สถานการณ์แรงงานข้ามชาติหลังสงกรานต์ และ อาการกลัวคนแปลกหน้า

วิทยากร บุญเรือง


 

 

แรงงานข้ามชาติจากพม่าที่แม่สอด เมื่อหมดงานก็ต้องระหกระเหินกลับบ้าน

 

วันแรงงาน (วันที่ 1 พ.ค.) ที่จะถึงนี้ ขบวนการแรงงานหลายแห่งทั่วโลกได้ถือเอาแคมเปญรณรงค์อย่างหนึ่งขึ้นมาเป็นภารกิจสำคัญ นั่นก็คือการรณรงค์เพื่อสิทธิของแรงงานข้ามชาติ (Immigrant Rights)

 

แต่สำหรับบ้านเรานั้น ขบวนการแรงงานของไทยเองก็ยังคงต้องต่อสู้ภายในสถานการณ์ที่แรงงานไทยยังไม่อาจแผ่ความช่วยเหลือไปแก่แรงงานข้ามชาติได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก เนื่องจากการเรียกร้องสิทธิของแรงงานงานไทยเองยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร รวมถึงเราต้องยอมรับว่าแม้แต่ในขบวนการแรงงานของไทยหลายแห่งยังคงมีแนวคิดชาตินิยมและแนวคิดกีดกันแรงงานข้ามชาติ (protechtionism) อยู่บ้าง

 

เช่นเดียวกันนอกเหนือจากขบวนการแรงงานแล้ว หลายภาคส่วนในสังคมไทยยังคงวาดภาพแรงงานข้ามชาติให้เป็นตัวอันตรายเสมอ ๆ แรงงานข้ามชาติถูกจำกัดความให้เป็นผู้มาขออาศัยที่สมควรทำตัวให้ต้อยต่ำที่สุดอย่าเผยอหัวมาเทียบเท่ากับคนไทยทั้งปวง รวมถึงภาพความรุนแรงของอาชญากรรมที่ก่อขึ้นโดยแรงงานข้ามชาติถูกฉายซ้ำๆ และเติมแต่งให้รุนแรงเกินจริงในสื่อกระแสหลัก --- ทั้งๆ ที่สัดส่วนการก่ออาชญากรรมในสังคมไทยเจ้าบ้านอย่างเรายังคงรักษาสถิติอัตราการก่อความรุนแรงสูงกว่าแรงงานข้ามชาติหลายเท่าตัวนัก

 

แต่เราไม่เคยพูดถึงในแง่ที่ว่าแรงงานข้ามชาติเหล่านี้คือผู้ที่มาช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจฐานรากให้แก่สังคมไทยเลย ...

 

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้ว่าปัจจุบันธุรกิจคนรับใช้ในบ้านไม่ใช่ธุรกิจที่น่ามองข้าม โดยคาดการณ์ว่า ปี 2550 จำนวนคนที่ทำงานบริการคนรับใช้ในบ้านมีรวมกันถึง 4 แสนคน สร้างเม็ดเงินสะพัดสูงถึง 27,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริการคนรับใช้ในบ้านแยกเป็น 3 ประเภท คือ คนไทยที่ทำงานรับใช้ในบ้านที่อยู่ในประเทศไทย คาดว่าปี 2550 มีคนไทยทำอาชีพคนรับใช้ในบ้านประมาณ 225,000คน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจ 11,000 ล้านบาท, แรงงานข้ามชาติที่เข้ามาทำงานอาชีพคนรับใช้ในบ้าน คาดว่าในปี 2550 แรงงานข้ามชาติที่มีอาชีพคนรับใช้ในบ้าน มีจำนวน 150,000 คน สร้างเม็ดเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท, คนไทยที่ทำงานรับใช้ในบ้านที่ต่างประเทศ ได้แก่ อาชีพแม่บ้านไทยในต่างประเทศ คาดว่าในปี 2550 จำนวนแม่บ้านส่วนนี้มีประมาณ 25,000 คน หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 20 ของแรงงานไทยทั้งหมดที่ไปทำงานต่างประเทศและคาดว่าแม่บ้านไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศนั้น ส่งเงินกลับเมืองไทยในปี 2550 สูงถึง 7,000 ล้านบาท ทำให้แม่บ้านไทยได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในฮ่องกง สิงคโปร์และไต้หวันส่วนแม่บ้านไทยก็นิยมไปทำงานในต่างประเทศเพราะได้รับค่าจ้างสูง เมื่อเทียบกับการทำงานในประเทศ

 

ซึ่งส่วนหนึ่งของแรงงานภาคบริการในบ้านนี้ก็คือ แรงงานข้ามชาติและสิ่งที่เป็นภาพสะท้อนที่น่าสนใจคือในรายงานฉบับนี้กล่าวถึงแรงงานไทยที่ไปเป็นแรงงานภาคบริการในบ้านในต่างประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล พม่ามาไทย, ไทยไปสิงคโปร์ การผลัดเวียนไปหาสิ่งที่ดีกว่าของมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแม้แต่น้อย --- นอกจากนี้ยังพบว่าแรงงานข้ามชาติยังเป็นที่ต้องการในการช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจในเขตเสี่ยงอันตรายจากภัยการก่อการร้ายเช่นในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

นี่เป็นการยกตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ... ซึ่งยังไม่ได้กล่าวในอีกหลายเรื่องในภาคการผลิต-ภาคบริการที่มีแรงงานข้ามชาติเป็นเบื้องหลัง ... แรงงานข้ามชาติจึงไม่ใช่ตัวถ่วงหรือผู้มาขอความช่วยเหลือประเทศนี้ หากแต่พวกเขาคือส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาระบบเศรษฐกิจต่างหาก

 

จากคำบอกเล่าผ่านสื่อและด้วยประสบการณ์ในชีวิตประจำวันส่วนตัวของผู้เขียนเองพบว่า แรงงานข้ามชาติในไทยยังคงโดนเหยียดหยามรวมถึงคนไทยมีอาการกลัวพวกเขาจนเกินเหตุอยู่มาก ซึ่งมันก็เข้าทางฝ่ายปกครองไทยที่ต้องการกดให้คนเหล่านี้เป็นพลเมืองชั้น 3 ชั้น 4 โดยนโยบายปราบปรามและกีดกันต่างๆ นานา

 

ที่จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงก่อนสงกรานต์ที่มีความพยายามจำกัดสิทธิแรงงานข้ามชาติและก็บอกว่าสามารถป้องกันปัญหาความรุนแรงในช่วงสงกรานต์ โดยการควบคุมแรงงานต่างด้าวในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงสงกรานต์ โดยห้ามไม่ให้รวมกลุ่มกันเกิน 5 คน, ห้ามขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาเที่ยวสงกรานต์ และห้ามออกจากพื้นที่ทำงานหรือบ้านนายจ้างหลังสองทุ่ม

 

รวมถึงการปราบปรามอย่างกวดขันในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยการเปิดเผยของนายคมสัน พัวศรีพันธ์ นักวิชาการแรงงาน 7 รักษาราชการแทนจัดหางาน จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สำนักงานจัดหางาน จ.เชียงใหม่ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามโครงการสกัดกั้น ตรวจสอบ ปราบปรามและจับกุมการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และดำเนินคดีคนต่างด้าวลักลอบทำงาน โดยไม่ได้รับอนุญาตปี 2550 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการจับกุมแรงงานต่างด้าวประกอบด้วย ทางกองกำลังผาเมือง จับกุมคนต่างด้าวที่ทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองได้จำนวน 295 ราย ในเขต อ.แม่อาย อ.ฝาง อ.เชียงดาว และ อ.พร้าว ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่จับกุมคนต่างด้าวที่ทำผิด พ.ร.บ. คนเข้าเมืองได้จำนวน 225 ราย ในเขต อ.แม่ริม อ.เมือง และ อ.ดอยสะเก็ด ศูนย์ตรวจคนเข้าเมืองภาคเหนือ จับกุมคนต่างด้าวที่ทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองได้จำนวน 51 ราย ในเขต อ.เมือง อ.สันทราย และ อ.แม่ริม ศูนย์สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมคนต่างด้าวที่ทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองได้จำนวน 16 ราย ในเขต อ.เมือง หน่วยตำรวจสันติบาล จับกุมคนต่างด้าวที่ทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองได้จำนวน 23 ราย ในเขต อ.เมือง อ.สารภี อ.ดอยสะเก็ด อ.แม่ริม อ.สันกำแพง อ.หางดง และ อ.แม่อาย

 

รวมถึงการปราบปรามอย่างหนักทั่วประเทศ !

 

ทั้งนี้มันสอดคล้องกับการทำให้รัฐไทยกลายเป็นรัฐแห่งการควบคุมของคณะรัฐประหาร การสร้างความหยิ่งผยองและความกลัวไปในเวลาเดียวกัน การปลุกผี กอ.รมน ซึ่งมีภารกิจโคตรชาตินิยมถึง 6 อย่างไว้ด้วยกันนั้น หนึ่งในหกข้อนั้นก็มีเรื่องของแรงงานข้ามชาติระบุเอาไว้ว่าอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

 

โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หัวหน้าคณะรัฐประหาร และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมกำลังพล (ระดับสูง) ฝ่ายทหารของ กอ.รมน.จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 210 นาย ระหว่างวันที่ 18-20 เมษายนนี้ซึ่งการอบรมครั้งนี้เพื่อให้กำลังพลในอัตรารองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ฝ่ายทหาร และกำลังพลในตำแหน่งที่สำคัญรับทราบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงานตามบทบาทและภารกิจหน้าที่ และคำสั่งการจาก ผอ.รมน. เพื่อทำหน้าที่ประสานการทำงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด

 

โดยภัยต่อความมั่นคง 6 ประการที่หัวหน้าคณะรัฐประหารกล่าวถึงคือ ...

 

1. การแก้ปัญหายาเสพติด

2. ปัญหาแรงงานข้ามชาติ

3. การก่อการร้ายในแต่ละจังหวัด

4. ปัญหาเส้นเขตแดนต่างๆ ที่อยู่รอบประเทศ

5. ภัยธรรมชาติ คือ ภัยแล้งและน้ำท่วม

 

และมีข่าวคราวแว่วๆ ออกมาว่ารัฐไทยที่มีคณะรัฐประหารหนุนหลังนั้นกำลังจะจำกัดสิทธิหลายๆ อย่างแก่แรงงานข้ามชาติ ไม่ว่าจะเป็นการไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือ การห้ามเคลื่อนย้ายไปมา ฯลฯ โดยสิ่งที่รัฐไทยอ้างถึงคือปัญหาเรื่อง "ความมั่นคง"

 

กอปรกับการพยายามสร้างความกลัวคนแปลกหน้า (ที่ไม่ค่อยมีตังค์ดังนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก;-) ป้ายสีเรื่องภัยก่อการร้าย ก่อความไม่สงบ --- แรงงานข้ามชาติในไทยถูกจัดให้อยู่ในระดับเดียวกับชาวมุสลิมในประเทศตะวันตก ซึ่งมันเป็นผลพวงจากการสร้างความหวาดกลัวโดยรัฐ เป็นเครื่องมือต่อรองในการอยู่ในอำนาจ เพื่อคุ้มครองประชาชนจากอะไรบางอย่างที่น่ากลัว และแน่นอนอะไรบางอย่างที่น่ากลัวนั้น "รัฐ" เป็นผู้สร้างมันมาทั้งสิ้น

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น เรากำลังถูกทำให้เป็นโรคกลัวคนแปลกหน้าหรือที่เราเรียกว่า (xenophobia) ซึ่งนักจิตวิทยากล่าวว่าสาเหตุของ xenophobia นั้นเกิดจากการเรียนรู้ผิด ๆ การได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่สร้างความกลัวมากเกินไป

 

ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวอเมริกันสัญชาติญี่ปุ่นกว่า 110000 คนต้องถูกกักตัวไว้ในค่ายกักกัน เช่นเดียวกันกับหลังเหตุการณ์ 9/11 การประชาสัมพันธ์ของกรมกร๊วกสหรัฐ (สื่อในกระแส) ซึ่งเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาลเข้มงวดกวดขันคนเข้าประเทศ ช่วงนั้นว่ากันว่าสถิติผู้ป่วยโรค phobia นั้นสูงขึ้นด้วย

 

อาการกลัวคนแปลกหน้าหรือที่เราเรียกว่า xenophobia นั้นยังมีการถกเถียงกันว่ามันแฝงมากับอาการเหยียดเชื้อชาติ (racism) หรือพัฒนาขึ้นมาจากการเหยียดชนชาติ หรือเกิดขึ้นมาพร้อมกัน หรือมันเป็นคนละอย่างกัน แต่ทั้งนี้สิ่งหนึ่งที่มันทำหน้าที่คล้ายๆ กันในกระบวนการ xenophobia และการเหยียดเชื้อชาตินั้นก็คือ ความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีต่อคนแปลกหน้า คนที่แตกต่างจากตัวเองไป

 

แต่อะไรล่ะคือความแตกต่างจากตัวเอง? ... h2g2 ได้กล่าวถึงความหมายของ xenophobia ไว้อย่างแสบคันประโยคหนึ่งว่า : " It is a uniquely human concept, in that there are no recorded instances of xenophobia amongst any other divisions of the animal kingdom eg African Elephants vs Indian Elephants, or Scottish Spiders vs English Spiders. " --- เช่นเดียวกัน แมงมุมไทยกับแมงมุมพม่า มันอาจจะมีความแตกต่างกันนิดหน่อย แต่เราก็คือแมงมุมไม่ใช่หรือ?

 

และอย่างที่ได้กล่าวไป เทรนด์การสร้างความกลัวคนแปลกหน้าโดยใช่เหตุ โดยชนชั้นปกครองนั้นกำลังมาแรงทั่วโลก ข้ออ้างชั้นยอดก็คือเรื่อง "ภัยต่อความมั่นคง"

 

สิ่งที่อยากย้อนกลับไปถามชนชั้นปกครองเหล่านั้นคือ "ความมั่นคง" ที่กล่าวถึงมันคือความมั่นคงของคนหมู่น้อยหมู่มาก? รัฐบาลของใครและใครมีผลประโยชน์? บรรษัทของใครและใครมีผลประโยชน์? ความมั่นคงของทฤษฎีชันชั้นจุดที่ใครกำลังยืนบนหัวคนอื่นแล้วใครกำลังมีผลประโยชน์จากจุดที่ยืนนั้น? --- นี่แหละคือเหตุผลในการสร้างโรค xenophobia ให้เป็นที่ระบาดทั่วโลก ชนชั้นปกครองกำลังหมั่นฉีดโรคร้ายเหล่านี้ให้แก่พลเมืองของเขาให้ "ว่านอนสอนง่ายนะ แล้วเราจะคุ้มครองคุณจากอันตราย (ที่เรานั่นแหละสร้างให้มันหน้ากลัวขึ้นมาเอง) "

 

มนุษย์จะอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุขได้ก็ด้วยความรักและความไว้ใจ .... ลดความหวาดกลัวว่ามนุษย์ชั้นล่างด้วยกันเองจ้องแต่จะทำร้ายกันเอง และอย่าไปเชื่อกลอุบายของชันชั้นปกครองในแต่ละพื้นที่ แต่ละเผ่าพันธุ์ที่ต้องการแปลกแยก แบ่งแยกพวกเราด้วยการป้ายสีที่มาในรูปแบบกฎเกณฑ์ข้อบังคับอันงี่เง่า

 

รวมพลังกันท้าทายความไม่เป็นธรรมในสังคมทั่วโลก ... หันหอกไปหาชนชั้นสูงที่คอยกดขี่พวกเราดีกว่า

 

 

.....................................................

 

อ่านเพิ่มเติม :


http://www.bbc.co.uk/dna/h2g2/A223859

http://www.immigrantsolidarity.org/

สงกรานต์นี้ที่เชียงใหม่ ... แรงงานข้ามชาติอาจซวยได้!

สนธิตั้งรองผอ.รมน.จว.ทั่วประเทศ กำชับแก้ 6 ภารกิจภัยรูปแบบใหม่

Xenophobia - Wikipedia, the free encyclopedia

"ต่างด้าวทะลักเชียงใหม่ยังไม่ถึงครึ่งปีจับได้เพียบ" : กรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 18 เมษายน 2550

"ตะลึง!ผลวิจัยกสิกรไทยสำรวจพบอาชีพคนใช้ ทำเงินปีละ2.7หมื่นล้าน หยาดเหงื่อ"แจ๋ว"4แสนคนทั้งในและตปท. จี้รัฐตั้งหน่วยงานควบคุมคุณภาพโดยตรง" : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 15 เมษายน 2550

 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท