นักดนตรี

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ







นำเสนอข้อเขียนของ แกนนำเยาวชน โครงการเยาวชนรู้เรียน Right to know (RTK) ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสื่อสารเรื่องเอดส์และเรื่องเพศแก่เยาวชน ดำเนินการโดย มูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ (เอดส์เน็ท) สำนักงานภาคเหนือ สนับสนุนงบประมาณโดยองค์การยูนิเซฟประเทศไทย

 

 

บิ๊ก



สวัสดีครับ…ท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมเป็นคนเชียงใหม่โดยกำเนิด บ้านผมอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ครับ บรรยากาศรอบๆ บ้านไม่ค่อยสงบเท่าไรนัก ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน มันจริงอยู่แล้วว่าในตัวเมืองก็ต้องวุ่นวายเป็นธรรมดา ตอนกลางวันรถราก็ติดกัน ยิ่งวันเปิดเรียนยิ่งติด กลางคืนก็จะมีพวกเด็กวัยรุ่นใจร้อน นักขับรถกวนเมืองทั้งหลายแหล่ มาขับรถซิ่งกันทุกคืน จนเป็นที่ชินหูชินตาของคนแถวนั้นไปหมดแล้ว


 

เท่าที่คุณเห็นคุณคิดว่าในตัวเมืองเชียงใหม่ หรือว่านอกเมืองเชียงใหม่มีอะไรบ้างละ เท่าที่เห็นหลักๆ เลยนะ อย่างแรกคือ สถานบันเทิง ร้านเกม ห้องซ้อมดนตรี ตึกรามบ้านช่อง แต่ที่เห็น จะมีเยอะเลยนะก็คงหนีไม่พ้น "ร้านเหล้า" จำนวนเด็กทั้งในตัวเมืองและนอกเมือง ที่เที่ยวสถานบันเทิงต่างๆ ในเชียงใหม่ มีมากมายเหลือเกิน

 

จนปัจจุบันนี้มีร้านเหล้ามากจนเกือบจะล้นจังหวัดอยู่แล้ว มีเยอะกว่าวัดเสียอีก ตามกฎหมายเด็กที่อายุไม่ถึง 18 ปี เขาห้ามเข้าไปใช้บริการสถานบันเทิง ห้ามจำหน่ายบุหรี่ และ สุราให้กับเด็กเหล้านี้ แต่เท่าที่ผมเห็นมา เด็กทั้งนั้นแหละที่ซื้อกัน เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เข้าไปใช้บริการสถานบันเทิงมีเยอะ และมากกว่าคนที่เขาอายุ 18 ขึ้นไปเสียอีก "ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ" เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันยั่วยุพวกเขาเสียเหลือเกิน ใครมันห้ามใจไหว และ"ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น" ผมเริ่มเที่ยวตั้งแต่อายุ 13-14 ปี ตั้งแต่สมัยร้านเหล้ายังมีบางตาอยู่ และกฎหมายก็ยังไม่เคร่งครัดนัก มันเป็นวัยเที่ยวแล้วนี่ ยิ่งเป็นเด็กในตัวเมืองด้วย "เพื่อน เพื่อน เพื่อน" เพราะว่าเรามีเพื่อนเยอะ เลยตามๆ กันไปเที่ยวในที่ต่างๆ บางครั้งที่เที่ยว ก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ้าง แต่นั่นมันสมัยก่อน ทุกคนก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ความรุนแรงก็ลดน้อยลงแทบจะไม่มีให้เห็นเลยด้วยซ้ำ

 

สมัยก่อนผมไม่ได้เอาแต่เที่ยวอย่างเดียวนะ เวลาผมว่างๆ ผมก็หาอะไรทำสักอย่าง โดยผมไม่ปล่อยเวลาให้ว่างโดยไร้ประโยชน์ "ผมฝึกเล่นกีตาร์" กีตาร์ที่ผมเล่นตอนนั้น ผมไม่มีเป็นของตัวเองหรอก เพราะว่าไม่ค่อยมีเงินไปซื้อ ผมยืนของเพื่อนผมเล่นเอาดอง พอผมเริ่มเล่นได้คล่องขึ้นผมก็เก็บเงินซื้อเอง คุณลองคิดดูเด็กอายุ 14 เก็บเงินซื้อกีตาร์ด้วยตนเอง ในราคา 800 บาท สมัยก่อนยิ่งแล้ว เงินทองหายากมาก เก็บเงินค่าขนมที่ไปเรียนกลับมาหยอดกระปุก จนได้ 800 บาท ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

 

กีตาร์ยี่ห้อที่ผมซื้อคือ ยี่ห้อ JOJO ตอนนี้มันพังอยู่ในบ้านผมนั่นแหละ พังตอนทะเลาะกับพ่อ พ่อผมดูถูกผมว่า ผมเล่นไม่ได้เรื่องหรอกดนตรี พ่ออยากให้ผมเป็นทหาร ต้องไปสอบนายร้อย แต่ผมรักที่จะเป็นของผมอย่างนี้ พ่อเลยทุบกีตาร์ผมพัง

 

ความรู้สึกตอนนั้น มันเหมือนกับว่าเราเสียอะไรที่เรามองเห็นมันอยู่ทุกวันไปอย่างหนึ่ง แต่เวลามันก็ผ่านมานานแล้ว ผมมีกีตาร์ตัวใหม่แล้ว ตั้งแต่นั้นผมก็ขยันเล่นดนตรีมาตลอด ผมจำไม่ได้ว่า ผมเล่นดนตรีมานานเท่าไหร่ เพราะว่าผมตั้งใจที่จะเล่นมันไปเรื่อยๆ

 

ฮั่นแน่! คุณคงคิดว่าผมเล่นกีตาร์อ่ะดิ  ตอนนี้ผมตีกลองครับ คุณอาจจะงงว่า เล่นกีตาร์มา ทำไมตอนนี้มาตีกลอง เรื่องมันไม่ยาวเท่าไหร่หรอก แต่คนเรามันก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรกันบ้าง ผมเล่นกีตาร์ เบส กลอง เป็นหมด ถ้าถามว่าเก่งมั้ย ผมว่าคุณมาดูกันเองดีกว่า แต่ผมคิดว่าผมไม่เก่งนะ เพราะว่าถ้าผมเก่ง ผมก็ออกเทปดังไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ไปเรียนที่ไหน ผมฝึกเอาเองทั้งนั้นแหละ และประสบการณ์มันช่วยสอนอะไรๆ เราหลายๆอย่าง ที่ผมหันมาเล่นกลองก็เพราะว่าวงดนตรีของเพื่อนผมวงหนึ่ง เขาขาดมือกลอง ผมก็เลยไปเล่นให้เขา จนตอนนี้เป็นมือกลองไปจริงๆ แล้ว

 

ผมไม่ได้เล่นที่ร้านประจำ เพราะว่าแนวเพลงที่ผมเล่นนั้น มันยังไม่เป็นที่ยอมรับในตลาดเมืองไทยเท่าไหร่นัก "ผมเล่นแนวพังค์ร๊อค" เป็นดนตรีแนวร๊อคแบบดิบๆ คล้ายกับร๊อคแอนโรล  แนวดนตรีไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก แต่เนื้อหาของเพลงรุนแรงมาก น้ำเสียงในการร้องรุนแรงพอสมควร ก็เพราะว่าเราเล่นอย่างนี้ ตลาดที่ไหนเขาจะไปยอมรับ ถ้าไปเล่นร้านไหน ก็เหมือนจะไปไล่ลูกค้าเขาเท่านั้นแหละ ดนตรีแนวนี้มันเจาะจงเฉพาะกลุ่มจริงๆ กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่ฟังเพลงแนวนี้มีไม่มากเท่าไหร่ เท่าที่เห็นอาจจะไม่ถึง 100 คนด้วยซ้ำไป แต่ผมรักที่จะเล่นแนวนี้ เหมือนกับการค้นพบตัวเองของผม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ยอมรับฟังเพลงแนวอื่น ผมฟังเพลงทุกแนวแหละ เพราะว่าดนตรี ยังไงมันก็คือดนตรี ดนตรีมันไร้พรมแดนอยู่แล้ว

 

ผมเคยเล่นตามร้านอาหาร ร้านเหล้า เหมือนกัน แต่เล่นได้ไม่นานร้านเขาก็เจ๊ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหรือเปล่า คงไม่ใช่หรอกมั้ง เพราะว่าตอนผมเล่นที่ตามร้านอาหารเมื่อก่อน ผมเล่นแนวตลาดทั่วไป ครั้งแรกผมเล่นร้าน B-Boy and AVO แถวถนนเส้นระแกง ใกล้ๆ บ้านผมนั่นแหละ ผมเล่นโฟล์คซองกับเพื่อนอีกสองคน ผมเล่นกีตาร์ ใช้กีตาร์สองตัว คน 3 คน ช่วยกันร้อง เล่นได้ไม่นาน ประมาณเดือนกว่าๆ ก็ต้องเลิกกันเพราะว่าเจ้าของร้านทนค่าเช่าที่ไม่ไหว  ผมได้ค่าจ้างวันละ 100 บาท เล่นตั้งแต่สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน มันก็เพียงพอนะ พอร้านปิดผมก็ไปเล่นอีกร้านหนึ่ง ชื่อว่าร้าน THE UNSEEN ปลาเผา แถวๆ ริมปิง ผมเล่นกันเต็มวงเลยคราวนี้ เล่นเป็นมือเบส เล่นได้ไม่นานเหมือนกัน ร้านก็ปิดอีก โดนตำรวจสั่งปิด เพราะว่าหน้าร้านมันชอบมีพวกที่มาทะเลาะวิวาทกันบ่อย

 

การเป็นนักดนตรีมันก็ต้องตระเวนกลางคืน เพื่อที่เราจะได้รู้จักผู้คนและเข้าสังคม และการเข้าสังคมนั่นแหละ "ที่ทำให้ผมดื่มเหล้าทุกวัน"  บางวันผมก็เมา บางวันก็ไม่ค่อยเมา แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เล่นที่ร้านอาหารไหน เพราะว่าผมค้นพบเจอแนวดนตรีที่เรารักจริงๆ แล้ว เหมือนที่บอกตอนแรก แนวเพลงผม ตลาดยังไม่เปิดกว้าง เลยไม่มีที่เล่นประจำ และผมก็จะเล่นดนตรีแนวนี้ไปตลอด ไม่หยุดมันไปหรอก แต่ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำงานประจำตามร้าน แต่ก็มีงานคอนเสิร์ตเล็กๆ เข้ามาเชิญวงผมไปเล่นเป็นประจำ เกือบทุกครั้งที่มีงาน ทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด อย่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ผมก็เพิ่งไปเล่นมาที่ร้านบางกอก แถวแจ่งศรีภูมิ เดือนที่แล้วก็ไปเล่นที่กรุงเทพ เป็นงานคอนเสิร์ตเล็กๆ ไม่ใหญ่โตมากมาย เน้นความสนุกสนานภายในกลุ่มนั่นแหละ เพื่อนๆ กันทั้งนั้น เป็นส่วนมาก

 

อีกเรื่องหนึ่งคุณคงเคยเห็นนักดนตรีไปไหนมาไหน เล่นดนตรีที่ไหน ก็ต้องมีหญิง ติดตามมากันตลอด เพราะว่าผู้หญิงสมัยนี้ส่วนมาก ชอบคนที่เล่นดนตรี ผมเคยลองถามสาวๆ ดูแล้ว สาวๆ ก็ตอบมาว่าที่ชอบเพราะว่าเท่ดี ที่มีแฟนเป็นนักดนตรี

 

"ผมมีเซ็กส์กับผู้หญิงมา 64 คน" ผมเคยนับมันไว้ เวลาผมเล่นงานหรือว่าคอนเสิร์ตที่ไหนผมก็เมาตลอด ก่อนเล่นก็ดื่ม เล่นเสร็จก็ดื่ม ยิ่งดื่มยิ่งคึก กล้าที่จะเข้าไปพูดกับผู้หญิง และบางครั้งผู้หญิงก็เข้ามาพูดกับผมเอง "ผมไม่ได้หน้าตาดี ผมไม่ได้มีเงิน ผมเป็นแค่นักดนตรีไส้แห้งคนหนึ่ง" แต่ส่วนมากที่ผมมีเซ็กส์ ผมจะป้องกันโดยตลอดโดยการใช้ถุงยางอนามัย แต่บางครั้งที่ผมไม่ได้ใช้ก็มี

