Skip to main content
sharethis

 






สังคม - การเมือง


 


ตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบพรรค ทรท.-ตัดสิทธิเลือกตั้ง กก.บห. 5 ปี


อินโฟเควสท์ : คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน เป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเห็นว่าพรรคต้องรับผิดชอบการกระทำของกรรมการบริหารพรรคที่มีความผิดฐานให้เงินสนับสนุนพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง และสนับสนุนให้ว่าจ้างแก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคเล็กโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย


         


พร้อมทั้งให้ยุบพรรคพัฒนาชาติไทย และ พรรคแผ่นดินไทย รวมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปีด้วย


         


"การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 (พรรคไทยรักไทย) เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย"ตุลาการรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัย


          


"มีการกระทำที่เป็นกระบวนการเพื่อให้มีการกลับคืนสู่อำนาจที่รวดเร็ว ซึ่งถือเป็นการได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปถามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ" ตุลาการรัฐธรรมนูญ กล่าว


         


นอกจากนี้จากที่ตุลาการฯ ยังได้บรรยายการกระทำของหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่ตัดสินใจยุบสภาเมื่อวันที่ 24 ก.พ.49 ที่มาจากการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างกว้างขวางและรุนแรงจากความไม่พอใจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขายกิจการที่เป็นสัมปทานของรัฐให้กับต่างชาติ โดยไม่เสียภาษี อีกทั้งก่อนการขายกิจการดังกล่าวได้ออกกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจตนเอง


         


รวมถึงการแสดงถึงการมีอำนาจที่เหนืออุดมการณ์ของหัวหน้าพรรคไทยรักไทยที่กำหนดวันเลือกตั้งหลังการยุบสภาเพียง 37 วัน ซึ่งถือเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง


         


ตุลาการรัฐธรรมนูญ อ่านคำวินิจฉัยประเด็นข้อเท็จจริงว่า รับฟังได้ว่าหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทยได้ว่าจ้างให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคโดยไม่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้ที่เข้าเป็นสมาชิกไม่ถึง 90 วันสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ โดยมีพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยและนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่าย


         


และตุลาการฯ ยังระบุว่า จากคำให้การของพยานที่เกี่ยวข้องเชื่อได้ว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ ให้เงินสนับสนุนกับพรรคพัฒนาชาติไทยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเลือกตั้งพรรคเดียว ซึ่งต้องได้คะแนนเสียงเกิน 20% โดยผ่านคนสนิท


         


ส่วนข้อกล่าวหาว่าคนสนิทของพล.อ.ธรรมรักษ์ มอบเงินสนับสนุนให้กับผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทยเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตุลาการฯ เห็นว่าพยานหลักฐานที่ปรากฎรับฟังได้ว่าเป็นความจริง เพราะมีพยานรู้เห็นหลายคนว่านายทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของพล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นผู้นำเงินมาให้ ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการทำตามคำสั่งของพล.อ.ธรรมรักษ์ และมีใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานที่พรรคแผ่นดินไทยจ่ายให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้ง


         


ขณะที่คำให้การของผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทยที่ว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้กักขังและข่มขู่ รวมทั้งจ่ายเงินเพื่อให้ผู้ประสานงานพรรคแผ่นดินไทยมาให้การปรักปรำพรรคไทยรักไทยเรื่องการว่าจ้างลงสมัครรับเลือกตั้งนั้น ตุลาการฯ ระบุว่า พยานหลักฐานฟังไม่ขึ้น


         


ตุลาการฯ เห็นว่าการกระทำของพล.อ.ธรรมรักษ์ และนายพงษ์ศักดิ์ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค เป็นเรื่องที่พรรคต้องรับผิดชอบด้วยแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่เปิดเผยได้ว่ามีการมอบหมายอย่างเป็นทางการ และการกระทำของบุคคลทั้งสองเป็นประโยชน์กับพรรคไทยรักไทยให้สามารถกลับคืนสู่อำนาจได้โดยเร็ว ดังนั้น จึงเชื่อว่าบุคคลทั้งสองกระทำการโดยได้รับความเห็นชอบจากพรรค


         


สำหรับประเด็นความผิดของพรรคพัฒนาชาติไทย ตุลาการฯ ระบุว่ามีการรับเงินจากพรรคไทยรักไทย และว่าจ้างแก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคโดยไม่ถูกต้อง รวมทั้งออกเอกสารรับรองอันเป็นเท็จ เพื่อส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง และพรรคแผ่นดินไทย รับเงินจากพรรคไทยรักไทย รวมทั้งออกเอกสารรับรองอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้สม้ครลงรับเลือกตั้ง


         


ทั้งนี้ พฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 มาตรา 66 และ มาตรา 67 ซึ่งคำฟ้องระบุว่าเป็นการกระทำเข้าลักษณะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ และขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน


        


แหล่งข่าวจากศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า ในการวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักไทย คณะตุลาการรัฐธรรมนูญลงมติวินิจฉัยให้ยุบพรรคด้วยคะแนน 6 ต่อ 3


 


ตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติไม่ยุบ ปชป.


ไอ.เอ็น.เอ็น : ตุลาการรัฐธรรมนูญออกนอกบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นานร่วม 5 ชั่วโมงโดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 5 ข้อ ที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องพรรคประชาธิปัตย์รับฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยหรือขัดขวางการเลือกตั้ง จึงให้ยกคำร้องทั้งหมด ในส่วนของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้านั้น พบพยานหลักฐานว่ากรรมการบริหารพรรค 3 คน ทำการรับสมัครสมาชิกโดยมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อจะได้ให้สมาชิกลงสมัครการเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายเป็นปรปักษ์ต่อประชาธิปไตยจึงมีคำสั่งให้ยุบพรรค ส่วนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 27 ที่กำหนดให้เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีนั้น วินิจฉัยแล้วเห็นว่าประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฉบับที่ 27 นั้น มีผลบังคับใช้ได้ จึงให้เพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองแก่กรรมการบริหารพรรคจำนวน 9 คนเป็นเวลา 5 ปี โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ศาลวินิจฉัย


 


คนวันเสาร์ให้เช่าจตุคามฯ 1 บาทปราบกบฏที่สนามหลวง


เว็บไซต์เดลินิวส์ : เมื่อเวลา 14.15 น. กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ เปิดให้ประชาชนเข้ารับจตุคามรามเทพ รุ่นปราบกบฏ องค์ละ 1 บาทแล้ว หลังจากขบวนรถขนส่งจตุคามฯ ได้เดินทางมาถึงท้องสนามหลวง แต่ได้เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อยทำให้แกนนำต้องย้ายจุดแจกจตุคาม จากจุดกึ่งกลางของสนามหลวง มาเป็นฝั่งด้านทิศใต้ติดกับวัดพระแก้ว โดยเปิดให้รับจำนวน 3 จุด และให้สิทธิ์กับผู้ที่สั่งจองก่อน  โดยขั้นตอนในการรับจตุคาม ได้ให้ประชาชนโชว์บัตรประชาชนและจ่ายเงินองค์ละ 1 บาท นอกจากนี้ยังได้มีการแจกสมุดปกม่วง ซึ่งเป็นคำแถลงการณ์กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการเรื่อง เรียกร้องให้ พล.อ.เปรม กราบถวายบังคมลาออก จากตำแหน่งประธานองค์มนตรีและองคมนตรี ให้กับประชาชนไปพร้อมจตุคาม  หลังจากนั้น แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวปราศรัย โดยกล่าวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคมช.อย่างต่อเนื่องซึ่งในเวลา 19.00 น. นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์จะร่วมปราศรัยในครั้งนี้ด้วย


 


PTV ยืนกราน จัดปราศรัยไล่ คมช. พุร่งนี้


ไอ.เอ็น.เอ็น :  วันพรุ่งนี้เวลา 16.30 น.ทางกลุ่มพีทีวีจะมีการปราศรัยที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อแสดงจุดยืนขับไล่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อีกทั้งจะปราศรัยกรณีการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองในวันนี้ด้วย โดยในเบื้องต้นทางกลุ่มพีทีวีได้เตรียมในเรื่องของการจัดตั้งเวทีและเครื่องเสียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีเหตุการณ์สกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้จะมีผู้ชุมนุมไม่ต่ำกว่า 10,000 คนอย่างไรก็ตามโดยบริเวณด้านหน้าของสถานีโทรทัศน์พีทีวี และบริเวณโดยรอบอาคารอิมพิเรียลเวิลด์สาขาลาดพร้าว ยังมีทหารจำนวนกว่า 30 นาย ยังคงตรวจสอบความเรียบร้อยและความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในช่วงการตัดสินคดียุบพรรค


 


รมว. อุตฯ ชี้ไม่จำเป็นต้องออกประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุด


ผู้จัดการออนไลน์ : นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ เห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องออกประกาศเขตควบคุมมลพิษที่มาบตาพุด จ.ระยอง เนื่องจากขณะนี้คณะกรรมการฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ภาคเอกชน และภาคประชาชนได้ร่วมกันจัดทำแผนพหุภาคีที่จะดูแลสิ่งแวดล้อมในมาบตาพุดแล้ว และเชื่อว่าแผนดังกล่าวเป็นวิธีที่ดีกว่า อีกทั้งเงินที่จะใช้ดำเนินการมีส่วนสำคัญมาจากภาคเอกชนไม่ใช่รัฐบาล ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยพื้นที่ที่มาบตาพุดมีมลพิษลดลง ขณะที่รัฐบาลก็ไม่ต้องเสียเงินลงทุน เพราะเอกชนเป็นผู้ลงทุน ด้านเอกชนยังสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนต่าง ๆ ได้ และประเทศไทยได้อานิสงส์จากโครงการที่ลงทุนในมาบตาพุด ในส่วนของชุมชนก็จะได้ประโยชน์ ซึ่งเมื่อปัญหามลพิษลดลง เชื่อมั่นว่าการลงทุนที่มาบตาพุดจะเดินหน้าต่อไปได้และเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง


        


 


 


 






เศรษฐกิจ


 


พาณิชย์ยังไม่อนุมัติขึ้นราคาสินค้า แม้ต้นทุนพุ่ง มองกำลังซื้อชะลอ


อินโฟเควสท์ : นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ผลิตสินค้าหลายรายทำเรื่องขอปรับขึ้นราคาจำหน่ายมา เช่น น้ำปลา ยารักษาโรค นมผง นมสด เป็นต้น แต่ทางกรมฯ ยังไม่ได้อนุมัติให้ปรับขึ้น เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาต้นทุนที่แท้จริง อีกทั้งในสถานการณ์ขณะนี้ที่แม้ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการใช้หรือกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง จึงเชื่อว่า หากผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาจะกระทบต่อยอดขายได้


 


นางวัชรี กล่าวว่า ได้ถอดสินค้าเครื่องแบบนักเรียนออกจากกลุ่มสินค้าที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษ (เอสแอล) ที่ต้องติดตามราคาและภาวะเป็นประจำทุกวัน ประจำเดือนมิ.ย.50 เนื่องจากในเดือนมิ.ย.เป็นช่วงที่เปิดเทอมไปแล้วความต้องการซื้อจึงลดลง ส่งผลให้ในกลุ่มเอสแอล มีสินค้าที่ต้องติดตามดูแลเหลือ 9 รายการคือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล นมผง นมสด สายไฟฟ้า เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น (รีดร้อน รีดเย็น และสแตนเลส) และปุ๋ย


 


ส่วนกลุ่มที่ต้องติดตามราคาและภาวะสัปดาห์ละ 2 ครั้ง (พีดับบลิวแอล) ยังคงมี 4 รายการเช่นเดียวกับในเดือนพ.ค. ได้แก่ ปูนซีเมนต์ สังกะสี ยางรถยนต์ และอาหารสัตว์ ขณะที่กลุ่มที่ต้องติดตามราคาและภาวะทุก 15 วัน (ดับบลิวแอล) มี 187 รายการ เช่น นมข้นหวาน กาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ซอสมะเขือเทศ ผงชูรส ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบเสื้อผ้า ผงซักฟอก ผลิตภัณฑ์ชำระล้างสุขภัณฑ์ ท่อซีเมนต์ ท่อพีวีซี อลูมิเนียมเส้นหน้าตัด น้ำมันหล่อลื่น โฟมบรรจุอาหาร เป็นต้น


 


"หมอมงคล" ย้ำ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา จะเลือกทำเฉพาะยาที่จำเป็นเท่านั้น


กรมประชาสัมพันธ์ : รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำ การใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา จะเลือกทำเฉพาะยาที่จำเป็นเท่านั้น  โดยเตรียมออกสมุดปกขาวชุดใหม่ เพื่อชี้แจงต่อสาธารณชนเร็วๆ นี้



นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังจากนายเดวิด ฟอลล์ เอกอัครราชทูตอังกฤษเข้าพบเพื่อหารือเกี่ยวกับงานด้านสาธารณสุข  รวมทั้งนโยบายของไทยในการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา หรือ ซีแอล ว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายที่จะทำซีแอลเป็นประจำ หรือ ทำในยาหลายตัว แต่จะทำเฉพาะในยาตัวที่จำเป็นเท่านั้น โดยเอกอัครราชทูตอังกฤษมีความเข้าใจเป็นอย่างดี และมีท่าทีสนับสนุนการทำซีแอลของประเทศไทย


 


นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดพิมพ์สมุดปกขาวชุดใหม่  ซึ่งจะรวบรวมความคิดเห็นจากบุคคลต่างๆ ที่คณะของประเทศไทยได้เดินทางไปพบ เพื่อชี้แจงข้อมูลและส่งเอกสารที่เป็นหลักฐานที่ชัดเจน ให้พิจารณาทั้งในที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก และที่วอชิงตัน ดี.ซี.สหรัฐอเมริกา ให้สาธารณชนรับทราบต่อไป



รถไฟฟ้าบีทีเอสเข้าตลาดหุ้นปีนี้


เว็บไซต์เดลินิวส์ : นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติงาน บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด หรือบีทีเอสซี ผู้ดำเนินโครงการรถไฟฟ้า บีทีเอส เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ภายในปลายปีนี้ หลังจากที่บริษัทได้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว จากเดิมที่คาดว่าจะเข้า ตลท. ได้ในไตรมาส 3 แต่ทั้งนี้หากสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปลายปีแย่ลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ต้องเลื่อนเข้าตลาดหุ้นออกไปเป็นปีหน้า


         


"บริษัทมีความตั้งใจที่อยากจะเข้าตลาดให้ได้ภายในปลายปีนี้ แต่ถ้าหากจำเป็นจริง ๆ การเมืองแย่มาก ก็อาจจะเลื่อนไปเข้าปีหน้า ทั้งนี้ในเดือน มิ.ย.นี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุน 20,000 ล้านบาท จากนั้นในเดือน ก.ค.ก็น่าจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ ก่อนจะเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในช่วงปลายปีต่อไป โดยราคาขายหุ้นเพิ่มทุนจะไม่ต่ำกว่าราคาพาร์หรือหุ้นละ 1 บาท"


         


ขณะนี้มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศสนใจจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการมากกว่า 3 ราย โดยตามแผนบริษัทต้องขายหุ้นเพิ่มทุน 15,000 ล้านหุ้น เพื่อระดมเงิน 600 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 20,000 ล้านบาท


 


อย่างไรก็ดี คาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้น่าจะเติบโตไม่ถึง 10% จากปี 49 ที่มีรายได้เติบโต 12% เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังไม่แน่นอน


 


 


 






ต่างประเทศ


 


อิหร่านปฏิเสธข้อเรียกร้องสำคัญก่อนการประชุมเรื่องนิวเคลียร์


กรมประชาสัมพันธ์ : อิหร่านยืนยันจะไม่ระงับการเสริมสมรรถนะยูเรเนี่ยม  ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องสำคัญของสหประชาชาติในความขัดแย้งเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่าน  โดยนายอาลี   ลาริจานี  ผู้แทนเจรจาด้านนิวเคลียร์ระดับสูงของอิหร่านแถลงดังกล่าวเพียง  1  วัน     ก่อนถึงการเจรจากับนายฮาเวียร์  โซลานา   หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศอียู


 


การประชุมในวันพรุ่งนี้ระหว่างนายลาริจานีกับนายโซลานา  ซึ่งเป็นตัวแทนของชาติมหาอำนาจจะเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่เจ้าหน้าที่สหรัฐและอิหร่านจัดการเจรจาแบบตัวต่อตัวที่อิรัก  แต่การเจรจาครั้งนั้นไม่มีเรื่องนิวเคลียร์อยู่ในวาระการประชุม  ส่วนการประชุมระหว่างอิหร่านกับผู้แทนอียู. ครั้งก่อนไม่สามารถโน้มน้าวอิหร่านให้ปฏิบัติตามมติของสหประชาชาติได้  ซึ่งเรียกร้องให้อิหร่านยุติการเสริมมรรถนะ  ยูเรเนี่ยม  ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งที่สามารถผลิตเป็นพลังงานสำหรับป้อนโรงไฟฟ้าหรือวัตถุดิบสำหรับผลิตเป็นระเบิดนิวเคลียร์.



อียูไม่รับเงื่อนไข เพื่อฟื้นเจรจา การค้าโลก


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค : การฟื้นเจรจาการค้ารอบโดฮาขององค์การการค้าโลก หรือ WTO นายปีเตอร์ แมนเดลสัน กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป (อียู) กล่าวในแถลงการณ์ว่า สหภาพยุโรปหรืออียูจะไม่ยอมรับเงื่อนไขเพื่อแก้ปัญหาภาวะติดขัดของการเจรจาการค้าโลก  แถลงการณ์ของนายแมนเดลสันระบุว่า แม้ว่าข้อตกลงขององค์การการค้าโลกจะปรับให้เป็นไปตามผลประโยชน์ของอียู แต่อียูก็คงจะต้องพิจารณาเรื่องการยอมรับข้อตกลงใดๆโดยมีเงื่อนไขพ่วงมาด้วย


 


สำหรับการแสดงความคิดเห็นของนายแมนเดลสันเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีย์ ได้ให้คำมั่นก่อนหน้านี้ว่า จะปกป้องผลประโยชน์ด้านการเกษตรของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ฝรั่งเศสอาจจะใช้สิทธิวีโต้ข้อตกลงระหว่างอียูและองค์การการค้าโลก หากอียูยอมเรื่องการเกษตรมากเกินไป  ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านการเกษตรรายใหญ่ที่สุดในยุโรปนั้น ได้คัดค้านเรื่องการลดเงินอุดหนุนด้านการเกษตรอย่างแข็งขัน และมักจะวิจารณ์คณะกรรมการธิการยุโรปที่เป็นฝ่ายยอมมากเกินไปในเรื่องการเกษตรในเวทีการเจรจา WTO   การเจรจาการค้าโลกรอบโดฮาได้หยุดชะงักมาตั้งแต่เดือนก.ค. 2549 เนื่องจากประเทศสมาชิกไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นสำคัญๆ เช่น การให้เงินอุดหนุนภาคการเกษตร


 


'ฮู'เรียกร้องทุกปท.ห้ามสูบบุหรี่ในอาคาร


ผู้จัดการออนไลน์ : เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลก (ฮู) เรียกร้องเมื่อวันอังคาร(29)ให้ทุกประเทศสั่งห้ามสูบบุหรี่ในอาคาร ทั้งในสถานที่สาธารณะและที่ทำงาน


 


ฮูประเมินว่า ผู้ทำงานราว 200,000 คน เสียชีวิตลงในแต่ละปี เรื่องจากสูดดมควันบุหรี่จากที่ทำงาน  ฮูยังอ้างรายงานชิ้นใหม่ที่ประเมินว่า ผู้คนในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 25 ประเทศ ประมาณ 80,000 คน เสียชีวิตลงในปี 2002 เนื่องจากโรคที่มีสาเหตุมาจากการสูดดมควันบุหรี่   เด็กๆ ประมาณ 700 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของเด็กทั้งโลก หายใจเอาอากาศที่เป็นพิษจากควันบุหรี่เข้าไปเป็นประจำ โดยเฉพาะที่บ้าน


 


งานศึกษาทั่วโลกยาวนาน 6 ปีที่จัดทำโดยฮูและศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯพบว่า เด็กๆอายุ 13-15 ปีที่ได้รับการสอบถามใน 132 ประเทศ จำนวนเกือบ 44% กล่าวว่า พวกเขาจำต้องสูดควันบุหรี่ที่บ้าน และ 56% โดนควันบุหรี่ในที่สาธารณะ  เยาวชนที่เข้าร่วมการสำรวจมากกว่า 3 ใน 4 ระบุว่า พวกเขาสนับสนุนการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ


 


ไอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในโลกที่บังคับใช้กฎหมายอันมีผลผูกพันทั่วประเทศ ห้ามสูบบุหรี่ในอาคารที่เป็นที่สาธารณะ ไปเมื่อปี 2004 ซึ่งรวมไปถึงตามผับ ร้านอาหาร และสถานีรถไฟ นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีประเทศอื่นๆ เช่น อิตาลี นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ และอุรุกวัย ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกัน


 


รัฐมนตรีพลังงานเอเปค พร้อมปรับปรุงการทำงานเพื่ออนุรักษ์พลังงาน


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค : รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจาก 21 ประเทศในองค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหรือเอเปค ร่วมลงนามความร่วมมือเพื่อปรับปรุงการดำเนินการเพื่ออนุรักษ์พลังงาน ในการประชุมที่เมืองดาร์วินทางตอนเหนือของออสเตรเลีย รัฐมนตรีจากประเทศต่างๆเห็นพ้องต้องกันในการสร้างมาตรการความมั่นคงด้านน้ำมัน ด้วยการอำนวยความสะดวกในการลงทุนและซื้อขายน้ำมันในตลาด, มีการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน, ปรับปรุงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมัน, สนับสนุนการใช้พาหนะที่ประหยัดพลังงาน และพัฒนาเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับยานพาหนะ


 


นอกจากนั้น ยังมีการตอกย้ำถึงความร่วมมือกันเพื่อพัฒนาการอนุรักษ์พลังงาน, เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น, การลงทุนด้านพลังงานทางเลือก และการอำนวยความสะดวกในการซื้อขายพลังงานข้ามชาติ  ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานในกลุ่มเอเปคได้ส่งสัญญาณว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะหันไปพึ่งพาพลังงานนิวเคลียร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยอินโดนีเซียและเวียดนามกล่าวว่า จะสร้างโรงงานพลังงานนิวเคลียร์   สถานีวิทยุออสเตรเลียน บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น รายงานว่า นายเอียน แม็คฟาร์เลน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมออสเตรเลียซึ่งเป็นประธานในการประชุม กล่าวว่า หลายประเทศซึ่งเคยต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปัจจุบันได้หันมาให้การสนับสนุนแทน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net