ประชาไท - 29 มิถุนายน 2550 ชาวชุมชนอุบลราชธานีกว่า 50 คน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ประธานคมช.ผ่านผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 และยื่นหนังสือถึงนาย
โดยเครือข่ายชุมชนจังหวัดอุบลราชธานีได้ระบุเหตุผลในการคัดค้านว่า การที่คณะรัฐมนตรีมติปิดประตูเขื่อนปากมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นการเข้ามาแทรกแซงของอำนาจทหารในการแก้ปัญหาเขื่อนปากมูล ผ่านกลไก"ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนภายใต้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ของกองอำนวยการร่วมรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ซึ่งมี พลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผบ.ทบ.และประธาน คมช. เป็นผู้อำนวยการ เป็นการสะท้อนการทำงานของคณะทหารที่ไม่รู้จักบริบทและรากเหง้าแห่งปัญหาที่แท้จริงของเขื่อนปากมูล ว่ามีความซับซ้อนและเรื้อรังอย่างยาวนาน ทั้งที่สังคมมีความพยายามในการแก้ปัญหาคลี่คลายความยากจนโดยการฟื้นฟูระบบนิเวศวิถีชีวิตและชุมชนดังในรายงานการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เสนอให้มีการเปิดประตูเขื่อนปากมูลตลอดปี
นอกจากนี้การมีมติปิดเขื่อนจะส่งผลกระทบต่อชุมชนเมืองอุบลราชธานี คือ ไม่สามารถหาปลาเลี้ยงชีพได้ดั่งเดิมหรือแม้แต่ในตลาดก็ไม่มีปลาจากแม่น้ำมูนให้บริโภคหรือที่มีก็ราคาแพงเนื่องจากหาได้ยากและมีน้อย ทำให้คนจนในเมืองขาดรายได้จากการหาปลา กุด หนอง เต็มไปด้วยวัชพืชที่ไม่สามารถไหลลงสู่แม่น้ำมูนได้ทำให้ประสบปัญหาน้ำเน่า น้ำคัน ไม่สามารถนำน้ำมาใช้อุปโภคบริโภคได้ และในฤดูน้ำหลาก การปิดเขื่อนปากมูลจะทำให้น้ำท่วมคนเมืองอุบลราชธานี ส่งผลให้คนจนเมืองอุบลราชธานียิ่งจนกว่าเดิม นับว่าเป็นการจนเพราะการพัฒนาของรัฐ
สำหรับข้อเสนอของเครือข่ายชุมชนจังหวัดอุบลราชธานีในการแก้ปัญหาที่เรียกร้องในครั้งนี้ คือ คณะทหารต้องหยุดเข้ามาการแก้ปัญหาเขื่อนปากมูลเพราะไม่มีความรู้ความเข้าใจในวิถีคนลุ่มน้ำมูนอย่างแท้จริง กลับเป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม และวิธีการของทหารไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ ตลอดจนเพื่อยุติการสร้างความสับสนและขัดแย้งในลุ่มน้ำมูน การแก้ปัญหาเขื่อนปากมูนต้อง "เปิดประตูเขื่อนถาวร" ซึ่งเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศ วิถีชีวิตและชุมชน ที่ส่งผลให้สามารถแก้ความยากจนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างแท้จริง เพราะการเปิดประตูเขื่อนปากมูน ตาม มติครม.เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ทำให้วิถีชีวิตคนจนเมืองอุบลราชธานี พอลืมตาอ้าปากได้บ้าง แก้ปัญหาความขัดสนของชีวิต เป็นการฟื้นอาชีพของคนหาปลา ครอบครัวของคนจนเมืองสามารถหาอาหารจากบุ่งทามตามริมแม่น้ำมูน เกิดดำเนินชีวิตแบบพอเพียงเพราะมีความมั่นคงทางอาหารจากการพึ่งพาแม่น้ำมูน นอกจากนี้ในช่วงเปิดเขื่อนชาวบ้านสามารถ ลงไปอาบน้ำในกุด หนอง ได้ น้ำประปาที่สูบมาใช้ก็ไม่เน่าเหม็น รวมทั้งส่งผลให้น้ำไม่ท่วมชุมชนเมืองดังช่วงปี 2543-2546
นายโอภาส เจริญพจน์ ชาวบ้านชุมชนลับแลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ที่เข้าร่วมคัดค้านในครั้งนี้ กล่าวว่า " ตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนปากมูล ชาวบ้านพบว่าจำนวนปลาธรรมชาติในแม่น้ำมูนได้ลดจำนวนลงไปมาก คนที่เคยหาปลาต้องเปลี่ยนอาชีพเพราะจับปลาไม่ได้ การแก้ปัญหาของรัฐที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ของคนในชุมชนเมืองดีขึ้นแต่อย่างใด เขื่อนปากมูลเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าการพัฒนาของรัฐทำให้คนจนเดือนร้อน การมีมติ ครม.ให้ปิดเขื่อนเพื่อรักษาระดับน้ำจะทำให้น้ำท่วมขังชุมชนเมืองนานขึ้นกว่าเดิม อยากเสนอให้ทางผู้มีอำนาจแก้ไขปัญหาตามผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี คือ เปิดเขื่อนปากมูลถาวร"
นางฉวีวรรณ แสงกล้า ชาวบ้านตำบลหนองกินเพล อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า "การปิดเขื่อนทำให้น้ำมูนไม่สามารถไหลลงแม่น้ำโขงได้ แม่น้ำไม่มีการถ่ายเทของเสียออกทำให้น้ำเน่าเสีย ปลาธรรมชาติลงลงจำนวนลง คนหาปลามากินไม่ได้เหมือนก่อน ปลาในกระชังที่ชาวบ้านเลี้ยงต้องตาย น้ำในแม่น้ำใช้ไม่ได้ นอกจากนี้การมีมติปิดเขื่อนยังจะทำให้ประชาชนต้องประสบกับปัญหาน้ำท่วมบ้านเรือนเป็นเวลานานกว่าปกติเพราะน้ำเหนือไม่สามารถไหลลงแม่น้ำโขงได้"
นางฉวีวรรณกล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา ว่า "เพื่อให้เป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายควรมีการกำหนดช่วงเวลาให้ชัดเจนว่าช่วงเวลาไหนจะเปิดเขื่อนและช่วงเวลาไหนจะปิดเขื่อน ไม่ใช่มีมติให้ปิดเขื่อนอย่างไม่มีกำหนด"
นางจัน ทาวงศ์ ชาวบ้านชุมชนกุดแสนตอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า "ที่ตนมาคัดค้านมติ ครม.ในวันนี้เนื่องจากการปิดเขื่อนปากมูลจะทำให้น้ำท่วมชุมชนนานมากขึ้น แต่ก่อนนั้นน้ำท่วมอย่างมากสุดก็แค่ 1 เดือน แต่เมื่อมีการปิดเขื่อนน้ำท่วมนานขึ้นเป็น 2-3 เดือน ประชาชนต้องอพยพมาอาศัยอยู่บนริมถนน ไร่นาก็ถูกน้ำท่วมเสียหายหมด น้ำท่วมนานทำให้ข้าวที่ปลูกตาย หาอยู่หากินลำบากมาก"
ด้านนางธนวรรณ พวงผกา ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า "หลังจากผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 และรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีรับหนังสือดังกล่าวแล้วทางชาวบ้านจะติดตามต่อไปว่าเมื่อทางทาง คมช. และคณะรัฐมนตรีได้รับหนังสือแล้วจะมีมติในการแก้ไขปัญหาอย่างไรเพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน"
*หมายเหตุ : เขื่อนปากมูลผู้เขียนใช้ คำว่า มูล เนื่องจากเป็นชื่อที่ทางรัฐตั้งให้ ส่วนคำว่าแม่น้ำมูนจะใช้ มูน อันหมายถึง มรดกตกทอดสู่ลูกหลาน ซึ่งเป็นคำที่คนลุ่มน้ำมูนเมืองอุบลราชธานีใช้เรียก
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)