พล.อ.ปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการเปิดช่องให้นายกร
ัฐมนตรีมาจากคนนอกในรัฐธรรมนูญว่า ที่ผ่านมาเรามีข้อเป็นห่วงว่า เวลาที่บ้านเมืองเกิดวิกฤตนายกรัฐมนตรีขาดคุณธรรม จริยธรรม จนคนดีๆ หลายคนต้องออกจากการร่วมรัฐบาล เราจะแก้ไขอย่างไร ถ้าเรากำหนดว่าต้องเป็น ส.ส.เท่านั้นก็จะต้องเดินขบวนขับไล่ หรือต้องปฎิวัติรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญอีกรอบ วันนี้ทหารเองมีคำถามว่า จะปฎิวัติโดยไม่ฉีกรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เพราะว่าเขาไม่อยากปฎิวัติ ถ้าปฎิวัติก็ไม่อยากฉีก แต่ถ้าเอารัฐธรรมนูญไว้ ทหารก็ติดคุก
ดังนั้น ควรจะเขียนว่ากรณีที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือทางตันต้องเปิดช่องไว้ ส่วนการเปิดตรงไหนนั้นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญต้องพิจารณา ในรัฐธรรมนูญปี 40 เคยเขียนไว้ในมาตรา7 ที่ระบุว่า ถ้าไม่มีบทบัญญัติใดให้นำประเพณีมาใช้ แต่มาตรา 7 นั้นมุ่งไปเรื่องอื่นมากกว่าจะเปลี่ยนตัวหรือแต่งตั้งนายกฯ จึงไม่ได้หาทางออกไว้ว่าใครจะเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงเกิดทางตัน รัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจจะเขียนมาตรา 7 ให้ชัดขึ้น หรือสุดแท้แต่ กมธ.จะว่าอย่างไร
"ในเบื้องต้นผมคิดว่าต้องล็อกเอาไว้ว่า นายกฯต้องมาจาก ส.ส. แต่ถ้าไม่ล็อกปล่อยให้เป็นมติของสภาผู้แทนราษฎร คุณทักษิณก็เป็นได้ โดยอยู่นอกประเทศ ชักใยเชื่อมต่อมารวมเสียงข้างมากในสภา แต่อาจจะไม่มาทันที แต่จะให้มีคนเรียกร้อง ร้องห่มร้องให้อยากให้กลับมา สภาก็โหวตให้ทักษิณเป็นนายกฯได้" พล.อ.ปานเทพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเปิดช่องจริงต้องกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลหรือในพระราชบัญญัติว่าผู้ที่เคยถูกคดีซุกหุ้น หรือถูกข้อหาไร้จริยธรรม เป็นนายกฯไม่ได้ หรือป้องกันการสืบทอดอำนาจด้วยการห้ามผู้ที่ร่วมยึดอำนาจในอดีตและตลอดมาไม่สามารถดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้
"ผมยืนยันว่า พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน ประธาน คมช.จะไม่มาเป็นนายกฯตามที่ท่านพูดไว้อย่างแน่นอน จะไม่มีการเสียสัตย์เพื่อชาติ เพราะขณะนี้ท่านเป็นวีรบุรุษของประชาชนที่แก้วิกฤตของบ้านเมือง ถ้ามาเป็นนายกฯความรู้สึกจะเปลี่ยนไปคนจะเกลียดชังขึ้น" พล.อ.ปานเทพ กล่าว
