ข่าวมอนิเตอร์ ประจำวันที่ 28 กรกฎาคม 2550

การเมือง

กกต.ยอมรับอ่อนประชาสัมพันธ์ประชามติรัฐธรรมนูญ ระบุสถานการณ์การเมืองไม่กระทบประชามติ

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค -นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.แสดงความกังวลหลังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีความเข้าใจ และไม่ทราบกำหนดวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  และยอมรับว่ายังอ่อนการประชาสัมพันธ์ แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กกต.จึงเร่งชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ และรับทราบข้อมูล โดยจะใช้แนวทางการเคาะประตูบ้าน ควบคู่ไปกับการใช้สื่อวิทยุ และโทรทัศน์ที่ในขณะนี้ดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 30 ทั้งนี้จะขอความร่วมมือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัดลงพื้นที่เคาะประตูบ้านให้ความรู้ประชาชน

         

"เขาจะมีในทีวี ในวิทยุก็มี มันไม่มีอะไรดึงดูดใจ ไม่เหมือนการเลือกตั้ง การเลือกตั้งเนี่ยจะมี สส.ลงพื้นที่ ก็คงทราบ สิ่งที่จูงใจคือเงิน อาจจะมีลักษณะนั้นก็ได้"

 

นางสดศรี มั่นใจว่าสถานการณ์ทางการเมือง จะไม่ส่งผลกระทบกับการออกเสียงประชามติในครั้งนี้ โดยจากการเดินทางลงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าสุดไม่พบว่ามีการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในการชี้นำประชาชน

 

 

พล.อ.สนธิ กำชับ ผบ.เหล่าทัพเร่งรณรงค์ลงประชามติร่าง รธน.

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.กล่าวถึงการเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนออกมาลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในการประชุม คมช.ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แจ้งให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพสั่งการไปยังหน่วยขึ้นตรงทำ ความเข้าใจกับกำลังพล ครอบครัว และพลทหาร โดยให้วิทยากรเหล่าทัพที่ได้รับการอบรมเรื่องนี้ ไปช่วยชี้แจงกับประชาชน ขณะเดียวกันรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด จะประสานกับ จังหวัด และ กระทรวง ทบวง กรม เพื่อให้หน่วยงานของตนเองลงไปชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องการลงประชามติ กับประชาชนไปพร้อม ๆ กัน

         

สำหรับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการลงประชามติ เพราะประชาชนในภาคใต้ส่วนใหญ่สนใจการเมือง ส่วนเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จังหวัด คงจะเข้ามาช่วยกันดูแลประธาน คมช.กล่าวด้วยว่า ไม่รู้สึกกังวลว่า ประชาชนจะไม่ออกมาลงประชามติ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเร็วที่สุด แต่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ ต้องนำไปสู่การรับร่างรัฐธรรมนูญ

 

 

ทหารบุรีรัมย์กว่า 200 นาย ฝึกความพร้อมรับเหตุรุนแรง-ควบคุมฝูงชน

ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ (ผบ.จทบ.) ได้นำกำลังพลในหน่วยจำนวน 268 นาย ทำการฝึกซ้อมการต่อสู้ด้วยมือเปล่า การปราบจลาจลและการควบคุมฝูงชน ด้วยสันติวิธีโดยไม่ใช้ความรุนแรง ตามโครงการ "สัปดาห์แห่งความพร้อมรบในสนาม" ซึ่งเป็นนโยบายของกองทัพภาคที่ 2 ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าระงับเหตุต่างๆ ในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ให้อยู่ในความสงบ ทั้งการชุมนุมประท้วง หรือเคลื่อนไหวของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความรุนแรงสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศชาติบ้านเมือง และสร้างความเดือดร้อนใหกับประชาชนได้

         

พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ กล่าวว่า ในการจัดฝึกสัปดาห์แห่งความพร้อมรบในสนามดังกล่าว เป็นนโยบายของกองทัพภาคที่ 2 เน้นให้กำลังพลมีความพร้อมในการเข้าระงับเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัด โดยจะใช้เวลาในการฝึกทั้งหมด 7 วัน

         

