ชาวประมงพื้นบ้านและชาวบ้านป่าคลอกเดินหน้า ค้านโครงการก่อสร้างมารีนาที่แหลมยามู ล่าสุดยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการฯ เพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงและผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชนหลังสร้างโครงการ
ศูนย์ประสานงานเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ต รายงานถึงความคืบหน้า การคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือยอชต์หรือมารีนาของบริษัท เดอะยามู จำกัด ซึ่งอยู่ที่บ้านยามู หมู่ที่ 7 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า เมื่อเร็วๆนี้ศูนย์ประสานงานเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ตได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทั้งนี้ เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการอนุญาตสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ สะพานท่าเทียบเรือมารีนาของบริษัทเอกชนในพื้นที่แหลมยามู เพราะมองว่าโครงการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ละเมิดสิทธิชุมชนและวิถีชีวิตชุมชนชายฝั่ง และปรึกษาหารือประกาศเขตคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอ่าวป่าคลอก เนื่องจากชาวประมงพื้นบ้านมองว่า การอนุญาตให้ก่อสร้างโครงการดังกล่าวของคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดภูเก็ตเป็นการละเมิดสิทธิส่วนรวมของชาวประมงพื้นบ้าน ชุมชนชายฝั่งและประชาชนทั่วไปในการประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านและพักผ่อนหย่อนใจ ให้เป็นสิทธิส่วนบุคคลต่างชาติ
รวมทั้งการอนุญาตดังกล่าว เป็นการผิดประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตปี 2546 และจะเป็นการทำลายแหล่งหญ้าทะเลและปะการังที่หากินและที่อยู่อาศัยของพะยูน เต่าทะเล โลมา พันธุ์สัตว์น้ำใกล้สูญพันธุ์ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ 2535
นอกจากนี้ กระบวนการอนุญาตไม่มีกระบวนการที่โปร่งใส ในการรับฟังความคิดเห็นและเปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจ และผลประโยชน์ของโครงการที่ได้รับเป็นของต่างชาติมากกว่าชุมชนท้องถิ่นที่จะได้รับและก่อให้เกิดการพัฒนาที่ไม่ยั่งยืน
พลเรือโทนคร อรัญยนาค คณะกรรมาธิการกล่าวภายหลังรับหนังสือดังกล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาถึงข้อเท็จจริงตามที่ชาวบ้านและกลุ่มประมงพื้นบ้านจังหวัดภูเก็ตเรียกร้อง
สำหรับโครงการมารีนาของบริษัท เดอะยามู เป็นการลงทุนโดยนักลงทุนชาวต่างชาตินายเอียน ไมเคิล ซาร์ลส์ แฮนรี เป็นท่าเทียบเรือขนาดไม่เกิน 30 ตันกรอส พร้อมโรงแรม 66 หลัง และรีสอร์ตที่เป็นวิลลาอีก 32 หลัง เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 5 มิถุนายน 2550 เรื่อง ขอให้ไม่อนุญาตและยกเลิกสิ่งล่วงล้ำลำน้ำของโครงการท่าเทียบเรือมารีน่า แหลมยามู ของบริษัทชาวต่างชาติ เดอะยามู จำกัด โดยนายเอียน ไมเคิล ซาร์ลส์ แฮนรี เรียน อธิบดีกรมขนส่งทางน้ำพานิชนาวี ผ่านผู้อำนวยการกองส่งเสริมขนส่งทางน้ำและพานิชนาวี ตามวันที่ 20 เมษายน 2550 เวลา 14.00 น. ได้ประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 4/2550 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายวรพจณ์ รัฐศรีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำและผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าขนาดไม่เกิน 30 ตันกรอส และการขุดลอกร่องน้ำ สะพานทางเดิน สะพานปรับระดับและทุ่นลอย ของบริษัท เดอะยามู จำกัด ที่บริเวณบ้านแหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าพร้อมกับโรงแรม 66 หลังและรีสอร์ท ( วิลล่า ) 32 หลัง บนเนื้อที่ 100 ไร่ ที่ประชุมคณะกรรมการฯมีมติเห็นชอบในหลักการที่จะให้มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว ทั้งๆที่มีบางหน่วยงานราชการไม่เห็นด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ต ประมงจังหวัดภูเก็ต และองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก ไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้านและชุมชนรอบอ่าวป่าคลอก และในวันนี้ 5 มิถุนายน 50 ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจงตามมติของคณะกรรมการฯ มีเพียงวันที่ 3 พ.ค. 50 คุณวิกาญดา ทองเนื้อแข็งจากบริษัท อันดามัน เอนไวรอน เมนทอล คอนซัลแตนท์จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ และพวกอีก 3 คน เข้ามาพูดคุยถึงผลดีของโครงการ และมาตรการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า บ้านยามู กับกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอก หมู่ 2 โดยสรุปกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอก ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านยามู และเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 50 ผู้ใหญ่บ้านบ้านยามูจัดประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจ โครงการ ฯ ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุม 66 คน ยังไม่เคยได้รับแบบสอบถามใดๆจากโครงการฯ มีเพียงผู้ใหญ่บ้านคนเดียวที่ได้รับและตอบแบบสอบถาม แต่ไม่เห็นด้วยกับโครงการฯและเสนอให้ทางบริษัทฯและหน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงข้อมูลกับชุมชน แต่ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานเข้ามาชี้แจงแต่อย่างใด ระหว่างการประชุมทางคุณวิกาญดา ทองเนื้อแข็ง บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ และพวกอีก 2 คน ได้เข้ามาขอชี้แจงรายละเอียดโครงการฯ ซึ่งข้อมูลในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นในพื้นที่โครงการฯไม่ตรงกับความเป็นจริง อีกทั้งได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าทางบริษัทเจ้าของโครงการได้ทำการปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ อันได้แก่ การนำทรายมาถมบริเวณชายหาด และแหล่งปะการังน้ำตื้นทำให้เกิดตะกอนแพร่กระจาย ปะการังน้ำตื้นบริเวณข้างเคียงได้รับผลกระทบ ส่วนแหล่งหญ้าทะเลในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวทางบริษัทได้ให้คนงานไปทำลายขุดรากถอนโคนหญ้าทะเลในบริเวณพื้นที่เพื่อให้สภาพเสื่อมโทรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวทางผู้ใหญ่บ้านได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วในเบื้องต้น ส่อให้เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวของบริษัทต่างชาติไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและยังใช้อำนาจและอิทธิพลทางด้านการเงินและอื่นๆเปลี่ยนแปลงเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ดังนั้นชาวบ้านยามูจึงไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการฯ ตามเหตุผลดังนี้
ดังนั้นทางชาวบ้านยามู จึงขอคัดค้านการให้อนุญาต การก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า บ้านยามู เนื่องจากที่ผ่านมาการกระทำของบริษัทส่อพฤติกรรมที่ขัดหลักธรรมาภิบาล ฮุบพื้นที่เพื่อผลประโยชน์ของชาวต่างชาติและก่อให้เกิดความขัดแย้งในชุมชน เกิดการแตกแยกระหว่างญาติพี่น้องด้วยกันเอง เพื่อให้การพัฒนาคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม และความยั่งยืนของความหลากหลายทางทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตอบสนองตามทางแนวพระราชดำรัส เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา ขอแสดงความนับถือ ( นายอนุสรณ์ สมบูรณ์ ) ( นายกาก ตุ้งกู ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านยามู ประธานประมงพื้นบ้านยามู (นายธนาศักดิ์ ฤทธิ์รักษา) ตัวแทนชาวบ้านยามู |
ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต 5 มิถุนายน 2550 เรื่อง ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและไม่อนุญาตการก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำของโครงการท่าเทียบเรือมารีน่า แหลมยามู ของบริษัทชาวต่างชาติ เดอะยามู จำกัด โดยนายเอียน ไมเคิล ซาร์ลส์ แฮนรี เรียน เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผ่านผู้อำนวยการกองพื้นที่เฉพาะคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามวันที่ 20 เมษายน 2550 เวลา 14.00 น. ได้ประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 4/2550 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายวรพจณ์ รัฐศรีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำและผู้เกี่ยวข้องจากหน่วยงานต่างๆเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าขนาดไม่เกิน 30 ตันกรอส และการขุดลอกร่องน้ำ สะพานทางเดิน สะพานปรับระดับและทุ่นลอย ของบริษัท เดอะยามู จำกัด ที่บริเวณบ้านแหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าพร้อมกับโรงแรม 66 หลังและรีสอร์ท ( วิลล่า ) 32 หลัง บนเนื้อที่ 100 ไร่ ที่ประชุมคณะกรรมการฯมีมติเห็นชอบในหลักการที่จะให้มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าว ทั้งๆที่มีบางหน่วยงานราชการไม่เห็นด้วย และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาภูเก็ต ประมงจังหวัดภูเก็ต และองค์การบริหารส่วนตำบลป่าคลอก ไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้านและชุมชนรอบอ่าวป่าคลอก และในวันนี้ 5 มิถุนายน 50 ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจงตามมติของคณะกรรมการฯ มีเพียงวันที่ 3 พ.ค. 50 คุณวิกาญดา ทองเนื้อแข็งจากบริษัท อันดามัน เอนไวรอน เมนทอล คอนซัลแตนท์จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ และพวกอีก 3 คน เข้ามาพูดคุยถึงผลดีของโครงการ และมาตรการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า บ้านยามู กับกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอก หมู่ 2 โดยสรุปกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอก ไม่เห็นด้วยกับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านยามู และเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 50 ผู้ใหญ่บ้านบ้านยามูจัดประชุมชี้แจง ทำความเข้าใจ โครงการ ฯ ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุม 66 คน ยังไม่เคยได้รับแบบสอบถามใดๆจากโครงการฯ มีเพียงผู้ใหญ่บ้านคนเดียวที่ได้รับและตอบแบบสอบถาม แต่ไม่เห็นด้วยกับโครงการฯและเสนอให้ทางบริษัทฯและหน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงข้อมูลกับชุมชน แต่ที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานเข้ามาชี้แจงแต่อย่างใด ระหว่างการประชุมทางคุณวิกาญดา ทองเนื้อแข็ง บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ และพวกอีก 2 คน ได้เข้ามาขอชี้แจงรายละเอียดโครงการฯ ซึ่งข้อมูลในรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นในพื้นที่โครงการฯไม่ตรงกับความเป็นจริง อีกทั้งได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่าทางบริษัทเจ้าของโครงการได้ทำการปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่ อันได้แก่ การนำทรายมาถมบริเวณชายหาด และแหล่งปะการังน้ำตื้นทำให้เกิดตะกอนแพร่กระจาย ปะการังน้ำตื้นบริเวณข้างเคียงได้รับผลกระทบ ส่วนแหล่งหญ้าทะเลในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวทางบริษัทได้ให้คนงานไปทำลายขุดรากถอนโคนหญ้าทะเลในบริเวณพื้นที่เพื่อให้สภาพเสื่อมโทรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวทางผู้ใหญ่บ้านได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วในเบื้องต้น ส่อให้เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวของบริษัทต่างชาติไม่เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและยังใช้อำนาจและอิทธิพลทางด้านการเงินและอื่นๆเปลี่ยนแปลงเส้นทางสาธารณะประโยชน์ ดังนั้นชาวบ้านยามูจึงไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโครงการฯ ตามเหตุผลดังนี้ 1. การพัฒนาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำตามโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า บ้านยามู ของบริษัทเอกชนชาวต่างชาติ ทำลายแหล่งทรัพยากร ได้แก่ แนวปะการัง และแหล่งหญ้าทะเล ซึ่งเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ทำการประมงของชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียงตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องเขตคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดภูเก็ต ปีพ.ศ.2546 2. โครงการฯขาดกระบวนการการมีส่วนร่วมและละเมิดสิทธิของชุมชน ตามรธน. ปี 40 มาตรา 46 และฉบับร่างปี 50 มาตรา 66 เช่นโครงการฯและหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่เคยชี้แจงและทำความเข้าใจกับชุมชน จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นบิดเบือนข้อมูลจากความเป็นจริง โดยจัดทำการสอบถามความคิดเห็นกับคนงานของบริษัทซึ่งเป็นชาวบ้านที่ทำงานและมีส่วนได้เสียกับโครงการ จึงทำให้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องรายละเอียดของโครงการอย่างแท้จริง 3. บริษัท อันดามัน เอนไวรอน เมนทอล คอนซัลแตนท์จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาโครงการ ขาดจรรยาบรรณและกระบวนการตามหลักวิชาการศึกษาผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม มุ่งตอบสนองต่อผู้ว่าจ้างมากกว่าจิตสำนึกในการปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติ จึงขอให้ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินงานของบริษัทฯดังกล่าว 4. บริษัทชาวต่างชาติ เดอะยามู จำกัด โดยนายเอียน ไมเคิล ซาร์ลส์ แฮนรี เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติมีหน้าที่ในการบริการและขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับลูกค้าอื่นๆทั้งชาวไทยและต่างชาติ ดังนั้นเมื่อได้รับสิทธิในการใช้ประโยชน์และพัฒนาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำก็จะตกเป็นของเอกชนและนักลงทุนต่างชาติโดยปริยาย ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์ต่อชุมชนและสาธารณะประโยชน์ส่วนรวม หากมีการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาในลักษณะดังกล่าวชาวยามูคิดว่าจะต้องสนับสนุนและส่งเสริมไปทุกโครงการหรือเปล่า หากเป็นเช่นนี้ชุมชน ท้องถิ่น และประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบและละเมิดสิทธิอย่างชัดเจน เสมือนกับสมคบให้ทุนต่างชาติเข้ามาสร้างอนานิคมย่อยๆของประเทศไทย ขัดหลักการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5. ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาในการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของบริษัทที่ใช้อำนาจและอิทธิพลทางการเงินและอื่นๆก่อให้เกิดความขัดแย้งและแตกแยกภายในชุมชน ดังนั้นทางชาวบ้านยามู จึงขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและไม่อนุญาตการก่อสร้างท่าเทียบเรือมารีน่า บ้านยามู และพฤติกรรมการดำเนินงานของบริษัทที่ปรึกษาอันดามัน เอนไวรอน เมนทอล คอนซัลแตนท์จำกัด เนื่องจากที่ผ่านมาการกระทำของบริษัทส่อพฤติกรรมที่ขัดหลักธรรมาภิบาล ฮุบพื้นที่เพื่อผลประโยชน์ของชาวต่างชาติและก่อให้เกิดความขัดแย้งในชุมชน เกิดการแตกแยกระหว่างญาติพี่น้องด้วยกันเอง เพื่อให้การพัฒนาคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิม และความยั่งยืนของความหลากหลายทางทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตอบสนองตามทางแนวพระราชดำรัส เศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา ขอแสดงความนับถือ ( นายอนุสรณ์ สมบูรณ์ ) ( นายกาก ตุ้งกู ) ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 บ้านยามู ประธานประมงพื้นบ้านยามู (นายธนาศักดิ์ ฤทธิ์รักษา) ตัวแทนชาวบ้านยามู |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)