สำนักข่าวประชาธรรม : แบไต๋ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน รัฐกำลังรวบอำนาจ

ตามที่รัฐบาลรับหลักการร่าง พ.ร.บ. ป่าชุมชน ฉบับประชาชน ที่คณะกรรมการกฤษฎีกายื่นเมื่อวันที่ 3 เม.ย. 50 ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศว่าจะให้คำตอบต่อเรื่องดังกล่าวภายใน 30 วันนั้น

ล่าสุด แหล่งข่าวจากเครือข่ายป่าชุมชน 4 ภาค กล่าวว่า กรณีดังกล่าว รัฐบาลได้หยิบยกร่างของกรมป่าไม้มาปรับปรุงจนแล้วเสร็จ และให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 50 แต่ในทางเนื้อหา กรณีข้อขัดแย้งระหว่างชาวบ้านกับกรมป่าไม้ หรือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นข้อถกเถียงที่เกิดขึ้นมานาน ซึ่งเห็นว่าประเด็นที่เป็นข้อพิพาทใหญ่ๆ คือ ประเด็นที่จะจัดตั้งป่าชุมชนในเขตอนุรักษ์ ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนของกรมป่าไม้ที่ออกมา เป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าที่เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เสียอีก

แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวต่อว่า ตามมาตรา 25 วรรคที่ 2 กล่าวถึงเรื่องการจัดตั้งป่าชุมชนในเขตป่าอนุรักษ์ว่า พื้นที่ที่ชาวบ้านจะขอจัดตั้งป่าชุมชนได้ จะต้องไม่เป็นพื้นที่ที่ทางการกำหนดให้สงวนรักษาไว้เป็นการเฉพาะเพื่อการศึกษา การวิจัยทางวิชาการ หรือประโยชน์อื่นๆ ของรัฐ ซึ่งหมายความว่า ถ้ารัฐต้องการให้โรงโม่สัมปทานเพื่อไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปขอจัดตั้งป่าชุมชน ก็ย่อมทำได้เลย

"การเพิ่มเติมเนื้อหาของ พ.ร.บ.ป่าชุมชน ตามมาตรา 25 วรรคที่ 2 เป็นการเพิ่มเข้ามาอย่างน่าเกลียด เพราะสิ่งที่เห็นคือชาวบ้านไม่มีส่วนร่วมเลย เป็นเรื่องของรัฐล้วนๆ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านดูแลป่าชุมชนมาก่อน แต่ภายหลังรัฐกลับมาบอกว่าทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะรัฐจะทำเป็นพื้นที่เพื่อศึกษาวิจัย หรือรัฐได้อนุญาตให้ผู้ใดเช่าทำรีสอร์ทแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ ยิ่งเป็นปัญหาหนักกว่าคำว่าป่าอนุรักษ์พิเศษในสมัยนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเสียอีก ดังนั้นหากรัฐบาลชุดนี้ยังเดินหน้าต่อไปตามแนวทางที่กล่าวมา ก็เป็นเรื่องที่ล้าหลังมากๆ ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขปัญหาใดๆ" แหล่งข่าว กล่าว

นอกจากนี้ แหล่งข่าวจากเครือข่ายป่าชุมชน 4 ภาค กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากมาตรา 25 วรรคที่ แล้วยังมีประเด็นที่เป็นปัญหามากทีสุดอีกประการหนึ่งคือ ป่าชุมชนที่จัดตั้งขึ้นในเขตป่าอนุรักษ์ ที่ห้ามไม่ให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น เช่น ป่าชุมชนที่อยู่ในป่าอุทยานฯ ป่าต้นน้ำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า กล่าวคือ ชาวบ้านมีหน้าที่ดูแลรักษาอย่างเดียว ห้ามใช้ประโยชน์ เก็บหาของป่า แม้ว่าจะนำไม้มาซ่อมแซมบ้านบ้างก็ไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระมากกว่ารัฐบาลชุดที่แล้วมาก และเนื้อหาแบบนี้ประชาชนไม่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการจัดการทรัพยากรตามเงื่อนไขที่กำลังจะปฏิรูปรัฐธรรมนูญอยู่ในขณะนี้

โดยเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน ที่พิจารณากันไปนั้น ให้อำนาจการจัดการป่าไปกับส่วนราชการมากขึ้น ซึ่งน่าสงสัยว่ามีความเชื่อมโยงกันไปหมด เช่น กรณีการสงวนพื้นที่ป่าเพื่อการวิจัย และการปรับปรุงกฎหมายป่าไม้ 4 ฉบับ จะเกี่ยวข้องกับ JTEPA ด้วยหรือไม่ ซึ่งก็คือการรวบอำนาจไว้ที่รัฐส่วนกลางมากขึ้น

"ร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน นี้ อาจนิยามได้ตามที่เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า เป็นการใส่เกียร์หนึ่งเดินหน้าลงคลอง ทำให้การจัดการทรัพยากรหวนไปสู่ยุคการจัดการโดยรัฐมากขึ้น โดยอาจมีวาระซ่อนเร้นบางอย่างทำให้ดูดีขึ้น แต่โดยหลักการใหญ่คือการที่รัฐยังเป็นผู้มีอำนาจจัดการตามที่มีเนื้อหาปรากฎให้เห็นตามมาตราต่างๆ" แหล่งข่าวจากเครือข่ายป่าชุมชน 4 ภาค กล่าวย้ำ    

อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เกิดขึ้น แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวทิ้งท้ายว่า ทางเครือข่ายป่าชุมชนทั้ง 4 ภาคจะเร่งดำเนินการจัดเวทีให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเรื่องนี้ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจต่อไปว่าจะขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างไรในการหยุดยั้ง พ.ร.บ.ป่าชุมชนของกรมป่าไม้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท