Skip to main content
sharethis

การเมือง


นปก.เลื่อนยื่นฎีกาเป็นจันทร์ที่16ก.ค.นี้


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปก. ให้สัมภาษณ์ว่า นปก. จะทำการยื่นถวายฎีกา ในวันจันทร์ที่ 16 ก.ค.นี้ เวลา 15.00 น. โดยจะมีแกนนำ นปก.ทั้ง 8 คน เดินทางไป โดยไม่มีประชาชนไปด้วย เพราะต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อย และเคารพสถานที่ อีกทั้งการยื่นถวายฎีกาในครั้งนี้ จะยื่นในนามของ นปก. ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มใด ๆ ที่จะมีการยื่นถวายฎีกาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ


 


สาเหตุที่มีการเลื่อนการถวายฎีกา เนื่องจาก แกนนำ นปก. ทั้ง 8 คน มีบางส่วนต้องเดินทางไปทำหน้าที่ที่ต่างจังหวัด อีกทั้งยังต้องมีการปรับข้อความ ในเนื้อหาที่จะยื่นถวายฎีกาด้วย


 


ส่วนการจัดงานวันอาสาฬหบูชา ที่มีการประสานขอใช้พื้นที่มาว่า หลังจากที่แกนนำของ นปก. และตัวแทนของคณะสงฆ์ ได้มีการหารือกันแล้ว เป็นที่ตกลงกันว่า เวทีของ นปก. จะย้ายจากจุดเดิม ไปอยู่ที่บริเวณด้านฝั่งสะพานพระปิ่นเกล้าฯ เพราะไม่ต้องการที่จะไปสร้างความเดือดร้อน หรือไม่เคารพต่อพระพุทธศาสนา ตัวแทนฝ่ายสงฆ์ เข้าใจการเคลื่อนไหวการชุมนุมของเราอย่างดี ซึ่งก็มีการเปิดใจกับเราว่า หากจำนวนพื้นที่การชุมนุมในวันใด ไม่เพียงพอ พื้นที่ของฝั่งสงฆ์ ก็อาจจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้ได้เป็นบางส่วน


 


ส่วนการปราศรัย ที่จะมีประจำในช่วงเย็นนั้น นพ.เหวงกล่าวว่า ในช่วงดังกล่าว อาจจะมีการเลื่อนการเปิดเวทีปราศรัยออกไป จากเดิม ที่จะมีการเปิดเวที ตั้งแต่ 17.00 น. อาจจะเลื่อนไปเปิดปราศรัยหลังจาก 19.00 น. แทน ซึ่งในช่วงดังกล่าว ตัวแทนของฝ่ายสงฆ์ได้แจ้งว่า จะมีการจัดทำพิธีสวดมนต์ประจำวัน ซึ่งเขาก็เห็นว่า ไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด


 


นพ.เหวง กล่าวว่า คงเป็นที่แน่นอน ที่เราอาจชักชวนเชื้อเชิญ แจกเอกสารข้อมูลต่าง ๆ กับผู้ที่เดินทางมาร่วมงานสัปดาห์ศาสนา ให้มาร่วมฟังการชุมนุมปราศรัยด้วย


 


 


"เสรีพิศุทธ์"ขอเพิ่มสว.1,500ตำแหน่ง


เว็บไซต์สยามรัฐ -เมื่อวันที่ 13 ก.ค.50 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวว่าในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งหน้า จะเสนอแต่งตั้งตำแหน่งสารวัตรสืบสวนปราบปรามเพิ่มอีก 1,500 ตำแหน่ง เพื่อให้ลงไปปฏิบัติหน้าที่ตามสถานีตำรวจทั่วประเทศ และรองรับงานจากผู้บังคับบัญชาหน่วยเหนือ โดยจะทำเฉพาะคดีความมั่นคง และคดีความผิดตามพ.ร.บ. ต่างๆ ซึ่งจะแยกจากตำแหน่งสารวัตรที่มีอยู่เดิม ที่จะรับผิดชอบแต่คดีความผิดตามกฎหมายอาญา เช่น คดีลักทรัพย์ ปล้น หรือวิ่งราวทรัพย์ นอกจากนี้ จะเสนอยุบชื่อสถานีตำรวจภูธรตำบล โดยให้ไปยุบรวมอยู่กับสถานีตำรวจภูธรอำเภอ พร้อมกับจะตั้งสถานีตำรวจขึ้นใหม่ในพื้นที่ที่เจริญแล้ว และจะยกระดับตำแหน่งรองสารวัตร ที่ทำหน้าที่หัวหน้าสถานี ให้ขึ้นเป็นสารวัตร เพื่อดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างใกล้ชิด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


 


 



"เตมูจิน" แฉ นายทหารสาย "ป๋า" ล็อคตัว "ประสงค์"นั่งรองนายกฯ ด้านความมั่นคง ปลาย ส.ค.นี้ เพื่อทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปี


เว็บไซต์แนวหน้า - นายชนาพัทธ์ ณ นคร ประธานเครือข่ายตูจิน เปิดเผยว่าเมื่อคืนวันที่12 ก.ค. ที่ผ่านมานได้คุยกับผู้ใหญ่ในกองทัพที่ตนเคารพนัพถือและได้เกษียณอายุราชการไปแล้ว อีกทั้งเคยเป็นนักการเมืองด้วย ซึ่งได้คุยกันว่าขณะนี้บ้านเมืองไม่ใช่มีแค่ 2 ฝ่าย แต่ยังมีอีกฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายที่ฉวยผลประโยชน์ โดยตนได้รับทราบข้อมูลจากผู้ใหญ่ในกองทัพคนนี้ว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)นั้น จะมีชื่อน.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เข้ามาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เพื่อที่จะเข้ามาดูแลในเรื่องการทำบัญชีโยกย้ายนายทหารประจำปีที่จะมีขึ้น ที่น่าสนในคือจะมีการแต่งตั้งพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) หรือ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.สส.) คนใดคนหนึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ซึ่งถือเป็นการย้ายข้ามห้วย เนื่องจากที่จริงแล้วตำแหน่งนี้นายทหารที่จะมาเป็นต้องอยู่ใน 5 เสือทบ.


 



นายชนาพัทธ์ กล่าวอีกว่าฝ่ายที่สนับสนุนน.ต.ประสงค์ ขึ้นเป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงนั้น เป็นนายทหารและนักการเมืองสายพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานคงมนตรี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนายทหารเสียมากกว่า เพื่อหวังให้น.ต.ประสงค์ จัดทำบัญชีโยกย้ายทหาร เนื่องจากตำแหน่งรองนายกฯด้านความมั่นคง มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องพิจารณาก่อนที่จะส่งให้นายกรัฐมนตรี เรื่องนี้คาดว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี น่าจะรับทราบแล้ว ร่วมทั้งเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ เชื่อว่าน.ต.ประสงค์ จะรับตำแหน่งรองนายกฯนี้


 


 


 


"สุริยะใส" ชี้ "ไข่แม้ว" มั่ว! ค้านลงประชามติเสมือนต้านรัฐประหาร


ผู้จัดการออนไลน์ - นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงการลงประชามติร่าง รธน.ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือ มีบางกลุ่มโดยเฉพาะขั้วอำนาจเก่า พยายามเบี่ยงเบนให้กระบวนการลงประชามติ หมายถึงการต่อต้านรัฐประหาร หรือการไม่รับรัฐประหาร 19 กันยา แม้เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่สร้างความสับสนให้ประชาชน จนชาวบ้านในต่างจังหวัดหลงเชื่อ และอาจส่งผลให้กระบวนการลงประชามติครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย แต่สังคมไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย


 


หากการลงประชามติครั้งนี้ มีความหมายเป็นเพียงสัญลักษณ์ของการต่อต้านเผด็จการ คนที่ไม่เห็นด้วยกับเผด็จการก็ควรนอนอยู่บ้าน หรือไม่ต้องไปลงประชามติจะดีกว่า เพราะเท่ากับไปรับกระบวนการประชามติที่ออกแบบโดยเผด็จการ ซึ่งหากร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ผ่านก็ยิ่งเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับเผด็จการไปอีก หรือก็จะกลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ซึ่งไม่น่าจะใช่ทั้งหมด


 


นายสุริยะใส กล่าวถึงฝ่ายรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและเรียกร้องให้เอาฉบับ 2540 มาใช้ต้องตอบประชาชนนั้น คือ จะรองรับอำนาจหรือคำสั่งใดๆ ที่เกิดขึ้นหลังรัฐประหาร 19 กันยายน หรือไม่ อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งอายัดทรัพย์ของ คตส.คำวินิจฉัยยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยตุลาการรัฐธรรมนูญ สิ่งเหล่านี้จะโมฆะไปด้วยหรือไม่เพราะทั้ง 2 องค์กรถูกตั้งโดยคำสั่ง คปค.ไม่มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2540 รองรับ


 


และหากจะไปแก้รัฐธรรมนูญ 2540 เพื่อรองรับการทำหน้าที่ของ คตส.ตุลาการรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอื่นที่ตั้งโดยคำสั่งรัฐประหารก็เท่ากับไปแก้สาระสำคัญของรัฐธรรมนูญ 2540 เดิม ก็คงมีปัญหาวุ่นวายตามมาไม่รู้จบแน่นอน


 


เลขาธิการ ครป.กล่าวว่า หากกลุ่มคนรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ตอบโจทย์เหล่านี้ไม่ได้ จะทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายที่ไม่อยากรับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เพราะเนื้อหาสาระไม่ดี แต่จำใจต้องรับร่างร่างรัฐธรรมนูญไปก่อน เพราะเกิดความกังวลว่า การไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 อาจจะเป็นการลากสถานการณ์การเมืองไทยกลับไปอยู่ในความแตกแยกขัดแย้งเดิม หรือเป็นบันไดให้ระบอบทักษิณกลับมามีความชอบธรรม อีกทั้งที่ระบอบทักษิณถูกสถาปนาขึ้นด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญ 2540 ตั้งแต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ 8 ต่อ 7 ที่เรียกว่าคำวินิจฉัยสีเทา เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2544 และส่งผลให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดในคดีซุกหุ้น


 


กลุ่มผู้รักชาติบ้านเมืองชาวพิษณุโลกได้ออกแถลงการณ์ต่อต้านกลุ่มม็อป นปก.


กรมประชาสัมพันธ์ - ที่บริเวณสวนชมน่านเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลนครพิษณุโลก ได้มีกลุ่มพลังมวลชนในจังหวัดพิษณุโลกจำนวนกว่า 100 คนรวมตัวต่อต้านกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการหรือ นปก.หลังจากได้ไปเปิดเวทีปราศรัยที่จังหวัดแพร่ โดยกลุ่มผู้รักชาติบ้านเมืองชาวพิษณุโลกได้ออกแถลงการณ์และแจกจ่ายให้กับประชาชนที่เดินขบวนผ่านในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก โดยมีข้อความว่าตามที่กลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง ได้หลอกพวกเราชาวเมืองพิษณุโลกบางส่วนให้ไปชุมนุมที่จังหวัดแพร่เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม ที่ผ่านมาใช้กลอุบายว่าจะพาไปเที่ยวและฟังปราศรัยการร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีการจ่ายเงินให้เป็นค่าเดินทางด้วย เมื่อไปถึง กลับให้ไปรับฟังการปราศรัยทำลายชาติบ้านเมือง ให้ข่าวในทางที่ไม่เป็นจริง และได้แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่าจะมาเคลื่อนไหวที่จังหวัดพิษณุโลกในวันที่ 13 กรกฏาคมนี้ด้วย


 



นายทวี ทองถั้น แกนนำกลุ่มผู้รักชาติบ้านเมืองชาวจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า หากหลุ่มม็อบนปก.มาเคลื่อนไหวทำลายบ้านเมืองในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกเราชาวจังหวัดพิษณุโลกจะรวมตัวกันครั้งใหญ่เพื่อต่อสู้กับท่าเพื่อความถูกต้องของบ้านเมือง มาจัดเวทีที่ไหน กลุ่มผู้รักชาติบ้านเมืองชาวพิษณุโลกก็จะตามไปที่นั่น



 


ผอ.รมน.สั่งเจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานของทหาร เร่งสร้างความเข้าใจให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญปี 50


กรมประชาสัมพันธ์ - พันเอกธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน. เปิดเผยผลการประชุม กอ.รมน. ว่า พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผอ.รมน. ได้สั่งการในที่ประชุมให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานของทหารเร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้มีส่วนร่วมในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ โดยเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นอย่างไร พร้อมทั้งให้ประสานงานกับทางจังหวัดในการอำนวยความสะดวกต่างๆ หากได้รับการร้องขอ โดยจะไม่เป้นการชี้นำหรือขู่บังคับให้ประชาชนต้องลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้


 


พันเอกธนาธิป กล่าวว่า ที่ประชุม กอ.รมน.ยังได้รับทราบการจัดตั้งชมรมทหารกองหนุนในพื้นที่ภาคเหนือ ตามนโยบายการเกาะติดประชาชนของกอ.รมน.ภาค 3 ที่กำหนดให้หน่วยทหารดำเนินการจัดตั้งชมรมทหารกองหนุนในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างหน่วยทหาร กับ ทหารกองหนุนในการให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานด้านการข่าว เพื่อให้ทหารกองหนุนมีความพร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการข่าวต่อภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน


 




แก้กฏหมายรถไฟเลิกผูกขาดเดินรถ


เดลินิวส์ - แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงฯเตรียมแก้ไขกฎหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) โดยให้รฟท.ยกเลิกการผูกขาดการเดินรถและให้เอกชนมีสิทธิเข้ามาแข่งขันการเดินรถกับรฟท. เพื่อให้รฟท.มีรายได้มากขึ้น พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้รฟท.จัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาบริหารจัดการในเรื่องดังกล่าว นอกจากนี้จะมีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมด้วยว่ากรณีที่รัฐให้รฟท.บริการเชิงสังคมรัฐต้องชดเชยผลขาดทุนให้กับรฟท. เพราะปัจจุบันไม่ได้มีการแยกการให้บริการเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมทำให้รถไฟต้องประสบปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด คาดว่าการแก้ไขรายละเอียดของกฎหมายดังกล่าวจะเสนอให้นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคมพิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า


 


"เร่งจัดทำรายละเอียดของร่างกฎหมายที่ต้องปรับปรุงแก้ไข โดยเฉพาะการยกเลิกการผูกขาดการเดินรถของรฟท. เพื่อให้เอกชนเข้ามาแข่งขันการเดินรถ ซึ่งรฟท.จะมีรายได้จากการจัดเก็บค่าสัมปทาน โดยดำเนินงานเหมือนกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ให้สัมปทานการเดินรถกับรถร่วมขสมก. เพราะเชื่อว่าวิธีการนี้จะช่วยฟื้นฟูกิจการของรฟท.ไม่ให้ขาดทุนมากนัก ซึ่งกระทรวงฯจะเร่งเสนอข้อมูลให้คณะกรรมการกลั่นกรองที่มีนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมพิจารณา หากเห็นชอบจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมครม.และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)"


 


สำหรับความคืบหน้ากรณีที่รฟท.ขอใช้เงินกู้ในโครงการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (แซล) กับกระทรวงการคลังนั้น ได้เสนอแผนพัฒนาปรับโครงสร้างการขนส่งรถไฟในอนาคตให้กระทรวงฯพิจารณาเป็นวงเงินกว่า 18 ล้านบาท


 


 


ค้นไร่นักการเมืองดังพัวพันต้าน คมช.


เดลินิวส์ - เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. พ.อ.สมพงษ์ แจ้งจำรัส ผบ.หน่วย ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง สั่งการให้พ.อ.พีระเนตร เกตุเต็ม รอง ผบ.หน่วย ฉก.ม.3 และพ.ท.คำรน แตงแก้ว รอง ผบ.หน่วยฉก.ทพ.ที่ 31 พร้อมกำลังทหารพรานกว่า 50 นาย ไปประสานกำลังกับพ.ต.ท.ศรราม เกิดมั่น รอง ผกก.หน.สภ.อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย เข้าปิดล้อมและตรวจค้นบริษัทเกษตรกรรมสมบูรณ์แบบ จำกัด เลขที่ 108 หมู่ 4 (บ้านป่าเฮี้ย) ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง ซึ่งในอดีตเป็นสวนส้มเวียงเชียงรุ้ง ที่มีชื่อเสียงโดยมีอาณาบริเวณกว่า 1 พันไร่ ของนักการเมืองตระกูลดังภาคเหนือ


 



โดยก่อนหน้านี้ตำรวจได้เข้าจับต่างด้าวชาวพม่า 5 คน พร้อมเงินสด 108,000 บาท ในบริษัทดังกล่าว และจากการเข้าตรวจค้นในวันนี้พบชาวต่างด้าวอีก 10 คนหลบซ่อนอยู่ จึงคุมตัวส่งให้พ.ต.ต.ชาติตระกูล เจริญภักดี พนักงานสอบสวน สภ.อ.ดอยหลวง ดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ยังพบท่อนไม้สักเก่า จำนวน 73 ท่อน เก็บรักษาอย่างดีอยู่ในโรงเก็บไม้ แต่นายอมรฤทธิ์ แก้วประจุ ผู้จัดการบริษัท ได้นำหลักฐานเป็นใบเบิกทางนำไม้ตั้งแต่ปี 34 มายืนยัน พร้อมกับระบุว่าเป็นไม้นำเข้าจากพม่า กำลังทหารจึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบว่าไม้ดังกล่าวนำเข้าถูกต้องหรือไม่ ขณะที่แหล่งข่าวนายทหารคนหนึ่งเปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการชุมนุมต่อต้านคมช.ในจ.แพร่ โดยมีนักการเมืองดังเจ้าของไร่ที่ถูกตรวจค้นเป็นคนจัดการชุมนุม จึงเป็นเหตุให้มีการตรวจค้นหาแหล่งซ่องสุมในครั้งนี้


 


 


ปธ.คมช.ให้รัฐบาลชุดใหม่เป็นผู้ตัดสินใจแก้ไขการบรรจุศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติหรือไม่


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -พระสงฆ์จากรัฐสภาวนาราม จำนวน 47 รูป นำโดย พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ประธานรัฐสภาวนาราม และฆราวาสจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้ามอบดอกบัวแก่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เพื่อให้กำลังใจ


 


หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พลเอกสนธิ แสดงจุดยืนสนับสนุนการบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขณะที่ย้ำจุดยืนของกลุ่มคณะสงฆ์ในการวางตัวเป็นกลางต่อร่างรัฐธรรมนูญ ด้านพลเอกสนธิ ทำความเข้าใจกับกลุ่มพระสงฆ์ว่าการแก้ไขเกี่ยวกับประเด็นการบัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่ที่สามารถเสนอแก้ไขได้


 


"ถ้าแก้ก็แก้ได้ในรัฐบาลชุดใหม่ จะบรรจุก็บรรจุได้ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ ..รัฐบาลรับเข้าไปก็ถือว่าผ่านสภา…ถ้าไม่ผ่านก็..ระบอบประชาธิปไตย"


 


พลเอกสนธิ ยืนยันว่า กลุ่มพระสงฆ์แสดงความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย และคำนึงถึงความสงบเรียบร้อยของประเทศ ขณะที่เชื่อว่ากลุ่มพระสงฆ์จะไม่ทำตามกระแสของกลุ่มที่ต้องการล้มร่างรัฐธรรมนูญ


 


 


อนุญาตให้โฆษณาเหล้า ใน สถานบันเทิง ได้


ไอ.เอ็น.เอ็น. -นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มและแอลกอฮอล์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวภายหลังการประชุมว่ที่ประชุมได้มีมติอนุญาต ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานบันเทิงได้ อาทิ ผับหรือบาร์ เนื่องจากเห็นว่าเป็นสถานที่จำเพาะอีกทั้งบุคคลที่เข้าไปดื่มนั้น เป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะและเข้าไปดื่ม เพื่อผ่อนคลายเท่านั้นจึงไม่ใช่การยั่วยุเยาวชนแต่อย่างใด พร้อมยื่นยันว่าไม่ใช่เป็นการผ่อนปรนมากเกินไป ตามที่หลายฝ่ายมีความกังวล เพราะเชื่อว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว จะควบคุมและลดนักดื่มหน้าใหม่ได้อย่างแน่นอน


 


ส่วนกรณีเรื่องป้ายโฆษณา ซึ่งมีข้อถกเถียงกันค่อนข้างมากนั้น นพ.มงคล ระบุว่า ที่ประชุมส่วนใหญ่ให้คงไว้ตามร่างเดิมที่ห้ามโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ขณะที่สมาชิกบางส่วนเสนอให้เขวนไว้ก่อนจะนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปได้ในเร็ว ๆ นี้


 


 


คุณภาพชีวิต -การศึกษา


"แอ็บบอต" ถอย CLไม่เป็นท่า หั่นราคาอลูเวียแบบไร้เงื่อนไข


ผู้จัดการรายวัน - นพ.วิชัย โชควิวัฒน ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 และในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ วันนี้มีความคืบหน้าของยาที่มีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร 3 ตัว คือ ยาต้านไวรัสเอดส์ เอฟฟาไวเรนซ์( Efavirenz ) ยาต้านไวรัสเอดส์โลพินาเวียร์กับริโทนาเวียร์(Lopinavir/Ritonavir)และยาสลายลิ่มเลือดหัวใจและสมอง โคพิโดเกรล (Clopidogrel) ว่าการต่อรองราคายาที่ติดสิทธิบัตร จะยึดหลักการเดิม คือ จะต้องไม่มีเงื่อนไขในการยกเลิกการบังคับใช้สิทธิ์ โดยยาต้นตำรับจะต้องลดราคายาสูงไม่เกิน 5% ของยาสามัญ โดยจะพิจารณาราคายาสุทธิเป็นราคาครั้งสุดท้าย ส่วนของแถมอื่นๆ ที่เสนอมาก็จะต้องพิจารณาด้วยว่า มีราคาเท่าใด และมีความจำเป็นที่จะใช้ประโยชน์หรือไม่


 


ทั้งนี้ ในการหารือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รายงานว่า บริษัท แอ็บบ็อต ลาบอแรตอรีส จำกัด ไม่ได้ยกเงื่อนไขให้ไทยจะต้องยกเลิกซีแอลกับการต่อรองลดราคายาอลูเวียแต่อย่างใด พร้อมกับแจ้งว่าจะมีการเสนอข้อเสนอใหม่ที่ดีกว่าเดิม คือ อาจมีราคาถูกลงอีก จากเดิมที่บริษัทแอ็บบ็อตเสนอราคาอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี หรือประมาณ 3,488.20 บาทต่อคนต่อเดือน


 


"ขณะนี้กำลังให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าจะต้องมีการบังคับใช้สิทธิยาอลูเวียเพิ่มอีกหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ในการประกาศบังคับใช้สิทธิเป็นการระบุชื่อยาโลพินาเวียร์กับริโทนาเวียร์ และกำกับชื่อเครื่องหมายการค้าคือ คาเรตตร้า อย่างไรก็ดี สธ.จะต้องสั่งซื้อยาอลูเวียอย่างแน่นอน"นพ.วิชัย


 


นพ.วิชัย กล่าวต่อว่า ส่วนยาแอฟฟาไวเรนซ์ และยาพลาวิกซ์ที่ขณะนี้ใกล้หมดสต็อก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปชส.) จึงได้ทำหนังสือแจ้งให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดหายามาให้อย่างเร่งด่วนแล้ว โดยขณะนี้อภ.ได้ดำเนินการให้บริษัทยาสามัญอินเดียนำยามาขึ้นทะเบียนกับอย.โดยขั้นตอนอยู่ระหว่างการนำเอกสารหลักฐานยืนยันด้านคุณภาพมาให้อย.พิจารณาตรวจสอบอย่างรอบคอบ


 


"ยาพลาวิกซ์มี 2 รูปแบบ แบบแรกไม่มีสิทธิบัตรมีบริษัทยาในประเทศสามารถผลิตได้และนำมาขึ้นทะเบียนกับอย.แล้ว รวมทั้งมีบริษัทยาในประเทศที่ได้สั่งนำเข้ายาจากแคนนาดา ซึ่งรูปแบบนี้มีราคาที่ 15-20 บาท ซึ่งอีกรูปแบบเป็นยาที่ติดสิทธิบัตรที่ไทยทำซีแอลและจะนำเข้าจากอินเดียราคา 5 บาท ดังนั้น จึงเลือกรูปแบบที่ 2 เนื่องจากมีราคาถูกกว่า"


 


นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนยามะเร็งแม้ขณะนี้ยังไม่มีการเจรจาอย่างเป็นทางการ แต่มั่นใจว่า เมื่อบริษัทยาเล็งเห็นว่าไทยสนใจที่จะบังคับใช้สิทธิยามะเร็ง จึงชิงเสนอให้ยาฟรีกับไทยโดยใช้หลักมนุษยธรรมก็จะได้ชื่อเสียงและสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัทยามากขึ้น ซึ่งวิธีนี้บริษัทยาเคยให้กับประเทศอินเดียก่อนหน้าแล้ว


 


 


สภาองค์กรนายจ้างฯ ชี้ เงินบาทแข็งกระทบการลงทุน-การส่งออก เสนอรัฐกระตุ้นการลงทุนพร้อมให้ สปส. ลดเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง


กรมประชาสัมพันธ์ - นายสุวิทย์ ดาราสิชฌน์ ประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ระบุว่ามีนายจ้าง 29,000 ราย ค้างจ่ายเงินสมทบเป็นจำนวน 2,300 ล้านบาท ว่า เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจไทยไม่ดีขึ้น สถานประกอบจำนวนมาก โดยเฉพาะสถานประกอบการรายใหญ่ที่เน้นการส่งออกเป็นหลักมีสภาพที่ย่ำแย่แบกรับภาระต้นทุนสูงไม่ไหว เช่น ค่างจ้างที่สูงขึ้น การจ่ายเงินประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน ซึ่งนายจ้างไม่ได้รับสิทธิในส่วนนี้ รวมทั้ง ปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวทำให้มีกำไรน้อยและขาดทุน ไม่สามารถที่จะแข่งขันประเทศที่มีต้นทุนต่ำได้


 



อย่างไรก็ตาม เห็นว่ารัฐบาลต้องเข้ามากระตุ้นให้เกิดการลงทุนพร้อมกับลดต้นทุนการผลิตในด้านต่างๆ พร้อมเสนอให้ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ลดเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนให้น้อยกว่าเดิมที่ปัจจุบันจ่ายสูงถึงร้อยละ 5 ของค่าจ้างรายเดือน



 


นักวิจัยชี้ภาษาท้องถิ่นใต้อาจสูญพันธุ์


ผู้จัดการออนไลน์ - ศาสตราจารย์ชวน เพชรแก้ว เมธีวิจัยอาวุโสสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และศาสตราจารย์ด้านภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เผยว่า ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า ภาษาใต้และการแสดงพื้นบ้านที่ใช้ภาษาใต้ในการขับร้อง เช่น หนังตะลุง มโนราห์ เพลงบอก และเพลงกล่อมเด็กอาจสูญหาย เนื่องจากคนใต้รุ่นใหม่ไม่ยอม "พูดภาษาใต้"


 


ส่วนพ่อแม่ก็สอนให้ลูกพูดภาษากลางตั้งแต่ยังเล็ก เพราะกลัวว่าลูกจะพูดกลางไม่ชัด (แหลงทองแดง) ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมต้องออกโรง รณรงค์ให้คนใต้หันมาพูดภาษาถิ่นมากขึ้น ก่อนที่ภาษาใต้และการแสดงพื้นบ้านเหล่านี้จะสูญพันธุ์


 


สำหรับในเรื่องนี้นั้นมีความเป็นไปได้สูงที่ภาษาใต้จะสูญพันธุ์ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อลักษณะวัฒนธรรมเมืองกระจายสู่ชนบท ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกลืนกินวัฒนธรรมชนบทเป็นธรรมดา


 


ส่วนสาเหตุที่ทำให้ภาษาถิ่นภาคใต้สูญพันธุ์ มีด้วยกัน 3 ปัจจัย คือ 1. โรงเรียน 2. ครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่พ่อแม่รับราชการจะนิยมให้ลูกพูดภาษากลาง 3. หลักสูตรการศึกษา ที่เคยพูดกันว่าจะสร้างหลักสูตรท้องถิ่นร้อยละ 30 นั้น ไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ เมื่อผสมโรงเข้ากับลักษณะสังคมจึงกลายเป็นตัวเร่งให้ภาษาใต้สูญพันธุ์เร็วขึ้น


 


ขณะนี้คนใต้ส่วนใหญ่มักคิดว่าการพูดใต้เป็นเรื่องที่เชย ก็เลยอายที่จะพูด และพยายามที่จะสื่อสารด้วยภาษากลาง สำหรับทางแก้ในเรื่องนี้นั้นมีด้วยกัน 2 อย่างคือ 1. คนใต้ต้องตระหนักว่าเราเป็นคนใต้ ต้องภูมิใจในภาษาถิ่น เอกลักษณ์ หรืออัตลักษณ์ ของเรา 2. ระบบการศึกษา ต้องชี้ให้เด็กเห็นความสำคัญของภาษาถิ่น หรืออาจมีลู่ทางอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทำพจนานุกรมภาษาถิ่น


 


ศาสตราจารย์ชวน กล่าวอีกว่า เมื่อ 15 ปีก่อน นักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งทำวิจัยเรื่อง "ภาษาถิ่นใต้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่จะสูญหาย" เขาเอาคำภาษาใต้เก่า ๆ ไปถามคนที่อายุ 60 ปี ปรากฏว่าส่วนใหญ่ยังรู้จักคำเหล่านี้ แต่เมื่อไปถามคนอายุ 40 พบว่าไม่รู้จักคำพวกนี้แล้ว ผมเองก็เคยถามคนรุ่นใหม่ว่ารู้ความหมายของภาษาใต้เหล่านี้หรือไม่ เช่น คำว่า "จับนา" (เอาใจใส่) "เสดสา" (สมเพชเวทนา) หรือ "เปรว" (ที่เผาศพ) แต่เด็กบอกว่าไม่เคยได้ยินคำนี้เลย แม้แต่หนังตะลุง มโนราห์ก็ยังเพี้ยนไปด้วย ปกติตัวตลกหนังตะลุงจะต้องพูดใต้ แต่หนังตะลุงบางคณะให้ตัวตลกพูดภาษากลาง


 


นอกจากนี้ ภาษาถิ่นจะมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมสาขาอื่น และวิถีชีวิตอย่างแยกกันไม่ออก เหตุผลหนึ่งที่ภาษาใต้สูญหายก็เพราะ ข้าวของเครื่องใช้ของเราสูญหายไป เช่น "หมุก" ซึ่งเป็นภาชนะที่ทำจากหญ้าตีนกา สำหรับใส่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือ "เหวียนหม้อ" ซึ่งเป็น ภาชนะจักสานสำหรับใช้รองหม้อ เมื่อของเหล่านี้หายไป คำสรรพนามก็จะหายไปด้วย คนรุ่นใหม่จึงไม่รู้จัก ไม่ใช่แต่คำสรรพนามที่หายไป


 


ศาสตราจารย์ชวนบอกว่า แม้แต่คำวิเศษณ์บางคำก็หายไปด้วย ตัวอย่างเช่น คนใต้แท้ ๆ ต้องใช้คำขยายต่อท้ายสีแดง ว่า "แดงฉูด" แต่เดี๋ยวนี้คนใต้ใช้คำว่า "แดงแจ๊ด" ซึ่งเป็นคำภาษากลาง ใช้คำว่า "เหลืองอ๋อย" แทน "เหลืองฉึ่ม" หรือ "เขียวอี๋" แทน "เขียวหึม" ทำให้คำวิเศษณ์เหล่านี้สูญหายไป


 


 


ไอที


ไอซีทีเล็งออกกฎ"ยึด-อายัดคอมพ์"


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - "ไอซีที" เล็งนำกฎกระทรวงยึด-อายัดคอมพ์ เข้าครม.วันที่ 17 ก.ค. ทั้งผ่อนปรนไอเอสพี -โอเปอเรเตอร์มือถือหรือโครงข่ายสื่อสาร เร่งจัดเก็บเส้นทางข้อมูลภายใน 90 วัน ด้านศาลและตำรวจเร่งอบรมความพร้อมรับ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ 2550 ที่จะมีผล 18 กรกฎาคมนี้


 



นายสันติ โภไคยอุดม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า วันอังคารที่ 17 กรกฎาคมนี้ กระทรวงไอซีที จะนำกฎกระทรวงว่าด้วยการยึดอายัดเครื่องคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เข้าสู่คณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบ และส่งไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อปรับแก้ถ้อยคำก่อนนำมาบังคับใช้ได้ใน 1-2 วัน


 


เขากล่าวต่อว่า ในกฎกระทรวงดังกล่าว จะบอกถึงแนวทางขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสามารถยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ต้องสงสัย หรืออายัดเครื่องกรณีเป็นระบบขนาดใหญ่ เพื่อใช้กระบวนการสืบสวนสอบสวนหรือพิสูจน์หลักฐานการทำผิด


 



นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างจัดทำระเบียบเงื่อนไขประเภทของผู้ให้บริการที่ต้องจัดเก็บข้อมูล และรายละเอียดของข้อมูลจราจรที่ต้องจัดเก็บ


 



"หลักการของเราก็คือ จะให้ผู้ให้บริการจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็น เพื่อการสืบค้นแกะรอยหาผู้กระทำผิด และเป็นข้อมูลเฉพาะส่วนที่ผู้ให้บริการนั้น ๆ รับผิดชอบ ก็เหมือนกับยามที่จดเฉพาะเลขทะเบียนเข้าออกรถยนต์ และหากต้องการชื่อเจ้าของรถตามทะเบียนก็ไปที่กรมการขนส่งทางบก" นายสันติ กล่าว



 


ความมั่นคง


ผวจ.นราฯ ร่วมสอบ'มะนาเซ ยา' สารภาพรับจ้างเผา-วางระเบิด


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลผู้ต้องหา 7 ราย ที่ควบคุมตัวได้จากโรงเรียนอิสลามบูรพา ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2550 ที่ผ่านมา ในข้อหามีอาวุธปืนในครอบครอง และเป็นระดับแกนนำและแนวร่วมในการก่อความไม่สงบในพื้นที่


 


ต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 13 ก.ค. พ.ต.ท.วสันต์ พวงน้อย รอง ผกก.ป.สภ.อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้นำผู้ต้องหาทั้ง 7 รายไปขออำนาจศาลจังหวัดนราธิวาสฝากขังต่อเป็นครั้งที่ 2 โดยมีกำหนดเวลาอีก 12 วัน และพร้อมกันนี้ได้นำผู้ต้องหา 5 รายไปทำการชี้เป้าที่เคยลงมือก่อเหตุความไม่สงบตามที่ได้รับสารภาพในพื้นที่เขตเทศบาลเมือง และ เขต อ.ตากใบ


 


จากนั้นเวลา 17.00 น. วันเดียวกันนี้ นายการัณย์ศุภกิจวิเลขการ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสนายนิพนธ์นราพิทักษ์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสพล.ต.ต.ยงยุทธเจริญวานิช ผบก.ตร.ภ.จว.นราธิวาส พ.อ.พีรพล วิริยะกุลผบ.ฉก.3 ได้เดินทางไปที่ห้องประชุม สภ.ต.เขาตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาสเพื่อสอบปากคำนายมะนาเซยาผู้ต้องหา 1 ใน 7 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้


 


โดยนายมะนาเซ ให้การรับสารภาพว่าเคยก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่หลายครั้งกว่า 10 คดีโดยเฉพาะเหตุลอบวางระเบิดร้านข้าวต้มอั้งม้อ เขตเทศบาลเมือง จ.นราธิวาส รวมถึงเหตุระเบิดริมเสาไฟฟ้าแรงสูงเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2549 และ เหตุระเบิดเสาไฟฟ้าริมถนนสายนราธิวาส-ตากใบ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.2550 ที่ผ่านมาทำให้ พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ รอง ผบก. ภ.จว. นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บสาหัส และลอบวางระเบิดร้านขายของซำจำนวน 3 จุด ในพื้นที่ อ.เมืองจ.นราธิวาส ช่วงเดือนที่ผ่านมา อีกทั้งลอบวางเพลิงโรงเรียนในพื้นที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส ด้วย


 



โดยการก่อเหตุแต่ละครั้งจะได้รับเงินค่าจ้างเป็นการตอบแทนโดยวางระเบิดจะได้ค่าจ้างครั้งละ 2,000 บาทลอบเผาโรงเรียนได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท หลังจากได้เงินแล้วก็จะพาไปเที่ยวตามร้านอาหารและร้านคาราโอเกะเมื่อใช้เงินหมดแล้วก็กลับไปก่อเหตุอีกเพื่อหาเงินค่าจ้างโดยเริ่มเข้าขบวนการณ์ก่อเหตุตั้งแต่ปี 2547 หลังจากก่อเหตุจะเข้าหลบหนีอาศัยอยู่ที่โรงเรียนอิสลามบูรพา โดยมีครูสอนศาสนาบางคนให้การช่วยเหลือและสนับสนุน


 


นอกจากนี้ นายมะนาเซ ยังรับสารภาพด้วยว่า เป็นกลุ่มขบวนการก่อเหตุเดียวกับ นายฮากิม บือราเฮ็ม นายอัสวัน อาแวกาจิ และนายสาเหะบาฮา สาเหะอาแวผู้ต้องหาที่ทางเจ้าหน้าที่รวบตัวได้ในวันที่ 3 พ.ย. 48 ที่ผ่านมาในข้อหาเป็นผู้ผลิตระเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเป็นระดับแกนนำในพื้นที่


 


นายมะนาเซกล่าวอีกว่า เสียใจที่ก่อเหตุแล้วมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนมากและเคยคิดจะเลิกทำแต่กลัวพวกเดียวกันตามล่าจึงต้องจำใจก่อเหตุต่อไป ส่วนสาเหตุที่ต้องมาก่อเหตุร้ายคือต้องการเงินและมีทัศนะคติที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐล่าสุด ได้เตรียมวางแผนที่จะลอบวางระเบิดบ้านพักผู้พิพากษา จ.นราธิวาส แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับได้เสียก่อน


 


 


กอ.รมน.ย้ำการทำงานดับไฟใต้เดินถูกทางแล้ว


ผู้จัดการออนไลน์ - พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แถลงผลการประชุม กอ.รมน. วันนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.รมน.) เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ขณะนี้การทำงานเดินไปตามแนวทางที่ถูกต้องแล้ว โดยมีตัวชี้วัดที่ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งในส่วนของกลุ่มผู้ต้องสงสัย และกลุ่มแนวร่วมอาร์เคเค เข้ามาสารภาพให้ข้อมูล ทำให้สามารถขยายผลการปฏิบัติการได้หลายจุด และที่สำคัญคือ ในการเข้าปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีการตอบโต้ ต่อต้าน หรือประท้วงจากชาวบ้าน


 


พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ทุกครั้งที่เข้าปฏิบัติการจะมีคณะกรรมการอิสลามประจำการร่วมในการสอบสวนด้วย ส่วนที่บอกว่ามีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องสงสัย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่จะเปิดยุทธการนี้แล้ว ซึ่ง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้สั่งปิดศูนย์วิวัฒน์สันติ และได้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทั้งนี้ ในการปฏิบัติงาน ได้เน้นย้ำเรื่องการยึดหลักกระบวนการยุติธรรม การไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน การสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน วัด พระสงฆ์ ให้มากขึ้น พยายามไม่ให้เกิดเงื่อนไขทางศาสนา


 


 


ต่างประเทศ


ฟิลิปปินส์ติดดาบกฎหมายต้านก่อการร้าย


เว็บไซต์ไทยโพสต์ - เมื่อวันศุกร์ กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ เพื่อต่อต้านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายฉบับใหม่ ซึ่งให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐในการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องตั้งข้อหาได้ถึง 3 วัน และยังสามารถพิพากษาลงโทษจำคุกผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายได้สูงสุดถึง 40 ปี ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันอาทิตย์นี้


 



นอกจากจะสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยโดยไม่ต้องตั้งข้อหาแล้ว ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนบัญชีธนาคาร หรือการเงินอื่นๆ ที่ต้องสงสัยได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถขออนุมัติศาล ให้ทำการสอดแนมด้วยเทคโนโลยีอย่างหลากหลาย


 



"ผมสวดภาวนาให้พระผู้เป็นเจ้าได้ให้แสงสว่างแก่ประชาชน และค้นพบว่า กฎหมายที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงของมนุษย์นี้จะไม่ถูกนำมาใช้" อีดิตา เบอร์กอส นักเคลื่อนไหวซึ่งลูกชายที่เป็นนักเคลื่อนไหวเช่นกัน ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานกว่า 2 เดือนแล้ว


 



โจนาส เบอร์กอส ลูกชายของอีดิตา เป็นสมาชิกกลุ่มเกษตรกรฝ่ายซ้ายที่อยู่ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ หายตัวไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน คาดการณ์ว่าจะถูกกลุ่มทหารของรัฐบาลที่ชื่อว่า "หน่วยทมิฬ" จับตัวไป



หน่วยทมิฬ เป็นชื่อเรียกกลุ่มติดอาวุธชายฉกรรจ์ที่แต่งกายเป็นพลเรือนทั่วไป ซึ่งบางครั้งสวมหมวกปิดหน้าปิดตา ขี่รถจักรยานยนต์ดักอุ้มนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้าย หรือใช้ปืนสังหารอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่กองทัพฟิลิปปินส์ ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของโจนาส วัย 37 ปี


 



ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนท้องถิ่นระบุว่า นักศึกษาและผู้แทนจากสหภาพแรงงาน รวมถึงผู้นำกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ได้หายตัวไปแล้วมากกว่า 200 คน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีกลอเรีย มากาปากัล อาร์โรโย ขึ้นเป็นผู้นำฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 2544 นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายยังถูกสังหารไปแล้วกว่า 800 คนในช่วงเวลาเดียวกัน


 



ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยตรวจสอบของสหประชาชาติชี้ว่า กองทัพฟิลิปปินส์จะต้องรับผิดชอบต่อการใช้ศาลเตี้ยสังหารนักเคลื่อนไหวและนักศึกษาที่เสียชีวิตหลายร้อยคน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมะนิลาและกองทัพปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ พร้อมกับกล่าวโทษกลุ่มกบฏลัทธิเหมาว่าอยู่เบื้องหลัง และชี้ว่าเป็นสงครามภายในประเทศ


 



ประธานาธิบดีอาร์โรโย ลงนามอนุมัติร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็เลื่อนการบังคับใช้ไปจนกระทั่งถึงการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่าฝ่ายค้านจะไม่ลงมติคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้


 



ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ถูกสหรัฐและชาติตะวันตกวิจารณ์ว่าไม่มีความสามารถในการร่วมมือกันต่อต้านการก่อการร้าย โดยนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ชาวฟิลิปปินส์กว่า 350 คนต้องจบชีวิตจากเหตุระเบิดโดยฝีมือกลุ่มก่อการร้ายมากกว่า 120 ครั้ง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของประเทศ


 


 


พรรคเดโมแครตเรียกร้อง บุช ถอนทหารจากสหรัฐฯภายใน120วัน


ผู้จัดการออนไลน์ - ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยังคงดึงดันไม่ยอมเปลี่ยนนโยบาย พร้อมกับยืนกรานเมื่อวันพฤหัสบดี(12)ว่า สหรัฐฯยังสามารถที่จะชนะสงครามอิรักซึ่งดำเนินมา 4 ปีแล้วได้ ทั้งที่รายงานฉบับชั่วคราวของทำเนียบขาวที่เพิ่งนำออกเผยแพร่ยอมรับว่า รัฐบาลในกรุงแบกแดดสามารถสร้างผลงานคืบหน้าได้เพียงน้อยนิด ทางด้านรัฐสภาซึ่งพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากก็เปิดเกมรุกรัฐบาลรีพับลิกันต่อ โดยผ่านร่างกฎหมายกำหนดให้ต้องถอนทหารส่วนใหญ่กลับบ้านภายใน 1 เมษายนปีหน้า


 


บุชยอมรับว่า ในหมู่ประชาชนอเมริกันและสมาชิกรัฐสภา กำลังเกิด "ความเหน็ดหน่ายต่อสงคราม" แต่เขาเตือนว่าเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องนำทหารสหรัฐฯกลับบ้าน ในเวลาที่ทหารเพิ่มเติมอีก 28,000 คนเพิ่งเดินทางไปถึงอิรักครบถ้วนยังไม่ถึงเดือน


 


เขายังย้ำสิ่งที่เขาพร่ำพูดตลอดมาว่า การรีบถอนทหารสหรัฐฯออกจากอิรัก จะหมายถึง "การยอมจำนนมอบอนาคตของอิรักให้แก่อัลกออิดะห์"


 


ประมุขอเมริกันบอกว่า เขาเข้าใจดีถึงกระแสคัดค้านสงคราม แต่ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เขาจะต้องฟังคำแนะนำของเหล่านายพลของตัวเอง


 


แต่ฝ่ายพรรคเดโมแครตดูจะไม่ให้ราคาคำพูดของบุชเหล่านี้ และเดินหน้าโจมตีนโยบายของบุชต่อไป


 


โดยเฉพาะเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีได้ผลักดันผ่านร่างกฎหมายกำหนดให้เริ่มถอนทหารสหรัฐฯส่วนใหญ่ออกจากอิรักภายใน 120 วัน โดยให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 1 เมษายนปีหน้า ทั้งนี้แม้บุชประกาศกร้าวตลอดมาว่าจะใช้อำนาจยับยั้งร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาแบบนี้


 


อย่างไรก็ดี เนื่องจากร่างกฎหมายนี้ชนะด้วยคะแนนเพียง 223 ต่อ 201 ถ้าบุชใช้อำนาจวีโต้ เดโมแครตคงไม่อาจได้เสียงถึง2ใน3ในสภาล่างเพื่อลบล้างยับยั้งของประธานาธิบดีได้ ยิ่งในวุฒิสภาที่คะแนนเสียงของทั้ง 2 พรรคยิ่งก้ำกึ่งด้วยแล้ว ยังไม่แน่ว่าร่างกฎหมายทำนองนี้จะสามารถผ่านออกมาได้หรือไม่ด้วยซ้ำ


 


 


'มะกัน'ยื่นWTOตั้งกก.ชี้ขาดพิพาทการค้า 'จีน'


ผู้จัดการรายวัน -ฌอน สไปเซอร์ โฆษกสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ แถลงเกี่ยวกับการยื่นฟ้องนี้ว่า แม้การประชุมหารือกับจีนและดับเบิลยูทีโอ 2 รอบ จะเป็นไปด้วยดี แต่ก็ยังไม่ได้ขจัดความวิตกกังวล เกี่ยวกับการอุดหนุนการค้าอย่างซิกแซ็ก ซึ่งจีนได้สัญญาจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวในตอนเข้าร่วมกับดับเบิลยูทีโอ ทั้งนี้ จีนได้ยกเลิกหนึ่งในโครงการอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมของตน แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ


 


วอชิงตันได้เริ่มเปิดศึกพิพาทการอุดหนุนการค้ากับจีนเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ โดยเรียกร้องให้ดับเบิลยูทีโอเปิดการประชุมหารือข้อพิพาท ซึ่งทางวอชิงตันชี้ว่าการที่รัฐบาลจีนให้การอุดหนุนอุตสาหกรรมต่างๆได้แก่ เหล็ก กระดาษ ไอที อื่นๆ ทำให้จีนสามารถส่งออกสินค้าในราคาถูก แต่การกระทำดังกล่าว ทำให้กลุ่มบริษัทอเมริกันเสียเปรียบในการแข่งขันทั้งในตลาดในประเทศ และตลาดที่สาม


 


ด้านกระทรวงพาณิชย์จีนได้แถลงเมื่อวันที่ 3 ก.พ. แสดงความเสียใจต่อการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ครวญว่าจริงๆแล้ว สหรัฐฯและจีนควรแก้ไขปัญหานี้ในระดับทวิภาคี


 


ทั้งนี้ ตามกฎระเบียบของดับเบิลยูทีโอ การเจรจาหารือข้อพิพาทการค้า จะต้องเสร็จสิ้นในสองเดือนนับจากวันที่เริ่มการเจรจา หากล้มเหลว จึงจะมีการจัดตั้งคณะผู้พิจารณาแก้ไขข้อพิพาท จากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของดับเบิลยูทีโอขึ้นมาหาข้อยุติ


 


โฆษกผู้แทนการค้าสหรัฐฯกล่าวว่า วอชิงตันยังต้องการที่จะคลี่คลายปัญหาผ่านการหารือมากกว่า ขณะเดียวกัน ก็จะดำเนินเรื่องผ่านกระบวนการดับเบิลยูทีโอด้วย


 


คณะกรรมการแก้ไขข้อพิพาทของดับเบิลยูทีโอ จะพิจารณาคำร้องเพื่อจัดตั้งคณะผู้พิจารณาแก้ไขข้อพิพาทการค้ากับจีนของสหรัฐฯ ในการประชุมครั้งหน้าวันที่ 24 กรกฎาคม


 


การประกาศศึกพิพาทอย่างหนักข้อขึ้นนี้ เกิดขึ้นขณะที่กลุ่มผู้นำในวอชิงตันทวีแรงกดดันการโต้ตอบกรณีเสียดุลการค้ากับจีน และความหวาดระแวงว่าปักกิ่งกำลังย่ำยีกฎระเบียบที่คู่ค้าของสหรัฐฯถือปฏิบัติกัน


 


ในวันพฤหัสฯ มีรายงานมูลค่าการค้าของเดือนพฤษภาคม ช่องว่างการค้าระหว่างสองชาติยักษ์ใหญ่นี้ ถ่างกว้างมาก โดยสหรัฐฯเสียดุลการค้ากับจีน ถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของยอดเสียเปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ


 


เชอร์รอด บราวน์วุฒิสมาชิกจากโอไฮโอกล่าวหลังการแถลงตัวเลขการค้าดังกล่าว ว่า เป็นอีกเดือนของนโยบายการค้าที่เสียดุลอย่างบ้าเลือดกับจีน ชาติที่ไม่เล่นตามกฎฯ "จีนปั่นค่าเงิน ขูดรีดแรงงาน ละเมิดมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ส่งออกสินค้าอาหารและยาปนเปื้อน....พอก็คือพอ"


 


เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คอนโดลีซซา ไรซ์ ก็ได้ออกโรงแถลงกล่าวหา "จีนเล่นอย่างไม่ยุติธรรม" บนเวทีการค้า และวอชิงตันก็จะไม่รีรอที่จะเคลื่อนไหวตอบโต้การละเมิดกฎฯดับเบิลยูทีโอของจีน


 


 


ฟอร์บส์คัด 40 อภิมหาเศรษฐีไทย ไร้ชื่อ"ทักษิณ"


เว็บไซต์แนวหน้า -นิตยสารฟอร์บส์ประกาศผลการจัดอันดับ 40 อภิมหาเศรษฐีไทยประจำปีนี้ อันดับ1-3ได้แก่ คุณเฉลียว อยู่วิทยา(เจ้าพ่อกระทิงแดง)สินทรัพย์3,500 ล้านดอลลาร์ , คุณ เจริญ ศิริวัฒนะภักดี(เจ้าพ่อเบียร์ช้าง) สินทรัพย์ 3,300 ล้านดอลลาร์ และเจ้าสัวแห่งเครือ"เจริญโภคภัณฑ์"คุณ ธนินท์ เจียรวนนท์ กับครอบครัว ซึ่งมีสินทรัพย์ 2,800 ล้านดอลลาร์



ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรของไทย ซึ่งเคยติดอันดับ 4 โดยมีสินทรัพย์ 2,200 ล้านดอลลาร์ ร่วงลงไปอยู่ที่อันดับ 14 มีสินทรัพย์ 300 ล้านดอลลาร์ เหตุเพราะถูกรัฐบาลอายัดทรัพย์สินมูลค่าอย่างน้อย 1,200 ล้านดอลลาร์ ตั้งแต่เกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อปีที่แล้ว--จบ--



 


อดีตผอ.สำนักข่าวกรองเตือนก่อการร้ายอาจโจมตีอังกฤษอีก


ผู้จัดการออนไลน์ - สเตลลา ริมมิงตัน อดีตผู้บังคับบัญชา MI5 ระหว่างปี 1992 ถึง 1996 ยังบอกอีกว่าบทบาทของทหารอังกฤษในอิรัก คือแรงผลักดันให้วัยรุ่นชายเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายทำการต่อต้านอังกฤษ


 


ขณะนี้ผู้ต้องสงสัย 5 รายกำลังถูกดำเนินการสอบสวนในเหตุลอบวางระเบิดย่านบันเทิงของลอนดอนด้วยรถยนต์ 2 คัน และเหตุขับรถจิ๊ปพุ่งเข้าชนประตูสนามบินกลาสโกว์ หลังปล่อยตัวหญิงต้องสงสัยรายหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกรายถูกควบคุมตัวโดยตำรวจออสเตรเลีย


 


"ดิฉันคิดว่าเราไม่สามารถอยู่อย่างสบายใจได้จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดครั้งล่าสุด" ริมมิงตัน บอกกับหนังสือพิมพ์เดลิเมล์ "การประดิษฐ์ระเบิดด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ยาก นั่นทำให้พวกเขาเกิดข้อผิดพลาด แต่พวกเขาจะประสบความสำเร็จแน่นอน"


 


มีเพียง บิลัล อับดุลเลาะห์ แพทย์ชาวอินเดียวัย 27 ปีแค่รายเดียวเท่านั้น ที่ถูกตั้งข้อหาวางแผนการลอบวางระเบิดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วน คาฟีล อาห์เหม็ด คนที่ขับรถจิ๊ปพยายามพุ่งเข้าไปในสนามบินกลาสโกว์ กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลและอยู่ภายใต้การอารักขาของตำรวจ


 


ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(11) กอร์ดอน บราวน์ กล่าวว่าบทบาทของทหารอังกฤษในอิรักและอัฟกานิสถาน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อภัยคุกคามอังกฤษจากกลุ่มก่อารร้าย พร้อมระบุว่ายังไงแล้วประเทศก็ตกอยู่ในความเสี่ยงอยู่ดี


 


อย่างไรก็ตามในวันพฤหัสบดี(12) จอห์น กริงเกน หัวหน้าฝ่ายบริหารงานข่าวกรองของสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการกลาโหมของสภาล่างสหรัฐฯ ว่า กลุ่มอัลกออิดะห์กลับมามีบทบาทด้านการวางแผน และดูเหมือนจะมีฐานดำเนินงานที่ปลอดภัยในพื้นที่ซึ่งอำนาจรัฐเข้าไปไม่ถึงในปากีสถาน สร้างความหวาดวิตกว่าอาจมีการก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ขึ้นอีก


 


 


ชาวปากีฯรวมตัวกันประท้วงต้านรบ.ใช้กำลังโจมตีมัสยิดแดง


ผู้จัดการออนไลน์ - ในเปชาร์วาร์ เมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ประท้วงราว 1,000 คน ต้องการแก้แค้นให้กับ อับดุล ราชัด กาซี ผู้นำกลุ่มนักเรียนมุสลิมหัวรุนแรงของมัสยิดแดง ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับนักรบ 75 รายในปฏิบัติการจู่โจมของทหารรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายทหารมีผู้เสียชีวิต 10 ราย ทั้งนี้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูงกว่า 100 ศพ


 


มูลานา ยูซาฟ ผู้นำศาสนาในมัสยิดที่มีชื่อเสียง เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมเพื่อแสดงการสนับสนุนอิสลามและต่อต้านประธานาธิบดี มูชาร์ราฟ ขณะที่ในเมืองหลวงผู้ชุมนุมหลายร้อยคนได้รวมตัวกันประท้วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่ การาชี เมืองทางตอนใต้ของประเทศ


 


ด้านประธานาธิบดีมูชาร์ราฟ ดูจะไม่สนใจต่อเสียงวิจารณ์และการชุมนุมประท้วง โดยได้กล่าวยกย่องทหารที่สามารถปลดปล่อยมัสยิดแดงจากการยึดครองของกลุ่มก่อการร้าย


 


 


การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกญี่ปุ่น ห้ามหาเสียงทางอินเทอร์เน็ต


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - การเลือกตั้งวุฒิสมาชิกญี่ปุ่นเปิดฉากขึ้นแล้ว แต่บรรดาผู้สมัครต้องใช้วิธีเดิม ๆ ในการรณรงค์หาเสียงเนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งควบคุมการหาเสียงอย่างเข้มงวด รวมไปถึงห้ามหาเสียงทางอินเทอร์เน็ต โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและมีอัตราผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในวงกว้าง แต่ทางการห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งวุฒิสมาชิกเปิดเว็บไซต์ใหม่หรือปรับปรุงข้อมูลเว็บไซต์ที่มีอยู่ให้ทันสมัยตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ดังนั้น บรรดาผู้สมัครจึงต้องหันไปใช้วิธีหาเสียงแบบเดิม ๆ ด้วยการนั่งรถตู้พร้อมเครื่องขยายเสียงตระเวนไปตามท้องถนน แจกจ่ายใบปลิว โบกมือที่ใส่ถุงมือขาว ยิ้มและขอคะแนนเสียงจากประชาชนอย่างสุภาพ ศ.ฟิล ดีนส์ จากมหาวิทยาลัยเทมเพิลในกรุงโตเกียวระบุว่า การหาเสียงแบบนี้เท่ากับถอยหลังกลับไปสู่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2


 


ด้านนายคัน ซูซูกิ เป็น ส.ส.ผู้หนึ่งที่ต้องการปรับเปลี่ยนวิธีการหาเสียงให้ทันสมัย เขาเปิดเว็บไซต์เซคเคินด์ไลฟ์ เป็นสำนักงานในโลกเสมือนจริงสำหรับสื่อสารกับประชาชนที่ปกติแล้วไม่ค่อยสนใจฟังนักการเมือง แต่ขณะนี้ต้องปิดสำนักงานดังกล่าวชั่วคราวตามระเบียบเลือกตั้ง นายซูซูกิชี้ว่า กฎหมายเลือกตั้งที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเขียนขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ทศวรรษหลังปี 1950 พร้อมกับถือโอกาสนี้วิจารณ์ระเบียบที่อนุญาตให้ผู้สมัครแต่ละคนแจกจ่ายโปสเตอร์และใบปลิวได้อย่างจำกัด


 


ขณะที่ศ.ยาสุโนริ โซเนะ จากมหาวิทยาลัยเคโอ กล่าวว่า กฎหมายเลือกตั้งของญี่ปุ่นเข้มงวดมาก แต่พรรคการเมืองเองก็ไม่ต้องการให้เปลี่ยนแปลงเพราะต้องการจำกัดกิจกรรมหาเสียงของพรรคอื่น รายงานระบุว่า กลุ่มเป้าหมายของการหาเสียงทางอินเทอร์เน็ตคือเยาวชน เพราะวัยรุ่นญี่ปุ่นอายุ 20 กว่าปีท่องโลกไซเบอร์ถึงร้อยละ 95 แต่สัดส่วนเยาวชนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งกลับมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น


 


 


ผู้พิพากษาคำสั่งให้ประกันตัวนายพลวัง เปา


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -ผู้พิพากษาเดล ดรอซด์ แห่งศาลแขวงสหรัฐ มีคำสั่งให้ประกันตัวนายพลวัง เปา และจำเลยอีก 7 คน ในคดีร่วมกันวางแผนโค่นล้มรัฐบาลลาว แต่ผู้พิพากษาตั้งเงื่อนไขในการประกันตัวอย่างเข้มงวด สำหรับผู้ต้องหาทุกคน โดยเฉพาะนายพลวัง เปา จะได้รับอนุญาตให้อยู่แต่เฉพาะในบ้านที่เวสต์มินสเตอร์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และพบได้เพียงครอบครัว แพทย์และทนายเท่านั้น หากละเมิดสัญญาประกัน ศาลจะยึดบ้านทั้ง 5 หลัง มูลค่ารวม 1 ล้าน 5 แสนดอลลาร์ หรือประมาณ 50 ล้านบาท ที่ใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัวทันที ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คน มีกำหนดขึ้นศาลพิจารณาคำร้องประกันตัวในวันนี้


 


รายงานระบุว่ามีผู้ต้องหาชุดแรกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำในวันพฤหัสบดี เนื่องจากกระบวนการทางเอกสารครบถ้วน ส่วนที่เหลือยังคงต้องรอรวบรวมเอกสารตามกระบวนการปล่อยตัวชั่วคราว


 


นายพลวัง เปา นายทหารชาวม้งของกองทัพลาวเป็นกำลังสำคัญของสหรัฐในการรบสกัดกั้นลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งในเวียดนามและลาว ภายหลังลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าปกครองลาวในปี 2518 ทำให้ชาวม้งนับแสนคนอพยพเข้ามาในไทยและมีผู้ได้รับสิทธิตั้งถิ่นฐานในสหรัฐจำนวนมาก รวมทั้งนายพลวัง เปา


 


 


 


 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net