ประชาไท - เมื่อวันที่ 13 มี.ค. คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลการณ์ย้ำงรัฐและฝ่ายก่อการต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสีย ยุติวงจรความรุนแรง โดยทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อสร้างสันติในสามจังหวัดชายแดนใต้
รายละเอียดมีดังนี้
แถลงการณ์
ย้ำทั้งรัฐและฝ่ายก่อการต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสีย ยุติวงจรความรุนแรง
โดยทุกฝ่ายต้องเคารพกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
เพื่อสร้างสันติในสามจังหวัดชายแดนใต้
จากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มสตรี เยาวชนที่มีเพิ่มมาขึ้นในหลายๆ พื้นที่ เพื่อต่อต้านการใช้การจับกุมและดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุในสามจังหวัดภาคใต้ และสถานการณ์การชุมนุมของประชาชนเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ต้องสงสัย จนทำให้เกิดภาพความขัดแย้งอีกมิติหนึ่งของแนวทางการแก้ไขเพื่อยุติความรุนแรง และอาจสืบเนื่องไปสู่ความขัดแย้งที่มีความกว้างขวาง อาจเกิดมีการยุยงส่งเสริมจากบุคคลภายนอก สร้างสถานการณ์ความขัดแย้ง สร้างความแตกแยก และยากยิ่งต่อการสร้างสันติและความสมานฉันท์ในท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรง ดังเช่นการเกิดเหตุที่อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีที่มีกลุ่มสตรีมุสลิมรวมกลุ่มประท้วงการจับกุมผู้ต้องสงสัย และมีกลุ่มชาวไทยพุทธรวมกลุ่มเรียกร้องให้รัฐใช้มาตรการทางกฎหมายในการจับกุมผู้ต้องสงสัย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากปัญหาความไม่เป็นธรรมที่สะสมต่อเนื่องยาวนานมาแต่อดีตได้ส่งผลกระทบให้เกิดความหวาดระแวง ความรุนแรง และนำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันของประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงความไม่ไว้วางใจในเจ้าหน้าที่รัฐ และความรู้สึกขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ในขณะเดียวกันปัจจุบันก็มีแนวโน้มของการกระทำความรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกฝ่ายโดยกลุ่มผู้ก่อการหรือผู้ไม่หวังดีต้องการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงให้เกิดเป็นความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมเฉพาะในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพของประณามการใช้ความรุนแรง การฆ่าทั้งปวง การฆ่าผู้บริสุทธิ์ การฆ่านอกระบบกฎหมาย การทำลายศพหมายรวมถึงการตัดคอ การเผาทำลาย และการทำให้บุคคลหายไป และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมทั้งฝ่ายรวมกันประณาม ไม่นิ่งดูดายและไม่ละเลยเพิกเฉยต่อการฆ่าทุกรูปแบบที่กำลังเกิดขึ้น โดยเป็นการอ้างเพื่อเหตุผลใดใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุแห่งความไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุแห่งศาสนา และด้วยเหตุในการปราบปรามอาชญากรรม หรือด้วยเหตุผลของความมั่นคง ทุกฝ่ายต้องรวมกันแก้ไขปัญหาโดยยึดวิธีการสันติและยุติวงจรของความรุนแรง (Ending the Circle of Violence) ด้วยความอดทนอดกลั้น ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นประชาชนทุกคนและสังคมไทยกำลังต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีความสูญเสียมากมายทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และความเสียหายทางจิตใจซึ่งยากที่จะประเมินได้เกิดขึ้นนั้นเป็นวงจรของความรุนแรงที่ไม่จบสิ้น
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายนำคุณธรรม ความเป็นธรรม และวิธีการที่สันติ ภายใต้หลักนิติธรรมตามกฎหมายและการเคารพสิทธิมนุษยชนดังนี้
1.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการฆ่า การเผาทำลาย การวางระเบิด การทำลายศพทั้งการตัดคอและการเผาทำลายและรวมกันยุติวงจรความรุนแรง ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อประชาชนโดยทันที
ขอให้ทุกฝ่ายเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนและเคารพต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม
2.การชุมชุมของประชาชนต้องดำเนินไปโดยโปร่งใสและนำเสนอข้อเรียนร้องที่ชัดเจน กลุ่มสตรีที่รวมชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องควรแต่งกายตามปกติประเพณี ไม่ควรมีการปกคลุมใบหน้าทั้งหมด โดยอาจเป็นช่องทางให้มีการแฝงตัวของกลุ่มแทรกแซงต่างๆ ได้โดยง่าย ขณะเดียวกันรัฐต้องปกป้องคุ้มครองแก่บรรดาครอบครัวผู้สูญเสีย และสนับสนุนส่งเสริมให้ทุกคนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ
3.การรวมกลุ่มหรือการชุมนุมของทุกฝ่ายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม และแสดงออกทางความคิดเห็นในทางสาธารณะควรเป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ ขอให้รัฐคุ้มครองประชาชนที่ชุมนุมอย่างสงบและไม่มีอาวุธ
4.รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินกระบวนยุติธรรมทุกขั้นตอนให้โปร่งใส และสร้างความเป็นธรรมให้ทุกฝ่ายได้รับสิทธิและการปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หลักนิติธรรม ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับคืนมาอย่างเร็วที่สุด
หมายเหตุ
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 โดย เป็นการรวมตัวกันของปัจเจกชน องค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์การด้านสันติภาพ โดยมีอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ 1) ส่งเสริมการเข้าถึงความยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องคนหาย 2) ส่งเสริมการปกป้องคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องสงสัยจากการบังคับใช้พระราชกำหนด ฯ สถานการณ์ภาวะฉุกเฉินและผู้ต้องหาจากการดำเนินคดี 3) ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมยึดถือหลักนิติธรรมและส่งเสริมพัฒนาให้ได้มาตราฐานตามหลักการการดำเนินคดีอย่างเป็นธรรม (Fair Trial)
คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพได้มีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 เช่น การเยี่ยมญาติคนหาย เยี่ยมญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์ความรุนแรงและเหตุการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน การร่วมสังเกตการณ์คดีความมั่นคงที่กรุงเทพและในสามจังหวัดภาคใต้ การเข้าเยี่ยมผู้ต้องหากรณีก่อความไม่สงบที่เรือนจำจังหวัดทั้งสามจังหวัด การเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนในเวทีสาธารณะเรื่องปัญหาภาคใต้โดยให้ความสำคัญกับภาคประชาชนกับการมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลและประสานงานกับญาติของเหยื่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ญาติของผู้ต้องหา องค์กรท้องถิ่น นักกิจกรรมในพื้นที่ ทนายความส่วนกลางและในพื้นที่ รวมทั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้าใจต่อประเด็นปัญหาในกระบวนการยุติธรรมและร่วมกันแก้ไขปัญหา
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)