Skip to main content
sharethis


ที่มาของภาพ Kerek Wongsa/Reuters


 


ประชาไท, 2 ก.ค. 50 ความเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) วานนี้ (1 ก.ค.)นั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้ดำเนินการตาม "แผนดาวกระจาย" โดยผู้ชุมนุมเริ่มตั้งเวทีที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 12.00 น. โดยแกนนำอาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์, นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยต่อฝูงชนนับหมื่นคน โดยอ้างถึงการกระทำรัฐประหารที่ผ่านมาว่า มี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว


 


จักรภพฟุ้งใกล้ถึงยอดเขา ตะโกนลั่นไล่เปรม


โดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวปราศรัยว่า ขณะนี้พวกเรากำลังจับมือเดินขึ้นเชิงเขา ณ วันนี้ใกล้จะถึงยอดเขาแล้ว เราจะตอบคำถามประชาชนทั่วประเทศได้จากที่มีการบอกว่า เราไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเรียกร้องให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ลาออก


 


"ขอบอกว่าความจริงที่สูงคือราชบัลลังก์ ส่วน พล.อ.เปรมต่างหากที่เป็นที่ต่ำ และหลังจากที่เราแจ้งจับ พล.อ.เปรม เราก็แยกบทบาทได้ว่า พล.อ.เปรม ไม่ได้เป็นประธานองมนตรีและรัฐบุรุษ เพราะช่วงหลังทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง วันนี้เปรมทำลายตัวเอง ลืมตัวลืมตน คิดว่าตัวเองเป็นราชวงศ์ ไปไหนก็ต้องมีคนมาคอยต้อนรับ" นายจักรภพกล่าว


 


นายจักรภพกล่าวอีกว่า มี 2 ประเด็นในการไปบ้านสี่เสาเทเวศร์ ข้อแรกคือ พล.อ.เปรมไม่ใช่เจ้า แต่เป็นสามัญชนที่ลืมตัว ข้อ 2 ถ้า พล.อ.เปรมพ้นจากอำนาจ ประชาธิปไตยไทยจะเจริญเอง ข้อ 3 ประเทศไทยวันนี้รู้สายสนกลในเล่ห์กระเท่ห์ เพราะ พล.อ.เปรมที่อ้างพระราชดำรัสเพื่อเพิ่มอำนาจให้ตัวเอง เพราะฉะนั้น วันนี้เปรมจึงไม่ใช่ทั้งรัฐบุรุษและองคนตรี แต่เป็นผู้ต้องหา เป็นผู้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ


 


จากนั้น นายจักรภพนำผู้ชุมนุมตะโกนว่า "คมช.ออกไป" และตะโกนว่า "เปรมออกไป"


 


เคลื่อนออกสนามหลวง นำโดยกลุ่มสันติวิธี


ด้านนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปก.ได้ประกาศบนเวทีว่าจะไม่ใช้เส้นทางพระอาทิตย์ผ่านสำนักงานผู้จัดการ-เอเอสทีวี เพื่อเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพัก พล.อ.เปรม เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน และไม่ต้องการจะเสียกำลังไปกับคนของเอเอสทีวี เพราะเตรียมกำลังจะไปสู้กับ พล.อ.เปรม เต็มที่ จึงต้องการบุกไปที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อใช้กำลังขับไล่ พล.อ.เปรมให้เต็มที่


 


จากนั้นเวลา 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนนขบวนออกมาจากท้องสนามหลวง โดยมี นพ.เหวง โตจิราการ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ และพระทรงศักดิ์ จิตสังวโร จากวัดท่าศาลา จังหวัดเชียงใหม่ และอาสาสมัครที่เรียกตัวเองว่า "หน่วยสันติวิธี" ประกอบด้วย เด็ก ผู้หญิง คนชรา กว่า 300 คน เป็นด่านแรก และใช้ถนนราชดำเนินกลาง เป็นเส้นทางการเดินขบวนตามด้วยรถแกนนำพีทีวีเดิม และการ์ดรักษาความปลอดภัยเดินมาตามถนนราชดำเนิน


 


อย่างไรก็ตามเวลา 15.05 น. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ ได้นั่งรถโฟล์คตู้ ออกจากบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พร้อมมีมอเตอร์ไซค์นำขบวน 1 คัน ตามด้วยรถกระบะประกบท้าย ผ่านถนนราชดำเนินเลี้ยวขวาสี่แยก จ.ป.ร. แล้ววิ่งไปตามเส้นทางสะพานพระราม 8 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับขบวนผู้ชุมนุม นปก. กำลังจะเคลื่อนตัวเรียกร้องให้พล.อ.เปรมลาออกจำตำแหน่ง ทั้งนี้ตำรวจและทหารนับพันนายได้นำรั้วเหล็กมาปิดกั้นตั้งแต่หน้าสน.นางเลิ้ง สี่แยก จ.ป.ร.ไว้แล้ว ทั้งนี้บริเวณหน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ มีตำรวจ หลายสิบนายคอยประจำการอยู่


 


ตำรวจตรึงหน้า ส.ป.ก. ร้องให้หยุดหน้ามัฆวานรอขบวนเสด็จ


ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เมื่อผู้ชุมนุมเดินผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเผชิญกับจุดสกัดจุดแรกที่หน้าสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กมากั้นพร้อมกำลังตำรวจ 20 นาย


 


โดยมี พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมเอี่ยม รองผบช.น. ผู้ที่ดูแลจัดดังกล่าวได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าด่านจุดนี้เป็นด่านเตือนสติและเพื่อเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุม โดยมี พล.ต.ต.นิพนธ์ ภูมรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้เจรจากับ น.พ.เหวง ซึ่งภายหลังการเจรจา นพ.เหวง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หยุดขบวนชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพราะจะมีขบวนเสด็จในเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมยอมรับเงื่อนไข


 


จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เปิดเส้นทางให้เดินขบวนไปยังสี่แยก จ.ป.ร. แต่ที่บริเวณ สี่แยก จ.ป.ร. มีเจ้าหน้าตำรวจกว่า 400 คน ได้ตั้งแผงเหล็กมากั้นเส้นทาง และมีรถขนขยะจำนวน 4 คัน ตั้งเป็นด่านขวางไม่ให้ขบวนผู้ชุมนุมผ่านได้ โดยมี พ.ต.อ.เสนาะ อ่อนศรี รอง ผบก.น.3 เป็นผู้ควบคุมด่านสกัดจุดที่สองซึ่ง นพ.เหวง และ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ แกนนำ ก็ได้เข้าเจรจากับ พล.ต.ต.อภิชาติ เชื้อเทศ ผบก.น.6 ซึ่งระหว่างการเจรจาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยื่นข้อเสนอขอให้ขบวนเสด็จผ่านไปก่อนจึงจะเปิดทางให้ผ่านไปได้ แต่ทาง นพ.เหวง กล่าวอย่างมีอารมณ์ พร้อมยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้เวลา 10 นาทีเท่านั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับข้อตกลง จึงทำให้การเจรจายืดเยื้อไปนานกว่า 30 นาที


 


วุ่นจตุพรสั่งรถแกนนำแซงกลุ่มสันติวิธี หมอเหวงรีบโดดเปลี่ยนรถ


จากจุดนี้ ทำให้แกนนำฝ่ายพีทีวี คือ นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงเรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมตะโกนขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนได้พยายามลุกฮือที่จะเข้าไปปะทะกับเจ้าหน้าที่ แต่ทาง นพ.เหวง และหน่วยสันติวิธี ได้ห้ามปราบไว้และขอให้อยู่ในความสงบจนกว่าจะถึงเวลาที่ขบวนเสด็จผ่านไป


 


แต่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้กล่าวบนรถผ่านเครื่องขยายเสียงว่า เราจะนำขบวนเดินคู่ขนานและนำประชาชนเดินต่อไป โดยเมื่อรถคันใหญ่ของนายจตุพรเคลื่อนที่แซงรถของ นพ.เหวง จากนั้น นพ.เหวงก็ลงจากรถทีมสันติวิธีไปขึ้นรถคันเดียวกับนายจตุพร นายณัฐวุฒิ และนายจักรภพ ที่หน้าสำนักงานสหประชาชาติ (UN) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนรถนำขบวนโดยปริยาย แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางคลองผดุงกรุงเกษม ผ่านวัดมกุฏกษัตริยาราม ไปปักหลักที่บริเวณสะพานเทเวศร์นฤมิตร


 


"วีระ" เดินหน้าดาวกระจายแยกเข้าวิสุทธิ์กษัตริย์มุ่งสี่เสา


ขณะเดียวกันท้ายขบวนชุมนุม นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปก.ได้นำขบวนแยกออกไปที่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ และกำลังมุ่งหน้าไปบ้านสี่เสาเทเวศร์เช่นกันโดยไม่มีการนัดหมายล่วงหน้า เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งการเคลื่อนขบวนดังกล่าว จึงได้ส่งกำลังไปรักษาความปลอดภัยเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนถึงบ้านสี่เสาฯ


 


ทั้งนี้ มีรายงานว่ากลุ่มของนายวีระ ได้เคลื่อนขบวนหลบจุดสกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจออกสู่ถนนด้านหลังกองทัพบก เพื่อเข้าสู่ทางสะพานวิศสุกรรมนฤมาณ แยกประชาเกษม ถนนราชสีมา มุ่งไปยังบ้านสี่เสาเทเวศร์ เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง 2 กองร้อย พร้อมนำรถเก็บขยะของ กทม. 2 คัน แผงเหล็กและลวดหนามมากั้นเพื่อไม่ให้กลุ่มดังกล่าวผ่านไปได้


 


สุดท้ายสองขบวนไปสมทบกันที่ตลาดเทเวศร์


ขณะที่หัวขบวน นายณัฐวุฒิ แกนนำ นปก. ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า มีอยู่ 2 วิธี ที่จะไปนำขบวนกลุ่มผู้ชุมไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ คือ ใช้รถบรรทุกชนฝ่าแผงเหล็ก หรือ เปลี่ยนเส้นทางไปเป็นถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษม ด้าน นพ.เหวงได้ขอร้องให้ใช้สันติวิธี โดยใช้เส้นทางถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมแทน เพื่อที่จะได้ไปสมทบกับกลุ่มที่นายวีระพาไปก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงได้เปลี่ยนเส้นทาง อย่างไรก็ตามยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยสกัดอยู่ตลอดเส้นทาง


 


จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น. ขบวนผู้ชุมนุมได้เดินทางมาถึงสี่แยกเทเวศร์ แต่ก็ไม่สามารถเดินทางไปยังบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ที่เป็นบ้านพักของพล.อ.เปรมได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำแผงเหล็กและรถขนขยะมากั้นไว้ ซึ่งแกนนำได้ยึดถนนบริเวณสี่แยก เชิงสะพานเทเวศนฤมิตรเป็นที่ปราศรัยชุมนุมโจมตีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และพล.อ.เปรม ขณะที่บริเวณบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลกว่า 200 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัย


 


คนรักป๋ารวมตัวประณามไทยรักไทย-พีทีวี


และบริเวณหน้าวัดเทวราชกุลชรวรวิหาร ได้มีประชาชนกว่า 20 คน มากำลังใจ พล.อ.เปรม พร้อมถือป้ายโจมตีพรรคไทยรักไทย และกลุ่มพีทีวี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในวันนี้ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจจากนครบาล ตำรวจท้องที่ และหน่วยปราบจลาจล กว่า 3,000 นาย เพื่อป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับเตรียมรถดับเพลิงจำนวน 2 คัน จอดเตรียมการเพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณวัดเทวราชกุลชรวรวิหาร และหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย


 


นปก.ปักหลักปราศรัยตลาดเทเวศร์ก่อนกลับสนามหลวง


หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมถูกสกัดอยู่บริเวณสะพานเทเวศร์ ริมคลองผดุงกรุงเกษม และได้ปักหลักปราศรัยโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ คมช.อยู่บริเวณดังกล่าว โดย นพ.เหวงกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่าระบอบประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนไทยทุกคน รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจึงมีอำนาจบริหารชาติบ้านเมืองไปตามนโยบายที่ได้แถลงไว้กับประชาชน หากไม่มีประชาธิปไตย ประเทศจะหายนะ พร้อมกล่าวที่ไปหน้าบ้านป๋าวันนี้ เพราะป๋าเองมีข้อบกพร่องมากมาย พวกเราจึงไปบ้านป๋า


 


จนกระทั่งเวลา 19.45 น.กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเหลือประมาณพันคนเศษจึงได้สลายตัวเดินทางกลับไปยังท้องสนามหลวง โดยนายณัฐวุฒิกล่าวว่า "ป๋าครับ กลับแล้วนะครับป๋า บ้ายบาย กลับวันนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มาอีกนะครับ วันหลังมา หนูขอเข้าไปถึงบ้านเลยนะครับป๋า"


 


นายณัฐวุฒิยังปราศรัยทักทายแม่ค้าระหว่างเดินขบวนว่า "แม่ค้าข้าวแกงขายดีไหมจ๊ะ ถ้าขายดี ว่างๆ จะมาเดินแถวนี้ใหม่นะจ๊ะ"


 


ทั้งนี้ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนมายังถนนราชดำเนินนั้น ปรากฏว่ามีรถบรรทุกหกล้อขับมาเพื่อเลี้ยวไปยังวัดมกุฏกษัตริยาราม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจเข้าไปรุมล้อม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาคลี่คลายเหตุการณ์ไว้ได้ จึงไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นและผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนต่อไป


 


หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางไปถึงสนามหลวงแล้ว ได้มีการเปิดเวทีปราศรัยต่อ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ได้ประกาศว่า นปก.ได้รับชัยชนะแล้ว โดยนายณัฐวุฒิอ้างว่า การเคลื่อนขบวนวันนี้เป็นไปแบบอหิงสา และไม่มีความรุนแรงหลังจากนั้นนายณัฐวุฒิได้นัดผู้ชุมนุมให้มารวมตัวกันใหม่ที่ท้องสนามหลวงวันพรุ่งนี้เช่นเดิม และจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังบ้านพักของพล.อ.เปรมเพื่อกดดันให้ลาออกทุกวันอาทิตย์ หลังจากนั้นนายณัฐวุฒิได้ประกาศสลายการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ที่ผ่านมา


 


ท่านผู้หญิงบุษบา กิตติยากร มาสังเกตการณ์ม็อบ


ทั้งนี้หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์รายงานว่า ในช่วงที่ผู้ชุมนุมเดินขบวน ท่านผู้หญิงบุษบา กิตติยากร พร้อมสวามี ได้ขับรถกอล์ฟมาสังเกตการณ์บริเวณหน้าวัดนรนาถสุนทริการาม ประมาณ 5 นาทีด้วย


 


ขณะที่ในช่วงเช้า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.และประธานคณะมนตรีความมั่นแห่งชาติ (คมช.) กล่าวถึงกลุ่ม นปก.ที่จะเคลื่อนขบวนไปบ้านสี่เสาร์เทเวศร์ว่า "ไม่ห่วงๆ เมื่อเช้าก็ฟังท่านแม่ทัพภาคที่ 1 (พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) พูดแล้ว ผมก็ไม่กังวล"


 


เลขา ครป.ติง นปก.หยาบคาย ลั่นจะร่วมกลุ่ม "พลังเงียบ" 22 ก.ค.


ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ในฐานะผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปก.ที่ใช้ยุทธศาสตร์ "ดาวกระจาย" เช่นเดียวกับที่พันธมิตรฯ เคยใช้มาก่อนว่า แม้เป็นยุทธการแบบเดียวกันแต่รูปแบบต่างกัน โดยพันธมิตรฯ มีพลังประชาชนกดดันในส่วนกลาง แล้วกระจายการเคลื่อนไหวไปรอบนอก ขณะที่ นปก.ปิดเวทีใหญ่ในส่วนกลางและไม่มีพลังกดดัน จึงต้องขยายแนวร่วม แต่การเลือกใช้วิธีการเปิดโปงถือว่าได้ผลระดับหนึ่ง


 


"ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า หรือความแตกแยกเหมือนเช่นเหตุการณ์ที่สยามพารากอน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งตรงนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนและต้องระมัดระวัง ขณะเดียวกันอยากขอร้องให้เลิกใช้ถ้อยคำปราศรัยที่หยาบคายไม่สุภาพ ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความสะอิดสะเอียน"


 


โดยนายสุริยะใสกล่าวว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมวันที่ 22 ก.ค.เพื่อแสดงจุดยืนว่าเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง


 


ทั้งนี้ "กลุ่มพลังเงียบ" ประกอบด้วย กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มมวลชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลได้ประกาศผ่านรายการยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อศุกร์ที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมาว่าจะนัดชุมนุมพร้อมกันในวันที่ 22 ก.ค. ที่บริเวณศาลากลางทุกจังหวัด ส่วนที่ กทม.นัดชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า คัดค้านการชุมนุมของกลุ่ม นปก. เรียกร้องทุกฝ่ายเข้าสู่การเลือกตั้งเพื่อความสมานฉันท์


 


เรียกร้อง คมช.-รัฐบาล กำหนดเลือกตั้งปีนี้ลดความขัดแย้ง


นอกจากนี้ นายสุริยะใส กตะศิลา ยังเรียกร้องให้รัฐบาลและคมช. ให้กำหนดวันเลือกตั้งภายในปีนี้เพื่อลดความขัดแย้งทางการเมืองลง เนื่องจากเห็นหากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปเป็นต้นปีหน้าจะยิ่งทำให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต่อประเด็นการสืบทอดอำนาจ และเห็นว่าการจัดงานเฉลิมฉลอง 80 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ มีเจ้าภาพที่รับผิดชอบจัดงานล่วงหน้าแล้ว จึงไม่ใช่ประเด็นที่ คมช. ควรนำมาอ้าง


 


ทั้งนี้ เลขาธิการ ครป.เรียกร้อง คมช.ประกาศสัญญาประชาคมว่า หากการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน จะนำรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้ ซึ่งเห็นว่าไม่เป็นการทำลายความชอบธรรมของตัวเอง เพราะเห็นว่าสามารถแก้ไขข้อการเฉพาะบางส่วนได้


 


และขอเรียกร้องให้ รัฐบาล คมช.สนช. สสร.และ กกต. จัดประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อยุติในการกำหนดวันเลือกตั้ง รวมทั้งจัดทำปฏิทินทางการเมือง โดยคลอบคลุมช่วงเวลา ตั้งแต่วันลงประชามติ ช่วงเวลาประกาศรัฐธรรมนูญฉบับสำรองหากประชามติไม่ผ่าน การจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ วันเลือกตั้ง สส. และวันเลือกตั้ง ส.ว.  นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ คมช.ประกาศสัญญาประชาคมต่อประชาชนว่าหากประชามติร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน จะนำรัฐธรรมนูญฉบับใด  มาบังคับใช้ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนว่าต้องการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใด ทั้งนี้คมช.ต้องประกาศอย่างน้อย 10 วันก่อนมีการลงประชามติ


 


นายสุริยะใสกล่าวว่า รัฐบาล คมช. สนช. และ สสร.ควรเป็นเจ้าภาพ เปิดเวทีให้มีการถกเถียง แลกเปลี่ยน วิพากษ์วิจารณ์ เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ว่ามีกลไกใหม่ใดบ้างที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน พร้อมทั้ง เร่งเผยแพร่สาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและเปรียบเทียบให้เห็นถึงข้อแตกต่างและการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 เพื่อแจกแจงและให้ข้อมูลกับประชาชนว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวดีจริงหรือไม่


 


เผย ครป. เตรียมประชุมเครือข่ายสัปดาห์พิจารณา รธน.50 ก่อนรณรงค์รับ-ไม่รับ


"แม้จะมีบางกลุ่มกำลังดำเนินขบวนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ในขั้นตอนลงประชามติ เช่น กลุ่มอำนาจเก่าและ นปก. หรือกลุ่มนักวิชาการบางส่วน และองค์กรภาคประชาชนบางส่วน แต่ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย รวมทั้งกลุ่มพระสงฆ์และองค์กรชาวพุทธ พิจารณาภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 มากกว่าพิจารณาเฉพาะเป็นรายประเด็น หรือรายมาตรา ซึ่งการกำหนดจุดยืนไม่ควรตั้งอยู่บนเงื่อนไขของความพอใจหรือไม่พอใจ ในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง" นายสุริยะใส กล่าว



นายสุริยะใสกล่าวว่า ครป.จะจัดประชุมร่วมกับเครือข่ายในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาและแสดงท่าทีต่อร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งฉบับ โดยไม่ว่าที่ประชุมมีมติรับหรือไม่รับร่าง ครป.ก็จะรณรงค์ต่อประชาชนว่า มีเหตุผลใดที่ประชาชนควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต่อไป


 


วอร์รูมถล่ม ประณามแค่ม็อบท่อน้ำเลี้ยง


ด้านนายประสาร มฤคพิทักษ์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ในประเทศ (วอร์รูม) กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพีทีวีและคนรักทักษิณ เป็นการต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และการสร้างสถานการณ์เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สร้างความวุ่นวาย เพื่อทำลายเศรษฐกิจประเทศและนำไปสู่การขยายผลสู่นานาประเทศ


 


"จากพฤติกรรมดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่ขบวนการเคลื่อนไหวต่างต้องสร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ให้เข้าตาหัวจ่ายท่อน้ำเลี้ยงที่โยนเศษเงินให้ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายและภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติต่อสายตาชาวโลก" นายประสารกล่าว


 


คนโคราชโผล่ชูจุดยืนรักป๋า ต้านม็อบ นปก.


วันเดียวกัน เวลา 09.30 น. ที่หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน เดินถือป้ายเขียนข้อความโจมตีแกนนำม็อบสนามหลวง อาทิ นายจักรภพ นายวีระ นพ.เหวง และป้ายให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยใช้ชื่อในนาม "คนโคราชรักเปรม" พร้อมกับสวมเสื้อเหลืองกันทุกคน โดยการนำของนายไพบูลย์ พฤกษ์พนาเวศ ประธานชมรมคนโคราชรักป๋าเปรม พร้อมออกแจกจ่ายแถลงการณ์


 


โดยแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มคนโคราชรักป๋าเปรมเป็นกลุ่มเฉพาะกิจที่เกิดขึ้นจากความไม่พอใจต่อการกระทำของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ทำการจาบจ้วงต่อ พล.อ.เปรม ซึ่งเป็นบุคคลที่คนทั่วไปให้ความเคารพรัก ชาวโคราชและชาวจังหวัดต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในโคราช จึงรวมตัวกันออกมาเรียกร้องให้กลุ่มคนดังกล่าวหยุดการกระทำที่ไม่บังควร โดยเฉพาะนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ไปแจ้งความดำเนินคดีป๋าเปรมข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งคนทั่วไปรู้ดีว่าป๋าเปรมมีความจงรักภักดีต่อในหลวงและสถาบันพระมหากษัตริย์มากเพียงใด


 


นายไพบูลย์กล่าวว่า ขอประณามการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาทางสังคม มีปัญหาทางจิต คิดล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้พวกที่คิดการชั่วร้ายเหล่านี้จงประสบแต่ภัยพิบัติทั้งชีวิต จากนี้ไปให้พบแต่ความทุกข์ทรมานตามกฎแห่งกรรม และกลุ่มคนโคราชรักป๋าเปรมจะลุกขึ้นมาสู้ทุกครั้งที่กลุ่มคนเหล่านี้ออกมาจาบจ้วงป๋าเปรมอันเป็นที่รักและเคารพของเรา


 


นอกจากนี้ กลุ่มคนโคราชรักป๋าเปรม ได้มีการล่าลายชื่อเพื่อนำคนไปให้กำลังใจ พล.อ.เปรม และเป็นการไปร่วมทำบุญประเทศครั้งใหญ่ โดยมีการจัดรถบัสโดยสารไว้จำนวน 4 คัน เพื่อเดินทางไปทำบุญประเทศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า และจะเดินทางไปให้กำลังใจ พล.อ.เปรม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ในวันที่ 22 ก.ค.นี้โดยพร้อมเพรียงกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net