Skip to main content
sharethis

 



 


ประชาไท - 24 พ.ค. 50 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. เวลา 16.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมคณะตุลาการศาลปกครองและข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง จำนวน 20 คน เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกับคณะผู้เข้าเฝ้าฯ ว่า



 


 


"ขอขอบใจที่ท่านมา เอาครุยของผู้พิพากษาของศาลปกครองมาให้ ซึ่งนับว่าท่านได้ให้ความเดือดร้อนเพิ่มเติมแก่ข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครองก็มีอำนาจที่จะปฏิบัติในกฎเกณฑ์ของศาลเฉพาะ คือศาลปกครอง และในรัฐธรรมนูญฉบับที่ท่านกล่าวถึงคือ รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งได้ตั้งศาลปกครองและศาลอื่นๆ หลายศาล ซึ่งแต่ก่อนนี้มีเพียงศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุด แต่เดี๋ยวนี้ศาลอื่นๆ ก็เป็นศาลสูงสุดทั้งนั้น และถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของศาล โดยเฉพาะอย่างศาลปกครองซึ่งเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่ง ก็ต้องถือว่าเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านก็มีอำนาจตามที่กำหนดไว้สำหรับศาลปกครอง


    


เดี๋ยวนี้ เวลานี้ อีกไม่กี่วันจะมีการตัดสินเกี่ยวข้องกับศาลอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ศาลปกครอง กล่าวคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ว่าด้วยเรื่องของอำนาจ หรือของการที่จะเป็นพรรคการเมือง ท่านก็พูดไม่ได้เพราะท่านไม่เกี่ยว แต่ว่าพรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับการปกครองโดยตรงเหมือนกัน แต่ท่านไม่มีอำนาจ แต่ว่าข้าพเจ้าจะพูดถึงพรรคการเมืองที่จะมีหรือไม่ ที่จะตั้งหรือไม่ตั้ง ที่จะล้มหรือไม่ล้มนั้นก็พูดไม่ได้ แต่ว่าถึงบอกว่า เดือดร้อนที่ข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านเอาเสื้อครุยของศาลปกครองมาให้ แต่ไม่มีอำนาจอะไรเลย แม้จะมีอำนาจ ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจอะไรเลย ตามที่จะใส่เสื้อครุยหรือไม่ใส่เสื้อครุยก็ไม่มีอำนาจ เช่นเดียวกับท่านเองก็ไม่มีอำนาจ แต่ว่าถ้านึกถึงว่าจะมีการตัดสินเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง จะเป็นการตัดสินที่สำคัญมาก และท่านเองก็จะเดือดร้อน เพราะว่าถ้ามีพรรคการเมือง ถ้าไม่มีพรรคการเมืองก็ตาม ท่านเดือดร้อน เพราะว่าพรรคการเมืองต้องมี และก็ถ้าบอกว่ามีพรรคการเมืองไม่ได้อยู่ในอำนาจของท่าน ท่านจะเดือดร้อน ข้าพเจ้ายิ่งเดือดร้อนใหญ่


 


ฉะนั้นก็ คล้ายว่าต่อว่าท่านว่าทำไมท่านต้องมาวันนี้ ซึ่งไม่กี่วันจะมีปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านเป็นผู้ใหญ่ ถ้าท่านเป็นตุลาการมาหลายปีแล้ว และท่านก็ต้องมีความรับผิดชอบที่จะตัดสิน ไม่ใช่ตัดสินบนบัลลังก์ แต่ตัดสินในใจว่า ผู้ที่จะเป็น ผู้ที่เป็นศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ท่านได้ปฏิบัติ และท่านได้ตัดสินถูกต้องหรือไม่


 


ท่านเองท่านก็รับผิดชอบและท่านก็มีหน้าที่ที่จะให้มาวิจารณ์ว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก ข้าพเจ้าเองไม่มีสิทธิใดๆ ที่จะบอกว่าเขาจะทำถูกหรือไม่ถูก ซึ่งในใจก็ต้องรู้ได้ว่าเขาจะทำถูกหรือไม่ถูก ถ้าเขาทำไม่ถูก ตัดสินว่าจะเป็นพรรคการเมือง จะมีอยู่หรือไม่มีก็เดือดร้อนทั้งนั้น ข้าพเจ้าเองก็ในใจมีคำตัดสินอยู่ แต่ว่าบอกท่านไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิที่จะบอก ท่านเองก็ไม่มีสิทธิ วันนี้ แต่ท่านต้องมีการตัดสินในใจ ว่าที่ ที่เขา ศาลรัฐธรรมนูญเขาจะตัดสินถูกหรือไม่ถูก ตรงนี้อยู่ในใจ แต่เขาจะตัดสินอย่างไรก็ตาม เดือดร้อนทั้งนั้น เสียหายทั้งนั้น คำตัดสินของเขาเดือดร้อนและเสียหายสำหรับท่านเองทั้งนั้น ข้าพเจ้าก็เดือดร้อน และไม่มีสิทธิที่จะมาบอกว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก แต่รู้ในใจว่า เขาจะตัดสินอย่างไรก็ตาม รู้ในใจว่าเขาทำถูกหรือผิด ส่วนใหญ่ก็นึกว่าเขาต้องทำผิดแน่


 


ถ้ารู้สึกว่าเขาทำผิด เรามีหน้าที่ ที่จะวิจารณ์ วิจารณ์ในใจ แต่ละท่านต้องวิจารณ์ที่เพื่อนศาลอื่นทำถูกหรือผิด ต้องมี ต้องวิจารณ์อย่างน้อยในใจของท่าน มีคำ ไม่ใช่พิพากษา มีความเห็นบ้าง เพราะว่า ถ้าหากว่าเขาตัดสินมาอย่างไร จะเสื่อมเสียแก่บ้านเมืองทั้งนั้น จะตัดสินทางไหนก็ตาม ก็เป็นคำตัดสินที่จะผิด ผิดพลาดทั้งนั้น ฉะนั้นต้องมีการวิจารณ์ แต่ท่านวิจารณ์เป็นทางการไม่ได้ ท่านต้องวิจารณ์เป็นส่วนตัว อาจจะไม่เปล่งออกมา


 


วันนี้ถึงบอกกับท่านว่าท่านเอาเสื้อครุยมาให้แล้ว เอาความเดือดร้อนมาให้ เพราะว่าเอาเสื้อครุยมาให้ก็หมายความว่าข้าพเจ้าก็มี มีหน้าที่ผู้พิพากษาศาลปกครองเหมือนกัน แต่ตัดสินอะไรพิพากษาอะไรไม่ได้ ท่านเองก็ตัดสินอะไรไม่ได้ เพราะว่าท่านเองไม่ได้เป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีสิทธิที่จะพิจารณาอะไร แต่ว่าโดยที่ได้ชื่อว่าเป็นศาลรัฐธรรมนูญ เขาก็มีสิทธิ ยุ่งหมด มีแต่ถ้าฟังวิทยุ ถ้าท่านก็คงต้องฟังวิทยุทั้งวันทั้งคืน 2 วัน 2 คืนนี้ มีการวิจารณ์อย่าง อย่างหนักเกี่ยวข้องกับศาล ท่านต้องคิดวิธีที่จะป้องกันตัว แทนเพื่อนผู้พิพากษาศาลต่างๆ ทั้งหมด แล้วทั้งหมด ก็บอกแล้วว่า ศาลฎีกาไม่มีสิทธิ ศาลฎีกาซึ่งท่านก็เคยได้ดำรงหน้าที่ศาลฎีกาบ้าง แต่ก็ว่าท่านทำอะไรไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าศาลฎีกาไม่มีสิทธิ


 


ขอพูดอย่างนี้ ท่านไปตีความเอาเอง ผู้พิพากษาศาลอะไรก็ตาม ต้องตีความแล้วก็ ต้องตีความให้ถูก ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองพัง ก็ เคยบอกกับท่านประธานว่า ครั้งก่อนที่มีเรื่องเกิดขึ้น ตอนที่ข้าพเจ้าพูดที่ ที่หัวหิน เป็นเวลาปีกว่าแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แล้วท่านก็เอาความรับผิดชอบใส่ในตัว แล้วความรับผิดชอบนั้นทำให้คนก็เอะอะขึ้นมา จนกระทั่งเกิดเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุมีผล ก็มีเหตุแล้ว ก็มีผลขึ้นมา ยุ่งหมด อีกไม่กี่วันก็ยุ่งต่อไป ท่านเตรียมตัวดีๆ ที่จะให้พร้อมที่จะมีการวิจารณ์บ้าง ไม่ใช่ในฐานะศาล ในฐานะส่วนตัว หรือในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ในฐานะผู้มีความรู้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้บ้านเมืองล่ม ล่มจม อย่างทุกครั้ง ถึงบอกว่าถ้าเราไม่ทำอะไร เราไม่พยายามแก้ไขจะล่มจม เราก็เกือบล่มจม ตอนนี้ก็เกือบจะล่มจมต่อไป


