ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 2 มิถุนายน 2550

การเมือง

ศาลฎีกาแนะคมช.เปิดทาง"ทักษิณ"กลับไทยสู้คดีที่ดิน

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ -นายประพันธ์ ทรัพย์แสง ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เปิดเผยถึง ความคืบหน้าคดีพนักงานอัยการยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน กรณีทุจริตการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาภิเษกของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ว่าตามขั้นตอนของกฎหมายคดีอาญานักการเมือง ในการยื่นฟ้องครั้งแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่จำเป็นต้องมาศาล

 

แต่ในการพิจารณาคดีนัดแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล โดยไม่สามารถปรากฏตัวผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ หากพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มาปรากฏตัวที่ศาล ศาลจะจำหน่ายคดีเฉพาะตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกจากสารบบความชั่วคราว ดังนั้น ในช่วงนี้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือคตส. กับพนักงานสอบสวน จะต้องประสานงานกัน เพื่อนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาขึ้นศาลให้ได้ ทั้งนี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ บ่ายเบี่ยง พนักงานสอบสวนจะต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ

นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า การให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาขึ้นศาลในประเทศไทย ถือเป็นการเปิดโอกาสให้จำเลยได้ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม และน่าจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. มากกว่าการปิดโอกาสไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศ หาก คมช. ไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยมาขึ้นศาล ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดอำนาจศาล

 

เสนอ คตส.ทบทวนเก็บภาษีแอมเพิลริช

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ -คณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธุ์ กรรมการคตส. เป็นประธาน ประชุมเพื่อทบทวนการประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลของแอมเพิลริช อินเวสต์เมนท์ จำกัด จากเดิมที่คตส.ชุดใหญ่ มีมติให้กรมสรรพากรประเมินภาษีเงินได้จากบริษัทแอมเพิลริช จำนวน 2.08 หมื่นล้านบาท วานนี้ (1 มิ.ย.)

 

"คณะอนุกรรมการพบข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติม จึงต้องมาพิจารณาในรายละเอียด โดยเฉพาะกรณีที่บริษัทแอมเพิลริช ซึ่งถือหุ้นคอร์ป จำนวน 329.2 ล้านหุ้น แม้ว่าบริษัทแอมเพิลริชจะมีสถานะเป็นนิติบุคคล ตามบทบัญญัติของประมวลรัษฎากร มาตรา 76 ทวิ แต่ในช่วงที่แอมเพิลริชมีรายได้จากเงินปันผลในปี 2545-2548 จำนวน 1,810.6 ล้านบาท แอมเพิลริชไม่ได้ประกอบกิจการใดๆ ในประเทศ คณะอนุกรรมการจึงมีความเห็นว่า ในปี 2545-2548 บริษัทแอมเพิลริชมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามมาตรา 70 ของประมวลรัษฎากร" แหล่งข่าวระบุ

 

แหล่งข่าว กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการ อนุกรรมการเสียงสวนใหญ่ลงมติให้ทบทวนการประเมินภาษีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรายได้จากเงินปันผลของแอมเพิลริช จากเดิมที่ประเมินตามมาตรา 76 ทวิ เป็นประเมินตามมาตรา 70 ส่งผลให้ตัวเลขภาษีที่คณะอนุกรรมการจะส่งไปให้กรมสรรพากรจะเรียกเก็บจากบริษัทแอมเพิลริชลดลง จาก 2.08 หมื่นล้านบาท ประมาณ 3-4 พันล้านบาท เพราะรายได้จากเงินปันผลที่แอมเพิลริชได้รับในปี 2545-2548 จำนวน 1,810.6 ล้านบาท ทางบริษัทชินคอร์ปได้หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ตามที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรแล้ว

 

ศาลให้ประกันตัว"เสธแดง"

เว็บไซต์แนวหน้า -เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เดินทางไปรายงานตัวต่อศาลอาญารัชดา ฯ หลังถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จับกุมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ตามหมายจับศาลอาญา กรณีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รก.ผบ.ตร.) และคดีที่เกี่ยวเนื่องรวม 4 คดี 3 หมายจับ ซึ่ง พล.ต.ขัตติยะ ได้ใช้ตำแหน่งยื่นขอประกันตัว ศาลตีราคาประกันหมายจับละ 50,000 บาท และใช้เวลาพิจารณานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงอนุญาตให้ประกันตัว และนัดให้มาฟังคำพิพากษาวันที่ 19 มิถุนายนนี้

พล.ต.ขัตติยะ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาหนีหมายศาล แต่มีธุระไปงานรับปริญญาบุตรสาวที่สหรัฐอเมริกา และแจ้งให้ศาลทราบแล้ว เพียงแต่ศาลเห็นว่ารายละเอียดไม่ครบถ้วน พร้อมระบุว่าจะยืนหยัดต่อสู้คดี โดยไม่มีความคิดที่จะขอขมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่งให้ร้ายตนก่อนพอตอบโต้กลับถูกฟ้องอย่างไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ตนไม่ติดใจตำรวจ สภ.ต.ราชาเทวะ ที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัวเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) เพราะเป็นมาตรการควบคุมโจทก์และจำเลยของศาล

 

กมธ.ถอยครึ่งก้าว ยอมม็อบพระ เติมม.78

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -นายอัครวิทย์ สุมาวงศ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม มีวาระเป็นการพิจารณาคำแปรญัตติของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) มีประเด็นสำคัญอาทิ มาตรา 2 ที่นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ และคณะขอแปรให้บรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสานาประจำชาติ ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้รอฟังส.ส.ร.มาชี้แจงก่อน

 

ส่วนมาตรา 14 นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และคณะ ขอแปรโดยเพิ่มข้อความว่า "ห้ามองคมนตรีเป็นกรรมการและนายกสภามหาวิทยาลัย" ซึ่งฝ่ายเลขาฯ แจ้งว่า หมวดพระมหากษัตริย์จะขอให้ไม่มีการแก้ไข ส่วนมาตรา 30 ที่กลุ่มคณะกรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วมและการประชามติเสนอให้เพิ่มเรื่องการห้ามเลือกปฏิบัติบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ฝ่ายเลขาฯให้แขวนไว้ก่อน

 

ขณะที่มาตรา 47 มีส.ส.ร. 3 กลุ่มขอแปรญัตติให้มีมากกว่า 1 องค์กรในการจัดสรรดูแลความถี่วิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม อย่างไรก็ดีที่ประชุมมีมติยืนตามร่างฯ ส่วนมาตรา 48 เรื่องการศึกษาขั้นพื้นฐานมีส.ส.ร.ขอแปรญัตติ 6 กลุ่ม ฝ่ายเลขาฯ จึงขอให้แขวนไว้ก่อน

 

ส่วนมาตรา 50 เรื่องการบริการสาธารณสุข มีส.ส.ร. 5 กลุ่มขอแปรญัตติให้เพิ่มคำว่า "การแพทย์" ซึ่งนายจรัญ ภักดีธนากุล รองประธานกมธ.ยกร่างฯคนที่ 3 ตั้งข้อสังเกตว่า ส.ส.ร.หลายกลุ่มเสนอเรื่องดังกล่าวเหมือนจะสะท้อนว่า การแพทย์และการสาธารณสุขเป็นคนละอย่างกัน ซึ่งนพ.ชูชัย ศุภวงศ์ รองประธานกมธ.ยกร่างฯคนที่ 4 ชี้แจงว่า องค์การอนามัยโลกใช้คำว่า การบริการด้านสุขภาพ จะครอบคลุมทั้งการแพทย์และการสาธารณสุข ซึงฝ่ายเลขาฯรับไปเพิ่มเติม ส่วนมาตรา 55 เรื่องการรับทราบข้อมูล กลุ่มคณะกรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วมฯ แปรญัตติให้ใช้คำว่า "บุคคลย่อมมีสิทธิเข้าถึงข้อมูล" ขณะที่นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เลขานุการกมธ.ระบุว่า อาจใช้คำว่า "รับทราบและเข้าถึง" ซึ่งที่ประชุมมีมติตามข้อเสนอของนายสมคิด

 

ส่วนมาตรา 65 บุคคลมีสิทธิรวมกันเป็นชุมชนและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ กลุ่มคณะกรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วมฯ เสนอแปรญัตติเพิ่มเรื่อง "ความหลากหลายทางชีวภาพ" ขณะที่มาตรา 67 การยุบพรรคกรณีบุคคลหรือพรรคล้มล้างประชาธิปไตย ที่ประชุมเห็นตามคำแปรญัตติของกลุ่มคณะกรรมาธิการวิสามัญประสานการมีส่วนร่วมฯ ให้เพิ่มในคำว่า "โดยการทุจริตการเลือกตั้ง" ในวรรค 1 ส่วนวรรค 4 ที่เสนอให้ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบ 5 ปี จะไปพิจารณาในช่วงบ่าย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาถึงประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาพุทธ โดยนายสมคิด ได้ออกตัวว่า "เราจะไม่เติมคำว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาระจำชาติ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงให้ไปคุยในที่ประชุมใหญ่" จากนั้นได้พิจารณาในมาตรา 78 ที่ระบุว่ารัฐต้องอุปถัมภ์คุ้มครองพุทธศาสนา และศาสนาอื่นที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐ มีส.ส.ร. 5 กลุ่มแปรญัตติให้เพิ่มเติมข้อความว่า "พุทธศาสนาเป็นศาสานาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน"

 

ข้อเสนอนี้นายจรัญ ได้อภิปรายสนับสนุนโดยระบุว่า เพื่อเป็นทางออกที่กลุ่มเรียกร้องการบัญญัติพุทธเป็นศาสนาประจำชาติน่าจะพอใจ ขณะที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม กมธ.เสนอให้ไปคุยในที่ประชุมใหญ่เลย

 

นายธงทอง จันทรางศุ กล่าวว่า ควรกำหนดแค่ศาสนาอื่นเท่านั้น ไม่ควรมีอะไรเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

 

นายไพโรจน์ เสนอว่า ควรจะกำหนดลงไปให้ชัดว่าศาสนาอื่นที่ได้รับการอุปถัมภ์หมายถึงศาสนาอะไรบ้าง เช่น ฮินดู ซิกซ์ มุสลิม คริสต์ เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้นิกาย หรือลัทธิอื่นเข้ามาตั้งในประเทศไทย

 

ในที่สุดน.ต.ประสงค์ สรุปว่า หลักการของเราคือไม่บรรจุพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แต่พยายามคลี่คลายความรู้สึกของผู้คนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เข้าใจมากขึ้น โดยเราจะขยายความไปถึงเรื่องการอุปถัมป์คุ้มครองศาสนาพุทธที่เป็นศาสนา ที่ประชาชนคนไทยนับถือมาช้านาน รวมถึงศาสนาอื่น แต่จะไม่ยกตัวอย่างว่าศาสนาอื่นมีศาสนาอะไรบ้าง เพราะจะเกิดปัญหาในทางปฎิบัติ เราควรเขียนไว้กว้างๆว่าศาสนาอื่นเท่านั้นก็เข้าใจแล้วเพราะรัฐธรรมนูญระบุว่ามีเสรีภาพนับถือศาสนาเป็นเรื่องทางใจ ไม่ใช่กฎหมายที่จะมาบังคับกัน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นนี้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างกว้างขวา เช่น นายปกรณ์ ปรียากรณ์ นายประพันธ์ นัยโกวิท และนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ และสุดท้ายที่ประชุมมีมติให้เพิ่มเติมมาตราดังกล่าวว่า "รัฐต้องให้ความอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน และศานสนาอื่น จากนั้นได้ปิดประชุมในช่วงเช้าเวลา 12.00 น.

 

ทอท.ตั้ง เสรีพิศุทธ์ เป็นกรรมการคนใหม่

ไอ.เอ็น.เอ็น. - นางระวีวรรณ เนตระคะเวสนะ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ได้มีมติแต่งตั้งกรรมการเพิ่มเติมขึ้น 1 คน คือ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ตำแหน่งว่างลงมานาน หลังจาก นายวรากรณ์ สามโกเศศ ลาออกไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

 

โดยก่อนหน้านี้ พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฐานะประธานกรรมการ ปตท.เปิดเผยว่าเขาเป็นผู้เสนอชื่อ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ เข้ามาเป็นคณะกรรมการ ทอท.แต่การเสนอชื่อดังกล่าวก็ต้องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาบอร์ดให้เป็นผู้พิจารณาตัดสินว่ามีความเหมาะสมหรือไม่

 

 

"มัชฌิมา"เตรียมตั้งพรรค พร้อมดันพรบ.นิรโทษกรรม

เว็บไซต์เดลินิวส์ -นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา แถลงภายหลังการประชุมว่า กลุ่มยืนยันที่จะยืนหยัดต่อสู้ในแนวทางของมัชฌิมาและแกนนำในกลุ่มทุกคนยังพร้อมที่จะสนับสนุนสมาชิกและกลุ่มให้ดำเนินการในแนวทางสมานฉันท์และก่อตั้งพรรคการเมืองสายกลางขึ้นมา นอกจากนี้สมาชิกในกลุ่มที่มาประชุมร่วมกันกว่า 80 คนยังเห็นว่าอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยในกลุ่มที่มีอยู่ 15 คนที่ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปีนั้น ที่ประชุมมีมติให้หาแนวทางในการเสนอกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมและหากไม่ดำเนินการก็อาจจะเป็นช่องทางให้กลุ่มอื่นเอาไปโจมตีได้ว่าเราไม่มีตัวแทนในการนำนโยบายของพรรคเข้าไปกำหนดโนยายในการแก้ไขปัญหาตามที่ได้มีนโยบายหาเสียงไป ส่วนกลุ่มการเมืองอื่นที่จะเข้ามาร่วมนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการพูดคุยกันแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้ขั้วอำนาจเก่าจะมีการกลับเข้าไปรวมกลุ่มกัน นายสมศักดิ์กล่าวว่าเคยบอกและคิดไว้ก่อนหน้านี้แต่ทางกลุ่มมัชฌิมาพยายามสร้างความสมานฉันท์ และเมื่อถึงวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปออกทางไหน

 

 

รมว.ยุติธรรมชี้คำตัดสินยุบพรรคสิ้นสุดแล้วจะอุทธรณ์อีกไม่ได้

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รมว.ยุติธรรม และอดีตประธานศาลฎีกา กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่า คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคไทยรักไทยสมบูรณ์ ไม่มีข้อเคลือบแคลงอะไร ตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน มีประสบการณ์ทำงานมามาก 6 คน มาจากศาลฎีกาและอีก 3 คนมาจากศาลปกครอง ใช้เวลาหารือมานานและคำพิพากษามีความละเอียด ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เชื่อว่าประชาชนที่รับฟังจะเข้าใจและยอมรับ เพราะเป็นการทำหน้าที่โดยไม่ได้กลั่นแกล้งใคร

 

ต่อข้อถามถึงการชุมนุมปลุกระดมมวลชน ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย นายชาญชัย กล่าวว่า ทุกคนไม่ควรทำเช่นนั้น เพราะก่อนมีคำวินิจฉัยทุกฝ่ายออกมาบอกว่า จะยอมรับผลการตัดสิน ถึงเวลานี้จึงไม่ควรคัดค้าน ควรถือความสงบสุขของบ้านเมืองเป็นหลัก ทั้งนี้ การตัดสินยุบพรรคไม่น่าเกี่ยวข้องกับการลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หากมองแบบเป็นกลาง จะเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน การลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยได้ ส่วนเรื่องการตีความกฎหมายเข้าข้างตัวเอง ถือเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ในการตัดสินคดีของศาล จึงไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาทำหน้าที่

 

ต่อข้อถามว่า มีความพยายามจะตีความว่าตุลาการรัฐธรรมนูญไม่ใช่ศาล และจะมีการยื่นอุทธรณ์หลังมีการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายชาญชัย กล่าวว่า การวินิจฉัยครั้งนี้ แม้กระทำโดยตุลาการรัฐธรรมนูญ แต่ตุลาการฯ ทั้งหมดทำตามกฎหมายที่ให้ทำหน้าที่แทนศาลรัฐธรรมนูญ ในอดีตก่อนที่จะมีศาลรัฐธรรมนูญ เวลามีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญจะตั้งประธานศาลฎีกา ประธานรัฐสภา และบุคคลต่าง ๆ เข้าทำหน้าที่เป็นคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยผลวินิจฉัยถือเป็นที่สิ้นสุด ไม่สามารถโต้แย้งหรืออุทธรณ์คดีให้ศาลใดกลับคำพิพากษาในอนาคตได้ แม้จะมีศาลรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินได้ ถ้าทุกคนเคารพกติกา กฎหมายบ้านเมือง ก็ไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องปลุกม็อบต่อต้าน ส่วนการล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พรรคไทยรักไทย ถือเป็นสิทธิที่ประชาชนทุกคนสามารถกระทำได้ ในทางกฎหมายไม่ได้ห้ามอะไร เพราะถือเป็นพระราชอำนาจ

 

 


เอเอสทีวีแจ้งความ สน.ชนะสงคราม

ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายประเมนทร์ ภักดิ์วาปี ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีพร้อมด้วยผู้จัดการฝ่ายอาคารและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าแจ้งความกับ ร้อยตำรวจโทสรรชัย เพียรมงคล ร้อยเวร สน.ชนะสงคราม ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่มาก่อกวนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีและทำร้ายร่างกาย โดยการปาศีรษะโดนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเมื่อคืนวานนี้ใน 3 ข้อหาคือ กักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้เครื่องขยายเสียงในยามวิกาลจนเกิดความรำคาญและทำร้าบยร่างกาย โดย นายประเมนทร์ ระบุว่ากลุ่มคนที่มาก่อกวนนั้นอ้างว่าเป็นกลุ่มสภาประชาชนแต่เห็นว่าสวมเสื้อแจ๊คเก็ตของสถานีโทรทัศน์พีทีวี ซึ่งกล้องสามารถบันทึกภาพได้

 

 

PTV เข้ายื่นหนังสือที่ สน.ชนะสงคราม ขอใช้สถานที่ชุมนุมที่สนามหลวง 2 มิ.ย. นี้

กรมประชาสัมพันธ์ - ตัวแทนสถานีโทรทัศน์ PTV จำนวน 3 คน นำโดยนายนิรันดร์ แก่นยะกูล กรรมการบริหาร ,นายสมพล วิชัยดิษฐ์ ที่ปรึกษาฝ่ายพัฒนาธุรกิจ และนายอารี ไกรนรา ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เข้ายื่นหนังสือเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม เพื่อขอใช้สถานที่บริเวณสนามหลวง ฝั่งด้านหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการใช้เครื่องขยายเสียง ตั้งแต่เวลาประมาณ 16.30 - 24.00 น. ที่จะมีการชุมนุม

 

โดยนายนิรันดร์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ขออนุญาตใช้สถานที่กับทาง กทม.เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV อ้างมีคนของ PTV ร่วมชุมนุมด้วยนั้น ปฏิเสธว่า PTV ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว และยืนยันว่าไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด

 

ตร.สั่งห้ามกลุ่มพีทีวีเคลื่อนขบวนเด็ดขาด พร้อมควบคุมให้อยู่บริเวณที่กำหนด

กรมประชาสัมพันธ์ - พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, กองทัพภาคที่ 1 และกรุงเทพมหานคร เพื่อสรุปและซักซ้อมแผนการปฏิบัติรับมือผู้ชุมนุมกลุ่มพีทีวี ว่า ได้รับการยืนยันจากกลุ่มพีทีวีว่าในวันพรุ่งนี้ จะชุมนุมที่บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ขัดข้องแต่ไม่อนุญาตให้เคลื่อนขบวนเด็ดขาด โดยจะจัดกำลังสกัดกั้นให้อยู่ในบริเวณท้องสนามหลวงเท่านั้น เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมดึงดันจะเคลื่อนขบวน จะใช้การเจรจาก่อนจะใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาด ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้(2 มิ.ย.50) จะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

 

สำหรับเหตุการณ์ปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวานนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้รวบรวมหลักฐาน และประสานสื่อมวลชนขอเทปบันทึกภาพ และการปราศรัย เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มมือที่ 3 ที่เข้ามายั่วยุให้เกิดความปั่นป่วนแล้ว ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น พบว่าเป็นกลุ่มของนางดารณี กิจบุญญาลัย ไฮโซชื่อดัง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีรายงานว่ามีกลุ่มจักรยานยนต์รับจ้าง หรือ คนขับรถแท็กซี่เข้าร่วมชุมนุมในวันพรุ่งนี้ด้วย

 

คมช.คาดใช้พรบ.นิรโทษกรรม เปิดช่องให้อดีตคณะกรรมการบริการพรรคไทยรักไทย 111 คน กลับเข้าสุ่เส้นทางการเมือง

กรมประชาสัมพันธ์ -ในรายการกรองสถานการณ์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวถึงโอกาสที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี จำนวน 111 คน จะกลับเข้าสู่เส้นทางการเมืองว่า หากคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ยกเลิกประกาศ ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่แบบไร้เงื่อนไข อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อให้การเมืองสามารถเดินหน้าต่อตามแนวทางความสมานฉันท์ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งเมื่อยกเลิกประกาศแล้ว รัฐบาลต้องเสนอเป็นกฏหมายนิรโทษกรรมเสนอให้สมาชิกสภานิติบัญญ้ติพิจารณา เพื่อประกาศเป็นพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยทั้ง 111 คน

 

แจ้งกองปราบจับ "กลุ่มคนวันเสาร์"

เว็บไซต์เดลินิวส์ - ที่กองปราบปราม นายสนธิญา สวัสดี อดีตกรรมการบริหารและรองโฆษกพรรคประชากรไทย และกรรมการสมาพันธ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปสู่การเลือกตั้ง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สอาด การลพ พงส.(สบ2) กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ฯ และนายสุชาติ ตันติธนไพศาล เลขาธิการกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ฐานร่วมกันทำผิดกฎหมายและละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 มาตรา 1 วรรค 2 และมาตรา 4

 

กรณีกลุ่มคนวันเสาร์ฯได้แจกจตุคามรามเทพรุ่น 1 บาทปราบกบฏ โดยได้นำบัตรประชาชนของผู้มารับจตุคามรุ่นดังกล่าว เขียนชื่อลงในใบจองที่ระบุเป็นเอกสารประกอบการถวายฎีกาถอดถอน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา และร้องขอให้กองปราบปรามตรวจสอบว่าการที่กลุ่มคนวันเสาร์ฯนำบัตรประชาชนของประชาชนผู้มารับจตุคามฯไปจดชื่อในใบจองที่จะถวายฎีกานั้นเป็นการยินยอมของเจ้าขอ งบัตรประชาชนหรือไม่ สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 มาตรา 1 วรรค 2 ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ดำรงอยู้ในฐานะอันเป็นที่เคารพผู้ใดละเมิดมิได้ ส่วนมาตรา 4 ระบุว่า การเลือก แต่งตั้ง หรือให้พ้นจากตำแหน่งประธานองคมนตรี และองคมนตรีอื่นให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

 

คุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม

ปธ.สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ระบุ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ

กรมประชาสัมพันธ์ - นายสนิท อักษรแก้ว ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวถึงการที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไม่ประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เป็นเขตควบคุมมลพิษว่า เมื่อมีการประกาศเป็นเขตควบคุมแล้วจะเอื้ออำนาจให้กับหน่วยงานท้องถิ่นในการเข้าไปดำเนินการติดตาม วางแผน และจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเกินความสามารถและศักยภาพที่ท้องถิ่นจะจัดการได้ ที่สำคัญรัฐบาลมองว่าหน่วยงานต่าง ๆ มีแผนงานจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี จึงไม่จำเป็นต้องประกาศให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเป็นเขตควบคุมมลพิษ เนื่องจากมีการจัดทำแผนลดมลพิษสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องอากาศที่มีการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดค่ามาตรฐานมลพิษ โดยให้นิคมอุตสาหกรรมเป็นผู้ลงทุน 15 - 20 ล้านบาท ในการจัดตั้งสถานีตรวจวัดอุตุนิยมวิทยา นอกจากนี้ยังตั้งภาคีทำโครงการจัดการลดมลพิษโดยรวมกว่า 50 โครงการ งบประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งกองทุนแก้ปัญหามาบตาพุด 40 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ ทั้งนี้ หากทำอย่างจริงจังเชื่อว่าปัญหามลพิษในมาบตาพุดและอากาศเสียจะสามารถควบคุมได้ โดยไม่จำเป็นต้องประกาศเป็นเขตควบคุมมลพิษ

 

สธ.เล็งซื้อยาเอดส์ต้นแบบMSDขอช่วยเด็กแลกเลิกCL

ผู้จัดการ - สธ.เล็งซื้อยาเอฟฟาไวเร้นท์ล็อตใหม่จาก "บริษัทเมิร์ก"ส่วนยาอีก 2 ตัว ผลการเจรจาไม่น่าพอใจให้ อภ.ขึ้นทะเบียนยารอ ระบุอาจสั่งยาจากอินเดียภายใน ก.ค.นี้ พร้อมเดินหน้ามาตรการบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจ ตั้งคณะกรรมการร่วมพรีม่า-สธ.-อุตสาหกรรมยาในประเทศเพิ่มอีก 4 คน ประชุมนัดแรกสัปดาห์หน้า ขณะที่ "เอ็มเอสดี" ออกแถลงการณ์เสนอโครงการสนับสนุนรักษาเด็กติดเชื้อเอดส์ กดดันเลิกทำซีแอล "เอฟฟาไวเร้นท์" ย้ำไม่ลดราคายาอีกแน่

 

นพ.วิชัย โชควิวัฒน ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 ประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ได้นำผลการเจรจาต่อรองราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตรที่มี นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เป็นประธานฯ ซึ่งมีการต่อรองราคายา 3 ชนิด ที่มีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (compulsory licensing : CL) ได้แก่ ยาต้านไวรัสเอดส์ เอฟฟาไวเรนซ์( Efavirenz ) ของบริษัทเมิร์ก ชาร์ป แอนด์ โดม จำกัด หรือ เอ็มเอสดี ที่เสนอราคา 728 บาท/คน/เดือน รวมภาษีแล้วเท่ากับ 767 บาทต่อคนต่อเดือน มีความใกล้เคียงกับยาสามัญที่สั่งซื้อจากอินเดียราคา 540 บาท/คน/เดือน ที่เมื่อรวมค่าขนส่งแล้วเท่ากับ 670 บาท/คน/เดือน แม้ว่าราคาจะสูงเกินกว่าราคายาสามัญ 5% แต่เมื่อประกอบกับมีการเสนอโครงการพิเศษ ช่วยเหลือยาต้านไวรัสสำหรับเด็ก 2,500 คนฟรีด้วย ซึ่งในที่สุดแล้ว ในเดือน ก.ค.นี้ อาจตัดสินใจซื้อยาเอฟฟาไวเรนซ์ จากบริษัทเมิร์ก โดยรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ประชาชนได้ราคายาที่ถูกที่เหมาะสม

 

นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า ส่วนยาอีก 2 ตัว คือ ยาต้านไวรัสเอดส์ คาเรตต้าชนิดเม็ด ชื่อ อลูเวีย (Aluvia) ของบริษัท แอ็บบ็อต ลาบอแรตอรีส จำกัด และ ยาสลายลิ่มเลือดหัวใจและสมองยาพลาวิกซ์ ค้าพลาวิกซ์ ของบริษัท ซาโนฟี อเวนติสนั้น ยาอลูเวียที่มีการต่อรองราคากับแอ็บบอตมีราคา1,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี หรือประมาณ 3,488.20 บาทต่อคนต่อเดือน แต่บริษัท แมทริกซ์ แลบบอราตอรีส จำกัด เสนอราคา 695 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนต่อปี หรือประมาณ 2,027 บาทต่อคนต่อเดือน ดังนั้น จึงมีส่วนต่างกันถึง 30% จึงจะไม่รอผลการเจรจา โดยจะให้ทางองค์การเภสัชกรรมขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างเร่งด่วนที่สุด โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน

 

"ส่วนยาพลาวิกซ์ที่มีการเสนอโครงการความร่วมมือให้ยาพลาวิกซ์ 3.4 ล้านเม็ดกับคน 3.4 หมื่นคน ราคายาลดเหลือ 27 บาท ต่างจากยาของอินเดีย 5-6 เท่า ที่มีราคาเพียง 5 บาทกว่าๆ เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังเจรจาราคา ให้ลดลงอีกเหลือประมาณ 5 บาท รวมทั้งต้องการความคล่องตัวในการใช้ยาด้วย"

 

นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับการบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจ (Voluntary Licensing : VL) ที่ก่อนหน้านี้ สมาคมผู้วิจัยและผลิตภัณฑ์แห่งประเทศไทย (PReMA) เป็นผู้เสนอ โดยจะตั้งคณะกรรมการร่วมเพิ่มอีก 4 ราย มาจากองค์การเภสัชกรรม องค์การเภสัชกรรมทหาร และสมาคมผู้ผลิตยาในประเทศ โดยจะมีการประชุมหารือร่วมกันเป็นครั้งแรกในสัปดาห์หน้านี้

