Skip to main content
sharethis

หมายเหตุกองบรรณาธิการ : "ประชาไท" ได้รับจดหมายฉบับนี้จาก ธงชัย วินิจจะกูล แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ที่เขียนถึงเพื่อนนักสิทธิมนุษยชน ในเวลาก่อนที่องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและในระดับสากลจะขยับตัวเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (ปราบกบฏ) หรือ นปก. ที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ต่อเนื่องมาถึงการเชิญตัวและจับกุมแกนนำทั้ง 9 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.โดยกระบวนการยุติธรรมไทย


 


อย่างไรก็ตาม กองบรรณาธิการเห็นว่า เนื้อหาในจดหมายฉบับนี้น่าจะได้ทวงถามด้านที่อยู่ภายในของใครหลายๆ คนให้ฟื้นตื่นคืนสภาพ จึงได้ขออนุญาตนำมาแปลเพื่อเผยแพร่


 


 


0 0 0


 


 


ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ


แปลโดย พงษ์เลิศ พงษ์วนานต์  


 


 


 


 


ถึง ทุกคน


 


เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่รายการของสมัคร สุนทรเวช ถูกถอดถูกเซ็นเซอร์ออกไป เพราะพูดจาไม่สุภาพต่อเปรม ติณสูลานนท์ ไม่มีกลุ่มสิทธิมนุษยชนหรือปฏิรูปสื่อกลุ่มไหนเลยที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือประท้วง ผมก็เกลียดสมัคร แต่ผมก็คิดว่าการนิ่งเฉยดังกล่าวเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ การนิ่งเฉยบ่งบอกว่านักสิทธิมนุษยชนและนักปฏิรูปสื่อเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้รับใช้การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อุดมการณ์สูงส่งของพวกเขาอาจเป็นสิ่งจอมปลอม คนของพวกเขาก็อาจจะจอมปลอมไม่แพ้กัน


 


คุณอยากจะได้คำสรุปอย่างนี้ไหม? ถ้าไม่อยาก ก็กรุณาเถอะ.....ผมขอร้อง.....คราวนี้ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง


 


ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนต่างเคยได้ยินคำกล่าวอันโด่งดังที่มักอ้างกันในหมู่นักสิทธิพลเมืองอยู่เสมอที่ว่า พวกเขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นต่างจากคนเหล่านั้นมากเพียงใดก็ตาม และผมยังเชื่ออีกด้วยว่าพวกคุณหลายคนคงทราบว่า ทนายที่ว่าความให้กับคลูคลักซ์แคลนนั้น ส่วนใหญ่เป็นทนายจากสมาคมเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberty Union (ACLU)) แม้ว่าสมาคมนี้คือหนึ่งในเป้าหมายหลักของคลูคลักซ์แคลนก็ตาม มีทนายอยู่ไม่มากนักที่เต็มใจจะว่าความให้กับพวกนั้น


 


ACLU เชื่อในสิทธิของผู้ใดก็ตามที่จะมีทนายและได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม ไม่เว้นแม้แต่พวกคลูคลักซ์แคลน


 


ACLU เป็นองค์กรที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากทุกฝ่าย นั่นเป็นเพราะการยึดมั่นในหลักการและความกล้าหาญของพวกเขา


 


คุณคิดไหมว่าประเทศไทยก็ต้องการคนอย่างนี้และองค์กรอย่างนี้ แทนที่จะเป็นพวกที่เลือกข้างและสายตาสั้น?


 


การประท้วงที่จบลงด้วยการปะทะและความรุนแรงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอาจจะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองของพวกเขาอยู่ (เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ เมื่อปีที่แล้ว) การตอบโต้อย่างทันควันของพวกเขาต่อการกดดันของตำรวจอาจดูไม่น่ารัก เรียบร้อย ถูกต้อง หรือสมบูรณ์แบบตามรสนิยมและประสบการณ์อภิชนของเราสำหรับการชุมนุมประท้วง แต่สิทธิในการประท้วงของพวกเขาควรต้องได้รับการปกป้อง อย่างน้อยก็ให้ได้เท่าเทียมกับพันธมิตรในปีที่แล้ว มาตรการที่ไม่จำเป็นของตำรวจและทหารควรได้รับการประท้วง การยกเปรมให้อยู่ในสถานะที่สูงกว่าพลเมืองทั่วไปนั้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และต้องได้รับการวิพากษ์วิจารณ์


 


ถ้าหากองค์กรสิทธิมนุษยชนจะไม่ทำอะไรในคราวนี้เพื่อปกป้องสิทธิที่เท่าเทียมของคนทุกคน ก็รังแต่จะเป็นการตอกย้ำว่า นักสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวในไทยนั้น เป็นเพียงแค่พวกจอมปลอมและเครื่องมือทางการเมือง พวกเขาไม่ได้ยืนหยัดเพื่อหลักการและอุดมการณ์อันสูงส่ง นั่นจะเป็นจุดจบของขบวนการสิทธิและเสรีภาพในเมืองไทย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?


 


เพราะประชาชนไม่สามารถอุ่นใจได้อีกแล้วว่า คราวถัดไปที่เขา/เธอประท้วงอะไรสักอย่าง เขา/เธอจะได้รับการปกป้องหรือไม่ เขา/เธอจะต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นข้างที่นักสิทธิมนุษยชนเลือก


 


สิ่งที่จะสูญเสียไปนั้นมีค่ามหาศาล หากคุณไม่กระทำตามที่ควรจะทำ


 


 


นับถือ (อย่างเศร้าๆ)


ธงชัย วินิจจะกุล   

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net