 


ฉะนั้น ท่านมีความรับผิดชอบที่จะทำให้บ้านเมืองไม่ล่มจม หรือตักเตือนประชาชนที่มีความรู้ให้มีความรู้มากขึ้น และแม้แต่ประชาชนที่ไม่มีความรู้ให้เกิดความรู้ขึ้นมาว่าบ้านเมืองควรจะไปทางไหน ท่านทำได้ ท่านพูดได้ ท่านคิดได้ เพราะท่านมีความรู้ เพราะฉะนั้นขอร้องให้ท่านพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์ต่อไป เพราะว่าสถานการณ์ปีนี้ไม่ดีเลย


 


ฟังวิทยุเขาก็พูดมีเหตุผล มีผู้ที่มีความรู้ออกวิทยุ อาจจะไม่ถูกต้องบ้าง เพราะว่าเขาเป็นนักการเมืองที่พูดทางวิทยุ เราในฐานะ พูดคำว่าเราเพราะว่าท่านให้ครุยแล้ว ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้พิพากษาคนหนึ่ง มีสิทธิแล้วก็มี มีหน้าที่ที่จะทำให้คนเข้าใจถึงหน้าที่ของประชาชน หน้าที่ของ ของข้าราชการ ตุลาการที่จะทำเพื่อทำให้บ้านเมืองรอดพ้นจากความยุ่งยาก ยากเข็ญ ก็จะขอขอบใจท่านทั้งหลายที่จะพยายามคิดให้ทำให้บ้านเมืองไปรอดจากวิกฤตการณ์ปัจจุบันนี้ เพื่อการนี้


 


ก็ขอให้พรให้ทุกท่านมีความสามารถ ถ้ามีความสามารถ แต่สามารถที่จะแสดงว่าท่านมีความสามารถ เชื่อว่าท่านทุกคนมีความสามารถ ต้องแสดงว่าท่านมี มีความสามารถที่จะตัดสินใจ และตัดสินใจแทนตุลาการทั้งหลาย ทั้งศาลปกครอง ศาลอื่นๆ สูงสุดบ้าง ไม่สูงสุดบ้าง ให้ตัดสินอะไร พูดอะไร ให้มีความคิดที่ ที่ดี ความคิดที่สูงสุด ที่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ การนี้ ท่านต้องรักษาความความซื่อตรงที่มีอยู่และขอให้ท่าน แสดงว่าท่านมีความซื่อตรง ให้ทุกคน ประชาชน ทั้งคนที่ไม่มีความรู้ในทางกฎหมาย แม้แต่คนที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลย แต่คนทุกคน โดยที่เป็นคนต้องสามารถที่จะคิด เพราะว่าก็หวงแหนบ้านเมือง ไม่อยากให้ล่มจม ก็ขอบใจท่านที่ตั้งใจที่ปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ท่านมีกำลัง โดยเฉพาะกำลังใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่กล้าหาญ และต้องกล้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง เพื่อให้ส่วนรวมได้อยู่เย็น ได้อยู่เป็นสุข


 


ขอให้ทำโดยปลอดภัยและโดยตรงไปตรงมา เข้าใจว่า เชื่อว่าท่านตั้งใจที่จะทำงานเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายสมบูรณ์ เพื่อที่จะปฏิบัติงาน หน้าที่ได้ และก็ขอขอบใจท่านที่จะดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลปกครอง และขอให้สามารถตักเตือนคนอื่นให้เขาทำหน้าที่ให้ดี โดยเฉพาะทางฝ่ายตุลาการ ก็ขอให้ท่านมีร่างกาย จิตใจแข็งแกร่ง เพื่อให้ทำหน้าที่มีความสำเร็จ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net