 

"การบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจจะเหมือนกับที่บริษัทจีลีดมอบสิทธิบัตรให้กับบริษัทยาสามัญสามารถผลิตยาเองได้ โดยคำนวณราคาขายตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ละประเทศ ซึ่งจะไม่กระทบกับการทำซีแอล แต่เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้คน เข้าถึงยามากขึ้น ซึ่งหากเราไม่ทำซีแอล ก็อาจไม่มีการทำวีแอลเกิดขึ้นก็ได้ ดังนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสไม่เพียงองค์การเภสัชฯ แต่รวมถึงบริษัทยาที่มีความพร้อมสามารถผลิตยาได้ โดยเจ้าของสิทธิบัตรจะเป็นผู้เสนอยาตัวที่จะทำวีแอล ซึ่งจะพิจารณาจากหลายๆ องค์ประกอบ เช่น ความเสี่ยงในตลาดยา โรคต่างๆ บริษัทยาคู่แข่ง เป็นต้น ทั้งนี้วิธีดังกล่าวถือว่าเป็นการป้องกันประเทศต่างๆ ในการทำซีแอล"

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บริหารของบริษัทเอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ หลังจากการเข้าพบ นพ.ศิริวัฒน์ เพื่อติดตามผลการหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ และนพ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข ที่ต้องการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาเอฟฟาไวเรนซ์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสเอชไอวี-เอดส์ ของบริษัทฯ

 

แถลงการณ์ระบุต่อว่า บริษัทฯ มีส่วนร่วมในวัตถุประสงค์ของ สธ. ที่ต้องการเพิ่มโอกาสในการได้รับการรักษาของผู้ติดเชื้อเอชไอวี-เอดส์ นอกจากนี้ บริษัทได้เสนอที่จะจัดหายาเอฟฟาไวเรนซ์ให้แก่ สธ.ในราคาที่บริษัทฯไม่ได้มุ่งหวังกำไร โดยราคาดังกล่าวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคายาเลียนแบบ ซึ่งจากข้อเสนอนี้บริษัทฯมีความเชื่อมั่นว่า สธ.สามารถขยายโอกาสในการเข้าถึงยาของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญโดยไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิ

 

"ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่ายังมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี-เอดส์ หลายกลุ่มรวมถึงผู้ป่วยเด็ก ที่ยังคงมีปัญหาในการเข้าถึงยาและการบริการทางการแพทย์ที่จำเป็น บริษัทฯจึงได้เสนอที่จะจัดหายาและให้การสนับสนุนอื่นๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก โดยโครงการนี้อาจมีระยะเวลาหนึ่งปีและอาจขยายเวลาได้อีกสองปี โดยบริษัทหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับ สธ.ได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและมีการยกเลิกมาตรการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรยาเอฟฟาไวเรนซ์ เพื่อที่บริษัทฯจะได้มีส่วนช่วยในการขยายโอกาสในการได้รับการรักษาของผู้ป่วยเอชไอวี ในประเทศไทยได้กว้างขวางยิ่งขึ้น"

 

ด้าน นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า การเสนอโครงการพิเศษของบริษัทเอ็มเอสดี เหมือนกับเป็นการแถมยา ซึ่งทางคณะกรรมการฯจะรับข้อเสนอเพื่อกลับไปศึกษาในรายละเอียดกับกรมควบคุมโรค สถาบันบำราศนราดูร สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เพื่อวิเคราะห์ถึงประโยชน์ ผลดีและผลเสียที่จะร่วมมือกับข้อเสนอของบริษัทยา

 

"ทั้งนี้ในวันที่ 6 มิถุนายนที่จะมีตัวแทนบริษัทยาจะเจรจาเรื่องราคายานั้น ทางบริษัทเอ็มเอสดีคงไม่ต้องมาร่วม เพราะข้อเสนอโครงการความร่วมมือดังกล่าวยังไม่สามารถสรุปรายละเอียดได้ทัน อีกทั้งการหารือในวันนี้ก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการลดลงราคายาไปกว่านี้อีก เพียงแต่เสนอโครงการพิเศษเพิ่มเติม"

 

 

จนท.ไอแอลโอราว 2 พันชีวิตเสี่ยงมะเร็ง จากการสูดละอองหินทนไฟ

ผู้จัดการออนไลน์ -เจ้าหน้าที่ราว 2,000 ราย ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็ง จากการสูดละอองหินทนไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัสดุก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของไอแอลโอ ในนครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ เข้าสู่ร่างกาย

 

เจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานไอแอลโอรายหนึ่ง เปิดเผยวันนี้ว่า ไอแอลโอจำเป็นต้องทุบอาคารสำนักงานใหญ่ ซึ่งก่อสร้างขึ้นเมื่อทศวรรษหลังปี 2513 และก่อสร้างใหม่ เพื่อรื้อหินทนไฟที่เป็นปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวออกไปให้หมด แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ รายงานฉบับหนึ่งของไอแอลโอ เสนอให้ผู้บริหารไอแอลโอขายที่ดินบางส่วนของไอแอลโอในนครเจนีวา เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่ของไอแอลโอใหม่ดังกล่าว

 

ผลการศึกษาชี้ว่า ในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากการสูดละอองหินทนไฟเข้าสู่ร่างกายถึงราว 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ในอดีตนั้น วงการก่อสร้างนิยมใช้หินทนไฟเป็นส่วนหนึ่งของวัสดุก่อสร้าง เพื่อป้องกันเพลิงไหม้อาคารต่างๆ ต่อมาผลการศึกษาบ่งชี้ว่า ละอองจากหินทนไฟที่เก่าหรือกระเทาะ เป็นอันตรายต่อสุขภาพดังกล่าว และไอแอลโอเริ่มตื่นตัวอย่างจริงจังเพื่อหาทางแก้ปัญหา ตั้งแต่ปี 2548

 

ทั้งนี้ รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ประกาศห้ามใช้หินทนไฟเป็นส่วนหนึ่งของวัสดุก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2532 แต่กฎหมายสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีผลควบคุมถึงอาคารต่างๆ ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในสวิตเซอร์แลนด์

 

 

เศรษฐกิจ

สภาพัฒน์ระบุความเชื่อมั่นเริ่มฟื้นหลังการเมืองมีความชัดเจนขึ้น

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค-หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทบปิดตลาดวันศุกร์ที่ 753.93 จุด เพิ่มขึ้นถึง 16.53 จุด นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นแรงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเริ่มกลับคืนมา หลังจากการเมืองมีความชัดเจนขึ้นจากผลของคดียุบพรรค ทำให้ สศช.มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมามีการนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สคช.คงจะนำสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มาเป็นปัจจัยในการคำนวนตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ในปี 50 ด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และการบริโภคของภาคประชาชนในระดับหนึ่ง โดย สคช.มีกำหนดแถลงตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของปีนี้ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ ซึ่งปกติจะมีการเปิดเผยคาดการณ์ GDP ตลอดปี ด้วยว่าจะปรับเปลี่ยนจากคาดการณ์ครั้งก่อนหรือไม่

   

นายอำพน กล่าวว่า ในปีนี้ เชื่อว่าการส่งออกและภาคเกษตรกรรมยังเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน สศช.ก็ยังต้องเร่งติดตามมาตรการส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า ซึ่งขณะนี้กำลังรอรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย

 

 

 

ต่างประเทศ

ฟินแลนด์เพิ่มมาตรการเข้มงวดห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ฟินแลนด์เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการห้ามสูบบุหรี่ โดยห้ามสูบบุหรี่ในร้านอาหารและบาร์ส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับมาตรการของประเทศในยุโรป ซึ่งการห้ามสูบบุหรี่ดังกล่าวเป็นมาตรการเพิ่มเติม หลังจากเมื่อปี 2538 ฟินแลนด์ได้ออกข้อบังคับห้ามการสูบบุหรี่ในที่ทำงาน และเพิ่มความเข้มงวดในการใช้ยาสูบ รวมทั้งห้ามสูบบุหรี่ในอาคารและระบบขนส่งสาธารณะ และต่อมาเมื่อปี 2547 ได้ออกกฎหมายให้คำจำกัดความว่า "การสูบบุหรี่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง"

 

 

อากาศร้อนในบังกลาเทศ ปชช.ตายแล้ว 22 คน

ผู้จัดการออนไลน์ - สภาพอากาศร้อนจัดในบังกลาเทศในสัปดาห์นี้ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 22 คน ขณะที่อุณหภูมิเพิ่มสูงถึง 40 องศาเซลเซียส โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า อากาศร้อนส่งผลให้เกิดโรคระบาดทั่วประเทศ เช่น โรคท้องร่วง เป็นไข้ และระบบทางเดินหายใจมีปัญหา ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีผู้ป่วยเฉลี่ยวันละกว่า 500 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเข้ารับการรักษาที่ศูนย์วิจัยโรคท้องร่วงระหว่างประเทศ ในกรุงธากา

 

 

จีนเตรียมตัดไฟที่นครเซี่ยงไฮ้ช่วงฤดูร้อน

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -หนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้ เดลี่ รายงานว่า นครเซี่ยงไฮ้ ที่ได้ชื่อว่ามหานครที่ใหญ่ที่สุดของจีน อาจตกอยู่ท่ามกลางความมืด หลังจากระบบเครือข่ายที่แบกรับการจ่ายกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเมือง ที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็วได้ รายงานระบุว่า การจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังครัวเรือนและธุรกิจ 1 พันแห่ง ในย่าน ผู่ตง นิว แอเรีย ซึ่งเป็นย่านการเงินจะถูกตัดในช่วงสั้นๆ ตั้งแต่วันพุธหน้า หลังจากการระบบส่งกระแสไฟฟ้าล่ม นายหลี่ ซินจางโฆษกของการไฟฟ้า ชิตุง พาวเวอร์ ซัพพลาย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ ให้ความเห็นว่ามาตรการตัดไฟนี้ จะถูกนำมาใช้ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งในปีนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการกระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 21 ล้านกิโลวัตต์ ในช่วงที่ความต้องการสูงสุด

 

นครเซี่ยงไฮ้ มีงบประมาณ 20 ล้านหยวน ในการปรับปรุงระบบการจ่ายกระแสไฟฟ้าในปีนี้ แต่เกือบ 1 ใน 3 ของโครงการ จะไม่สามารถเสร็จสมบูรณ์ทันช่วงฤดูร้อน ที่มีการใช้ไฟฟ้ามากที่สุด และโครงการทั้งหลาย ได้ล่าช้าออกไป เนื่องจากความยุ่งยากในการโน้มน้าวให้ประชาชนและห้างร้านพากันย้ายออกไปเพื่อนำที่ดินมาใช้ในโครงการก่อสร้าง เมื่อวันอังคาร มีรายงานว่า ได้เกิดการขาดแคลนกระแสไฟฟ้าอย่างหนักที่มณฑลกวางตุ้งของจีน ทำให้ต้องตัดลดการผลิตในหลายเมืองใหญ่ที่กำลังเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

 

โวยญี่ปุ่นถูกปรักปรำในเหตุการณ์"นานกิง"

ผู้จัดการออนไลน์ - กลุ่มนักเขียนและศิลปินชาวญี่ปุ่น โวยว่า ประเทศของตนถูกปรักปรำในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิจ โดยเฉพาะจากสื่อตะวันตก และความจริงทางประวัติศาสตร์จะต้องได้รับการเปิดเผย

 

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าได้รับจดหมายเรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดี (1) ซึ่งลงนามโดยกลุ่มนักเขียนและศิลปินชาวญี่ปุ่น เช่น ชูโดะ ฮิกาชินากาโนะ ประธานสถาบันนานกิงศึกษา, คาซูโอะ อีจิริ นักเขียนหัวหน้าสถาบันญี่ปุ่นศึกษา โซะ มิซูชิมาผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่อง "เดอะ ทรู อเบาท์ นานกิง" และตาดาโอะ ตาเกโมะโตะ นักแปล จดหมายมีใจความว่า ญี่ปุ่นถูกปรักปรำในเหตุการณ์สังหารหมู่ที่นานกิง ด้วยการมองประวัติศาสตรืโยเจือทัศนะทางประวัติศาสตร์และอุดมการณ์ นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ประวัติศาสตร์ซึ่งถูกเขียนโดยผู้ชนะไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป พวกตนต้องการความจริงทางประวัติศาสตร์ และข้อมูลทุกอย่างต้องนำไปพิจารณาและให้น้ำหนักกับทุกฝ่าย

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน รัฐบาลญี่ปุ่นยอมรับว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวนานกิง เป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่ก็ยากที่จะกำหนดค่าชดเชยที่แท้จริงได้

 

สำหรับการสังหารหมู่ที่นานกิง เริ่มขึ้นเมื่อทหารจักรพรรดิญี่ปุ่นยึดครองเมืองนานกิงในเดือนธันวาคมปี 1937 และกระทำการอันโหดร้ายอาทิ ปล้น ฆ่า ข่มขืน โดยในขณะนี้ยังเป็นเรื่องถกเถียงเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะระหว่างจีนและญี่ปุ่น ตัวเลขที่ถกเถียงมีระยะตั้งแต่ ไม่กี่พันเป็นจนถึง 300,000 ราย

 

 

เกาหลีเหนือเรียกนักศึกษาในจีน กลับประเทศ

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -รัฐบาลเกาหลีเหนือเรียกตัวนักศึกษาชาวเกาหลีเหนือที่ศึกษาอยู่ในจีนกลับประเทศทั้งหมดโดยไม่ทราบเหตุผล เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ ในเกาหลีใต้รายงานวันนี้ว่า เฉพาะนักศึกษาชาวเกาหลีเหนือของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเพียงแห่งเดียวถูกเรียกตัวกลับประเทศทั้ง 19 ราย ตั้งแต่ก่อนช่วงวันหยุดวันแรงงานสากลเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม และจนถึงกลางสัปดาห์นี้ยังไม่มีนักศึกษารายใดเดินทางกลับไปศึกษาต่อ รายงานระบุด้วยว่า 1 ใน 19 นักศึกษากลุ่มดังกล่าวได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว ในขณะที่นักศึกษาที่เหลืออีกหลายรายได้ยื่นคำร้องขอพักการศึกษาไว้ชั่วคราว

 

รายงานของหนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีใต้ประจำกรุงปักกิ่งรายหนึ่ง ซึ่งขอสงวนนาม ระบุว่า ในอดีตทางการเกาหลีเหนือเคยเรียกตัวนักศึกษา หรือบุตรหลานของเจ้าหน้าที่ชาวเกาหลีเหนือที่ศึกษา หรืออาศัยอยู่ในต่างประเทศกลับประเทศเพื่อเข้ารับการศึกษาหลักสูตรเกี่ยวกับอุดมการณ์ในช่วงปิดภาคการศึกษาฤดูร้อน แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าเหตุใดทางการเกาหลีเหนือจึงเรียกตัวนักศึกษาและเยาวชนอื่นๆ ที่อยู่ในต่างประเทศกลับประเทศในช่วงเปิดภาคการศึกษา

 

ก่อนหน้านี้สื่อมวลชนอื่นๆ ในเกาหลีใต้รายงานเมื่อเดือนมีนาคมระบุว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือได้มีคำสั่งให้บรรดานักการทูตและนักธุรกิจชาวเกาหลีเหนือในต่างประเทศส่งตัวบุตรหลานกลับประเทศทั้งหมด เหลือบุตรหลานไว้ในต่างประเทศเพียงครอบครัวละ 1 รายเท่านั้น เพื่อป้องกันการแปรพักตร์ของประชาชน แต่ในครั้งนั้นบรรดานักการทูตและนักธุรกิจในต่างแดนไม่สนใจคำสั่งดังกล่าว ซึ่งน้อยครั้งนักที่ชาวเกาหลีเหนือจะละเลยคำสั่งของรัฐบาล รายงานระบุด้วยว่า ปัจจุบันมีนักศึกษาชาวเกาหลีเหนือศึกษาอยู่ในกรุงปักกิ่งเพียง 50-60 รายเท่านั้น ซึ่งน้อยลงมากเมื่อเทียบกับจำนวนราว 200 ราย เมื่อทศวรรษหลังปี 2523

 

 

ญี่ปุ่นขู่ถอนตัวออกจากคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ หลังคณะกรรมการลงมติห้ามการล่าวาฬเพื่อการค้าต่อไปอีก

กรมประชาสัมพันธ์ - วันสุดท้ายของการประชุมคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วันที่รัฐอะแลสกาของสหรัฐ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 42 ต่อ 2 เสียง เห็นชอบกับการห้ามล่าวาฬเพื่อการค้าอีก หลังจากที่บังคับใช้มานานถึง 21 ปี ขณะที่นอรเวย์ ไอซแลนด์ และญี่ปุ่น ไม่เห็นด้วยกับมตินี้ โดยกล่าวว่า ควรอนุญาตให้ประเทศติดชายฝั่งล่าวาฬได้อย่างจำกัด ทั้งนี้ประเทศที่สนับสนุนการล่าวาฬ ซึ่งรวมถึงประเทศทั้งสาม กล่าวว่า ประชากรวาฬเริ่มมีมากขึ้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งห้ามการล่าวาฬเพื่อการค้าอีก นอกจากนั้น นายมิโนรุ โมริโมโตะ หนึ่งในคณะกรรมการล่าวาฬยังขู่ว่า ญี่ปุ่นอาจจะพิจารณาลาออกจากคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศด้วย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท