29 พ.ค. 50 - เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (28 พ.ค.) น.ต.
สดศรีทวง ม.68 วรรคสอง ชี้กรรมาธิการตัดทิ้งไม่แฟร์
ปรากฏว่านาง
นาย
ด้านนางสดศรี ได้ขอให้ฝ่ายเลขาฯบันทึกลงไปในบันทึกการประชุมว่าตนยังขอสงวนเรื่องนี้เอาไว้ ซึ่งนายสมคิด ก็ยอมรับจะบันทึกให้
ประสงค์จะเพิ่มเจตจำนงให้-ตั้งข้อสังเกตข้อเสนอ "องค์กรกลาง" คล้าย ม.68 วรรค 2
ในที่สุด น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนจะเพิ่มเจตจำนงในบันทึกการประชุมตามที่นางสดศรีต้องการ และขอชี้แจงว่าที่ไม่ให้โหวตนั้นเพราะเกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งกันโดยไม่จำเป็น แต่ที่ตนให้ตัดออกไปก่อนนั้นเพราะเห็นว่าถึงตัดออกไปแล้ว ส.ส.ร. ก็ยังมีช่องทางที่จะแปรญัตติกลับมาอีก
"ขอเรียนตรงๆ ว่าเหตุการณ์ความชุลมุนใน 2-3 วันนี้มีนักการเมืองและนักวิชาการ ออกมาพูดว่าควรมีองค์กรกลาง หรือคณะบุคคลมาพบกันเพื่อหาทางออก ฟังดูแล้ว ก็เป็นลักษณะขององค์กรแก้วิกฤตตาม ม.68 วรรคสองเหมือนกัน ทีตอนที่ไม่เหตุการณ์ไม่มีใครพูดถึง อยากให้ตัดออกกันทั้งนั้น แต่พอเกิดวิกฤตที่ดูท่าทางจะวุ่นวายก็มาต้องการ ม.68 วรรคสอง" น.ต.ประสงค์ กล่าว
พร้อมทั้งกล่าวว่า ก่อนที่จะเริ่มประชุมได้มีสื่อถามตนถึงเหตุการณ์วุ่นวายว่าจะกระทบต่อการร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนก็ตอบไปว่าไม่กระทบการร่างแต่จะกระทบต่อการลงประชามติ ถ้ามีการทำ และจะไปกระทบการเลือกตั้งปลายปี
"ที่วุ่นวายชุลมุนกันอยู่นี้ ต้องขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ทหารจะดูแล เรื่องนี้เกิดจากพวกผีไม่มีศาล สมภารไม่มีวัด คนเดียวเท่านั้น เร่ร่อนอยู่เนี่ย เพราะความเคลื่อนไหวทุกอย่างใช้เงินทั้งนั้น อย่างที่ คมช.เคยบอกว่ามีการจ้างมอเตอร์ไซค์คนละ 200 บาท ถามว่าใครว่าจ้าง และเอาเงินมาจากไหน ผมว่าควรยุติได้แล้วสำหรับความวุ่นวาย" น.ต.ประสงค์ กล่าว
ประสงค์ยังไม่ให้หารือ ม.96 รอดูคำสั่งยุบพรรค วิชายันรอการเมืองนิ่ง เกรงถูกเชื่อมโยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายสมคิดได้เสนอให้พิจารณา ม.96 ที่ว่าด้วยคุณสมบัติต้องห้ามของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบพรรคไม่มีสิทธิลงเลือกตั้งได้ แต่ปรากฏว่า น.ต.ประสงค์ ได้ตัดบทไม่ให้มีการหารือกัน โดยกล่าวว่า "มาตรานี้ขอให้รอดูว่าจะยุบพรรคอย่างไรค่อยว่ากันอีกที หลังวันที่ 30 พ.ค.จึงจะมาพิจารณากัน"
นายวิชา มหาคุณ กมธ. กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้นายจรัญ ภักดีธนากุล เสนอมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งจะเสนอเมื่อตอนตัดสินยุบพรรค แต่ฝ่ายเลขาฯไม่บรรจุลงไป จึงต้องมาทวงถามภายหลัง แต่พอเสนอตอนนี้กำลังมีเรื่องยุบพรรค เราจึงเห็นว่าควรต้องเลื่อนการพิจารณาออกไปหลังการตัดสินคดียุบพรรคก็เพราะต้องการคลี่คลายความกดดันของ กมธ.ยกร่างฯ ที่ถูกมองว่าเราร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะตัดสิทธินักการเมืองสองพรรคใหญ่
