ภฤศ ปฐมทัศน์
ช่วงท้ายปลายฤดูร้อน...
ไม่ว่าหรือโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่างก็เริ่มคึกคัก ไม่ว่าจะคึกคักในแง่ที่ผู้ปกครองต้องวิ่งเต้นหาเงินค่าเทอม (ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ กลายเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ) ใครรวยก็เหนื่อยน้อยหน่อย ใครจนก็เหนื่อยมากหน่อย ไม่ก็จำต้องยอมเป็นหนี้รัฐ ทั้งที่จริง ๆ แล้วการศึกษามันควรจะเป็นสวัสดิการที่ได้รับโดยเท่าเทียม ไม่ใช่เหมือนของซื้อของขาย
หรืออาจจะคึกคักในแง่ของเหล่าหนุ่มสาวผู้ที่พ้นผ่านการสอบคัดเลือกมหาโหดมาได้ จะต้องมาเจอโลกใบใหม่ ที่ไม่เชิงว่าจะสดใส กุ๊กกิ๊กน่ารักแบบที่ผมเคยเห็นจากในหนังหรือที่อ่านมาจากนิยายรักนักศึกษาเสมอไป เพราะนิยายเหล่านั้นมักจะลืมเขียนถึงตัวร้าย คือ เหล่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยที่ยืนยิ้มแฉ่งรอรับรายได้ รับหน้าตาจากการขู่เข็ญ (แบบอ้อม ๆ) ให้นักกิจกรรมทำอะไรก็ได้ที่มันสร้างชื่อเสียงให้ แล้วก็คอยทำตัวเป็นเบื้องบนสั่งการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง (ลืมไป...ว่ามันเป็นนิยายรัก ไม่ใช่ V For Vendetta)
ส่วนที่คึกคักไม่แพ้กันน่าจะเป็นฝ่ายที่เรียกตัวเองว่ารุ่นพี่ ต่างพากันเฉลี่ยทรัพย์กันให้ถ้วนทั่ว ผู้ถือหุ้นเงินคลังมหาวิทยาลัยรายใหญ่อย่าง สโมสรนักศึกษาหรือสภาฯ (หรืออะไรก็ตาม แล้วแต่มหาวิทยาลัยจะเรียก) ก็เตรียมตัวโชว์ความอลังการณ์เพื่อเอาหน้าเอาตา และเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งในสมัยต่อไป
อีกส่วนหลายๆ คณะก็เตรียมตัวเปิดห้องเชียร์ หาทางดึงน้องๆ นุ่งๆ ทั้งหลาย โดยการกำหนดเงื่อนไข หรือไม่ก็ขู่บังคับกันตรงๆ เลยก็มี เพื่อโชว์ความบ้าพลัง
อะแฮ่ม ! ผมหมายถึงโชว์ประสิทธิภาพความเป็นหุ่นยนต์อันพร้อมเพรียง อีหรอบเดียวกันกับพวกผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือความอลังการและการเป็นที่หนึ่งในการประกวด (เพื่ออะไร?)
โดยส่วนใหญ่ที่ทำไปแบบนี้ก็อ้างว่าเพื่อความสมานฉันท์ เอ้ย ! ความสามัคคี ทำไปเพราะรักน้อง หรืออะไรก็ตามแต่ที่ฟังดูดีพอจะใช้อ้างได้ (โดยไม่ได้ถามเลยว่าน้องๆ เขาต้องการ "ความดี" หรือ "ความสามัคคี" แบบขู่เข็ญเช่นนี้หรือเปล่า) บ้างก็อาศัยเกาะอิงความเป็นอนุรักษ์นิยมโดยใช้คำว่า "ประเพณี" มาบังหน้า หรือที่ชวนให้ผมสมานฉุนสุดๆ สำหรับการรับน้องแบบว้ากเกอร์, Sotus, ห้องเชียร์ คือ การอ้างว่า "เพื่อให้ได้เรียนรู้ที่จะเจอกับการกดขี่ การถูกว่ากล่าว ฯลฯ เพราะในอนาคตออกไปทำงานก็จะต้องเจอกับเจ้านายหรือระบบอะไรแบบนี้"
โอ้ว...แหม ! เหมาะเจาะ ! ถ้าถอดโค้ดของประโยคข้างต้นออกเสียหน่อยก็จะพบว่ามันเป็นการสืบทอดที่ผลิตซ้ำ "ระบอบอาวุโส" อย่างแรง! ด้วยการสอนให้ผู้น้อยยอมจำนนต่อผู้ใหญ่ (ภายใต้คำสวยๆ ว่าอ่อนน้อม) การผลิตผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้าไปถูกกดขี่ในออฟฟิศ หรือในหน่วยงานอะไรก็ตามแต่ และมันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ไม่มีวันจบสิ้น ??
และที่ขาดไม่ได้สำหรับการรับน้องก็คือ ใช่แล้ว ! เพลงรับน้องในมหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพลงเชียร์ เพลงสนุกสนานกุ๊กกิ๊ก ไม่ก็เพลงที่สอนรักภาควิชา รักคณะ รักสถาบัน ฯลฯ อย่างไม่ลืมหูลืมตา อาจมีส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นเพลงเพื่อชีวิตหรือกึ่งเพื่อชีวิตเก่าๆ ปลุกปลอบจิตวิญญาณการต่อสู้ของนักศึกษา
ในฐานะรุ่นพี่ที่เคยประสบกับอะไรหลายอย่างจากมหาวิทยาลัย ผมเองก็มีเพลงรับน้องในแบบของผมเหมือนกันครับ แต่ผมจะไม่บังคับให้น้องๆ ต้องร้องได้ หรือบังคับให้ต้องนั่งตากยุงฟังเป็นสิบๆ รอบ คนที่ไม่เป็นเฟรชชี่ในนามแล้วก็ยังฟังได้ หากหัวใจยังเยาว์
น้องๆ (หรือไม่น้อง) คนไหนไม่เห็นด้วย ก็เถียงได้เต็มที่ ;)
เพลงแรกที่ผมจะนึกถึงเลยก็คือ เพลง Forever Young ของ Bob Dylan
May God bless and keep you always,
May your wishes all come true,
May you always do for others
And let others do for you.
May you build a ladder to the stars
And climb on every rung,
May you stay forever young,
Forever young, forever young,
May you stay forever young.
May you grow up to be righteous,
May you grow up to be true,
May you always know the truth
And see the lights surrounding you.
May you always be courageous,
Stand upright and be strong,
May you stay forever young,
Forever young, forever young,
May you stay forever young.
May your hands always be busy,
May your feet always be swift,
May you have a strong foundation
When the winds of changes shift.
May your heart always be joyful,
May your song always be sung,
May you stay forever young,
Forever young, forever young,
May you stay forever young.
- Forever Young
เปล่า...ผมไม่ได้ห้ามให้มีผมหงอก พุงยื่น มีรอยตีนกา หรืออะไร แต่สารที่ผมต้องการจะบอกในที่นี้คือ Young at Heart หัวใจที่ยังคงความเป็นหนุ่มสาวเป็นสิ่งสำคัญ เพราะความเป็นหนุ่มสาวมันมีพลังในแบบที่ผู้ใหญ่ไม่มี หนุ่มสาวอาจผิดพลาดบ้าง แต่เชื่อว่าสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดทั้งหลายได้โดยไม่จำเป็นต้องละทิ้งหัวใจอันเยาว์วัยไป ความเป็นหนุ่มสาวคืออะไรที่สดใหม่และมีชีวิตชีวา ไม่ว่าตัวเลขอายุจะผันผ่านไปเท่าใดแล้วก็ตาม จิตวิญญาณแบบหนุ่มสาวนั้นยังคงมีค่าเสมอ อย่าได้ให้ระบบหรืออำนาจใดๆ ก็ตามมาขโมยมันไป
ใช่...การเป็นเยาวชนคนสาวคนหนุ่มมันไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะในยุคที่อะไรๆ ถูกจัดการและตั้งเงื่อนไขไว้โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว เราต้องเรียนรู้และถูกบังคับให้เชื่อตามอะไรๆ มาตั้งสิบกว่าปี ต้องแข่งขันแย่งชิง โดยที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมอยู่เงียบๆ ของอำนาจ "เบื้องบน" จารีตนิยมหรืออะไรใกล้ๆ กัน - Conform or be Cast out
แม้กระทั่งผู้ร่วมยุคสมัยด้วยกัน บางครั้งก็ยังไม่เข้าใจหนุ่มสาวด้วยกันเอง ซ้ำยังกดขี่ ผลิตซ้ำอะไรบ้าๆ บอๆ รวมถึงความเป็นขบถจอมปลอมที่สุดท้ายแล้วก็ยังติดกับดักของระบบ Be cool or be cast out ...
ทางเลือกของพวกเรามันมีแค่นี้...มีแค่นี้น่ะหรือ?
Sprawling on the fringes of the city
In geometric order
An insulated border
In between the bright lights
And the far unlit unknown
Growing up it all seems so one-sided
Opinions all provided
The future pre-decided
Detached and subdivided
In the mass production zone
Nowhere is the dreamer
Or the misfit so alone
Subdivisions -
In the high school halls
In the shopping malls
Conform or be cast out
Subdivisions -
In the basement bars
In the backs of cars
Be cool or be cast out
Any escape might help to smooth
The unattractive truth
But the suburbs have no charms to soothe
The restless dreams of youth
Drawn like moths we drift into the city
The timeless old attraction
Cruising for the action
Lit up like a firefly
Just to feel the living night
Some will sell their dreams for small desires
Or lose the race to rats
Get caught in ticking traps
And start to dream of somewhere
To relax their restless flight
Somewhere out of a memory
Of lighted streets on quiet nights...
Subdivisions -
In the high school halls
In the shopping malls
Conform or be cast out
Subdivisions -
In the basement bars
In the backs of cars
Be cool or be cast out
Any escape might help to smooth
The unattractive truth
But the suburbs have no charms to soothe
The restless dreams of youth
- Subdivisions
เพลง Subdivisions เป็นเพลงของวง Rush อยู่ในอัลบั้มที่ชื่อ Signals เนื้อหาพูดถึงชีวิตที่เหมือนถูกขีดเส้นไว้แล้ว ว่าคุณจะเป็น "เด็กดี" ตามแบบแผนที่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจ หรือเพียงพวก "เด็กมีปัญหา" แหกคอกแบบหลอกๆ เพื่อความคูล แต่ก็ยังตกอยู่ใต้อำนาจอยู่ดี ไร้พลังต่อกรกับสิ่งใด...
อยากให้ทุกคนช่วยตอบผมอีกครั้ง ทางเลือกมันมีแค่นี้จริง ๆ น่ะหรือ?
Welcome to the Grand illusion
Come on in and see what's happening
Pay the price, get your tickets for the show
The stage is set, the band starts playing
Suddenly your heart is pounding
Wishing secretly you were a star.
But don't be fooled by the radio
The TV or the magazines
They show you photographs of how your life should be
But they're just someone else's fantasy
So if you think your life is complete confusion
Because you never win the game
Just remember that it's a Grand illusion
And deep inside we're all the same.
We're all the same...
So if you think your life is complete confusion
Because your neighbors got it made
Just remember that it's a Grand illusion
And deep inside we're all the same.
We're all the same...
Get yourself a brand new motor car
Someday soon we'll stop to ponder what on Earth's this spell we're under
We made the grade and still we wonder who the hell we are
- The Grand Illusion
เคยตั้งคำถามกันหรือเปล่าว่า เรามีชีวิตอยู่กันไปเพื่ออะไร ลงทุนเรียนกันมาเป็นสิบๆ ปีเพื่ออะไร เพื่อที่จะออกไปมีงานประจำทำ อยากเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ไปแย่งชิงกันต่อในพื้นที่ของ "ผู้ใหญ่" !? หรืออยากดังเป็นดารานักร้องแบบที่ถูกจัดฉากหลอกตาไว้อย่างงดงามในทีวี? อยากมีบ้านใหม่ (บวกสนามหญ้าหน้าบ้าน) อยากมีรถคันใหม่ ต้องมีครอบครัวน่ารักๆ (ทั้งที่จริงๆ แล้วกดขี่ กดดันกันภายใน) ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ? ถือว่าเป็นผู้ชนะ ? ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้วคือผู้แพ้ ?
ทัศนะคติแบบผู้แพ้-ผู้ชนะแบบนี้ เป็นทัศนะครอบงำจากความเป็น "อเมริกันดรีม" แท้ ๆ
วง
เหล่าผู้มีหัวใจหนุ่มสาวทั้งหลายอย่าได้ลืมที่จะตั้งคำถามกับตัวเอง เตือนตัวเองว่าเราไม่ได้กำลังอยู่ในความฝันของคนอื่น จนกระทั่งลืมไปว่า จริงๆ แล้ว "เราเป็นใครกันแน่"
The future teaches you to be alone
The present to be afraid and cold
'So if I can shoot rabbits
Then I can shoot fascists'
Bullets for your brain today
But we'll forget it all again
Monuments put from pen to paper
Turns me into a gutless wonder
And if you tolerate this
Then your children will be next
And if you tolerate this
Then your children will be next
Will be next, will be next, will be next
Gravity keeps my head down
Or is it maybe shame
At being so young and being so vain
Holes in your head today
But I'm a pacifist
I've walked La Ramblas
But not with real intent
And if you tolerate this
Then your children will be next
And if you tolerate this
Then your children will be next
Will be next, will be next, will be next
'And on the street tonight an old man plays
With newspaper cuttings of his glory days'
And if you tolerate this
Then your children will be next
And if you tolerate this
Then your children will be next
Will be next, will be next, will be next
- If You Tolerate This Your Children Will Be Next
เพลงชื่อ If you tolerate this, your children will be next ของวง Manic Street Preachers วงอัลเตอร์เนทีฟร็อค/บริทป็อบ มีเนื้อหาออกแนวโซเชียลลิสม์ และชื่อเพลงอันยาวเหยียดนี้มาจากคำขวัญในช่วงที่คนต้องต่อสู้กับเผด็จการฟาสซิสม์ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แปลเป็นไทยว่า "ถ้าพวกคุณทนกับอะไรพวกนี้ล่ะก็ ลูกหลานพวกคุณจะเป็นรายต่อไป"
สิ่งที่ผมอยากจะบอกหนุ่มสาวทั้งหลายก็ไม่ได้มากไปกว่าตัวชื่อเพลงเลย
"จะทนกับความเลวร้ายแบบนี้ต่อไป หรือจะลองท้าทายมันเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป"
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่พวกเธอ...ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง
ถึงจะบอกว่าเป็นเพลงรับน้อง แต่ "หนุ่มสาว" ในที่นี้ ผมคงไม่อยากให้หมายถึงเพียงแค่รุ่นน้องที่สามารถเข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังหมายถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้เข้าไปร่วมใช้พื้นที่มหาวิทยาลัย (ทั้งที่มันเป็นเงินภาษีของเรา) ไม่ว่าจะด้วยทางด้านการเงินหรือทางด้านการสอบเข้าก็ตาม รวมไปถึงผู้ที่จำต้องไปขายแรงงานเพื่อจุนเจือตัวเองและครอบครัวเองก็เช่นกัน
อย่างที่บอก--ความเป็นหนุ่มสาว ไม่ได้จำกัดสถานภาพ พื้นที่ หรือชุดเครื่องแบบที่ใส่
แต่มันมาจาก... "ข้างใน"
เพลง If you tolerate this, your children will be next
วง Manic Street Preachers