ประชาไท - วันนักข่าว (5 มี.ค.) หลังจากที่ล่าสุด คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาให้ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในวันที่ 7 มี.ค.นี้ มีแนวโน้มว่าทางสปน.จะต้องแจ้งยกเลิกสัญญา หากไอทีวียังไม่สามารถจ่ายค่าสัมปทานแสนล้านบาทได้ โดยจะเสนอผลการดำเนินการของคณะกรรมการกำกับการบริหารคลื่นยูเอชเอฟต่อครม.ในการประชุมครม.วันที่ 6 มี.ค.นี้ ซึ่งรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในความเห็นของตนและคณะทำงาน คิดว่าจะต้องมีระยะเวลาหนึ่ง ที่อาจจำเป็นจะต้องปรับตัว อาจจะไม่สามารถที่จะออกอากาศต่อไปได้เช่นเดิม
พนักงานไอทีวี นำโดยนายจอม เพชรประดับ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ไอทีวี และนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ตัวแทนผู้ผลิตรายการ ร่วมกันแถลงข่าวที่หน้างานวันนักข่าว โรงแรมดุสิตธานี
นายจอม เพชรประดับ กล่าวในการแถลงข่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพยายามบิดเบือนข่าวสารว่ารัฐบาลพยายามอุ้มพนักงานไอทีวี โดยกระแสการต่อต้านมาจากสื่อเพียงบางรายที่ต้องการหาผลประโยชน์ และคนบางกลุ่มที่พยายามโจมตีไอทีวี เพียงด้านเดียวเพื่อให้ปิดสถานี เพราะต้องการเอาชนะและหวังผลทางการเมือง จึงไม่ต้องการให้ดึงพนักงานเข้าไปเกี่ยวข้อง
สำหรับการโอนอุปกรณ์ที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรีมีความกังวลนั้น อุปกรณ์ทุกชิ้นมีการประกันทั้งหมด จึงไม่เป็นห่วง และขอให้รัฐดำเนินการโดยไม่มีอิทธิพลมากดดัน พร้อมระบุว่ากิจการไอทีวียังสามารถทำกำไรได้ แต่เห็นว่าการเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันกระทบต่อพนักงานอย่างมาก และจากการอยู่ในอาชีพสื่อมวลชนมา 20 ปี พึ่งจะเห็นเหตุการณ์ความขัดแย้งทางด้านสื่อมวลชนอย่างรุนแรง ขณะที่สื่อควรทำหน้าที่ในการลดความขัดแย้งในสังคม
.............................................................................
แถลงการณ์พนักงานไอทีวีฉบับที่ 1
สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวว่า อาจจะให้สถานีโทรทัศน์ไอทีวีหยุดออกอากาศเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์และสัญญาต่างๆ ในการบริหารงาน
กลุ่มพนักงานเห็นว่า การหยุดออกอากาศดังกล่าว จะส่งผลเสียต่อการให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร อันเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ของชาติและประชาชน เพราะตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมเป็นต้นไป คลื่นความถี่และอุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงบุคลากรของไอทีวีจะสิ้นสภาพ และถูกโอนไปเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งหากระงับการออกอากาศเป็นเวลานานๆ จะส่งผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ ความเชื่อถือของลูกค้า รวมถึงประชาชนที่รับรู้ข่าวสารจากไอทีวี
อนึ่ง มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารว่า รัฐอุ้มไอทีวี กลุ่มพนักงานใคร่ขอชี้แจง ดังนี้ รัฐไม่ได้อุ้ม หรือเอื้อประโยชน์ให้กับพนักงานไอทีวี เนื่องจากเงินจำนวน 400 ล้านบาท ที่บมจ.อสมท.ทดรองจ่ายมาให้ก่อน เปรียบเสมือนการให้ยืม และเมื่อไอทีวีมี่รายได้จากการขายโฆษณาและให้เช่าเวลา ก็จะคืนเงินดังกล่าวพร้อมค่าจ้างบริหารอีกร้อยละ 10 จากรายได้ทั้งหมด
เห็นได้จากเดือนมีนาคม ไอทีวีมีรายได้จากการขายโฆษณาเป็นเงิน 130 ล้านบาท และค่าเช่าเวลาอีก 30 ล้านบาท ทำให้พนักงานไอทีวีเชื่อว่า หากได้มีการออกอากาศต่อไป สามารถนำเงินมาคืนบมจ.อสมท.ได้ภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือน และหากในปี 2550 ไอทีวีสามารถทำรายได้เท่ากับปี 2549 คือ 2,100 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อปีอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เท่ากับรัฐจะมีกำไรถึง 900 ล้านบาท
ข้อมูลดังกล่าว รัฐบาลรับทราบทั้งหมด พร้อมทั้งยืนยันความพร้อมถึงร้อยละ 90 ในการเข้ามาบริหารและความถูกต้องในแง่กฎหมาย ที่ให้กรมประชาสัมพันธ์เป็นนายสถานี และว่าจ้างบมจ.อสมท.เข้ามาบริหาร จึงไม่มีเหตุผลใด ที่รัฐบาลจะระงับการออกอากาศ เพราะมีกระแสต่อต้านจากขบวนการของสื่อบางราย ที่จ้องหาผลประโยชน์ รวมถึงบุคคลบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โจมตี บิดเบือนข้อมูล ให้ความจริงกับประชาชนเพียงครึ่งเดียว เพื่อให้มีการปิดสถานี และเตรียมพร้อมในการเข้ามาดำเนินการต่อ
และหากการบิดเบือนข้อมูลโจมตี เพื่อต้องการให้ปิดสถานีแห่งนี้ มาจากเหตุผลเพื่อต้องการเอาชนะ หรือหวังผลทางการเมือง ก็ไม่ควรดึงพนักงานและองค์กรแห่งนี้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อปูทางเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
กลุ่มพนักงานจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล ตั้งหลักและแสดงความชัดเจนในการตัดสินใจเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งถูกต้อง บนพื้นฐานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่าบริหารงานภายใต้อิทธิพลและการครอบงำสื่อมวลชนบางราย ซึ่งอาจเป็นรายเดียวกับที่ทำให้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง
กลุ่มพนักงานยืนยันว่า การดำเนินการต่างๆ ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่ต้องการปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม เพราะสถานีโทรทัศน์แห่งนี้เป็นของประชาชน จึงขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินอนาคตของไอทีวี
กลุ่มพนักงานไอทีวี
แถลงการณ์พนักงานไอทีวีฉบับที่ 2
สืบเนื่องจากแนวทางของสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี ในการเข้ามาดำเนินงานในสถานีโทรทัศน์ไอทีวี หลังจากการยกเลิกสัมปทานเพื่อให้คลื่นความถี่ อุปกรณ์ และพนักงาน กลับมาเป็นของรัฐ ด้วยการว่าจ้างบมจ.อสมท.เข้ามาบริหารงาน จึงจำเป็นต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริหารอสมท. เพื่อลงมติในการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการ
แต่ปรากฏว่า ที่ประชุมบอร์ดอสมท.เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ไม่ครบองค์ประชุม และไม่สามารถลงมติในการแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมถึงการลงมติให้ทดรองจ่ายเงินจำนวน 400 ล้านบาทเพื่อเป็นสภาพคล่องให้กับสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งพนักงานเข้าใจการดำเนินการของบอร์ด ที่ต้องมีความรอบคอบ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของอสมท. แต่ไม่เข้าใจพฤติกรรมของบอร์ดบางคน ที่ส่อเจตนาให้เห็นว่า มีเบื้องหลังในความพยายาม จงใจ ขัดขวางกระบวนการลงมติในการแก้ไขปัญหาไอทีวี ซึ่งจะกลายเป็นสมบัติของชาติในวันที่ 8 มีนาคม หลังถูกยกเลิกสัมปทาน
พนักงานไอทีวี จึงขอเรียกร้องให้บอร์ดอสมท. ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเป็นที่ยอมรับของสังคม คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ มากกว่าที่จะตัดสินใจตามแรงกดดันของกลุ่มผลประโยช์ ที่แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการเข้ามาหาผลประโยชน์ในไอทีวี
พนักงานไอทีวีจึงขอยืนยันว่า ด้วยศักยภาพของสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ที่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง หากไม่มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักการออกอากาศ ทั้งจะไม่สร้างภาระให้กับสังคมและอสมท. ซึ่งไม่ว่ามติของบอร์ดอสมท.จะออกมาเป็นเช่นไร ในนามของพนักงานไอทีวี พร้อมที่จะน้อมรับแนวทางการบริหารสมบัติของชาติชิ้นนี้
กลุ่มพนักงานไอทีวี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คำถามจากจอม เพชรประดับ : "ไอทีวีไม่สามารถสนองการรับรู้ข่าวสารได้ 100 % มาจากอะไร?"
เสียงกลุ่มกู้คืนไอทีวี และเครือข่ายอื่นๆ : ทำประชาพิจารณ์ แก้ปัญหาไอทีวี
เสียงสมาคมสายฟ้า : ส.นักข่าววิทยุ-โทรทัศน์ ออกแถลงการณ์ "รบ.-กรมประชาสัมพันธ์ ต้องไม่เลือกปฏิบัติ"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)