Skip to main content
sharethis

19 มิ.ย. 50 ที่โรงแรมอมารีแอร์พอร์ต ดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อบ่ายวานนี้ (18 มิ.ย.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. และประธานคมช. ได้กล่าวถึงเรื่องม็อบที่สนามหลวง ในตอนหนึ่งของการบรรยายพิเศษเรื่อง "ความมั่นคงในโครงการเพื่อผลิตพยาบาลวิชาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้" ว่า


 


หยามม็อบจ้างเป็นอาชีพ คมช.ถูกด่าหยาบคายแต่อดทนเพื่อบ้านเมือง


ขณะนี้ผู้ชุมนุมที่สนามหลวงไม่มีทางออก เพราะเมื่อถึงตรงนี้ก็จะเป็นคดีอาญา พอมาถึงการเลือกตั้ง พรรคที่จะได้รับการเลือกตั้งมีพรรคใหญ่อยู่ 2-3 พรรค เขาจะได้เป็นผู้บริหารประเทศ หมายถึงพรรคตรงข้ามกับพรรคการเมืองทุนที่ผ่านมา ฉะนั้น ตายลูกเดียวเป็นขั้นเป็นตอน เวลานี้ผู้ชุมนุมพยายามล้ม คมช. หมายถึงล้มรัฐบาล ล้มระบอบทั้งหมด นี่คือสิ่งที่เขากำลังจะทำในเวลานี้ อยากบอกว่าเจตนาที่เขาวางไว้ เราเข้าใจปัญหาดี แต่รับรองว่าทำไม่ได้


 


คนที่มาชุมนุมสูงสุดประมาณ 17,000 คน มีพวกฮาร์ดคอร์ 2,000 คน ที่เหลือคือพวกรับจ้างมาเดินขบวน เป็นอาชีพใหม่ แม้กระทั่งครอบครัวทหารก็มี เมื่อก่อนได้รับค่าจ้าง 250 บาท แต่เดี๋ยวนี้ได้ 500 บาท แม้แต่แคดดี้ คนขับแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ และคนงาน เขาถือว่าเป็นงานอดิเรกไปนั่งที่ท้องสนามหลวง ตนได้ส่งคนไปนั่งในทุกกลุ่ม แม้แต่ในจังหวัดใกล้เคียง ทางภาคเหนือจะน้อย แต่จะมีทางภาคอีสานคือ จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ คมช.ได้รับคำด่าที่หยาบคายแต่ไม่แสนสาหัส เราถือว่าบ้านเมืองสำคัญกว่าจะต้องอดทนให้ได้ เพราะความอดทนคือความสำเร็จในคราวนี้


 



ยันมีแต้มต่อไม่เจรจาผู้ชุมนุมสนามหลวง


เมื่อถามว่า ผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอ 3 ข้อ และเสนอ ให้ คมช.ไปโต้วาทีที่ท้องสนามหลวงหรือช่อง 11 ผบ.ทบ. หัวเราะแล้วพูดว่า โธ่เอ้ย เมื่อถามว่า คมช.มีแต้มต่อจึงไม่ต้องไปเจรจา ประธาน คมช.ตอบว่า ไม่เอาอย่าถามให้ทะเลาะกัน เมื่อถามถึงกลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ร่วมชุมนุมที่ท้องสนามหลวง มีวิธีการดูแลอย่างไร พล.อ.สนธิตอบว่า ไม่ขออธิบาย เมื่อถามว่า วิธีการดังกล่าวน่าจะสัมฤทธิผลและนำไปสู่ความสมานฉันท์ใช่หรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ถ้าถึงความสำเร็จก็จบ เมื่อถามว่า ในที่ประชุมร่วมกับนายกฯ มีการประเมินสถานการณ์วันนี้ถึง 24 มิ.ย. มีสิ่งบอกเหตุอะไรหรือไม่ พล.อ.สนธิตอบว่า ไม่มีอะไรเป็นห่วง ส่วนที่หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่า คมช.ประกาศเคอร์ฟิวและ พ.ร.ก.จะกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ พล.อ.สนธิตอบว่า เมื่อสถานการณ์ไม่มีอะไร คมช.ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะนำเทปลับกรณี 3 นายพลเจรจาถึงการปฏิวัติยึดอำนาจ ผบ.ทบ. ตอบว่า ไม่รู้ ปฏิวัติใคร ปฏิวัติตัวเองหรือ


 



"สุรยุทธ์" รอฟังข่าวทักษิณขึ้นเขียงผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์


พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินความรุนแรงของกลุ่มม๊อบที่ต้าน คมช. ว่า ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการตรวจสอบทรัพย์สิน และเรื่องต่างๆ ที่จะตามมาอีก เท่าที่ทราบทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)จะมีการชี้แจงเรื่องของบริษัทเอสซี แอสเสท ซึ่งดีเอสไอจะยื่นฟ้องต่อทางอัยการสูงสุด กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ดำเนินการในลักษณะที่ผิด พ.ร.บ.ของตลาดหลักทรัพย์ และจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลในวันนี้ (19มิ.ย.)


 


พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามยังคงไม่สามารถระบุชัดได้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือผู้ต้องหาในคดี เพราะจะต้องรอฟัง และตนก็ไม่ได้เป็นนักกฎหมาย แต่ได้รับรายงานมาก็เล่าให้สื่อมวลชนได้รับฟังได้ว่า จะต้องรอฟังการแถลงเป็นรายละเอียดจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ


 


"สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าจะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจน แล้วสิ่งที่ทางผู้ชุมนุมได้นำไปอ้างว่าเป็นการกลั่นแกล้งอะไรต่างๆ จะค่อยๆ เห็นชัดว่าไม่ได้เป็นอย่างที่มีการกล่าวอ้าง นั่นเป็นส่วนที่ผมอยากจะเรียนว่าความเป็นจริงคงเป็นเครื่องที่จะพิสูจน์ในที่สุด และคงจะต้องมีการต่อสู้กันในชั้นศาล ฉะนั้นการชุมนุมคงจะไม่ขยายใหญ่ เนื่องจากแทนที่จะเป็นการชุมนุม ก็จะเป็นการต่อสู้คดีในชั้นศาล ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดของ" นายกฯ กล่าว


 


ยันรัฐบาลไม่ยุ่ง ปล่อยให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม


เมื่อถามว่าการจะให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาสู้คดีจะพิจารณาอย่างไร พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่ขั้นตอน หากเป็นเรื่องคดีอาญา แล้วจำเป็นจะต้องมารับทราบข้อกล่าวหา ก็ต้องเป็นไปตามนั้น รัฐบาลคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ถ้าเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมก็ขอให้เป็นอำนาจของกระบวนการยุติธรรม ที่จะต้องทำตามกฎหมาย เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวว่ามาได้หรือไม่ได้ คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น คงอยู่ที่กฎหมายว่าระบุไว้อย่างไร



เมื่อถามว่ากังวลถึงการกระทบกระทั่งระหว่างกับกลุ่มพลังเงียบกับกลุ่มชุมนุมที่สนามหลวงหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ได้มีการหารือกันว่าสิ่งใดที่จะทำให้เกิดความสงบในบ้านเมืองก็ควรจะกระทำ และตนคิดว่าทางฝ่ายความมั่นคงก็ระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น แม้กระทั่งการชุมนุม การเดินขบวนที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าถ้าหากผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องถูกดำเนินคดี แต่หากทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย


 


เมื่อถามว่ารัฐบาลเกรงหรือไม่หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเข้ามาต่อสู้คดีอาญา พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ตนพูดตั้งนานแล้วว่าเราไม่ได้ห้ามพ.ต.ท.ทักษิณกลับมา เป็นสิทธิ์ที่จะเข้ามาได้ ถ้าถามว่ากลัวหรือไม่กลัว ตนคงไม่ได้กลัวอะไร ต้องถามพ.ต.ท.ทักษิณ ว่ากลัวอะไรหรือเปล่า


 


เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าที่ผ่านมารัฐบาลใช้หลักนิติธรรมกับฝ่ายกลุ่มอำนาจเก่าด้วย และยืนยันแทน คมช.ได้หรือไม่ว่าไม่ได้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันได้ว่าในส่วนของรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง และยึดหลักนิติธรรมมาโดยตลอด ส่วนคมช.ก็ระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะคมช. ทำหน้าที่เป็นข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ก็เป็นข้าราชการ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลเช่นกัน ทั้งนี้ได้มีการหารือกันหลายครั้งว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาทางการเมืองให้ลุล่วงไปได้ คือ การเลือกตั้ง และจะต้องยึดหลักนิติธรรม ยึดหลักของกฎหมาย จะไม่ทำสิ่งใดที่นอกกรอบของกฎหมาย



       


"วอร์รูม" หยามม็อบรับจ้าง 80%


นายอรัญ วงศ์อนันต์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ (ศปชท.) แถลงถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพีทีวี และกลุ่มคนรักทักษิณว่า ทุกส่วนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งด้านการให้ความมั่นใจต่อการควบคุมสถานการณ์ การทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การติดตามพฤติกรรมของกลุ่มต่างๆ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมก่อความวุ่นวาย รวมทั้งการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ความไม่สงบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งทุกหน่วยงานได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้เกิดความสงบในประเทศ



นายอรัญ กล่าวต่อว่า ที่น่าสนใจคือรายงานสรุปจากทุกหน่วยงาน ต่างมีข้อมูลที่ตรงกันคือ ผู้ร่วมชุมนุมส่วนใหญ่เกือบ 80% เป็นผู้ที่ได้รับค่าตอบแทนให้มาร่วมชุมนุม ซึ่งสอดคล้องกับโพลล์ของทุกสำนักที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดชุมนุมของกลุ่มพีทีวี และอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย นอกจากนี้ยังพบว่า ได้เกิดความแตกแยกขึ้นภายในระดับแกนนำหลายคน โดยเฉพาะคนที่สามารถต่อตรงถึงต้นตอท่อน้ำเลี้ยงและได้รับการสนับสนุนมาเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีน้ำเลี้ยงมาถึงผู้ที่อยู่บนเวทีและสมาชิกที่ควบคุมสายจัดตั้งต่างๆ อย่างกะปริดกะปรอย จนเป็นเหตุให้หลายกลุ่มเริ่มถอนตัวจากการชุมนุม


 



จำลองวอนกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวง อย่าพูดยั่วยุ


ขณะที่พลตรีจำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการชุมนุมต่อต้าน คมช. ที่ท้องสนามหลวงว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายต้องลดความขัดแย้ง และคำพูดที่ยั่วยุที่จะนำไปสู่ความรุนแรง แต่เชื่อว่ารัฐบาลและ คมช. จะสามารถดูแลและควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป  มีเพียงแนวความคิดเห็นของนายสนธิ ลิ้มทองกุล คนเดียวเท่านั้น  แต่ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะออกมาเคลื่อนไหว  นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแนวคิดของนายสุรพล  นิติไกรพจน์  หนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ที่เสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ไม่ได้กระทำผิด ว่า เรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง



อย่างไรก็ตามพลตรีจำลอง ยังปฏิเสธให้ความเห็นตามที่นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เสนอเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อหาข้อยุติในปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่า ต้องดูอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการพูดผ่านสื่อ ยังไม่มีการสื่อสารกันโดยตรง


 


"โคทม"เสนอเป็นตัวกลางเข้าไกล่เกลี่ยคมช.-นปก.


ด้านนายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) กล่าวถึงการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังเงียบที่เป็นอดีตผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อแสดงการคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่มีการชุมนุมที่สนามหลวง ว่า ส่วนตัวยังไม่เห็นแนวโน้มในการจัดตั้งพลังเงียบโดยกลุ่มพันธมิตรฯ เดิม แต่เห็นว่าน่าจะขานรับข้อเสนอแนะของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกฯ ที่บอกว่าควรให้มีการพูดคุยกัน ซึ่งในประเด็นนี้ตนจะนำไปหารือกับสมาชิก สป.เพื่อเสนอจัดตั้งเวทีให้ทุกฝ่าย ประกอบด้วย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม ได้มาร่วมหารือเพื่อก้าวล่วงวิกฤตครั้งนี้สู่ภาวะปกติทางการเมืองต่อไป


 


"เป็นแนวความคิดเริ่มต้นเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ตึงเครียดในบ้านเมือง โดยไม่ใช่การเปิดเจรจาแต่จะจัดตั้งเป็นเวทีสำหรับการพูดคุยอย่างตั้งใจที่จะรับฟังเหตุผลซึ่งกันและกัน ถ้าเวทีที่มาถกเถียงเพื่อเอาแพ้เอาชนะว่าเหตุผลใครดีกว่าจะไม่เกิดประโยชน์ แต่จะเป็นเวทีที่จะมาร่วมคิดและร่วมหาทางออก อันนี้จะเป็นประโยชน์ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า" นายโคทม กล่าว


 


ตร.เชื่อ "ม็อบ" ลักไก่เคลื่อนพลก่อน 24 มิ.ย.นี้


พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงประชุมและประเมินสถานการณ์วันต่อวันพร้อมทั้งจับตาบรรดาแกนนำผู้ชุมนุมว่าจะมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด รวมทั้งให้เฝ้าระวังกลุ่มมือที่สามที่อาจจะฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย ในพื้นที่ กทม. ระหว่างที่มีการชุมนุมของม็อบที่ท้องสนามหลวง โดยเมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. มีผู้เข้าร่วมชุมนุมประมาณ 5,000 คน ลดลงเพราะมีฝนตก


 


แต่มีความเป็นไปได้ที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมอาจมีการเคลื่อนขบวน ก่อนวันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันนัดชุมนุมใหญ่ เพราะด้านการข่าวพบว่าแกนนำบางคนพยายามที่จะนำประชาชนเคลื่อนขบวนก่อนกำหนด ซึ่งได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมอยู่ในจุดที่ตั้ง และสามารถที่จะเข้าไปควบคุมดูแลได้ทันที ส่วนการชุมนุมที่บริเวณท้องสนามหลวงได้ส่งกำลังเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นประจำทุกวันที่มีการชุมนุม ประมาณ 200 นาย


 


วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการระหว่างนี้จนถึงวันที่ 24 มิ.ย. ที่ว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ ตำรวจมีความเป็นห่วง จึงเน้นย้ำให้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่ถ้าก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ก็จะเป็นความผิดตามกฎหมาย เมื่อเกิดการเคลื่อนที่จากสนามหลวงไปสถานที่อื่น จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพราะพอเท้าเตะลงถนนความผิดก็จะเกิด  โดยกฎหมายระบุไว้ว่า ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง มีความผิดตามกฎหมายมีอัตราโทษแตกต่างกัน ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าสั่งการมีโทษจำคุก 5 ปี


 



สุเทพเย้ยแกนนำม็อบสนามหลวงทุ่มเททุกอย่างเห็นทักษิณเป็นเทวดา


ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพีทีวีระบุว่า อยู่เบื้องหลังการชุมนุมของเครือข่าย "รักประเทศไทย อย่าทะเลาะกัน" ว่า ไม่ทราบว่าแกนนำกลุ่มพีทีวีต้องการอะไร ประชาชนทั่วประเทศทราบดีว่าปีนี้เป็นปีมหามงคล คนไทยส่วนใหญ่ มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ตั้งใจที่จะทำความดีถวายพระองค์ท่าน คนไทยเหล่านี้จึงไม่ต้องการเห็นความวุ่นวายหรือการนองเลือด  ส่วนกรณีที่เว็บไซต์ไฮทักษิณ โจมตีกลุ่มพลังเงียบนั้น เว็บไซต์นี้ทำร้ายประเทศชาติมาตลอด คนพวกนี้เห็น พ.ต.ท.ทักษิณเป็นเทวดา  จึงทุ่มเททุกอย่าง หรือว่าเห็นเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณมีน้ำหนัก อีกทั้งกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปจ้างบริษัทต่างชาติให้รณรงค์เพื่อบอยคอตประเทศไทย  ถือเป็นการทำร้ายประเทศไทย  แต่พวกลิ่วล้อยังไม่สำนึกว่าเจ้านายกำลังทำร้ายประเทศไทยอยู่แล้ว ยังรับใช้อยู่อีก


 


ทหารตรึงรอบม็อบสนามหลวงวันที่ 3 ประชาชนชี้ทหารโอเวอร์จัด-ทำเดือดร้อน


สำหรับการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.ปราบกบฏ) ที่สนามหลวง ซึ่งปักหลักต่อเนื่องจนถึงวันที่ 18 มิ.ย. เป็นวันที่ 17 นั้น เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 17.30 น. โดยที่บริเวณศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าที่ 1 สปก. สน.1 สี่แยกวัดมหาธาตุ พ.ต.ท.ฤทธิกรสายสนั่น ณ อยุธยา รอง ผกก. สน.ชนะสงคราม นำตำรวจปราบจลาจล 150 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจกระจายกำลังรักษาความสงบ รอบพื้นที่การชุมนุม แต่ที่บริเวณถนนรอบนอกทุกเส้น ทหารจาก ม.พัน 19 ยังเข้าตรึงกำลัง บล็อกพื้นรอบนอกเป็นวันที่ 3 โดยนำกรวยมาตั้งด่านตรวจรวมทั้งใช้แผงเหล็กปิดกั้นถนนบางเส้น ตรวจสอบรถทุกคันที่จะผ่านเข้ามา สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ประชาชนที่เข้ามาธุระในถนนราชดำเนินในเป็นอย่างมาก ถนนบางเส้นถูกปิด จะต้องอ้อมเข้ามาทางถนนราชดำเนินกลาง แม้แต่สะพานข้ามคลองหลอด จากโรงแรมรัตนโกสินทร์ มายังศาลฎีกา ก็มีกำลังทหารยืนคุมเชิงอยู่ ขณะที่บริเวณถนนท่าพระจันทร์  มีรถยีเอ็มซีและรถจี๊ปฮัมวีจอดอยู่ จากการสอบถามประชาชนส่วนใหญ่กล่าวว่า  การตรึงกำลังของทหารรอบสนามหลวงนั้นเป็นการโอเว่อร์เกินไป เพราะคนที่สัญจรผ่านไปมาในพื้นที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าจะมาร่วมชุมนุมกับม็อบทุกคน  สร้างความรำคาญ เหมือนประเทศอยู่ในภาวะสงคราม  ทางที่ดีน่าจะส่งไปรักษาความสงบที่ภาคใต้ดีกว่า


 


จักรภพเผยเบื้องหลังแจงสื่อนอก "อัลจาชีรา"


ต่อมาเวลา 18.30 น. แกนนำพีทีวี หนึ่งในแนวร่วมของ นปก.แถลงถึงความคืบหน้าในการขับไล่ คมช.โดยนายจักรภพ เพ็ญแข หนึ่งในแกนนำพีทีวี กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มที่ต่อต้าน นปก.กำลังเริ่มใช้กลยุทธ์โจมตีเรื่องส่วนตัวของแกนนำ นปก.และพีทีวี แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว ตรงกันข้ามกลับแสดงให้เห็นว่า คมช.กำลังไปไม่รอด และเริ่มมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบ คมช.ที่นำประเทศไปสู่ความหายนะ เริ่มให้ข้อมูลกับทาง นปก.มากขึ้น จากการที่ตนเดินทางไปร่วมรายการเสวนากับสถานีโทรทัศน์อัลจาชีรา ของมาเลเซีย ได้ทราบข้อมูลว่ามิตรประเทศหลายแห่ง เริ่มไม่ยอมรับบทบาทของ คมช.และต้องการที่จะให้ คมช.ออกไป ก่อนที่จะมีการรับร่าง รธน.ทั้งยังเกรงว่า หากมีการเลือกตั้งในระหว่างที่ คมช.ยังอยู่นั้นประเทศจะไม่เป็นประชาธิปไตย และต่างชาติจะไม่ให้ความเชื่อถือด้วย อย่างไรก็ตาม การปราศรัยของ นปก.หลังจากนี้ จะเริ่มมีการทวงคำตอบของ คมช.และรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องเขายายเที่ยง เรื่องทะเบียนสมรสซ้อน รวมทั้งเรื่องการอมเบี้ยเลี้ยงทหาร ซึ่งมี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการ คมช.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย


 


จตุพรเผยเปิดเทปลับเบื้องหลังรัฐประหาร ศุกร์ 22 มิ.ย.นี้


ด้านนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำพีทีวี กล่าวว่า ก่อนจะถึงวันที่ 24 มิ.ย. ที่เป็นดีเดย์ที่ นปก.กำหนดในวันที่ 22 มิ.ย. ซึ่ง นปก.เตรียมเปิดข้อมูล 2 ชิ้น ซึ่งเป็นเทปหลักฐานลับของคน 3 คน ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับการรัฐประหารออกมาแฉ ซึ่งในวันดังกล่าวนั้น อาจจะขอมติให้เลิกการชุมนุมเร็วขึ้น เนื่องจากในวันที่ 23 มิ.ย. ก็จะหารือแกนนำ นปก. นัดชุมนุมประชาชนในเวลา 12.00 น. จากนั้นก็จะขอมติ ของประชาชนว่า จะเคลื่อนขบวนไปที่หน้า ทบ.หรือไม่ ถ้าประชาชนพร้อมก็จะไปบุก ทบ.ทันที สำหรับการเคลื่อนขบวนครั้งนี้ จะถือเป็นการเคลื่อนที่ในช่วงกลางวันของนปก.เป็นครั้งแรก เหตุที่จะเคลื่อนขบวนกลางวันเพราะสามารถควบคุมฝูงชนได้ง่ายกว่ากลางคืน ทั้งยังป้องกันผู้ที่มาก่อความไม่สงบได้ง่ายด้วย หาก คมช.ไม่ส่งคนมาก่อความไม่สงบ และหากจะเคลื่อนขบวนก็จะประสานกับทางตำรวจก่อน ส่วนการเตรียมเทปมาเปิดแฉในวันที่ 22 มิ.ย.นั้น ขณะนี้ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง แต่มีการปัมซีดีเทปลับนี้ไว้แล้วถึง 4 หมื่นชุด เพื่อนำมาแจกจ่ายประชาชนที่สนามหลวงด้วย


 


แกนนำพีทีวีกล่าวด้วยว่า การเคลื่อนขบวนครั้งนี้ เชื่อว่าหาก คมช.ส่งคนมาสร้างความวุ่นวายหรือออกมา สร้างความเสียหายให้ผู้ชุมนุม ก็จะถือเป็นชัยชนะของ นปก.และเชื่อว่าจะมีผู้มาร่วมชุมนุมมากกว่าทุกครั้งด้วย ส่วนกรณีที่มีกำลังทหารออกมาตั้งด่านสกัด ไม่ให้คนมาร่วมชุมนุมที่สนามหลวงจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องนั้น เรื่องนี้นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เตรียมจะนำรถกระจายเสียงเคลื่อนที่ไปตั้งปราศรัย บริเวณที่มีการตั้งด่านสกัดของทหาร เหตุที่ต้องไปนั้น เพื่อขอร้องให้ทหารเปิดทางให้ประชาชนเข้ามาที่สนามหลวงได้เท่านั้น อยากฝากไปถึงแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เคยออกมาประกาศไว้ว่าจะไม่ให้ใครมาใช้พื้นที่ลานพระบรมรูปมาจัดชุมนุมอีก แต่กลับให้กลุ่มเสื้อเหลืองที่เป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ ไปชุมนุมได้นั้น อยากแม่ทัพภาคที่ 1 หรือคนที่จะมาใช้พื้นที่ลานพระบรมรูปได้ จะต้องเป็นคนที่สนับสนุน คมช.เท่านั้น การกระทำแบบนี้เป็นของคนที่ใช้ ไม่ได้ และจะไม่สมควรได้รับความเชื่อถืออีก





(ที่มาของภาพ : คุณมังกรดำ/pantip.comห้องราชดำเนิน)


 


อริสมันต์บุกด่าน ทหารยกแผงเหล็กหนี-อริสมันต์ไปยกแผงเหล็กคืน!


เวลา 19.40 น. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง และนายวัลลภ ยังตรง อดีต ส.ส.ไทยรักไทย นำรถ 6 ล้อ ซึ่งดัดแปลงเป็นเวทีและรถกระจายเสียงเคลื่อนที่ บรรทุกแนวร่วม นปก.ออกจากสนามหลวง โดยใช้เครื่องกระจายเสียงกล่าวปราศรัยโจมตีการตั้งด่านสกัดของทหารที่ไม่ให้ ประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุมกับ นปก. ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยติดตามไปรักษาความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด โดยจุดแรกที่ นปก. บุกไปปราศรัยคือบริเวณด่านสกัด วงเวียนหน้ากรมการรักษาดินแดน เมื่อไปถึงกลุ่มแนวร่วม นปก.ได้พยายามรื้อรั้วเหล็กที่ตั้งไว้ พร้อมส่งเสียงโห่ร้อง โดยกำลังทหาร ที่รักษาการณ์อยู่ ก็ไม่ได้ห้ามปรามทั้งยังเดินเลี่ยงออกไปจากจุดตรวจ เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม จากนั้นรถได้มุ่งหน้าต่อไปที่บริเวณท่าเตียนและท่าช้าง ก่อนที่จะมาปักหลักต่อที่หัวมุมถนน 16 สิงหา ข้างประตูธรรมศาสตร์ ฝังท่าพระจันทร์ และมุ่งหน้าต่อไปที่ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า หน้าวิทยาลัยนาฏศิลป์ โดยทหารก็ยกแผงเหล็กเปิดทางให้ อย่างไรก็ตาม หลังรถเครื่องเสียงของนายอริสมันต์ผ่านด่านไปแล้วทหารก็กลับมาบล็อกพื้นที่เหมือนเดิม


 


รองเลขา สนนท. ปี 48 ขึ้นเวที นปก. ฉะอธิการบดีธรรมศาสตร์รับใช้เผด็จการ


ทางด้านการปราศรัยของ นปก.ยิ่งค่ำยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อแกนนำ นปก.ดาหน้ากันขึ้นเวทีปราศรัยโจมตี คมช.อย่างดุเดือด โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ระบุว่ามีผู้ชุมนุมราว 4 พันคน


 


ทั้งนี้ น.ส.อรุณวนา สนิกะวาที นศ.คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตรองเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ปี 2548 ได้มาขึ้นปราศรัยร่วมกับ นปก.ด้วย โดยกล่าวว่า ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สอนให้นักศึกษารักประชาธิปไตย แต่อธิการบดีคนปัจจุบัน กลับสอนให้นัก ศึกษายอมรับในอำนาจเผด็จการและสนับสนุน คมช.ส่วนกรณีที่นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ออกมากล่าวว่า จะไม่ออกมาเคลื่อนไหวใดๆ โดยอ้างว่าเวทีแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ พยายามดึงนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ เข้ามาเป็นเครื่องมือ เพื่อแสดงออกถึงความเป็นประชาธิปไตย น.ส.อรุณวนากล่าวว่า นักศึกษาไม่ใช่เทวดาไม่สามารถทำให้เวทีใดใสสะอาดได้ ขอเตือนไปยังประธาน อศมร.ว่าไม่มีสิทธิมาห้าม


 


ทหารคึกตรึงตลาดหลักทรัพย์ คลังน้ำมัน การท่าเรือ


ขณะเดียวกัน เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 18 มิ.ย. ตั้งแต่ เวลา 18.00 น. ได้มีทหารสังกัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ จำนวนหนึ่งเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยที่บริเวณอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คลังน้ำมันเชลล์ รวมทั้งบริเวณการท่าเรือแห่งประเทศไทย จากการสอบถามนายทหารที่มาดูแลความปลอดภัยระบุว่า ได้รับคำสั่งให้มาตรวจตราสถานที่โดยรอบของตลาด หลักทรัพย์ฯ รวมทั้งสังเกตความผิดปกติของบุคคลที่ผ่านเข้ามาในบริเวณดังกล่าวด้วย โดยมีการกระจายกำลังกันตรวจตราจุดสำคัญต่างๆ จำนวน 2 กองร้อย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 มิ.ย. ก็ได้มีกำลังทหารจากหน่วยดังกล่าวเข้ามาตรึงกำลังที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และถอนกำลังออกเมื่อเวลา 24.00 น. วันเดียวกัน


 


เรียบเรียงจาก เว็บไซต์ไทยรัฐ, สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ และเว็บไซต์คมชัดลึก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net