Skip to main content
sharethis

การเมือง


โวยม็อบสนามหลวงวุ่นวาย ต้นเหตุทำผู้ค้า-คนเร่ร่อนเพิ่มจำนวน


เว็บไซต์แนวหน้า -- นายเริงศักดิ์ โหราเรือง ผู้อำนวยการเขตเขตพระนคร กล่าวว่า จากการที่บริเวณท้องสนามหลวงมีกลุ่มที่ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจัดเวทีปราศรัยบ่อยครั้ง ส่งผลให้บรรดาหาบเร่แผงลอยเพิ่มจำนวนขึ้นมาก โดยตั้งแต่ต้นปี2550 เขตสามารถจับกุมผู้ค้าหาบเร่แผงลอยได้หลายร้อยราย


 


นอกจากนี้การจัดกิจกรรมทางการเมืองบ่อยครั้งยังส่งผลให้มีกลุ่มคนเร่ร่อนเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นด้วย มีทั้งกลุ่มคนเร่ร่อนแบบถาวร และเร่ร่อนแบบประกอบอาชีพไม่ต่ำกว่า 600 คน ซึ่งเขตได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจออกกวดขันและเข้มงวดกลุ่มหาบเร่ดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะบริเวณท้องสนามหลวงซึ่งเป็นสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมือง รวมถึงสถานที่สำคัญอื่นโดยการนำแผงเหล็กเข้าไปกั้น เช่นบริเวณริมคลองคูเมืองเดิม หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ สะพานโรงสี บริเวณโดยรอบพระแม่ธรณีบีบมวยผม ถนนราชินี ถนนอัษฎางค์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หากพบกลุ่มหาบเร่หน้าเดิมๆ ยังฝ่าฝืนเข้ามาขายของอยู่จะดำเนินการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดทันที ตนเชื่อว่าจะช่วยให้ปริมาณกลุ่มคนเร่ร่อนเหล่านี้ลดน้อยลงได้


 



รายงานข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำรับผู้ที่ใช้พื้นที่สนามหลวงในยามค่ำคืนนั้นมี 3 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มแรกกลุ่มผู้ค้าหาบเร่ กลุ่มที่สองผู้คนเร่ร่อน และสามคือกลุ่มผู้ขายบริการ ซึ่งสองกลุ่มหลังนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตราก็จะหลบไปอยู่บริเวณอื่น ไม่เข้ามาอยู่ในพื้นที่สนามหลวง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะคอยส่งเจ้าหน้าเข้ามาตรวจตราอยู่ตลอด ส่วนกลุ่มคนเร่ร่อนนั้น กทม.ได้ประสานไปยังกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการให้หาที่รองรับให้แล้ว หลังจากนี้ก็จะมีการจัดหาที่อยู่ รวมทั้งฝึกวิชาชีพให้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่อยากย้ายไปไหน โดยอ้างว่าอยู่ใกล้ที่ทำมาหากิน



 


อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้คนเร่ร่อนในท้องสนามหลวงนั้น ส่วนใหญ่จะไม่อยากย้ายไปไหนเพราะว่าใช้สนามหลวงเป็นที่พักอาศัยกันมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว สาเหตุสำคัญเป็นเพราะไม่มีที่อยู่ ส่วนคนที่ยังนอนอยู่ในท้องสนามหลวงพร้อมกับสัมภาระอีกจำนวนมากติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ทุกที่ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า ทั้งหมดทราบเป็นอย่างดีว่ามีการจัดระเบียบแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จึงต้องฝ่าฝืนหลับนอนตามท้องสนามหลวงต่อไป


 


 


"โคทม" แปลกใจกลุ่มเคลื่อนไหวปลดสุรยุทธ์ เป็นกลุ่มต้านทักษิณ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายโคทม อารียา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.กล่าวว่า ยังไม่เห็นเหตุผลชัดเจน ที่มีคนออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี แต่แปลกที่ความเคลื่อนไหวปลดนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มาจากกลุ่มสนับสนุน พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร แต่มาจากกลุ่มต่อต้าน พันตำรวจโททักษิณ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันจะดีกว่า


 


ส่วนความเคลื่อนไหวปลดนายกรัฐมนตรี เป็นการสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลและคมช.หรือไม่นั้น นายโคทม อารียา กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เป็นที่สังเกตว่า คมช.ก็มีหลายคน ดังนั้นไม่ขอแสดงความเห็น


 


 


สมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด โต้ข่าวหลอกประธาน คมช.รับหนังสือปลดนายกฯ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -- หลังจากกระแสข่าว พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินถูกกลุ่มผู้แทนสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด หลอกให้ออกมารับหนังสือเรียกร้องให้ปลดนายกฯ แต่มีการแจ้งว่าจะให้ข้อมูลเรื่องคลื่นใต้น้ำนั้น


 


ล่าสุดวานนี้ (10 พ.ค.) ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ได้ออกมาชี้แจงว่าในฐานะเลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ขอชี้แจงเรื่องทั้งหมดว่า วันที่ 8 พ.ค.2550 นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด และตน ในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการสมัชชาฯ ได้นำคณะจำนวนประมาณ 50 คน ไปมอบหนังสือชี้แจงเหตุผลสำคัญที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ต่อไปได้อีก มิเช่นนั้น จะสร้างความเสียหายกับประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง ซ้ำเติมกับความเสียหายเดิมที่ระบอบทักษิณได้สร้างไว้ใน 5 ปีที่ผ่านมา


 


และขอให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ได้ใช้อำนาจตามกฎหมายในบทบัญญัติธรรมนูญการปกครอง พ.ศ.2549 ทำการถอดถอนนายกรัฐมนตรี และ สรรหาบุคคลที่มีขีดความสามารถเหมาะสมกว่า เป็นผู้ที่เสียสละและเข้าใจในสถานการณ์ดีกว่า ดำเนินการกวาดบ้านฟื้นฟูประเทศ พร้อมกับคืนอำนาจให้แก่ประชาชนในเวลาอันสั้นที่มีอยู่


 


หลังจากนั้น มีข่าวจำนวนมากที่เผยแพร่ออกสู่สังคม ในข่าวจำนวนนั้น มีความเข้าใจผิดบางประการ และมีความคลาดเคลื่อนจนอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ตนจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังต่อไปนี้


 


1.มติที่ขอให้ถอดถอนดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุมคณะกรรมการสมัชชาประชาชน 19 จังหวัด ณ จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2550 หลังการวิเคราะห์สถานการณ์ด้านต่างๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน และเกรงว่า หากปล่อยให้นายกรัฐมนตรีท่านปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งต่อไป ประเทศชาติจะเสียหายหนักมากขึ้น และมอบให้ประธานสมัชชาฯ ไปดำเนินการต่อ


 


2.สมัชชาประชาชนอีสานฯ จึงได้ดำเนินการประสานงานไปตามขั้นตอน เพื่อมอบหนังสือในการประสานงานอาจมีความเข้าใจไม่ตรงกันบ้าง หรือคลาดเคลื่อนบ้าง แต่อย่างไรก็ดี สมัชชาฯรู้สึกเป็นประโยชน์และได้รับเกียรติ ที่ได้มีโอกาสพูดคุยหลายเรื่องกับประธาน คมช.โดยตรง ในการพูดคุยนั้น ก่อให้เกิดกำลังใจที่สมัชชาฯ จะดำเนินงานการเมืองภาคประชาชนต่อไป


 


สมัชชาประชาชนอีสานฯ มีความเข้าใจในฐานะและท่าทีของประธาน คมช.ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอย่างดี และขอให้กำลังใจท่านดำเนินการเพื่อบ้านเมืองของเราต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ


 


ทพ.ศุภผล กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยกับหลายฝ่ายเห็นว่า ท่านประธาน คมช.เป็นชายชาติทหาร ผู้เห็นแก่ประโยชน์ของบ้านเมืองอย่างยิ่ง และรักแผ่นดินอย่างแท้จริง ซึ่งเราได้กราบเรียนท่านว่า เพื่อประโยชน์สูงสุดของแผ่นดินและพี่น้องประชาชน เราขอฝากความหวังไว้กับท่านได้โปรดพิจารณาและตัดสินใจดำเนินการเด็ดขาดกับนายกรัฐมนตรีท่านนี้ (พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์) ที่ไม่สามารถบริหารประเทศและละเลยปัญหาหลักๆ ที่แท้จริงในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา เพื่อชดใช้หนี้ หรือตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ดังที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้บอกกล่าวไว้กับสังคมเสมอๆ


 


3.เราจึงไม่เชื่อว่า จะมีคำพูดหลุดจากประธาน คมช.ในทำนองที่สำนักข่าวบางสำนัก เอาไปตีความ และพาดหัวข่าวใหญ่โตว่า สมัชชาประชาชนอีสานหลอกประธาน คมช.นับเป็นความเข้าใจผิด ตีความหมายเอาเอง และมีความคลาดเคลื่อนอย่างมาก


 


4.นอกจากนั้น สมัชชาประชาชนอีสานฯ มิได้เรียนต่อประธาน คมช.เกี่ยวกับการกำหนดเวลา 15 วัน ให้ปลด พล.อ.สุรยุทธ์ ออกจากตำแหน่งแต่ประการใด หรือจะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมใดๆ ทั้งสิ้น ดังที่สื่อมวลชนบางฉบับเอาไปตีพิมพ์ข่าว หากจะมีการเคลื่อนไหวใดๆ ย่อมขึ้นกับสถานการณ์และการตัดสินใจของตัวนายกรัฐมนตรีท่านนี้เป็นสำคัญ เพราะเราได้พยายามกราบเรียนต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ให้เสียสละต่อบ้านเมือง ลาออกจากตำแหน่งและเปิดโอกาสให้ คณะ คมช.ได้สรรหาผู้ที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่แทน


 


5.สมัชชาประชาชนอีสานฯ ไม่เห็นด้วยกับถ้อยคำของ นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า จะรอให้บ้านเมืองเกิดวิกฤตการณ์ แล้วจะลาออก เพราะแสดงให้เห็นภาวะผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ และปล่อยให้ประเทศมีปัญหาค่อยแสดงความรับผิดชอบ


 


ดังนั้น ขอยืนยันว่า เราได้กระทำการทั้งหลายไปตามมติของสมัชชาประชาชนอีสานฯ เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของแผ่นดิน และป้องกันความเสียหายหรือวิกฤตการณ์ ที่จะเกิดตามมา พวกเรานั้น เป็นประชาชนที่มิได้เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น มิได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการ หรือองค์กรทางธุรกิจใดๆ มิได้สังกัดหรือเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV


 


"พวกเราได้ต่อต้านทรราชและระบอบทักษิณมานานนับปีด้วยความเหนื่อยยาก และเสี่ยงอันตราย จึงไม่ประสงค์จะให้ระบอบทรราชกลับมาอีก จึงเห็นว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่เราให้การสนับสนุนมาก่อนท่านนี้ ได้กลายเป็นปมเงื่อนสำคัญ ของวิกฤตการณ์แผ่นดินไปแล้ว"


 


 


สนธิเคลียร์ใจนายกฯ เรื่องรับหนังสือจี้ปลดจากสมัชชาอีสานแล้ว ยันเข้าใจผิด


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -- พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนถึงกรณีที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด นำตัวแทนมายื่นหนังสือขอให้ใช้อำนาจประธาน คมช.พิจารณาปลดพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง แต่แจ้งว่าจะมาให้ข้อมูลเรื่องคลื่นใต้น้ำว่า เราก็ไม่รู้ว่าเขามา เพราะเจตนาของเรา ใครมาเราก็รับ


 


"ทีแรกเรานึกว่าอีกคณะหนึ่ง แต่กลับเป็นคณะของนายไชยวัฒน์ ซึ่งเป็นคนละคณะกัน จึงเกิดผิดพลาด ซึ่งผมนึกว่าคณะที่จะมาพบเพื่อเล่าสถานการณ์การเคลื่อนไหวของภาคอีสานให้ฟัง เป็นการเข้าใจผิด"


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า การรับหนังสือจากนายไชยวัฒน์ นายกรัฐมนตรีจะคิดอย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ตนคิดว่าท่านคงเข้าใจ เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) ตนก็คุยกับนายกรัฐมนตรีอยู่ไม่มีอะไร และได้อธิบายให้ท่านฟังว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจในการทำงานเพราะเวลาที่เหลืออยู่ในการบริหารประเทศน้อย "เราได้เคลียร์ และ เมื่อวานก็ได้พูดคุยกัน โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าท่านคงเข้าใจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้มีอะไรและเข้าใจดีในเจตนาของผม"


 


เมื่อถามต่อว่าเป็นห่วงนายกรัฐมนตรีจะถอดใจต่อกระแสกดดันหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "เชื่อว่าคงไม่คิดถอดใจในขณะนี้" ส่วนความเคลื่อนไหวที่พยายามผลักดันให้ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทนนั้น พล.อ.สนธิ กล่าวย้ำด้วยเสียงหนักแน่นว่า "เฮ้ย บอกแล้วไง ว่ามันผิดเวลา ถ้าจะเป็นก็รับไปตั้งแต่ต้นไม่ดีกว่าหรือ อย่างไรก็ตาม คิดว่าตอนนี้เหลือเวลาในการบริหารของนายกรัฐมนตรีไม่มาก จึงไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี น่าจะให้นายกรัฐมนตรีทำงานตามหน้าที่ที่เหมาะสม ซึ่งงานที่นายกรัฐมนตรีทำก็เป็นไปตามความต้องการของประชาชน"


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ คงไม่ไหว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ใช่ ถึงแม้จะเป็นได้ แต่ไม่เอาดีกว่า แต่ก็จะต้องดูว่ามันดี มันเสียอย่างไร จะต้องชั่งน้ำหนักกันดูก่อน ผมจะพยายามเดินหน้าในการทำงานในหน้าที่ประธาน คมช.ให้จบเกมอย่างสมบูรณ์โดยเร็ว" เมื่อถามว่า ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงอะไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ที่เห็นทุกเรื่องก็เดินไปได้ดีหมด ปัญหาก็ต้องมีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องว่ากันไป "มันไม่เหมือนกับเล่นฟุตบอลแล้วยิงประตูได้แล้วก็จบเกม"


 