"เรื่องนี้เป็นหลักทั่วไป ไม่ได้เจาะจงใช้กับพรรคไทยรักไทยหรือประชาธิปัตย์ และ กมธ.ยกร่างฯ ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยในหลักการ แต่ขอให้เลื่อนไปหลัง 30 พ.ค.เพราะอยากให้การเมืองนิ่งจึงจะพิจารณากัน ไม่อยากมีการเชื่อมโยงกัน เพราะในที่สุดแล้วศาลอาจจะไม่ยุบพรรคใดเลยก็ได้" นายวิชา กล่าว
"วิชา" ชูจุดขาย รธน.50 ให้ ปธ.ศาลเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ
สำหรับประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางคือ องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหากรรมการองค์กรอิสระ ที่กำหนดไว้ 5 คน คือประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานรัฐสภา ผู้นำฝ่ายค้าน และประธานองค์กรอิสระโดยให้คัดเลือกกันเองเหลือ 1 คนนั้น
นายวิชา มหาคุณ กมธ. ยืนยันว่า การที่กำหนดให้ประธานศาลเข้ามาทำหน้าที่กรรมการสรรหาองค์กรอิสระนี้ ถือเป็นจุดขายของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งในการรับฟังความเห็นของประชาชนในเวทีต่างๆ ก็ไม่มีใครคัดค้าน อีกทั้งยังสนับสนุนว่าเป็นแนวทางการแก้ปัญหา รวมถึงจากโพลในที่ต่างๆ ก็สนับสนุนมาก
"เท่าที่ฟังก็มีแต่องค์กรศาลที่เราเพิ่มอำนาจให้เขาเท่านั้นที่คัดค้าน แต่ราจะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาก็จำเป็นจะต้องวางหลักการตรงนี้ไว้ และเปลี่ยนแปลงใดๆก็ต้องตอบคำถามให้ประชาชนที่สนับสนุนแนวคิดนี้ให้ได้ ว่ามีเหตุผลอะไรถึงปรับแก้ ไม่เช่นนั้นก็เหมือนกับเราร่างรัฐธรรมนูญอย่างไม่ตั้งใจ และไม่รับฟังประชาชนอย่างแท้จริง"
กมธ.สายศาลยัน ศาลไม่อยากยุ่งการเมือง แต่จำเป็นเพราะประเทศชาติต้องมาก่อน
ด้านนาย
"ผมเห็นการว่าการกำหนดให้กรรมการสรรหากรรมการองค์กรอิสระเป็นสิ่งที่สมควรแล้ว เพราะเราต้องการสรรหาคนที่มีความเป็นกลางเข้าไปทำหน้าที่เป็นกรรมการองค์กรอิสระ ซึ่งสถาบันศาลเองก็เป็นสถาบันที่ให้ความเชื่อมั่นกับสังคมได้ ซึ่งเมื่อกรรมการสรรหาฯได้รับความน่าเชื่อถือคนดีมีความสามารถก็อยากเข้ามาสมัคร แต่ถ้าระบบการสรรหาล้มเหลว องค์กรอิสระล้มเหลว ประเทศชาติก็ล้มเหลว เหมือนกับว่าโจรทำความผิดแต่ไม่มีตำรวจไปจับ คนที่มาเป็นกรรมการองค์กรอิสระจึงจะต้องเป็นคนที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นก็จะเกิดอย่างที่ผ่านมา"นายนุรักษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นาย
อัครวิทย์แนะศาลไม่อยากเข้าสรรหาทางตรง ก็ใช้ทางอ้อม - แต่ที่สุดก็แขวนไว้ 7 มิ.ย.
จากนั้นนาย
ขณะที่นาง
แต่ในที่สุดเรื่องนี้ก็ถูกแขวนไว้เพื่อไปหารือต่อในวันที่ 7 มิ.ย.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมได้หารือในอีกหลายประเด็น อาทิ เรื่องขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญกับศาลยุติธรรม หรือขอบเขตอำนาจของ ก.ก.ต. กับศาล รวมถึงอำนาจกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีสิทธิฟ้องร้องแทนประชาชนที่เสียหายได้ รวมถึงการเพิ่มเติมกลุ่มบุคคลในส่วนของกากระทำที่เป็นการขัดแห่งผลประโยชน์ ซึ่งก่อนหน้านี้กำหนดเพียง ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งมีการเสนอให้เพิ่มผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปด้วย
ที่ประชุมเสนอกำหนดเวลาขั้นต่ำแก้ไข รธน. ประสงค์แนะไม่อยากให้ล็อก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาในมาตรา มาตรา 282 ในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยมีนาย
"วันนี้เราร่างให้เขา ถ้าเขาได้รับการเลือกตั้งมาวันแรกมาเป็นรัฐบาล ก็ให้ประชาชนเข้าชื่อแก้ไขได้ เพื่อเป็นการลดความกดดันต่างๆ ที่มีต่อรัฐธรรมนูญด้วย แต่ถ้ากำหนดวันแก้ไขไว้เหมือนบ้านเมืองยังต้องมีการบังคับกันอยู่" น.ต.ประสงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นที่สำคัญส่วนใหญ่เช่นที่มาของส.ว. หรือระบบการเลือกตั้งส.ส.ไม่มีการพิจารณากันในการประชุมครั้งนี้โดยแขวนไว้ไปพิจารณาในวันที่ 7 มิ.ย.หลังจากที่ได้ทราบประเด็นที่ส.ส.ร.ขอแปรญัตติทั้งหมดแล้ว รวมทั้งได้สรุปความเห็นของ 12 องค์กรตามรัฐธรรมนูญเป็นที่เรียบร้อยทั้งหมดแล้ว
เจิมศักดิ์แฉสำเนาเช็คจากพระสั่งจ่าย ส.ส.ร.
พิเชียรลุกขึ้นแจงน้ำตานองหน้า ยันเคลื่อนไหวบริสุทธ์ใจตามคำสั่งเสีย "สัญญา ธรรมศักดิ์"
ขณะที่นายเศวต ไม่พอใจและท้าให้นายเจิมศักดิ์ เปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับเช็คของขวัญดังกล่าว และกล่าวหานายเจิมศักดิ์ ทำตัวเป็นมาเฟียคอยดักฟังและบันทึกเทปคำพูดของบุคคลอื่น จนทำให้ประธานที่ประชุมต้องปิดไมโคโฟนและขอให้ยุติก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดนายพิเชียร สามารถรวบรวมรายชื่อสมาชิกครบ 10 คนแล้ว ทำให้สามารถแปรญัตติในประเด็นดังกล่าวได้ ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดยื่นคำแปรญัตติ
แผนเป่าปี่กลางสภา
ขณะที่การประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. วานนี้ (28 พ.ค.) มีการรับทราบรายงานการดำเนินการของคณะกรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วม และการประชามติ ที่มีนาย
อย่างไรก็ตาม การนำสำเนาเช็คของขวัญดังกล่าวออกมาเปิดเผย ทำให้นาย
และเมื่อเวลา 15.30 น. วานนี้ (28 พ.ค. 50) ที่ห้องแถลงข่าวของรัฐสภา นาย
โดยนายพิเชียรกล่าวว่า การยื่นคำแปรญัตติรัฐธรรมนูญของตนและเพื่อนสมาชิกครั้งนี้เป็นความร่วมมือร่วมใจของ ส.ส.ร.หลายคนที่ให้กำลังใจตนและคณะและถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในการแปรญัตติเพราะมีหลากหลายประเด็นที่สำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน
โดยในมาตรา 2 นั้นตนขอเพิ่มเป็นบทบัญญัติที่ว่า "ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" และนอกเหนือจากนั้นเราก็จะให้ท่านผู้ร่วมแปรญัตติทั้ง 11 คนเสนอความคิดเห็นให้ ส.ส.ร.ทั้ง 100 คนได้พิจารณาส่วนผลจะเป็นประการใดเรามีความยินดีถ้าจะมาปรับเปลี่ยนร่วมกันให้เกิดการสมประโยชน์ที่สุดต่อส่วนรวมและก่อให้เกิดความสมานฉันท์ที่สุดและทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขที่สุด อย่างไรก็ตามยังอีกหลายมาตราที่ได้มีกาขอแปรญัตติอย่างไม่เป็นทางการมาไว้แล้ว ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นการ่วมมือช่วยกันให้ร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งตนได้ไปยื่นคำขอแปรญัตติมาเรียบร้อยแล้ว นายพิเชียรกล่าว
น.พ.ธีรวัฒน์ยันร้อยละ 56-57 เสนอให้บรรจุ "พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ" ใน รธน.
ด้าน นพ.ธีรวัฒน์กล่าวว่า วันนี้เราได้หารือว่าประเด็นใดที่ประชาชนสนใจให้ความเห็นนำมาบรรจุซึ่งตนก็เป็น ส.ส.ร.ของภาคอีสาน จังหวัดกาฬสินธุ์ เราได้รับฟังมาเสียงส่วนใหญ่ประมาณ 56-57 เปอร์เซ็นต์ อยากให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติซึงเราประเมินแล้วว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบแต่เมื่อประชาชนจำนวนมากเห็นดังนั้นเราก็ต้องร่วมแปรญัตติให้เพราะมันเป็นหน้าที่ของเรา ยกตัวอย่างสภาเกษตรเราก็นำมาแปรญัตติให้ ก็เหลือสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เราจะทำการแปรญัตติอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเรารับฟังมาเราก็นำมาประมวลตัดสินในเลือกประเด็นกัน จึงเป็นจุดที่เราสนใจนำมาร่วมในการขอแปรญัตติ
ขณะที่นาย ช.ชัยนาท ศรีเสมาเมือง ส.ส.ร. กล่าวว่า โดยหลักการชัดเจนแล้วคือว่าเราต้องฟังว่าประชาชนเห็นว่าต้องการอย่างไร โดยส่วนตัวพี่น้องประชาชนจากจังหวัดชัยนาทอยากให้บรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งตนอยู่ในกรรมาธิการภาคกลาง ถ้าภาคกลางไม่พูดถึงเรื่องพระพุทธศาสนาก็คงจะเป็นเรื่องที่แปลกๆ อยู่
"เราแตกต่างทางความคิดแต่เราไม่แตกแยก เพราะหากเราจะอยู่ในระบอบประชาธิปไตยเราจะต้องมองอย่างใจกว่างจึงอยากฝากประชาชนไว้ด้วย" ส.ส.ร.ผู้นี้กล่าว
แหกโผ "จรัญ" เซ็นเป็นคนสุดท้ายอย่างเฉียดฉิว
นายพิเชียรกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีผู้ใหญ่ที่อยู่ใน ส.ส.ร.เซ็นชื่อรับรองการแปรญัตติของตนและเพื่อนแล้วทั้งหมด 10 คนอาทิ นาง
"การแปรญัตติครั้งนี้ยากมากเลยคิดว่ากลุ่มอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกันแต่ ส.ส.ร.ทั้ง 100 คนก็จะยึดถือหลักของเหตุผลเป็นหลักใหญ่ ซึ่งตรงนี้กลุ่มเราได้พูดกันแล้วว่าอยากให้ทุกคนมีอิสระเสรีภาพในการโหวตและการขอแปรญัตติ" ส.ส.ร.ผู้นี้กล่าว
อ้ำอึ้ง "เจิมศักดิ์" แฉหลักฐานพระโอนเงินล็อบบี้ ชี้ไม่ต้องการตอบโต้ใคร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นาย
นายพิเชียรกล่าวว่า ประเด็นนั้นเป็นประเด็นที่นายเจิมศักดิ์พูดเราไม่มีความเห็นเพราะเราไม่อยากให้มีปัญหาใดๆ ระหว่างกันและอยากเรียกร้องให้มีความสมัครสมานสามัคคีให้ช่วยกันทำคุณงามความดีประเด็นเรืองอื่นๆ เป็นประเด็นเล็กน้อยไม่จำเป็นต้องให้ ส.ส.ร. ออกมาโต้แย้งกัน อยากให้ทำรัฐธรรมนูญฉบับนี้อย่างดีที่สุด ซึ่งความเห็นส่วนตัวของตนเคารพเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ร.
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ส.ส.ร.ไม่เห็นด้วยนายที่จะบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินายพิเชียรจะไปอธิบาย ให้ผู้ชุมนุมหยุดการเคลื่อนไหวใด ๆ หรือไม่นายพิเชียรกล่าวว่าการชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นเรื่องของคนข้างนอกตนก็ดำเนินการได้ในเฉพาะส่วนของ ส.ส.ร. เท่านั้นและตนก็เคารพทั้ง ส.ส.ร. และกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวภายนอก ซึ่งตนก็จะพยายามบอกกล่าวว่าอย่าไปทำอะไรมากนัก เพราโดยเนื้อหาสาระเราจะเขียนอย่างไรเราก็ต้องรับฟังเนื้อหาสาระจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็พอจะพูดคุยได้
เจ๊ "สดศรี" เอาแน่ 3 เหล่าทัพร่วมแก้วิกฤตในมาตรา 68 วรรค 2
ผู้สื่อข่าวรายว่าการขอยื่นแปรญัตติของ ส.ส.ร.กลุ่มนี้มีข้อเสนอของนางสดศรี เรื่องการขอเติมข้อความในมาตรา 68 วรรค 2 ที่ระบุว่า"ในกรณีที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤต เหตุการณ์คับขัน หรือเกิดสถานการณ์จำเป็นอย่างยิ่งในทางการเมือง ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฏีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานองค์กรอิสระ และผู้นำ 3 เหล่าทัพ เพื่อพิจารณาหาทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ในการแถลงข่าวของนายพิเชียร พล.อ.
แกนนำองค์กรพุทธโต้ "เจิมศักดิ์" แฉข้อมูลบิดเบือนพระสงฆ์ล็อบบี้บรรจุพุทธฯ
โดย พล.อ.
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากที่ประชุมมีมติในการโหวตไม่ให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติกลุ่มผู้ชุมนุมจะดำเนินการอย่างไรต่อ พล.อ.ธงชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าประเด็นนี้จะต้องมีคนยกมือให้เป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะผ่าน ซึ่งหาก ส.ส.ร. ยกมือให้ประเด็นนี้ไม่ผ่านตนก็จะไปปรึกษาหารือกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อว่าจะดำเนินการเช่นไรซึ่งในตอนนี้ยังไม่ได้คิด
ชี้โอนเงินให้กันปฏิบัติกิจสงฆ์เป็นเรื่องปรกติธรรมดาที่ไหนก็โอนได้
เมื่อถามอีกว่ามองข้อมูลที่นาย
ส่วนการที่อาจารย์เจิมศักดิ์พยายามออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีกลุ่มคนจัดตั้งไปตามเวทีต่างๆ ในการขอแปรญัตตินั้นเป็นเพราะว่าประชาชนรู้สึกอึดอัดเพราะนายเจิมศักดิ์เป็นผู้ดำเนินรายการที่ชอบชี้นำไม่มีความเป็นกลาง บางเวทีเปอร์เซ็นต์ของประชาชนที่ต้องการให้บรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติมีจำนวนมาก แต่นายเจิมศักดิ์ก็กลับสรุปให้มีตัวเลขที่แตกต่างออกไปประชาชนก็เลยต้องทำความจริงให้ปรากฏ
เมื่อถามต่อว่ามี ส.ส.ร. หลายคนที่กลุ่มองค์กรชาวพุทธเคยออกมาเปิดเผยว่าเขาไม่เห็นด้วยให้บรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแต่วันนี้เขากลับมาลงรายชื่อให้ได้แปรญัตติมองเรืองนี้อย่างไร พล.อ.ธงชัยกล่าวว่า เป็นเรืองที่เหนือความคาดกมายมาก เพราะมีหลายคนที่เคยคัดค้านเราเต็มที่เช่นกัน แต่ก็กลับมาลงรายชื่อให้เรา ตนอยากขอบคุณ ส.ส.ร. เหล่านี้มากเช่นนาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ประสงค์" จี้รัฐงัดไม้แข็งสยบม็อบคดียุบพรรค, ประชาไท, 28/5/2550