ประชาไท - 4 พ.ค. 50 วันนี้ นาย
นายสมเกียรติกล่าวว่า ในการเจรจาร่วมกันระหว่างตัวแทนชาวบ้านกับนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่จังหวัดอุบลราชธานีที่ผ่านมานั้น พล.อ.
โดยสมัชชาคนจนได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนและการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 4 เมษายน 2550 และ แถลงการณ์สมัชชาคนจน นายกอย่าเบี้ยวสมัชชาฯ เปิดเขื่อนให้ปลา เปิดเจรจากับคนจน 4 เมษายน 2550 ณ สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
โดยเอกสารทั้ง 2 ฉบับ เรียกร้องให้รัฐบาลทำตาม "มติคณะรัฐมนตรี 8 เมษายน
"ในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้ความสำคัญกับชาวประมงที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดประตูน้ำ ซึ่งปัจจุบัน ปลานานาชนิดจากแม่น้ำโขงกำลังรอคอยการเปิดประตูน้ำเพื่อจะขึ้นมาวางไข่ในแม่น้ำมูนตามธรรมชาติ ปลาขนาดเล็กที่รอการอพยพในเวลานี้จะเป็นอาหารของปลาขนาดใหญ่ที่จะเริ่มอพยพในเดือนต่อไป ตามระบบของห่วงโซ่อาหารที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ ขณะที่ชาวประมงกว่า 7,000 ครอบครัว ก็รอการจับปลาที่จะอพยพมาด้วยเช่นกัน" แถลงการณ์ของสมัชชาคนจนระบุ
นอกจากนี้ท้ายแถลงการณ์ยังระบุว่า "อย่าฉกฉวยสถานการณ์ที่พวกเราไว้วางใจเปิดโอกาสให้แก้ไขปัญหา มาเป็นเงื่อนไขในการเบี้ยวข้อตกลงบิดพลิ้วการเจรจา และขอยืนยันว่าเราพร้อมแล้วที่จะชุมนุมกดดันให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อตกลงทุกเมื่อหากมีความจำเป็น"
Assembly of the poor [AOP] สมัชชาคนจน (สคจ.)
ฝ่ายเลขานุการ: 44 นิคมรถไฟกม.11
ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
4 เมษายน 2550
เรื่อง การแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนและการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลตามมติคณะรัฐมนตรี
เรียน นายกรัฐมนตรี พล.อ.
ตามที่ท่านได้เป็นประธานในการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ณ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี และได้ตกลงกับตัวแทนสมัชชาคนจนโดยมีข้อยุติเบื้องต้นสรุปได้ว่า การแก้ปัญหาสมัชชาคนจนในภาพรวม ท่านจะเป็นประธานในการเจรจาไขปัญหาของสมัชชาคนจนด้วยตนเอง พร้อมทั้งจะสั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเปิดการเจรจากับสมัชชาคนจนแต่ละกรณีปัญหาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนั้นได้มีการหารือกรณีปัญหาเฉพาะหน้าหลายกรณีเช่น กรณีเขื่อนปากมูล ท่านยืนยันว่า จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2547
นั่นหมายความว่าการเจรจามีความศักดิ์สิทธิ์แล้ว ในขณะนี้ควรจะต้องมีการเจรจาระหว่างรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับสมัชชาคนจนเป็นรายกรณีเพื่อเตรียมการไปสู่การเจรจาในภาพรวมกับนายกรัฐมนตรีในโอกาสต่อไปรวมถึง เขื่อนปากมูล จะต้องเปิดประตูน้ำตามมติคณะรัฐมนตรีหรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีการเตรียมการที่จะเปิดประตูระบายน้ำ แต่ความเป็นจริงในขณะนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
การเจรจาปัญหาของสมัชชาคนจนในทุกกรณียังไม่เกิดขึ้น เขื่อนปากมูลยังคงผลิตกระแสไฟ ปล่อยให้คนและปลารอคอยการกลับมาของลุ่มน้ำตามธรรมชาติ จากการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลทั้ง 8 บานต่อไป มีเพียงกรณีเขื่อนสิรินธรที่มีความคืบหน้าอยู่บ้างในระดับของการส่งเอกสาร หลังการเจรจาเมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯได้ส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา อนุมัติงบประมาณในการจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านหลังจากคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเห็นชอบมาประมาณ 1 ปีเต็มแต่ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อใด
ในวันนี้พวกเราจึงเดินทางมาทวงถามติดตามคำสัญญา เสมือนเป็นการเตือนว่า มหกรรมทวงสัญญาสมัชชาคนจน 2550 กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันหากการแก้ไขปัญหาตามคำสัญญายังไม่เกิดขึ้น พวกเราจำเป็นต้องเร่งรัดให้การเจรจาไปสู่การปฏิบัติเนื่องจากปัญหาความทุกข์ยากที่เกี่ยวพันกับปากท้อง และชีวิตความเป็นอยู่ของคนในครอบครัวและชุมชน ไม่ใช่เป็นประเด็นทางการเมืองที่แก่งแย่งช่วงชิงเพื่ออำนาจ เสาะแสวงความเป็นใหญ่และความมั่งคั่งของลาภยศ เงินตรา
ท่านต้องตระหนักว่าการเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลเกี่ยวพันกับชะตาชีวิตความมีอยู่มีกินของชาวประมงกว่า 7,000 ครอบครัว ที่รอการประกอบอาชีพประมงหลังการเปิดประตูน้ำ ซึ่งต้องอดอยากยากแค้นมาตลอด 8 เดือนที่เขื่อนปิดประตูน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟ โดยเฉพาะในปีนี้ที่ฤดูฝนเริ่มต้นเร็วกว่าปรกติ ปลานานาชนิดจากแม่น้ำโขงกำลังรอคอยการเปิดประตูน้ำเพื่อจะขึ้นมาวางไข่ในแม่น้ำมูนตามธรรมชาติ ปลาขนาดเล็กที่รอการอพยพในเวลานี้จะเป็นอาหารของปลาขนาดใหญ่ที่จะเริ่มอพยพในเดือนต่อไป ตามระบบของห่วงโซ่อาหารที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ นั่นหมายความว่าถ้าไม่เปิดรับปลาเล็กก็จะไม่มีปลาใหญ่ด้วยเช่นกัน
การเปิดเขื่อนปากมูลเป็นการคืนความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกินของชาวบ้านในลุ่มน้ำภาคอีสานและเปลี่ยนสภาพของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำมูนตอนปลายที่เคยเงียบเหงาต้องรอคอยการแก้ปัญหาจากรัฐ ให้คืนสู่ความคึกคัก สามารถพึ่งตนองได้ เปลี่ยนสภาพของจากอดเป็นอิ่ม พอกิน เหลือขาย ที่สำคัญเป็นการคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้านในกรณีเขื่อนปากมูลที่ค้างคามานาน
ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างสรรค์บรรยากาศการแห่งความสมานฉันท์ของคนในชาติ และเป็นการปลดเปลื้องความทุกข์ยากของพวกเราให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว จึงขอเรียกร้องให้ท่าน กำหนดวันนัดหมายที่จะเจรจาแก้ปัญหาสมัชชาคนจน โดยเร็วพร้อมทั้งมีบัญชาไปยังรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาของสมัชชาคนจน เปิดการเจรจาแก้ปัญหาของพวกเราทุกกรณี โดยเฉพาะกรณีเขื่อนปากมูลขอให้ท่านสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลตามมติคณะรัฐมนตรีโดยทันที
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
ขอแสดงความนับถือ
นายสมเกียรติ พ้นภัย
(ตัวแทนสมัชชาคนจน)
|
แถลงการณ์สมัชชาคนจน
นายกอย่าเบี้ยวสมัชชาฯ เปิดเขื่อนให้ปลา เปิดเจรจากับคนจน
4 เมษายน 2550 ณ สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
----------------------------------
บรรยากาศอันชื่นมื่นหลังการเจรจา กับนายกรัฐมนตรี พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมายังไม่ทันจางหาย ความหวังที่จะเปิดการเจรจาแก้ปัญหาที่เป็นธรรมและเสมอหน้ากันกับผู้มีอำนาจในบ้านเมืองตามคำมั่นสัญญาที่ตกลงร่วมกัน รวมถึงถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรีที่ได้ลั่นวาจาไว้ หลังจากที่นายทองเจริญ สีหาธรรม ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากเขื่อนปากมูล เสนอปัญหาในระหว่างการเจรจา "มติครม. ก็จะยังคงอยู่ไว้ เรายังไม่ได้มีการแก้ไข ในประเด็นนี้ก็ขอให้ท่านสบายใจ"
แต่ความจริงที่ชาวบ้านเขื่อนปากมูลประสบอยู่ในขณะนี้ คือ เขื่อนปากมูลยังคงเดินหน้าผลิตกระแสไฟ มติคณะรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง คือฉบับที่มีสาระระบุว่าให้เปิดเขื่อนปากมูลเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นต้นไป ยังไม่มีการดำเนินการโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะในปีนี้ที่ฤดูฝนเข้ามาเร็วกว่าหลายปีที่ผ่านมา ข้ออ้างลมๆ แล้งๆ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ที่มักอ้างว่าต้องเก็บน้ำไว้เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งจึงหมดไปอย่างไร้ข้อกังขา
ในมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวให้ความสำคัญกับชาวประมงที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดประตูน้ำ ซึ่งปัจจุบัน ปลานานาชนิดจากแม่น้ำโขงกำลังรอคอยการเปิดประตูน้ำเพื่อจะขึ้นมาวางไข่ในแม่น้ำมูนตามธรรมชาติ ปลาขนาดเล็กที่รอการอพยพในเวลานี้จะเป็นอาหารของปลาขนาดใหญ่ที่จะเริ่มอพยพในเดือนต่อไป ตามระบบของห่วงโซ่อาหารที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ ขณะที่ชาวประมงกว่า 7,000 ครอบครัว ก็รอการจับปลาที่จะอพยพมาด้วยเช่นกัน
แต่พวกเราก็ยังให้โอกาสนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจนต่อไป เพราะพวกเราทราบดีว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานที่ทรงอิทธิพลและแสดงตนเป็นรัฐอิสระเสมอมา แม้ในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ลงไปสั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯเปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูล ตามมติคณะรัฐมนตรีถึงสันเขื่อนปากมูล แต่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯก็ยังโยกโย้ถ่วงเวลานานนับเดือนกว่าจะดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
จะอย่างไรก็ตาม ในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ยึดกุมอำนาจรัฐ ก็จำเป็นต้องสั่งการให้หน่วยของรัฐ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อการดำรงรักษาไว้ซึ่งอำนาจของรัฐไทยที่มีเหนือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ไม่ให้เป็นรัฐอิสระในรัฐไทย กรณีของเขื่อนปากมูล เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเขื่อนที่ไม่มีความคุ้มค่าต่อการลงทุน ดังรายงานการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และเป็นเขื่อนที่ควรเปิดประตูน้ำถาวรตลอดปีเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของชุมชน ตามรายงานการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี รวมถึงเป็นเขื่อนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ การอพยพของปลาจากแม่น้ำโขงเข้าสู่แม่น้ำมูน ตามรายงานของคณะกรรมการเขื่อนโลก (WCD) การที่มติคณะรัฐมนตรีให้เปิดประตูน้ำเขื่อนปากมูลเพียงปีละ 4 เดือน เป็นการให้เกียรติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่การไฟฟ้าก็ยังไม่ปฏิบัติตาม
ดังนั้น สมัชชาคนจน จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาของสมัชชาคนจน ด้วยการเปิดการเจรจาตามข้อตกลงและใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการจัดการกับหน่วยงานของรัฐที่กระด้างกระเดื่องต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจน เช่น กรณีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ
สุดท้ายนี้เราขอเตือนรัฐบาลด้วยว่า อย่าฉกฉวยสถานการณ์ที่พวกเราไว้วางใจเปิดโอกาสให้แก้ไขปัญหา มาเป็นเงื่อนไขในการเบี้ยวข้อตกลงบิดพลิ้วการเจรจา และขอยืนยันว่าเราพร้อมแล้วที่จะชุมนุมกดดันให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อตกลงทุกเมื่อหากมีความจำเป็น |