Skip to main content
sharethis

 



ประชาไท - มวลชนกว่า 3000 คนแหกด่านสกัดของฝ่ายปกครองมาฟัง นปก. ปราศรัยที่ลำพูน ทหารสกัดผิดจุด ทุ่มกำลังกั้นเส้นทางไปเวทีลวงที่สนามเครื่องบินเล็ก ทำให้ประชาชนสามารถเล็ดลอดเข้ามาฟังการปราศรัยของ นปก. ที่โรงบ่มใบยาได้ ส่วนฟากตรงข้าม 500 เมตร ที่ตลาดจตุจักรลำพูนมีมวลชนอีกฝ่ายชุมนุมกันอย่างบางตา


 


11 ก.ค. 2550 ที่จังหวัดลำพูน ถือว่าเป็นปรากฏการณ์สำคัญครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีกำลังทหารและตำรวจได้ตรึงกำลังทั่วจังหวัดลำพูน เพื่อสกัดกันมวลชนฐานเสียงพรรคไทยรักไทยจากทั่วสารทิศในภาคเหนือ ที่จะมาเข้าร่วมชุมนุมฟังการปราศรัยจากกลุ่มกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)


 


โดย นปก. ได้ขนแกนนำจากท้องสนามหลวง รวมถึง อดีต ส.ส. ไทยรักไทยภาคเหนือ , อีสาน และ กทม. มาอย่างคับคั่ง


 


ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันทั้งทางฝ่ายทหาร สื่อมวลชน ว่ากลุ่ม นปก. จะทำปราศรัยที่บริเวณใกล้สนามบินเล็ก จ. ลำพูน วันนี้ทั้งวันจึงมีกลุ่มทหารและตำรวจตั้งจุดสกัดอย่างแน่นหนาบนเส้นทางที่จะไปสนามบินเล็ก จ.ลำพูน


 



บริเวณแยกหลังสถานีรถไฟ จ. ลำพูน (ทางไปสนามเครื่องบินเล็ก จ.ลำพูน)


 



บริเวณแยกก่อนถึงสนามเครื่องบินเล็ก จ. ลำพูน


 



เวทีบริเวณพื้นที่สนามเครื่องบินเล็ก จ.ลำพูน ที่คาดกันว่า นปก. น่าจะจัดเวทีปราศรัยตรงนี้ เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง สามารถจุคนได้ถึงประมาณหนึ่งหมื่นกว่าคน


 



บริเวณแยกขนส่งลำพูน ซึ่งเป็นอีกทางที่จะเข้าไปสู่บริเวณสนามเครื่องบินเล็ก จ. ลำพูน ก็โดนปิดกั้นไว้


 


แต่ปรากฏว่าเวที นปก. ได้ย้ายมาจัดตรงบริเวณโรงบ่มใบยาสูบหน้าสำนักงานของนายอนุสรณ์  วงศ์วรรณ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเวทีของกลุ่มมวลชนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ด้านหน้าตลาดจตุจักรลำพูน (มีระยะห่างจากเวที นปก.เพียง 500 เมตร) ที่ได้มาตั้งเวทีประมาณเวลา 13.00 น.


 


ซึ่งเวทีคู่ขนานซึ่งนำดนตรีลูกทุ่งรวมถึงโฆษกในท้องถิ่นที่ออกมาพูดถึงความรักชาติ รักลำพูน และพยายามดึงความสนใจให้มวลชนมาฟังแข่งกับเวที นปก. นี้ ได้สลายตัวไปก่อนเวลา 17.30 น. ซึ่งมีมวลชนบางตา


 




มวลชนชุดเหลืองล้วน คู่ขนานเวที นปก. บริเวณหน้าตลาดจตุจักรลำพูน ที่สลายตัวไปก่อนเวลา 18.00 น.

จากการสอบถามชาวบ้านและพ่อค้าบริเวณตลาดจตุจักรลำพูน ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าทั้ง 2 เวทีนั้นได้มา
ตั้งขึ้นเวลาประมาณ 13.00 น. โดยทีแรกคิดว่า กลุ่ม นปก. จะไปตั้งเวทีตรงพื้นที่สนามเครื่องบินเล็ก
เพราะมีการตั้งเวทีตั้งแต่ก่อนเที่ยง และก็มีทหารไปสกัดตรงเส้นทางที่จะไปสนามบินเล็กไว้หลายจุด
โดยมีการตั้งข้อสังเกตกันว่าบริเวณนี้ มวลชนจากในตัวเมืองลำพูนสามารถออกมาฟังการปราศรัยของ 
นปก. ได้อย่างสะดวก เพราะเส้นทางหลายจุดที่ไม่โดนสกัดเหมือนบริเวณรอบนอก

 
จนแล้วจนรอดมวลชนยังสามารถเข้ามาร่วมฟังการปราศรัยได้มากกว่า 3000 คน

ทั้งนี้จากการสัมภาษณ์ผู้เข้าร่วมชุมนุมวันนี้ พบว่าส่วนหนึ่งได้หลบหลีกตามเส้นทางต่างๆ เพื่อเข้ามาใน
เวทีปราศรัยและมีอีกจำนวนหนึ่งที่โดนสกัดไว้ตามจุดต่างๆ และมีผู้เข้าร่วมชุมนุมหลายคนได้กล่าวว่า
ทหารได้ตั้งจุดสกัดผิด
 "พอหลบหลีกมาได้ เขาสกัดตรงไหนเราก็หนีไปอีกทาง ถนนลำพูนมีหลายเส้น แต่คิดว่าคนที่มาจาก
รอบนอกคงโดนสกัดไว้เยอะเหมือนกัน แต่ถ้าเส้นทางในเมืองก็ไม่มีปัญหา
" ผู้เข้าร่วมการชุมนุมคนหนึ่ง
กล่าวกับประชาไท
 
"ไม่รู้ว่ามีการจ้างมาไหม แต่สำหรับผมมาด้วยใจ อยากให้บ้านเมืองเคยเป็นแบบเมื่ออดีดนายกทักษิณ
อยู่ ในงานก็มีแจกเสื้อแจกธง แต่กลัวเขาว่ากันว่ามาเอาอย่างเดียว ผมเลยซื้อหนังสือกับซีดีไว้ดูด้วย 
ผมมาด้วยใจ คนเหนือยังไงก็เอาไทยรักไทย คนเหนือรักทักษิณ
" ผู้เข้าร่วมอีกคนหนึ่งกล่าวกับประชาไท
 

อนึ่งการปราศรัยในวันนี้นำโดยนายวีระ มุกสิกพงศ์ นายจักรภพ เพ็ญแข นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ
นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ รวมทั้งมีอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย จากภาคเหนือ ภาคอีสาน และ กทม. เข้าร่วม
บนเวทีอีกประมาณ 20 คน โดยมีการเริ่มการปราศรัยตั้งแต่เวลา 17.00 น.

 

โดยเนื้อความในการปราศรัยที่จังหวัดลำพูนของแกนนำ นปก. ยังคงเป็นการโจมตีแกนนำ คมช. และ
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 รวมถึงการรณรงค์ให้คว่ำรัฐธรรมนูญปี 2550
และเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับคืนสู่สภาวะประชาธิปไตยอย่างเร็วที่สุด


 




ผ่ายุทธวิธี "ดาวกระจาย" นปก. ไม่เล่นบทเสี่ยง เลี่ยงพื้นที่กฎอัยการศึก


 


แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) คงมีบทเรียนเป็นอย่างดี สำหรับการต้านรัฐประหารในพื้นที่ๆ มีประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งมักถูกฝ่ายทหารเข้าปรามหรือควบคุมตัวตลอด เช่น การควบคุมตัวนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล แกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 และสมาชิกขณะปราศรัยต้าน คมช. ที่ข่วงประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่เมื่อ 18 พ.ค. 50 หรือการรื้อเต็นท์ ส.ส.ไทยรักไทย ที่ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อถวายฎีกาเรื่องยุบพรรค ที่ลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 50 หรือการจับกุมกลุ่ม "คนเชียงใหม่ไม่เอาเผด็จการ" ที่ ถนนคนเดิน ฐานแจกใบปลิวเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในวันที่ 17 มิ.ย. 50 เช่นกัน


 


หรือล่าสุดการควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ผู้ปฏิบัติงานกลุ่มพลเมืองภิวัฒน์ คาสถานีขนส่ง จ.เชียงราย ระหว่างกล่าวปราศรัยไม่รับรัฐธรรมนูญ คมช. เมื่อคืนวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา


 


จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ความสำเร็จส่วนหนึ่งของ "แผนดาวกระจาย" ออกต่างจังหวัดของแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) นอกจากยุทธวิธีเปิด "เวทีลวง" ให้ทหาร-ตำรวจ ตั้งด่านสกัดผิดจุดแล้ว


 


พื้นที่ในการปราศรัย ไม่ว่าจะเป็น จ.กาฬสินธุ์ จ.ยโสธร ล่าสุดคือ จ.ลำพูน และในวันนี้ (12 ก.ค.) ที่ จ.แพร่ ล้วนพื้นที่นอก "ประกาศกฎอัยการศึก" ดังนั้นทหาร-ตำรวจจึงทำได้เพียงการตั้งด่านสกัดมวลชนที่จะเข้าไปในพื้นที่ชุมนุม


 


และแม้จะมีรายงานการสกัดมวลชนของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคไทยรักไทย ที่ถนนสามแยกแม่ริม-แม่โจ้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่มุ่งจะเข้าร่วมการชุมนุมที่ จ.ลำพูน แต่ทหารก็ต้องยอมให้ผู้ชุมนุมผ่านไป เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมใช้วิธีให้ผู้หญิงวิ่งเข้าไปกอดทหารและกันทหารออกจากถนน ทำให้ขบวนจึงเคลื่อนผ่านไปยัง จ.ลำพูนได้ในที่สุด


 


ทั้งนี้ ตาม "ประกาศ เลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่" ที่มีพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 124 ตอนที่ 7 ก ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2550 นั้น


 


เนื้อหาในประกาศดังกล่าว ได้ยกเลิกพื้นที่กฎอัยการศึก 41 จังหวัด แต่ยังคงให้มีพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึกตาม "ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2549"  เป็นพื้นที่ 35 จังหวัด โดยมี 19 จังหวัดที่เป็นพื้นที่กฎอัยการศึกทุกอำเภอ และอีก 16 จังหวัดเป็นพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึกบางส่วน


 


โดยพื้นที่ๆ คงกฎอัยการศึก 35 จังหวัดไว้จนถึงปัจจุบันได้แก่


 


(1) จังหวัดกาญจนบุรี เฉพาะอำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอทองผาภูมิ อำเภอไทรโยค อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอสังขละบุรี และตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองกาญจนบุรี


(2) จังหวัดกำแพงเพชร ทุกอำเภอ


(3) จังหวัดขอนแก่น ทุกอำเภอ


(4) จังหวัดจันทบุรี เฉพาะอำเภอขลุง อำเภอโป่งน้ำร้อน และอำเภอสอยดาว


(5) จังหวัดชัยภูมิ ทุกอำเภอ


(6) จังหวัดเชียงราย ทุกอำเภอ


(7) จังหวัดเชียงใหม่ ทุกอำเภอ


(8) จังหวัดตราด เฉพาะอำเภอคลองใหญ่ อำเภอบ่อไร่ อำเภอเมืองตราด และกิ่งอำเภอเกาะกูด


(9) จังหวัดตาก เฉพาะอำเภอท่าสองยาง อำเภอพบพระ อำเภอแม่ระมาด อำเภอแม่สอด อำเภออุ้มผาง และกิ่งอำเภอวังเจ้า อำเภอเมืองตาก


(10) จังหวัดนครราชสีมา ทุกอำเภอ


(11) จังหวัดนราธิวาส ทุกอำเภอ


(12) จังหวัดน่าน เฉพาะอำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอทุ่งช้าง อำเภอบ่อเกลือ อำเภอปัว อำเภอแม่จริม และอำเภอสองแคว


(13) จังหวัดบุรีรัมย์ ทุกอำเภอ


(14) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะตำบลสามกระทาย และตำบลหาดขาม อำเภอกุยบุรี ตำบลเขาล้าน ตำบลนาหูกวาง ตำบลห้วยยาง และตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก ตำบลชัยเกษม ตำบลทองมงคล และตำบลร่อนทอง อำเภอบางสะพาน ตำบลช้างแรก และตำบลไชยราช อำเภอบางสะพานน้อย ตำบลเขาจ้าว อำเภอปราณบุรี ตำบลไร่เก่า ตำบลศาลาลัย และตำบลศิลาลอย อำเภอสามร้อยยอด ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ตำบลเกาะหลัก ตำบลคลองวาฬ ตำบลห้วยทราย และตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์


(15) จังหวัดปัตตานี ทุกอำเภอ


(16) จังหวัดพะเยา เฉพาะอำเภอเชียงคำ และกิ่งอำเภอภูซาง อำเภอเชียงคำ


(17) จังหวัดพิษณุโลก เฉพาะอำเภอชาติตระการและอำเภอนครไทย


(18) จังหวัดเพชรบุรี เฉพาะอำเภอแก่งกระจานและอำเภอหนองหญ้าปล้อง


(19) จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกอำเภอ


(20) จังหวัดมหาสารคาม ทุกอำเภอ


(21) จังหวัดยะลา ทุกอำเภอ


(22) จังหวัดราชบุรี เฉพาะอำเภอสวนผึ้ง และกิ่งอำเภอบ้านคา อำเภอสวนผึ้ง


(23) จังหวัดร้อยเอ็ด ทุกอำเภอ


(24) จังหวัดระนอง เฉพาะอำเภอกระบุรี อำเภอกะเปอร์ อำเภอละอุ่น และตำบลทรายแดง ตำบลปากน้ำ และตำบลราชกรูด อำเภอเมืองระนอง


(25) จังหวัดเลย ทุกอำเภอ


(26) จังหวัดศรีสะเกษ ทุกอำเภอ


(27) จังหวัดสตูล เฉพาะอำเภอควนโดน อำเภอท่าแพ อำเภอละงู และตำบลเกตรี ตำบลคลองขุด ตำบลตำมะลัง และตำบลปูยู อำเภอเมืองสตูล


(28) จังหวัดสงขลา เฉพาะอำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอสะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย


(29) จังหวัดสระแก้ว เฉพาะอำเภอคลองหาด อำเภอตาพระยา อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวัฒนานคร อำเภออรัญประเทศ กิ่งอำเภอโคกสูง อำเภอตาพระยา และกิ่งอำเภอวังสมบูรณ์


(30) จังหวัดสุรินทร์ ทุกอำเภอ


(31) จังหวัดหนองบัวลำภู ทุกอำเภอ


(32) จังหวัดอำนาจเจริญ ทุกอำเภอ


(33) จังหวัดอุดรธานี ทุกอำเภอ


(34) จังหวัดอุตรดิตถ์ เฉพาะอำเภอน้ำปาด อำเภอบ้านโคก และอำเภอฟากท่า


(35) จังหวัดอุบลราชธานี ทุกอำเภอ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net