 

แฟนเก่าผมคนหนึ่งตั้งท้องกับผม และจุดจบของเด็กคนนั้นก็คือการทำแท้ง ถ้าถามความรู้สึกผม ผมบอกได้เลยว่าผมรู้สึกผิดมาก อีกประมาณเดือนเดียวเด็กจะคลอด แต่ความคิดของแฟนผมตอนนั้น เธอจะเอาลูกออกอย่างเดียว ผมทะเลาะกับแฟนเรื่องลูกหลายครั้ง ผมไม่อยากเอาลูกออก เพราะว่ายังไงมันก็เป็นลูกผม แต่ผลสุดท้ายก็ต้องเอาออก เพราะว่าแฟนผมคนนั้นกำลังเรียนอยู่แค่ ม.4 อยู่เลย

 

ผมทำแท้งด้วยตนเองโดยการใช้ยาสอด สอดเอาเด็กออกพอเด็กออกมา ตัวโตประมาณฝ่ามือครึ่ง "ผมขุดดินฝังลูกผมด้วยน้ำตา" ความรู้สึกของคนเป็นพ่อมันเสียใจแค่ไหนคุณคงรู้

 

และนั่นมันก็เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งของวัยรุ่นที่รักสนุก โดยไม่สนใจอะไร มันเป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่งของผมที่ไม่อาจลืมได้ ผมอยากให้เพื่อนๆ ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยกันทุกคน เพราะว่ามันจะปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ ปลอดภัยต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และที่สำคัญป้องกันการรับเชื้อเอดส์โดยไม่รู้ตัว

 

ทุกครั้งที่คุณไปดื่มเหล้าสังสรรค์ อยากให้คุณดื่มอย่างมีสติ คิดให้รอบคอบ เพราะว่าเอดส์ กับ อุบัติเหตุ มันไม่เข้าใครออกใคร…

_____________________________________

 

บิ๊ก

เยาวชนจากกลุ่มวัยรุ่น wy (we are your friend)

 

ปัจจุบันมีอาชีพเป็นนักดนตรี

"เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ที่ผมจะมารู้จัก wy (กลุ่มวัยรุ่น wy)  สมัยนั้น ผมมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ประมาณ 7-10 คน พวกเราจะเจอกันทุกวันในตอนเย็น ที่ร้านเกมแถวสี่แยกกลางเวียง เชียงใหม่ เราจะมารวมตัวกัน เล่นเกมแข่งกันบ้าง นั่งคุยกันบ้าง นัดเที่ยวกันบ้าง บ้างก็รวมตัวกันไปทะเลาะวิวาทกัน

 

เนื่องจากเป็นกลุ่มวัยรุ่น จึงตกเป็นเป้าสายตาของคนทั่วไป และพอดี "พี่หล้า" wy ได้มาเปิดร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ติดกับร้านเกมที่พวกผมสุมหัวกันอยู่ "พี่หล้า" ทำงานเกี่ยวกับกลุ่มวัยรุ่นด้วย "พี่หล้า" เข้ามาพูดคุยกับพวกผม สอบถามความเป็นมาของแต่ละคน ก่อนจะชวนพวกผมไปเที่ยวที่สำนักงานกลุ่มวัยรุ่น wy  จากที่กลุ่มผมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ต่อมาก็ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องการใช้ถุงยาง และเรื่องยาเสพติด สมัยนั้นพวกผมใช้ยาทุกคน

 

ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มคุ้นเคยกับ wy จากคนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย พี่หล้าได้พัฒนาศักยภาพผม จนผมเลิกยาและได้เป็น "แกนนำ" ที่สามารถไปเผยแพร่ความรู้ได้ สามารถบอกได้ถึงการป้องกันต่าง ๆ ได้ไปค่ายอบรมหลายแห่ง และวันนี้อาจจะเรียกได้ว่า มีคนยอมรับเรา มีคนรับฟังเรา มีคนรู้จักเรา และเราก็รู้จักตนเอง"

 

"I LOVE WY"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท