเสียหายวุ่นวายแก่บริษัทการบินไทยอย่างมาก


 



นายสมศักดิ์ กล่าวถึงข้ออ้างที่ว่าสนามบินสุวรรณภูมิแออัดว่าไม่มีความชัดเจน เพราะความเป็นจริงแล้วได้ไปนับเที่ยวบินที่ขึ้นและลงในสนามบินสุวรรณภูมิพบว่ามีเพียงประมาณวันละ 600 เที่ยว ไม่ได้มากถึงวันละ 1,000 เที่ยวอย่างที่อ้าง


 



"ที่ประชุม ครม.อาจจะมีมติออกมาโดยได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว ไม่ได้รับฟังข้อดีข้อเสียทั้งหมด จึงขอให้มองอย่างรอบด้าน เนื่องจากการแก้ปัญหาอย่างหนึ่งอาจส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาหลายๆ เรื่องตามมา" รักษาการประธานสหภาพ กล่าว


 



ส่วนนายกฤษณ์รัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้สายการบินใหญ่ๆ ไม่ต้องการกลับไปดอนเมือง เนื่องจากไม่ต้องการลงทุนซ้ำซ้อนกับที่ลงทุนที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ยกเว้นสายการบินไทยแอร์เอเชียที่จะไปดอนเมือง การมีสนามบิน 2 แห่งจะทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบายอย่างยิ่ง


 



"ธีระ"ยันปิดสุวรรณภูมิบางส่วน


พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายต่อตระกูล ยมนาค ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายรันเวย์และแท็กซี่เวย์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะนำผลสรุปการตรวจสอบเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.พิจารณารายละเอียด เพื่อเสนอให้กระทรวงคมนาคมและครม.พิจารณาต่อไป ซึ่งเมื่อกระทรวงได้รับข้อมูลก็จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือในรายละเอียดเพื่อกำหนดแนวทางความชัดเจนของการดำเนินงานที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากจำเป็นต้องปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิบางส่วนเพื่อซ่อมแซมก็ต้องดำเนินการ แต่จะไม่ปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งหมดแน่นอน


 



 "เราเชื่อผลตรวจสอบในระดับหนึ่ง แต่เพื่อความแน่นอนนั้น ทราบว่าพล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ ทอท.จะจ้างที่ปรึกษาจากต่างชาติมาตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นเป็นการแก้ไขที่ตรงจุด ส่วนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเปิดแล้วจะไม่หยุดให้บริการแน่นอน เพราะใช้เงินลงทุนไปมหาศาลก็ต้องใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่า" รมว.คมนาคม กล่าว


 



ส่วนปัญหาความไม่ปลอดภัยในอาคารผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีอยู่ประมาณ 30 จุดนั้น พล.ร.อ.ธีระ กล่าวว่า ผู้บริหาร ทอท.รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว และอยู่ระหว่างการแก้ไข


 



เตรียมเรียกสายการบินถก


พล.ร.อ.ธีระ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ กระทรวงจะเชิญตัวแทนสายการบินทุกแห่งเข้ามาหารือเกี่ยวกับการย้ายบริการบางส่วนจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังดอนเมืองเพื่อลดความแออัด ขณะที่จะต้องปิดการใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อซ่อมแซมรันเวย์และแท็กซี่เวย์ โดยการย้ายไปจะยึดหลักความสมัครใจของแต่ละสายการบิน


 



 "ถ้าหากทุกอย่างพร้อม ผมจะไม่ลังเล ผมไม่ได้ไปดึงเกมอะไร ไม่เคยปกป้องความผิดใครเพราะผมไม่ใช่ฝ่ายไหนทั้งสิ้น" รมว.คมนาคม กล่าว


 



พล.ร.อ.ธีระ กล่าวด้วยว่า กระทรวงคมนาคมตั้งใจจะคิดค่าธรรมเนียมทั้งสองสนามบินในอัตราเท่ากัน โดยจะถือว่าสนามบินดอนเมืองเป็นสนามบินนานาชาติ ตามที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ แม้จะมีสายการบินบางสายยังไม่เห็นด้วยกับการย้ายกลับไปใช้สนามบินดอนเมือง


 



พล.ร.อ.ธีระ กล่าวเสริมว่า ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ คณะกรรมการ ทอท.จะพิจารณาผลการตรวจสอบสภาพความเสียหายสนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นจะรายงานให้ทราบก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งในเบื้องต้นผลการตรวจสอบพบว่าไม่เสียหายมาก จึงไม่จำเป็นต้องปิดสนามบินทั้งหมด


 



"ขั้นตอนต่อไป คงจะมีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาตรวจสอบในรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนกรณีที่นายต่อตระกูล ระบุว่าอาคารผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจึงจะเข้าไปตรวจสอบเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป ตอนนี้จุดที่น่าเป็นห่วงคือแผงควบคุมวงจรไฟฟ้าบนเพดานที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารได้ เพราะอุณหภูมิในจุดนี้ไม่ควรเกิน 40 องศา แต่ตอนนี้พบว่าอุณหภูมิสูงขึ้นไปถึง 50 องศาแล้ว ซึ่งทราบว่าทอท.กำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ หากจะปิดซ่อมแซมก็คงปิดเป็นจุดๆ ไม่ต้องปิดทั้งอาคาร ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบ้าง จึงต้องเปิดสนามบินดอนเมืองรองรับไว้" รมว.คมนาคม กล่าว


 



บินไทยลังเลย้ายกลับดอนเมือง


เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การบินไทยยื่นหนังสือคัดค้านการเปิดท่าอากาศยานกรุงเทพเป็นท่าอากาศยานนานาชาติว่า เป็นสิทธิของสหภาพที่จะดำเนินการได้ และเชื่อว่าสหภาพดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของการบินไทย


 



ส่วนแนวทางการดำเนินงานของฝ่ายบริหารนั้น กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย กล่าวว่า ยังต้องรอความชัดเจนของแผนการย้ายเที่ยวบินมาที่ท่าอากาศยานกรุงเทพก่อนว่าจะเปิดให้บริการเที่ยวบินทั้งในประเทศและต่างประเทศหรือไม่ หากเป็นเที่ยวบินต่างประเทศต้องเป็นเที่ยวบินลักษณะใด



 "การบินไทยยังไม่ตัดสินใจว่าจะกลับไปใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพหรือไม่ เพราะต้องรอนโยบายของรัฐบาลก่อน รวมทั้งต้องรอผลสรุปก่อนว่าการใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ จะกำหนดเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำหรือสายการบินทั้งหมด" เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าว


 



ม.หอการค้าเตือนรัฐคิดให้รอบคอบ


นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายให้ไทยใช้ท่าอากาศยานกรุงเทพและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติทั้งสองแห่งว่าอยากให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนจะทำให้ขาดความมั่นใจต่อธุรกิจการบินและกระทบต่อการเป็นศูนย์กลางการบิน เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะใช้ดอนเมืองเพียงชั่วคราวหรือถาวร เพราะหากใช้ถาวรต้องมีระบบขนส่งที่เชื่อมโยงระหว่างสองสนามบิน (แอร์พอร์ตลิ้งค์) ที่ต้องลงทุนและวางแผนล่วงหน้า เพราะความเป็นศูนย์กลางการบินจะต้องเป็นวันสต็อปเซอร์วิส


 



ด้านนางเสาวณี ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิบการบดี ฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การบิน กล่าวว่า ธุรกิจการบินมีมูลค่านับแสนล้าน หากต้องแบ่งลงทุนเป็น 2 จุด จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ผู้บริหารประเทศควรดำเนินการเป็นเรื่องภายใน เพื่อให้เกิดความชัดเจนแล้วค่อยประกาศ เพราะการเปลี่ยนนโยบายไปมาจะทำให้ขาดความเชื่อมั่น และหากปิดหรือย้ายสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศชาติก็จะเสียหายมหาศาล เพราะธุรกิจได้ลงทุนไปแล้ว และวางแผนว่าจะคุ้มทุนเมื่อใด อย่างไร


 



ครม.ปัดถกผลสอบสุวรรณภูมิ


เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการพิจารณาถึงผลสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาการชำรุดของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีนายต่อตระกูล ยมนาค เป็นประธาน



เมื่อถามว่าในข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับรายงานคิดว่าสมควรจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิก่อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐมนตรีคมนาคมซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงจะตอบได้ตรงกว่า เพราะข้อมูลจะรายงานถึงท่านก่อนที่จะมายังตน


 







เศรษฐกิจ


เพิร์ก ชี้ ปัญหาการเมืองยืดเยื้อเป็นเหตุความเสี่ยงในไทยทะยานลิ่ว


 


ผู้จัดการออนไลน์--เอเอฟพี - เพิร์กเผยผลสำรวจ ชี้ความเสี่ยงในไทยทะยานลิ่ว จากปัญหาการเมืองภายในยืดเยื้อ รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความไม่สงบทางสังคม ขณะที่สิงคโปร์ขึ้นแท่นอันดับ 1 เศรษฐกิจมีความเสี่ยงน้อยที่สุด ด้านอินโดนีเซียรั้งท้ายตารางเศรษฐกิจมีความเสี่ยงสูงสุดในเอเชีย


 


บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและการเมือง (เพิร์ก) เปิดเผยผลการจัดอันดับ 14 ประเทศในเอเชียฉบับล่าสุดวันนี้ (13) เสริมอีกว่า "สภาวการณ์ต่างๆในไทยมีแนวโน้มจะเสื่อมถอยลงอีกในปี 2007"


 


"ไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างชาติอาจพากันจับตามองอย่างใกล้ชิดมากที่สุดต่อไปอีกหลายเดือน เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวที่อาจเป็นภัยเสี่ยงต่อธุรกิจ" เพิร์กกล่าว


 


ผลสำรวจชิ้นนี้จะให้คะแนนจากดี-เลว ด้วยการให้แต้ม 0-10 โดยแดนลอดช่องได้คะแนนโดยรวมดีที่สุดในเอเชียอยู่ที่ 2.74 แต้ม นำหน้าญี่ปุ่นซึ่งมีคะแนนเป็นอันดับ 2 รวม 3.13


 


อย่างไรก็ตาม แม้สิงคโปร์จะมีคะแนนต่ำกว่าออสเตรเลียซึ่งมีคะแนน 2.69 แต้ม แต่ก็ยังสูงกว่าแต้ม 3.15 คะแนนของสหรัฐฯ ทั้งนี้ เหตุที่เพิร์กได้นำออสเตรเลียและสหรัฐฯเข้ามาพิจารณารวมในผลสำรวจชาติเอเชีย เพื่อเป็นพื้นฐานในการเปรียบเทียบข้อมูลเท่านั้น


 


เมื่อตัด 2 ประเทศนี้ออกจากการพิจารณา ฮ่องกงได้คะแนนมาเป็นอันดับ 3ไล่หลังญี่ปุ่นด้วยคะแนน 3.33 ขณะที่อันดับรองๆลงมา คือมาเลเซีย (4.66) ไต้หวัน (4.76) เกาหลีใต้ (4.78) และเวียดนาม (5.36)


 


ส่วนจีน (5.44) ได้อันดับ 8 ตามมาคือไทย (5.49) ฟิลิปปินส์ (5.74) อินเดีย (6.24) และสุดท้ายคืออินโดนีเซีย (6.79)


 


ผลสำรวจฉบับนี้เป็นการจัดอันดับความเสี่ยงด้านต่างๆของแต่ละประเทศ โดยพิจารณาจากสภาวะการเมืองภายในประเทศ ความไร้เสถียรภาพทางสังคม สถาบันต่างๆ รวมไปถึงทรัพยากรมนุษย์ ปัจจัยทางกายภาพไปจนถึงพัฒนาการภายนอกประเทศ นำมาเฉลี่ยเป็นคะแนนโดยรวม


 


อย่างไรก็ตาม แม้สิงคโปร์จะมีคะแนนนำในภาพรวม ทว่า ปัจจัยพิจารณาด้านการเมืองภายในประเทศ "ถดถอยลงเล็กน้อย" เมื่อเทียบกับ 5 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเกิดภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นด้วย


 


แนวโน้มที่สิงคโปร์จะตกอยู่ในสภาพเสี่ยงภัยจากพัฒนาการภายนอกนั้น เป็นสาเหตุมาจากการที่ภาคบริษัทของแดนลอดช่องขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศซึ่งมีความเสี่ยงสูง เกินกว่าอำนาจการควบคุมจัดการของรัฐบาลสิงคโปร์


 


"เห็นได้จากกรณีการเข้าไปลงทุนในบริษัทชินคอร์ปของเทมาเส็ก ส่งผลให้สิงคโปร์ตกอยู่ในภาวะเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดปัญหาใหม่ๆด้านเศรษฐกิจและการทูต" เพิร์กกล่าว


 


 


ครม.อนุมัติยุบเอสเอ็มแอลดันคพพ.แทน


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ--ครม.อนุมัติเปลี่ยนโครงการเอสเอ็มแอล เป็นโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแทน พร้อมกันงบ 5 พันล้านบาท จัดสรรให้หมู่บ้านที่มีศักยภาพ ผลศึกษามหาวิทยาลัย นเรศวร ชี้เอสเอ็มแอลไม่สามารถแก้จน


 



นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ยุติการดำเนินการโครงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน หรือโครงการเอสเอ็มแอลและเห็นชอบให้มีโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงแทน โดยลักษณะการดำเนินงานนั้น จะยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับหลักคุณธรรมในการบริการจัดการ



ทั้งนี้ ครม.รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง (คพพ.) ที่มีตนเป็นประธาน นายวีระชัย วีระเมธีกุล รองเลขานายกฯ ฝ่ายการเมือง และ พล.อ.พงษ์เทพ เทพประทีป เลขาธิการนายกฯ เป็นรองประธาน และกรรมการจากหน่วยที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดตั้งสำนักงานพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง (สพพ.) ทำหน้าที่ธุรการและอำนวยความสะดวกกับ คพพ.


 



นายโฆสิต กล่าวว่า โครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนฯ เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง หลังจากที่ ครม.มีมติอนุมัติยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขไปแล้ว โดยโครงการนี้คล้ายกับโครงการเอสเอ็มแอล แต่แตกต่างกันที่แนวคิดและหลักการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งเอสเอ็มแอลจัดสรรตามขนาดหมู่บ้าน แต่โครงการนี้จัดสรรงบให้โครงการที่มีประสิทธิภาพและตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง


 



"จะนำโครงการเอสเอ็มแอลมาดู แล้วจะพิจารณาว่าจะมีการต่อยอดอย่างไรบ้าง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ปรับแก้จุดอ่อนของโครงการเอสเอ็มแอล ที่ให้เงินแต่ขาดการจัดการ ส่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนชื่อ เพราะมีแนวทางการจัดการที่ต่างกัน" นายโฆสิต ระบุ


 



ทั้งนี้ ในปี 2549 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบกลางโครงการเอสเอ็มแอล 9.67 พันล้านบาท แต่ยังไม่ได้จัดสรรไปให้หมู่บ้านและชุมชน ดังนั้น จะมีการปรับงบดังกล่าวไปใช้ในโครงการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนฯ เป็นวงเงิน 5 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข



อย่างไรก็ตาม สำหรับหลักการการจัดสรรงบนั้น คณะกรรมการ คพพ.จะเป็นผู้พิจารณาในหลักเกณฑ์อีกครั้ง และคาดว่าจะมีการประชุมกันในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยคาดว่างบประมาณจะลงสู่หมู่บ้านและชุมชนประมาณเดือนมีนาคมนี้


 



นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผลวิจัยเชิงลึกของมหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัย พบว่าโครงการเอสเอ็มแอล ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 64.5% นำไปสู่ความพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ 64.9% แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า โครงการนี้สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้


 



อย่างไรก็ตามหากยุติโครงการลง โดยไม่มีโครงการใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึง หรือสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน อาจก่อปฏิกิริยาในเชิงลบได้


 


 


ธ.ก.ส.ขอคลังเพิ่มทุนหมื่นล้านรับเกณฑ์ธปท.


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ--ธ.ก.ส.วอนคลังเพิ่มทุน 1 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งสำรองตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ของ ธปท.คาดช่วง 2-3 ปีหน้า ใช้เงินตั้งสำรองประมาณ 8-9 พันล้านบาท


 



นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ ทำให้สถาบันการเงินต้องตั้งสำรองใหม่ตามเกณฑ์ ซึ่ง ธ.ก.ส.พร้อมดำเนินการตามข้อกำหนด โดยปีแรกจะใช้เงินตั้งสำรองประมาณ 4,000 ล้านบาท และในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะใช้เงินทุนในการตั้งสำรอง ประมาณ 8-9 พันล้านบาท โดยธนาคารจะทยอยตั้งสำรองเป็นเวลา 3 ปี



 


ทั้งนี้กรณีหนี้เสียที่เกิดขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อ หากปล่อยสินเชื่อ 100 บาท จะตั้งสำรอง 40% ในปีแรก ส่วนปีที่ 2 ยังค้างชำระอยู่จะตั้งสำรอง 70% และตั้งสำรองเพิ่มเป็น 100% ในปีที่ 3 แต่หากสินเชื่อรายใดเสี่ยงต่อการเป็นหนี้สงสัยจะสูญก็คงตั้งสำรอง 100% ในปีแรก โดยจะพิจารณาที่วัตถุประสงค์ของเงินกู้ว่า ใช้สำหรับลงทุนในระยะยาว หรือกู้เพื่อใช้เงินทุนหมุนเวียนของเกษตรกร


 



เขากล่าวว่า ทุนดำเนินการที่ใช้ในการปล่อยสินเชื่อ ปัจจุบันมีประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้เสนอกระทรวงการคลังให้พิจารณาเพิ่มทุนอีก 10,000 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 2,000 ล้านบาท


 



"ธ.ก.ส.ไม่ได้กันเงินทุนสำรองส่วนนี้ไว้ตั้งแต่ต้น และยังไม่มีนโยบายสร้างรายได้จากเงินฝาก หรือนำไปคอนเวิร์ท   และไม่มีนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้   จึงต้องขอเงินจากรัฐมาสำรองไว้   โดยขณะนี้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อไป 4.8 แสนล้านบาท" นายธีรพงษ์ กล่าว


 



ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ยังไม่สามารถปรับลดลงได้ในช่วงนี้ เพราะในช่วงการดำเนินงานปีบัญชี 2549 ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วถึง 1% แต่ปีบัญชี 2550 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 เมษายนนี้ ต้องพิจารณาอีกครั้ง


 



นายธีรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ธ.ก.ส.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง กับนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ประธานกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย โดยมีความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจของสมาชิกเกษตรกรตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การสนับสนุนสินเชื่อให้แก่กลุ่มเกษตรกรเพื่อการผลิตภาคการเกษตร การส่งเสริมเงินทุนกลุ่มเกษตรกรประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้


 



การส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มเกษตรกร มีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และส่งเสริมการระดมทุนเรือนหุ้นจากสมาชิก เพื่อให้มีเงินทุนเพียงพอในการทำธุรกิจ



ทั้งนี้กลุ่มเกษตร ดังกล่าว มีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 7,384 คน แยกเป็น 99 กลุ่ม กลุ่มละ 50 คนขึ้นไป ซึ่งสมาชิกรายใดสนใจจะลงทุนให้เสนอแผนการลงทุน ผ่านกลุ่มเพื่อขอกู้เงินลงทุนในอัตราดอกเบี้ยพิเศษอัตรา 5.50% โดยกำหนดวงเงินเพื่อสนับสนุนโครงการนี้รวม 1,000 ล้านบาท   วิธีการดังกล่าวจะส่งผลให้เกษตรกร ประสบผลสำเร็จในการประกอบอาชีพ   ลดต้นทุนในการผลิต และความเสี่ยงในการชำระหนี้ลดลง


 



นายอุบลศักดิ์ กล่าวว่า   สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์   ตามการช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์โครงการพิเศษ   โดยจะชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้   5% ดังนั้น จะรับภาระการจ่ายอัตราดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส. เพียง 0.50% เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ดี


 


ที่ปรึกษานายก อบจ.ตรังชี้ประชาชนในเขต IMT-GT ต้องตื่นตัวด้านภาษาและวัฒนธรรม


กรมประชาสัมพันธ์--ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เผย ชาวตรังจะต้องมีการปรับตัวเรียนรู้ภาษาต่างประเทศให้เข้มแข็งมากขึ้น เพราะโครงการ IMT-GTจะช่วยเพิ่มจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาจังหวัดตรัง



นายสิทธิ หลีกภัย ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง กล่าวถึงโครงการเศรษฐกิจความร่วมมือสามฝ่าย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยว่า เป็นโครงการความร่วมมือของทั้ง 3 ประเทศภายในกรอบของอาเซียน   ซึ่งจังหวัดตรังเข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมีภาคเอกชนเป็นแกนผู้นำ ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล ซึ่งคอยรับฟังปัญหาพร้อมกับหาแนวทางแก้ปัญหาให้เท่าที่จะทำได้



นายสิทธิกล่าวต่อไปว่า โครงการ IMT-GT จะส่งผลดีต่อจังหวัดตรังมนหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะภาคของการท่องเที่ยวจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจังหวัดตรังเพิ่มมากขึ้น   และประชาชนที่จะไปทำงานในเขต IMT-GT ของประเทศอื่นก็ทำได้ง่ายขึ้น   ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตจะมีระบบการขอใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวเป็นระบบเดียวกัน   ดังนั้นประชาชนชาวตรังควรมีความตื่นตัวและเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ให้มากขึ้น เพราะการที่ประเทศดังกล่าวเข้ามาลงทุนในจังหวัดตรัง ประชาชนชาวตรังจะต้องสื่อสารกับนักลงทุนต่างชาติได้ นอกจานี้ผู้ประกอบการร้านอาหารต่างๆ ก็ต้องมีความเข้าใจว่าประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซีย มีชาวมุสลิมมากเป็นอันดับต้นๆของโลก   ดังนั้นร้านอาหารต่างๆควรจะมีการเรียนรู้วิธีการทำอาหารอิสลาม ในส่วนของโรงแรมต่างๆ ก็ควรที่จะมีห้องละหมาด   เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา


 







การศึกษา


ศธ.เพิ่ม 3 สพท.ใต้เตรียมใช้เกณฑ์พิเศษคัด ผอ.


เว็บไซต์เดลินิวส์ -- ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องปรับปรุงแก้ไขการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาและกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขประกาศ ศธ.เรื่องกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา ฉบับวันที่ 7 กรกฎาคม 2546 โดยกำหนดเขตพื้นที่ฯเพิ่มเติมในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จังหวัดละ 1 เขต รวมเพิ่ม 3 เขต และแบ่งใหม่ดังนี้ ยะลา เขต 1 ประกอบด้วย อ.เมืองยะลา อ.รามัน และอ.กรงปินัง โดยสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ยะลา เขต 1 ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองยะลา, ยะลา เขต 2 ประกอบด้วย อ.บันนังสตา อ.ยะหา และอ.กาบัง สพท.ตั้งอยู่ที่ อ.บันนังสตา, ยะลา เขต 3 ประกอบด้วย อ.เบตง และ อ.ธารโต สพท.ตั้งอยู่ที่ อ.เบตง


 



ปัตตานี เขต 1 ประกอบด้วย อ.เมืองปัตตานี อ.ยะหริ่ง อ.ปะนาเระ และ อ.หนองจิก สพท.ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองปัตตานี, ปัตตานี เขต 2 ประกอบด้วย อ.โคกโพธิ์ อ.ยะรัง อ.มายอ และ อ.แม่ลาน สพท. เขต 2 ตั้งอยู่ที่อ.โคกโพธิ์, ปัตตานี เขต 3 ประกอบด้วย อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น อ.กะพ้อ และ อ.ทุ่งยางแดง สพท.ตั้งอยู่ที่ อ.สายบุรี, นราธิวาส เขต 1 ประกอบด้วย อ.เมืองนราธิวาส อ.บาเจาะ อ.ยี่งอ อ.รือเสาะ และ อ.ศรีสาคร สพท.ตั้งอยู่ที่ อ.เมืองนราธิวาส, นราธิวาส เขต 2 ประกอบด้วย อ.สุไหงโก-ลก อ.สุคิริน อ.แว้ง อ.ตากใบ และอ.สุไหงปาดี สพท. ตั้งอยู่ที่ อ.สุไหงโก-ลก และ นราธิวาส เขต 3 ประกอบด้วย อ.ระแงะ อ.จะแนะ และ อ.เจาะไอร้อง สพท. ตั้งอยู่ที่ อ.ระแงะ ทั้งนี้เพื่อให้มีความสอดคล้องกับแนวทางการบริหารและจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในเขตพัฒนาพื้นที่พิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ


 



ต่อข้อถามถึงข้อเสนอของคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.) วิสามัญเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธาน ที่ได้เสนอให้แยกการคัดเลือกผู้อำนวยการ (ผอ.) สพท. ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษฯ ออกมาจากการคัดเลือก ผอ.สพท.ตามปกติ และให้ตั้งเงื่อนไขว่าผู้ที่จะมารับตำแหน่งผอ.สพท.ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษฯ จะต้องไม่ขอย้ายเป็นเวลา 4 ปีนั้น ศ.ดร.วิจิตร กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่าควรต้องแยกการคัดเลือก ผอ.สพท.ในเขตพื้นที่พัฒนาพิเศษฯ ออกมาจากการคัดเลือก ผอ.สพท.ทั่วประเทศ เพราะเป็นเขตพื้นที่พิเศษ จึงควรใช้กลไกพิเศษ และเห็นด้วยกับกำหนดห้ามย้ายออกเป็นเวลา 4 ปี เพราะมิฉะนั้นจะมีการขอย้ายออกอยู่เรื่อย ๆ ทั้งนี้ต้องมีการประกาศหลักเกณฑ์ให้รู้ล่วงหน้า หากใครไม่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดก็ไม่ควรสมัคร


 







คุณภาพชีวิต


ก.สวล.ฯ ฟิลิปปินส์ เฝ้าระวังนกอพยพ ป้องกันเชื้อไข้หวัดนก


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค--นายแองเจโล เรเยส รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติฟิลิปปินส์ กล่าวว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลฟิลิปปินส์ กำลังเฝ้าระวังนกอพยพในพื้นที่ชุ่มน้ำทั่วประเทศที่ยังคงปลอดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนก นายเรเยส ขอร้องให้ประชาชนช่วยเหลือรัฐบาลคอยสอดส่องการตายของทั้งสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้ในบ้าน แม้ว่า ในขณะนี้ฟิลิปปินส์ จะปลอดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนกก็ตาม แต่โอกาสเสี่ยงที่เชื้อจะเข้ามาแพร่ระบาดยังคงมีอยู่ เนื่องจากสถิติการพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ยังคงเพิ่มขึ้นทั้งในแถบเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบเชื้อรายใหม่ในหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อียิปต์ ไนจีเรีย ฮังการี และรัสเซีย


 


นายเรเยส ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการลักลอบนำนกป่าและสัตว์ปีกอื่น ๆ เข้าประเทศผ่านทางท่าอากาศยานและท่าเรือ และกระทรวงเกษตรได้ออกคำสั่งห้ามนำเข้าสัตว์ปีกจากพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้หวัดนกแล้ว


 


อินโดนีเซียเผชิญโรคระบาดหลังน้ำท่วม


กรมประชาสัมพันธ์ -อินโดนีเซียกำลังเผชิญกับโรคระบาดหลังน้ำท่วมในกรุงจาการ์ตา ทำให้โรงพยาบาลต่างๆเต็มไปด้วยผู้ป่วย


 



โรงพยาบาลต่างๆ ในกรุงจาการ์ตากำลังประสบปัญหาผู้ป่วยจำนวนมากเนื่องจากมีผู้ปกครองพาบุตรหลานมาเข้ารับการรักษาอาการท้องร่วงซึ่งมีสาเหตุมาจากการดื่มน้ำไม่สะอาด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังพบโรคฉี่หนูระบาดด้วยซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตือนให้ทุกฝ่ายเร่งกำจัดขยะและเศษซากอาคารที่พังเสียหายจากน้ำท่วมให้หมดไปโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคตามชุมชนแออัดต่างๆแล้ว


 



ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงจาการ์ตา เพิ่มขึ้นเป็น94 คนแล้ว และยังมีประชาชนไร้ที่อยู่อาศัยอีกเกือบ8 หมื่นคน


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net