ต่อข้อถามถึงสถานการณ์การเมืองในช่วงเดือนพฤษภาคมที่เคยประเมินจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวกดดันให้ปลดนายกรัฐมนตรี พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "คนเราก็คิดกันไปคนละอย่างสองอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ" ต่อข้อถามถึงการปล่อยข่าวรัฐประหารรอบสอง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ผมไม่รู้ เพราะยังนอนอยู่บ้านสบายดี"


 


เมื่อถามย้ำว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าเหตุการณ์จะไม่มีอะไรรุนแรงโดยเฉพาะเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ 2" พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "เมื่อคราวที่แล้ว เหตุเกิดวันที่เท่าไหร่ ใช่วันที่ 10 กว่าหรือเปล่า แต่เชื่อว่าเหตุการณ์คงจะไม่ถึงขนาดนั้น คนไทยเราก็รู้กันอยู่ เราเข้าใจปัญหาและไม่ทำให้เกิดการประกายไฟบนน้ำมันเท่านั้นเอง"


 


เมื่อถามถึงการเมืองในเดือนพฤษภาคมประเมินว่าจะมีอะไรตื่นเต้นหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "น่าจะไม่มีอะไร"


 


ส่วนการพิจารณาคดีต่างๆ ของ คตส.ที่จะประกาศความผิดของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ท่านเคยกล่าวถึงทีเด็ดนั้น คือเรื่องอะไร และจะนำไปสู่จุดผ่อนคลายหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า จะเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาของ คตส. และ พิจารณาเรื่องการยุบพรรค โดยจะทยอยกันออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะทำให้การเมืองผ่อนคลายลงไปเองตามธรรมชาติประชาชนจะรับรู้มากขึ้น รวมถึงการเมืองก็จะผ่อนคลายไปด้วย


 


เมื่อถามถึงการทำงานของ คมช. ระยะนี้เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า เป็นไปด้วยดี เพราะเราบริหารงานกันด้วยความชัดเจนไม่มีอะไรคลุมเครือ 1.มือสะอาดไม่ต้องเป็นห่วง 2.คิดอย่างมีเหตุมีผล และทำทุกอย่างเพื่อชาติบ้านเมือง ก็คงไม่น่ามีอะไร ทั้งนี้ตนเริ่มเรียนรู้การเมืองบ้างเล็กๆน้อยๆ เพราะสื่อสอนให้เราเก่ง


 


 


พีทีวียุประธานคมช.รับคำท้า เดิมพันเก้าอี้แลกยุตินองเลือด


ไทยรัฐ--นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี กล่าววันนี้ (10 พ.ค.) ว่า ขอเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยอมรับคำท้าของนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่มผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี ในการเดิมพันจำนวนประชาชน ว่า หากวันที่ 31 พ.ค. มีประชาชนมาชุมนุมเป็นจำนวนมาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ต้องลาออก หากประชาชนมาไม่มากพอกลุ่มผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี จะยุติการชุมนุมโดยไม่ต้องมีการนองเลือด โดยจะเปลี่ยนไปใช้สถานที่ชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าแทน ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมล้นลานพระบรมรูปทรงม้า


 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 30 พ.ค.นี้ ตุลาการรัฐธรรมนูญกำหนดวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมืองทุจริตการเลือกตั้ง โดยเฉพาะคดี 2 พรรคการเมืองใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคไทยรักไทย


 


 


พีทีวี เปิดโปงช่อง 5 ให้ทหารลาออกอาทิตย์นี้


ไอ.เอ็น.เอ็น -- นายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี เตรียมเปิดโปงข้อมูลความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือคมช. และรัฐบาลในการชุมนุมวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค.นี้ ภายใต้หัวข้อเอ็กซเรย์รากเหง้าเผด็จการ โดยจะมีการเปิดเผยการบริหารงานภายในสถานีกองทัพบกช่อง 5 ที่มีการให้นายทหาร 5 คน ลาออกจากราชการซึ่งเป็นการลงนามเอาไว้ล่วงหน้าแบบไม่ลงวันที่ เพื่อให้ทั้ง 5 คนเข้าไปทำงานในฐานะพลเรือน ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณาถึงความผิดปกติดังกล่าวว่าเป็นการกระทำเพื่อที่จะยึดช่อง 5 รวมถึงแสดงความเป็นห่วงกรณีที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยาแบบไร้ประสิทธิภาพเพราะจะเป็นการนำประเทศไทยเข้าไปสู่เกมการเมืองระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ รองประธานกรรมการบริหารงานสถานีโทรทัศน์พีทีวีเห็นว่าการที่คตส.ตั้งข้อหาอดีตนายกฯ ว่าทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ในการเปลี่ยนแปลงสัมปทานกิจการโทรคมนาคมนั้นเป็นการตั้งข้อหาแบบพิลึก


 


 


ทูตไทยยันออสซี่ไม่กดดันไทยร่างรธน.แต่ขอให้เร่งจัดเลือกตั้ง


เว็บไซต์คมชัดลึก -- นายบัณฑิต โสตถิพลาฤทธิ์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวไทยถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรเลีย หลังการปฏิรูปการปกครองในประเทศไทย ว่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก เชื่อว่าดีกว่าเดิม อาจมีเพียงช่วงแรกที่เขาไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติยึดอำนาจ แต่เมื่อรับทราบเหตุผลถึงสถานการณ์การเมืองที่เดินมาถึงทางตัน ก็อยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว



 


"ความสัมพันธ์ทางการทูตกับออสเตรเลียไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเสื่อมลง ทั้งทางการทูตหรือทางทหาร ที่ผ่านมา พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร เดินทางมาเยือนเพื่อตกลงความร่วมมือทางการทหาร ผมว่าความร่วมมือมีเพิ่มมากขึ้นทุกด้าน ตัวเลขทางการค้าก็ยังปกติ" นายบัณฑิต กล่าว



เอกอัครราชทูตไทยประจำออสเตรเลีย กล่าวด้วยว่า ภายหลังการลงนามเปิดเสรีการค้า หรือ FTA ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ปริมาณการค้าเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 31 อยู่ที่ 8.9 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย ในปี 2006 ตัวเลขเพิ่มขึ้นอีก ร้อยละ 18 อยู่ที่ 9.6 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่ไทยได้ดุลการค้าถึง 700 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และไทยส่งออกมาออสเตรเลียติดอันดับ 8 ของโลก แสดงว่าความสัมพันธ์ยังปกติ



 


ส่วนที่ทางการออสเตรเลียเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ เอกอัครราชทูตไทยประจำออสเตรเลีย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทำให้คนออสเตรเลียเสียชีวิตจำนวนมาก ทางการออสเตรเลียจึงต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของเขา เพราะเกรงถูกฟ้องร้อง แต่ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่เดินทางเข้าประเทศไทยยังมีจำนวนมาก ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ช่วงปี 2005 ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียไปเที่ยวในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4 แสนกว่าคน แต่มาปี 2006 กลับเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนกว่าคน



 


เมื่อถามว่า ทางการออสเตรเลียให้ความสนเกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของไทยหรือไม่ เอกอัครราชทูตไทย ประจำออสเตรเลีย กล่าวว่า ทางการออสเตรเลียไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของไทย แต่สนใจว่าเราจะเลือกตั้งเมื่อใด ซึ่งหลังจากที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดเจนว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งปลายปี 2550 เป็นสิ่งที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในสายตาต่างประเทศได้ เพราะทางออสเตรเลียอยากให้เรามีการเลือกตั้ง มีประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด ส่วนคนไทยที่ออสเตรเลีย ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องให้ความสนใจว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใด มีรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร ซึ่งกำลังติดตามดูอยู่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะออกมาอย่างไร



 


"ที่ผ่านมา เราอยากให้มีรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง เพราะเราเคยมีบทเรียนว่า เมื่อเรามีพรรคการเมืองที่ไม่เข้มแข็ง หรือมีรัฐบาลจากพรรคการเมืองพรรคเดียว ก็ทำให้สถานการณ์การเมืองเป็นเช่นนี้" นายบัณฑิต กล่าว



 


เมื่อถามว่า ทางสถานเอกอัครราชทูต เตรียมรับมืออย่างไร หากมีการจัดการเลือกตั้งนอกอาณาเขต ที่ประเทศออสเตรเลีย เอกอัครราชทูตไทย ประจำออสเตรเลีย กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเตรียมการรองรับไว้ตลอดเวลา แต่ต้องรอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งมาก่อน ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่า คนไทยที่ออสเตรเลียจะมีความตื่นตัวหรือไม่ เพราะในอดีตเคยเรียกร้องอยากให้มีการจัดการเลือกตั้งนอกอาณาเขต แต่เอาเข้าจริง ก็มาเลือกตั้งกันน้อย จึงอยากให้มีการทุ่มงบประชาสัมพันธ์ให้คนไทยในต่างแดนตื่นตัวออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากขึ้น ส่วนเหตุที่คนไทยในต่างแดนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยนั้น ไม่ทราบว่า เบื่อการเมืองหรือไม่


 


 


การเมืองคลุมเครือฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง


ผู้จัดการออนไลน์ -- นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนเมษายน 2550 ว่า ดัชนีชี้ความเชื่อมั่นทุกดัชนีปรับตัวลดลง จากปัจจัยลบความไม่แน่นอนทางการเมือง ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเกิน 30 บาท/ลิตร และความวิตกกังวลต่อค่าครองชีพ รวมถึงสถานการณ์ภาคใต้ และยังไม่มีสัญญาณใดที่จะบ่งชี้ว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และสิ่งที่ทำให้น่าเป็นห่วงก็คือ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตปรับตัวลดลงด้วย ยกเว้นรัฐบาลสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งได้ภายในปีนี้ หรือสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ชัดเจน


 


นอกจากนี้ ยังเห็นว่า รัฐบาลสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.5 พร้อมเร่งกระตุ้นการเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมาย และเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินภายในไตรมาสที่ 3 เชื่อว่าจะช่วยให้สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งจะทำให้เกิดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งจะทำให้มีงบประมาณของพรรคการเมือง 30,000-40,000 ล้านบาท กระจายลงสู่ท้องถิ่น ทำให้เกิดการจ้างงาน ส่งผลดีต่อธุรกิจสิ่งพิมพ์ ออร์แกไนเซอร์ และธุรกิจโฆษณา


 


ส่วนกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น นายธนวรรธน์ กล่าวว่า จากผลการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมักเกิดผลเสียต่อการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติจะเกิดความสับสน โดยภาคธุรกิจมองว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกทางแล้ว เพียงแต่ขอให้ดำเนินการรวดเร็วกว่านี้ จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือเปลี่ยน ครม. เพื่อให้เกิดภาวะสุญญากาศโดยไม่จำเป็น


 


นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งให้สถาบันการเงินของรัฐนำร่องลดดอกเบี้ยช่วยเหลือผู้บริโภค เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้าน เพราะการลดภาษีธุรกิจเป็นเพียงการช่วยเหลือผู้ประกอบการเท่านั้น ขณะเดียวกันต้องการให้รัฐกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานและธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น


 


สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนเมษายน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 72.1 นับว่าต่ำสุดในรอบ 62 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 76.3 ส่วนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในอนาคต หรือ 6 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 67.9 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 73 ต่ำสุดในรอบ 54 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นกับโอกาสการหางานทำในปัจจุบัน อยู่ที่ 74.7 ต่ำสุดในรอบ 47 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกับโอกาสการหางานทำใน 6 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 71.2


 


นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 52.9 เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะซื้อรถยนต์คันใหม่ในช่วงนี้ และอีกร้อยละ 42.6 เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ ร้อยละ 62.1 เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในปัจจุบัน และร้อยละ 43 เห็นว่าไม่เหมาะสมที่จะลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอีในปัจจุบัน


 


 


คุณภาพชีวิต


ปิยสวัสดิ์ นัดหารือเปิดเขื่อนปากมูล 18 พ.ค.นี้


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -- นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีชาวบ้านทวงสัญญาที่ได้รับผลกระทบเขื่อนปากมูลว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีให้เปิดเขื่อนได้เป็นเวลา4 เดือนนั้น โดยเริ่มเปิดในช่วงวันที่ 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน แต่จะเป็นวันใดนั้นต้องดูสภาพดินฟ้าอากาศ และปริมาณน้ำด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่ต้องการให้เปิดเขื่อนได้มาพบตน เพื่อให้เร่งดำเนินการ แต่ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มที่ไม่อยากให้เปิดเขื่อนด้วย จึงต้องมีการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นประธานในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ก่อน เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวว่า จะสามารถเปิดเขื่อนได้ในวันใด


 


 


บอร์ดประกันสังคม ตีกลับข้อเสนอ "สมคิด"แยก สบล.เป็นหน่วยงานอิสระ ขณะที่ สปส.ระส่ำ "สุรินทร์" ชง"อภัย" ปลดที่ปรึกษาบอร์ดยกชุด


เว็บไซต์แนวหน้า -- รายงานข่าวจากกระทรวงแรงงานแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นการแยก สปส.ออกเป็นองค์กรอิสระเพื่อให้การบริหารงานเกิดความคล่องตัว โปร่งใส และทำให้นายจ้าง ลูกจ้าง ซึ่งเป็นเจ้าของเงินหลักสามารถตรวจสอบได้ง่าย โดยได้มีการนำรายงานผลการศึกษาของนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารงานบุคคลและกฎหมาย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณีการแยกสำนักบริหารการลงทุน (สบล.) เป็นหน่วยงานอิสระ แต่ติดขัดข้อกฎหมายประกันสังคมไม่สามารถทำได้เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นกับ สบล.เลขาธิการสปส.ยังต้องรับผิดชอบอยู่ ซึ่งบอร์ดเห็นว่าควรให้นายสมคิด ไปศึกษาแก้ระเบียบเพิ่มเติมโดยอาจใช้รูปแบบการบริหารเหมือนบริการพิเศษ(SDU) ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกันที่สำนักนายกรัฐมนตรีใช้บริหารสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี



 


ข่าวแจ้งว่า ในการประชุมดังกล่าวยังได้มีการหยิบยกรายงานการศึกษากรณีให้ สปส.ออกนอกระบบเป็นองค์กรมหาชน ไม่ขึ้นกับกระทรวงแรงงาน ซึ่งขณะนี้ผลการศึกษาได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วและได้มีการเสนอให้กระทรวงพิจารณาแต่ยังไม่ได้รับการหยิบยกมาพิจารณา เพราะผู้บริหารกระทรวงมองว่าเป็นเรื่องใหญ่และเสี่ยงต่อความมั่นคงของกองทุน ประกอบกับยังมีข้าราชการ สปส.ส่วนหนึ่งเกรงเรื่องสถานภาพความไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน ทั้งที่เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ประกันสังคมในระดับจังหวัดมีความเห็นว่าการออกนอกระบบน่าจะคล่องตัวต่อการทำงานมากกว่า



 


ข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมว่านายสุรินทร์ จิรวิศิษฎ์ เลขาธิการ สปส.เตรียมเสนอเรื่องขอเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่ปรึกษาบอร์ดประกันสังคมยกชุดจำนวน 4 คน ประกอบด้วย น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ นายยงยศ ปาละนิติเสนา นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ไปยังนายอภัย จันทนจุลกะ รมว.แรงงาน จนทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในบอร์ดประกันสังคมถึงความไม่มั่นใจในการทำงานและทิศทางของกองทุนประกันสังคมอาจจะมีปัญหาในอนาคต


 



แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงที่ปรึกษาบอร์ดครั้งนี้น่าจะมาจากลักษณะการทำงานของนายสุรินทร์ มักจะลงรายละเอียดหยุมหยิมทุกเรื่อง ไม่ให้เกียรติคนที่ร่วมทำงานด้วยกัน เท่ากับว่ายังไม่เป็นนักบริหารมืออาชีพ ที่ผ่านมาทำให้เกิดปัญหาโต้เถียงในบอร์ด สปส.ทำให้นายสุรินทร์ เกิดความไม่พอใจหลายครั้งจึงมีความเป็นไปได้ที่จะเสนอปลดที่ปรึกษาในครั้งนี้ ซึ่งไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ลักษณะนี้ในสปส.มาก่อน นอกจากนี้ยังมีข่าวว่านายสุรินทร์ มีความต้องการที่จะเสนอเปลี่ยนบอร์ดกองทุนเงินทดแทนยกชุดตามมาด้วย



 


เศรษฐกิจ


ธปท.หาจังหวะเหมาะยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30%


ผู้จัดการออนไลน์ -- นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า แม้ว่ามาตรการกันสำรองร้อยละ 30 จะยังคงอยู่แต่ไม่มีผลอะไรต่อค่าเงินมากนัก หากจะเป็นเพียงผลทางจิตวิทยาเท่านั้น ซึ่งขณะนี้กำลังรอจังหวะที่เหมาะสมที่จะยกเลิกมาตรการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การที่มีมาตรการกันสำรองร้อยละ 30 และมาตรการประกันความเสี่ยงเต็มจำนวน หรือ พูลีเอช ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกับนักลงทุนในการนำเงินเข้ามาลงทุนภายในประเทศ ซึ่งตนมองว่า มาตรการพูลีเอชมีความเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากมีต้นทุนต่ำกว่า


 


ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การซื้อหุ้นเพิ่มทุนในธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเรื่องที่ดี และถือเป็นเรื่องที่มีการพิจารณากันมานานแล้ว ซึ่งหากมองในตัวเลขสัดส่วนกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ถือว่าไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามตน มองว่าธนาคารควรมีการวางแผนระยะยาวเพื่อดูแลในเรื่องนี้ด้วย


 


 


ต่างประเทศ


จีนเปิดสวนสนุกเลียนแบบ ดิสนี่ย์แลนด์ ส่งผลให้เกิดเป็นข้อพิพาทด้านกฎหมายลิขสิทธิ์กับสหรัฐ


กรมประชาสัมพันธ์ -- จีนเปิดสวนสนุกเลียนแบบ ดิสนี่ย์แลนด์ ส่งผลให้เกิดเป็นข้อพิพาทด้านกฎหมายลิขสิทธิ์กับสหรัฐ ทั้งนี้สวนสนุก ฉีเจียงชาน ทางตะวันตกของกรุงปักกิ่งได้ปรับกิจการเลียนแบบ ดิสนี่ย์แลนด์ ของสหรัฐเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวหลังวันแรงงานทำให้สหรัฐไม่พอใจ ซึ่งได้ส่งหนังสือเตือนไปยังสวนสนุกแห่งดังกล่าวว่า กำลังกระทำในสิ่งที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของดิสนี่ย์แลนด์ โดยสวนสนุก ฉีเจียงชาน ตกแต่งสถานที่เลียนแบบ อีกทั้งยังใช้ตัวการ์ตูน รวมทั้งมาสค็อตต่างๆที่ปรากฏอยู่ในดิสนี่ย์แลนด์ ไม่เพียงเท่านั้นยังเขียนป้ายตรงทางเข้าเชิญชวนให้ผู้คนมาท่องเที่ยวที่สวนสนุกแห่งนี้แทนการไปดิสนี่ย์แลนด์ ที่อยู่ไกลเกินไปด้วย แม้จะมองดูราวกับเป็นดิสนี่ย์แลนด์ในปักกิ่ง แต่ผู้บริหารสวนสนุก ฉีเจียงชาน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนก็ยืนยันว่า ไม่ได้เลียนแบบใคร และว่าการจัดกิจกรรมพิเศษนี้มีขึ้นเฉพาะวาระพิเศษเท่านั้น



 


ผู้ประท้วงชาวฝรั่งเศสยังชุมนุมต่อต้านปธน.คนใหม่


ผู้จัดการออนไลน์ -- ฝรั่งเศสยังคงเกิดเหตุไม่สงบอีกกันเมื่อคืนวันพุธ(9) นับเป็นคืนที่ 4 ต่อเนื่องแล้ว ซึ่งมีการประท้วงไม่พอใจที่ผู้นำฝ่ายขวา นิโกลา ซาร์โกซี ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่


 


โดยเหตุไม่สงบในคืนวันพุธ มาจากผู้คนราว 300-400 คน ไปชุมนุมต่อต้านซาร์โกซีกันแถวย่านละตินควอเตอร์ของกรุงปารีส แล้วตำรวจปราบจลาจลเข้าสลาย จับกุมผู้เดินขบวนไปกว่าร้อยคน


 


ในวันเดียวกัน ยังมีนักศึกษาหลายร้อยคนจัดการนัดหยุดเรียนที่มหาวิทยาลัยปารีส 1 แพนธีออน-ซอร์บอนน์ เพื่อประท้วงแผนการปฏิรูปการอุดมศึกษาของซาร์โกซี


 


 


กลุ่มกบฏในฟิลิปปินส์ซุ่มโจมตีขบวนรถตำรวจมีผู้เสียชีวิต 5 คน


กรมประชาสัมพันธ์ -- กลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ในฟิลิปปินส์ซุ่มโจมตีขบวนรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจบนเกาะมินโดโร ทางตะวันตกของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน พันโทโรเดอริค ปาเรย์โน่ กล่าวว่ากลุ่มกบฏกดชนวนระเบิดขณะที่รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล่นอยู่บนถนนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่ง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในสัปดาห์หน้า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับเมืองซานโฮเซ่ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน เมื่อตำรวจยิงปะทะกับสมาชิกของกลุ่มกบฏคอมมิวนิสต์ประมาณ 30 คนเป็นเวลา 10 นาที


 


 


ยอดผู้เสียชีวิตในช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้งของฟิลิปปินส์เพิ่มเป็น 100 คนแล้ว


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -- การเลือกตั้งกลางเทอมของฟิลิปปินส์ที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ยังคงเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีรายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้เพิ่มขึ้นเป็น 100 คนแล้ว โดยเมื่อกลางดึกคืนวานนี้ นาย เออร์นี่ ตาตอย วัย 41 ปีหัวคะแนนของนาย ชีอองกี อุย ผู้ลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองคอมโปสเตลล่า วัลเลย์ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านพัก ขณะที่ลูกสาววัย 13 ปีได้รับบาดเจ็บ ตำรวจในพื้นที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายอาจเป็นชาย 3 คนที่ไปแจกไปปลิวใกล้กับบ้านของผู้เสียชีวิตของเกิดเหตุและต้องเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้งอย่างแน่นอน สำหรับ เมืองคอมโปสเตลล่า วัลเลย์อยู่ห่างจากรุงมะนิลาไปตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 760 กิโลเมตร


 


ทั้งนี้ การเลือกตั้งกลางเทอมของฟิลิปปินส์จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม โดยจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 265 ตำแหน่ง ,วุฒิสมาชิก 12 ตำแหน่ง และผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศอีกถึง 17,000 ตำแหน่ง ซึ่งจากจำนวนผู้เสียชีวิต 100 คน ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แบ่งเป็นผู้สมัครและนักการเมือง 52 คน ,หัวคะแนน 36 คน และพลเรือน 11 คน


 


 


ตำรวจเยอรมนีนำกำลังเข้าปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นที่สงสัยว่ากำลังเตรียมประท้วงต่อต้านระบบทุนนิยม


กรมประชาสัมพันธ์ -- กลุ่มวัยรุ่นยกพวกปะทะกันตำรวจปราบจลาจลในเมืองฮัมบวร์กของเยอรมนีเนื่องจากไม่พอใจที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นศูนย์เยาวชนหลายแห่งในเมืองนี้ รวมทั้งเมืองอื่นๆในรัฐทางภาคเหนือเพื่อปราบปรามกลุ่มวัยรุ่น โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า กลุ่มวัยรุ่นตามศูนย์เยาวชนเหล่านี้กำลังเตรียมการประท้วงใหญ่การประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งจะมีผู้นำจากสหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น แคนาดา รัสเซีย อิตาลี และเยอรมนีเข้าร่วมประชุมระหว่างวันที่ 6 - 8 กรกฎาคมนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net