อย่างไรก็ตามถึงแม้ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดจะยังไม่มีการชุมนุมเคลื่อนไหว หรือก่อเหตุความรุนแรง แต่ก็ต้องมีการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไว้ตลอดเวลา

 

 

ทีมทนาย"ทักษิณ" ยื่น คตส.ถอนอายัดทรัพย์

เว็บไซต์แนวหน้า -นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ทีมกฎหมายและตัวแทนมูลนิธิไทยคม ได้เดินทางไปยังคตส.เพื่อยื่นหนังสือขอเพิกถอนการอายัดทรัพย์แล้ว ร่วมถึงยังมีตัวแทนบริษัทเอสซี ออฟฟิส พลาซ่า ได้เข้ายื่นหนังสือขอเพิกถอนอายัดทรัพย์ 2  พันล้านบาท จึงขอให้คตส.พิจารณาไต่ส่วนการขอเพิกถอนดังกล่าวภายใน 7 วัน ตามที่นายแก้วสรร อติโพธิ คตส. ได้เคยบอกไว้ว่าถ้ามีการเพิกถอนทางคตส.จะเร่งพิจารณาโดยเร็วที่สุด ทางทีมทนายจึงขอให้พิจารณาโดยเร็ว เนื่องจากมีเงินส่วนหนึ่งที่บริจาคเข้ามูลนิธิไทยคม และเป็นเงินที่จะนำไปบริจาคใหกับเด็กยากจน

 

นอกจากนี้มูลนิธิไทยคมได้เตรียมเงินที่จะใช้ในการผลักดันเยาวชนไทยเข้าสโมสรแมนฯซิตี้ด้วย อยากให้คตส.ร่วมทำบุญ เช่นตระกูลชินวัตรที่บิริจาคเงินเข้ามูลนิธิไทยคมปีละเกือบพันล้านบาท เชื่อว่าคตส.น่าจะใจบุญ

 

 

วอร์รูม เปิดตัวเว็บโต้"ทรูทักษิณ" คาดใช้ชื่อ "ทรูไทยแลนด์"

กระแสหุ้นออนไลน์ -นายประสาร มฤคพิทักษ์  ประธานศูนย์ประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ (ศปชท.) เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤตและประชาสัมพันธ์เชิงรุก (วอร์รูม) ร่วมกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีการจัดทำเว็บไซต์ตอบโต้เว็บทรูทักษิณ (www.truethaksin.com) ว่าที่ประชุมได้ผลสรุปในการจัดทำเว็บไซต์ขึ้นใหม่ แทนการใช้เว็บรักเมืองไทย โดยมอบหมายให้ศปชท.เป็นแกนหลักในการจัดทำเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งจากนี้จะเป็นขั้นตอนการเตรียมการหาข้อสรุปในการดำเนินการ

         

ทั้งในส่วนเนื้อหา ผู้รับผิดชอบ และรูปแบบเว็บไซต์ ซึ่งจะมีการแถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ในช่วงบ่าย วันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล

         

อย่างไรก็ตาม นายประสาร กล่าวว่า สำหรับชื่อของเว็บไซต์ ในเบื้องต้นได้มีการเสนอมาอย่างหลากหลาย อาทิ www.truethailand.com และทักษิณซีโร่,ทักษิณ เก็ทเอาท์ ทั้งนี้ยังต้องรอข้อสรุปอย่างเป็นทางการจากที่ประชุมศปชท.ต่อไป

 

 

ค้นบ้านอดีตส.ส.ทรท.พบเอกสารต้านรัฐธรรมนูญ-คมช.-ป๋าเปรม

เว็บไซต์คมชัดลึก -  ทหารกองทัพภาคที่ 3 ใช้กฎอัยการศึกสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกำแพงเพชร ประมาณ 35 นาย ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคไทยรักไทย พบเอกสาร ซีดี เสื้อที่เกี่ยวกับการเชิญชวนประชาชนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยนำเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบเนื้อหาว่า มีเนื้อหาที่จะทำให้ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือไม่

 

พ.ต.ณรงค์ชัย เจริญชัย ผช.หน.ฝ่ายกิจการพลเรือน กองพลทหารราบที่ 4 ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่ทำตามหน้าที่ ป้องปรามไม่ให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง

 

ด้าน พ.ต.ท.ไวพจน์ กล่าวว่า ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ยินดีให้ยึดเอกสารและแผ่นซีดีไปตรวจสอบ ซึ่งหากตรวจสอบเสร็จแล้วจะขอคืนเพื่อทำงานทางการเมืองต่อ ที่ผ่านมายืนยันว่า ตนทำกิจกรรมทางการเมืองด้วยความเปิดเผยมาโดยตลอด

 

ส่วน พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ทหารได้จับตามอง พ.ต.ท.ไวพจน์ พบว่า เป็นหนึ่งในแกนนำเคลื่อนไหว นปก.ตามเวทีต่างๆ จึงเชื่อว่าน่าจะอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวปั่นป่วน สร้างความวุ่นวายให้แก่บ้านเมือง จึงส่งกำลังเข้าตรวจตามประกาศกฎอัยการศึกที่ยังประกาศครอบคลุมพื้นที่ จ.กำแพงเพชร อยู่ ซึ่งจากการตรวจสอบก็พบหลักฐานดังกล่าวจริง และยังพบการติดตั้งเครื่องมือสื่อสาร เสาวิทยุที่สูงไว้ในบ้าน คาดว่าไว้ดักฟังความเคลื่อนไหวของทางหน่วยงานราชการจากบ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะเคยเป็นอดีตตำรวจ มีความชำนาญการด้านนี้ ซึ่งความผิดเรื่องนี้คงต้องให้ทางไปรษณีย์กำแพงเพชรเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาควบคุม

 

"ทหารจับตามองมานานแล้ว เพราะในช่วงพิจารณาคดียุบพรรค ส.ส.ไวพจน์ เคยประกาศว่าจะเอามวลชนมาชุมนุมเคลื่อนไหวที่หน้าศาลากลางจังหวัด หลังจากนั้นก็เคลื่อนไหวเป็นแกนนำกลุ่ม นปก.หลายจังหวัดทางภาคเหนือ เคยเห็นหน้าประจำ และเคยขึ้นเวทีด่าทหารที่เวที จ.น่าน จึงเชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คมช. ป๋าเปรม และเชิญชวนให้ประชาชนลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ พฤติกรรมทุกอย่างเชื่อมโยงหมด จึงต้องตรวจสอบหลักฐานที่ได้ก่อน เวลานี้ไม่ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.ไวพจน์ ไว้แต่อย่างใด" แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าว

 

 

"สุชน ชาลีเครือ" ดอดตั้งพรรค "ไทยรวมไทย" ใช้ชื่อย่อ "พทท."ชิงตัดหน้ากลุ่มทรท.

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -   นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการจดแจ้งตั้งพรรคการเมืองใหม่ว่า พรรคไทยรักไทย จะจดชื่อใหม่ในชื่อเดิมไม่ได้ หรือถ้าจะจดในชื่อพรรคไทยรวมไทย สามารถทำได้ แต่จะใช้ชื่อย่อ ทรท.ไม่ได้ 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรครักษ์แผ่นดินไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ระหว่างตุลาการรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณาว่าจะสั่งยุบพรรคหรือไม่ มีนายประหยัด ชอระชาญ เป็นหัวหน้าพรรค ได้แจ้งนายทะเบียนเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ว่า ทางพรรคได้มีมติขอเปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคไทยรวมไทย โดยมีชื่อย่อ พทท. และให้นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา เป็นหัวหน้าพรรค และ มีนางเมริสสา โสภาพรรณวดี เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่  ที่เมืองทองธานี ค่ำวันนี้ ในงานระดมทุนของพรรคชาติไทย มีกลุ่มแกนนำพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรค พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หัวหน้าพรรคมหาชน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายพินิจ จารุสมบัติ นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายปรีชา เลาหะพงศ์ชนะ แกนนำกลุ่มแนวร่วมสมานฉันท์การเมือง และนายวัฒนา อัศวเหม อดีตหัวหน้าพรรคราษฎร  

 

ทั้งนี้ไฮไลต์ของงาน คือ การปาฐกถาภายใต้หัวข้อ "ไทยประสานใจนำชาติไทยให้รุ่งเรือง"โดยนายบรรหาร และมีศิลปินรับเชิญแสดงบนเวที ได้แก่ มาช่า วัฒนพานิช ปาน ธนพร แวกประยูร และนายทัช ณ ตระกั่วทุ่ง ทั้งนี้ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ ปลื้ม พิธีกรชื่อดัง และ น.ส.จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ ทำหน้าที่พิธีกรตลอดงาน

 

 

กม.มั่นคงฯ คืบ ครม.รับหลักการส่งกฤษฎีกาปรับ

เว็บไซต์คมชัดลึก - นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงาน ฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติของรัฐบาล (กนร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่า กนร.จะต้องเป็นผู้พิจารณาว่า พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรยังเป็นกฎหมายเร่งด่วนของรัฐบาลหรือไม่ว่า ตอนนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับหลักการร่างกฎหมายฉบับนี้ไปแล้ว และ ครม.จะต้องส่งไปให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา พร้อมกับความคิดเห็น เพื่อประกอบการพิจารณา ขณะนี้จะยังไม่มีการดึงร่างกฎหมายดังกล่าวกลับหรือเดินหน้าต่อ จนกว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตรวจร่างเสร็จ หลังจากตรวจร่างเสร็จก็ต้องให้ ครม.พิจารณาเพื่อดำเนินการต่อไป และ ครม.จะเป็นผู้พิจารณาขั้นสุดท้ายว่าจะส่งร่างกฎหมายนี้หรือไม่

 

ส่วนกรณีที่ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ชี้แจงในที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีความจำเป็นนั้น ประธานคณะกรรมการประสานงาน ฝ่ายนิติบัญญัติแห่งชาติของรัฐบาล กล่าวว่า เป็นความจำเป็นของฝ่ายความมั่นคง เหตุผลนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่เมื่อมีเสียงคัดค้าน วิพากษ์วิจารณ์ จึงให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาถึงข้อดีข้อเสีย เมื่อปรับร่างเรียบร้อยจึงจะส่งมาให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง สำหรับร่างกฎหมายที่อยู่ใน กนร.ขณะนี้ยังไม่มีเพิ่ม โดยร่างกฎหมายเร่งด่วนมีอยู่ประมาณ 50 ฉบับ และจะน้อยลงเรื่อยๆ

 

 

คุณภาพชีวิต

"พลังงาน"เล็งขยายรับซื้อไฟฟ้าไอพีพีเพิ่ม

เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานสัมมนานโยบายพลังงานกับทางเลือกของภาคอุตสาหกรรม วานนี้ (27 ก.ค.) ว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาที่จะขยายการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) รอบใหม่ จากกำหนดเดิมไว้ประมาณ 3,200 เมกะวัตต์ เพื่อเข้าสู่ระบบในช่วงปี 2555-2557

 

เนื่องจากพบว่าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะโครงการในประเทศลาวเกิดความล่าช้า เมื่อเทียบกับโครงการประมูลไอพีพีรอบใหม่ ที่ผู้ประกอบการสนใจซื้อซองประมูลไอพีพี จนถึงวานนี้ ถึง 60 สัญญา ซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันเสนออัตราค่าไฟฟ้า จนทำให้ประชาชนได้รับค่าไฟฟ้าในอัตราที่เหมาะสมได้ รวมทั้งการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (เอสพีพี) ประเภทพลังความร้อนร่วม (โคเจเนอเรชั่น) ก็มีผู้ประกอบการสนใจถึง 19 ราย ปริมาณเสนอขายรวม 1,400 เมกะวัตต์ ขณะที่ประกาศรับซื้อเพียง 500 เมกะวัตต์เท่านั้น รวมถึงผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (วีเอสพีพี) ก็เสนอขายไฟฟ้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อโครงการผลิตไฟฟ้าในประเทศลาว ไม่มีความคืบหน้า ก็สมควรที่จะเพิ่มการรับซื้อไฟฟ้าภายในประเทศเป็นหลักแทน

 

สำหรับโครงการที่กระทรวงพลังงานจะทำให้เสร็จภายในรัฐบาลนี้ คือ การประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เพื่อนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 2.4 แสนล้านบาทในช่วง 25 ปี ซึ่งเป็นเรื่องยากที่ กฟน.จะจัดหาเงินลงทุนมาลงเอง กระทรวงพลังงานจึงมีแนวคิดที่จะสร้างแรงจูงใจ ด้วยการปรับสูตรผลตอบแทนการลงทุน (ROIC ) ของ กฟน. เพื่อให้มีงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้

 

นอกจากนี้ยังจะปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี รวมถึงการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ให้สอดคล้องกับต้นทุนจริงมากขึ้น และจะส่งเสริมให้มีการลดค่าผ่านท่อน้ำมัน เพื่อให้เกิดการขนส่งน้ำมันทางท่อให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีการขนส่งน้ำมันโดยรถยนต์สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่า

 

ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าวในตอนท้ายว่า การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น อยู่ระหว่างการรอสัญญาณว่า แต่ละพรรคการเมืองที่ต้องการเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่ จะมีแนวทางในการใช้เงินกองทุนฯ ภายหลังชำระหนี้เสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ -ต้นปีหน้าอย่างไร หากมีแนวโน้มจะใช้เงินเพื่อก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า ก็จะดูแลเงินสำหรับโครงการดังกล่าว รองรับการเข้ามาบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ แต่หากไม่มีสัญญาณใดออกมา ก็จะเตรียมโครงสร้างสำหรับการลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ต่อไป

 

สธ.เปิดโครงการ "ยืดอก พกถุง" สร้างค่านิยมเยาวชนต้านเอดส์

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น -นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดตัวโครงการ "ยืดอก พกถุง" และคอนเสิร์ต ปาล์มมี่ "ยืดอก พกถุง" ครั้งที่ 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนโลกเพื่อการต่อสู้กับโรคเอดส์ เพื่อรณรงค์สร้างทัศนคติให้คนไทยและเยาวชนไทย ให้กล้าซื้อถุงยางอนามัย กล้าพกติดตัว และใช้ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ เช่นเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัสต่างๆ เช่นเดียวกับการป้องกันโรคทางเดินอาหารต้องใช้ช้อนกลางตักอาหาร การมีเพศสัมพันธ์ก็เช่นกันต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันโรคซึ่งจะป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนซึ่งอายุยังน้อย เป็นอนาคตของชาติ ต้องคำนึงถึงอนาคตตนเองด้วย และเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น โดยมี 13 ศิลปินร่วมบอกเล่าประสบการณ์ความรักในช่วงวัยรุ่น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นมุมมองวัยรุ่นและการแสดงความรับผิดชอบต่อความรัก และออกบูธกิจกรรม

         

นายแพทย์มงคลกล่าวว่า ขณะนี้สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหากลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมีบางกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ที่สำคัญคือการติดเชื้อเอชไอวี การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ การทำแท้ง ทำให้อนาคตดับมืดลง คาดการณ์ว่าในปีที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในไทยประมาณ 16,000 ราย กว่า 1 ใน 3 เป็นเยาวชนหญิง และแม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามี รองลงมาคือกลุ่มชายรักชาย ร้อยละ 24 จากรายงานผู้ป่วยโรคเอดส์ทั่วประเทศของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่กันยายน 2547 - มิถุนายน 2550 พบว่าผู้ป่วยโรคเอดส์ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 25 - 34 ปีประมาณร้อยละ 50 นั่นหมายถึงว่าคนกลุ่มนี้ติดเชื้อเอชไอวีมาตั้งแต่อายุ 15-24 ปี และในกลุ่มเยาวชนอายุ 15 - 19 ปี พบว่าเพศหญิงป่วยเป็นเอดส์สูงกว่าเพศชายถึง 2 เท่าตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

         

นายแพทย์มงคลกล่าวต่อว่า สาเหตุที่เยาวชนติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การสอนเด็กเรื่องเพศศึกษายังไม่ครอบคลุมในสถานศึกษาทุกแห่ง และพ่อแม่ไม่กล้าสื่อสารหรือพูดคุยเรื่องเพศกับลูก ทำให้เด็กไทยขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย โดยมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนหรือคู่รักต่ำกว่าร้อยละ 50 จากการสำรวจพฤติกรรมวัยรุ่นในปี 2549 พบว่าวัยรุ่นชายร้อยละ 17 วัยรุ่นหญิงร้อยละ 9 มีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 80 มีเพศสัมพันธ์กับคนรัก โดยใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 47 ส่วนวัยรุ่นหญิงใช้ถุงยางอนามัยร้อยละ 39 หากปล่อยปัญหานี้ไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าโรคเอดส์จะหวนกลับมาแพร่ระบาดในประเทศไทยแน่นอน จึงต้องเร่งรณรงค์ป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มเยาวชนเป็นการด่วน โดยให้ใช้ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ทางเพศสัมพันธ์ที่ดีและถูกที่สุด และหากจะให้ดีกว่านี้ คือการไม่มีเพศสัมพันธ์จะปลอดภัยที่สุด

         

จากการสอบถามวัยรุ่นที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัย พบว่าส่วนใหญ่อายผู้ขายโดยเฉพาะที่เป็นผู้หญิง จึงไม่กล้าซื้อ และไม่กล้าพกติดตัว วัยรุ่นเชื่อว่าคนที่พกถุงยางอนามัย เป็นคนเซ็กส์จัด หมกมุ่นเรื่องเพศ และไม่กล้าใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนเพราะเกรงว่าแฟนจะคิดว่าตนรู้สึกรังเกียจ ไม่รัก ไม่ไว้ใจ จะใช้เฉพาะกับผู้ขายบริการทางเพศเท่านั้น ซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เพราะทุกคนมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้ รวมทั้งคนที่ดูจากภายนอกว่ามีสุขภาพดีอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้ ไม่เฉพาะแต่ผู้ขายบริการทางเพศเท่านั้น" นายแพทย์มงคล กล่าว

         

ทางด้านนายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การรณรงค์สร้างทัศนคติให้เยาวชนไทยใช้ถุงยางอนามัยเพื่อลดปัญหาเอดส์ จะดำเนินการไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2550 โดยในวันที่ 18 สิงหาคม 2550 จะมีคอนเสิร์ตยืดอก พกถุง ครั้งที่ 2 ที่ศูนย์การค้ากาดสวนแก้ว จ.เชียงใหม่ และจัดนิทรรศการสัญจร 6 ครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนทุกกลุ่ม ได้แก่เยาวชนในชุมชนที่จังหวัดลำปางและอุดรธานี เยาวชนในสถานประกอบการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนครปฐม เยาวชนในสถานศึกษาที่จังหวัดราชบุรี และนครศรีธรรมราช รวมทั้งจัดทำสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ และจะขยายผลไปยังประชากรกลุ่มอื่น ๆ ต่อไป

         

ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบความสำเร็จในการป้องกันโรคเอดส์ โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงอย่างชัดเจนเหลือเพียง 1 ใน 9 ของเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่ขณะนี้เริ่มมีแนวโน้มว่าโรคเอดส์จะกลับมาแพร่ระบาดขึ้นอีก คณะผู้เชี่ยวชาญคาดว่าในปี 2550 ไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมประมาณ 1,102,628 ราย เสียชีวิตประมาณ 558,895 ราย เหลือผู้ที่ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณ 546,578 ราย นายแพทย์ธวัชกล่าว

 

 

กมธ.แรงงาน ตรวจไทยศิลป์ -พบขายทรัพย์สินคืบตามลำดับ

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - เมื่อเวลา 11.30 น . วันที่ 27 ก.ค.พล.อ.สมชาย อุบลเดชประชารักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมด้วย นายมนัส โกศล รองประธานกรรมาธิการและ นายทรงพล ทิมาศาสตร์ เลขานุการคณะกรรมาธิการ พร้อมคณะ ได้เดินทางมาที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ

         

เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างพนักงานบริษัทไทยศิลป์ อาคเนย์ อิมปอร์ต จำกัด และ นายจ้าง โดยมีนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

         

ซึ่งผลการตรวจสอบการขายทรัพย์สินของนายจ้างบริษัทไทยศิลป์ พบว่าล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ทางนายจ้างและพนักงาน ร่วมกันขายทรัพย์สินของทางบริษัทมียอดเงินรวมจากการขายทรัพย์สินจำนวน 22.8 ล้านบาท เหลือเพียงทรัพย์สินที่เป็นเครื่องจักรจำนวน 2,800 เครื่อง ที่ยังไม่ได้ขายซึ่งประเมินมูลค่าประมาณ 50 - 60 ล้านบาท

         

ซึ่งในขณะนี้มีผู้ที่สนใจจำนวนมากเข้ามาดูแต่เนื่องจากเป็นสินค้าล๊อตใหญ่คงต้องใช้เวลาในการพิจารณา นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอีกประมาณ 39 รายการ คาดว่าน่าจะจำหน่ายได้ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งในวันนี้ทางนายจ้างได้นัดชำระเงินค่าแรงให้แก่ลูกจ้างรายเดือน ที่ยังไม่ได้รับค่าแรงอีกประมาณ 1,000 คน

         

ส่วนผลการสรุปสาเหตุการปิดโรงงานของบริษัทไทยศิลป์ พบว่าส่วนหนึ่งมาจากการแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงการถูกตัดออเดอร์เนื่องจากความปลอดภัย ในสถานประกอบการไม่ได้มาตรฐาน หลังจากเกิดเหตุในสถานประกอบการหลายครั้ง และไม่มีการวางมาตรการแก้ไขปรับปรุงบริษัทที่สั่งออเดอร์จึงตัดออเดอร์การสั่งผลิต เนื่องจากบริษัทที่สั่งออเดอร์ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศจึงเข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยในสถานประกอบการ

         

พล.อ.สมชาย กล่าวว่า การที่ทางคณะกรรมาธิการแรงงานและสวัสดิการสังคม สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเดินทางมาในวันนี้ เพื่อรับทราบการแก้ปัญหาของบริษัทไทยศิลป์ จากนั้นจะนำกลับไปเข้าประชุมหาทางแก้ไข ส่วนปัญหาของบริษัทไทยศิลป์ ทราบว่าในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างและปฎิบัติตามกฎหมายของแรงงาน

         

ส่วนที่ปัญหาดังกล่าวที่ยังแก้ไขไม่จบนั้น เนื่องจากเกิดการล่าช้านิด เพราะทางนายจ้างของบริษัทไทยศิลป์ ต้องหาเงินมาชดเชยให้แก่ลูกจ้างตอนนี้ก็รอเวลาในการขายทรัพย์สินของทางบริษัทเท่านั้น ก็คงจะจ่ายค่าแรงค่าชดเชยให้แก่พนักงานได้ครบ

         

ส่วนในส่วนสาเหตุที่ทางบริษัทไทยศิลป์ ต้องปิดตัวลงคาดว่าน่าจะเกิดจากการบริหารจัดการไม่เพียงพอมากกว่า เพราะว่าออเดอร์ในระยะหลังเท่าที่ทราบมา บางออเดอร์ ก็โดนระงับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

 

 

ต่างประเทศ

นายกฯ ภูฏาน ลาออก เปิดทางเลือกตั้งครั้งแรก

ศูนย์ข่าวแปซิฟิค- นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี 6 คนของราชอาณาจักรภูฏานลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้กับการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาครั้งแรกของประเทศ ซึ่งจะเป็นกระบวนการไปสู่การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย  บริการกระจายเสียงภูฏาน ซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลรายงานว่า สมาชิกในคณะรัฐมนตรีทั้ง 7 คน กราบบังคมทูลลาออกต่อกษัตริย์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เมื่อวานนี้  โดยจะพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคมนี้

         

ภูฏานปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2450 แต่เมื่อมาถึงกษัตริย์องค์ที่ 4 คือ กษัตริย์จิกมี ซิงเย วังชุก พระราชบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงวางพื้นฐานเพื่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษหลังปี 2533 โดยที่กษัตริย์จิกมีจะเป็นผู้สานต่อพระราชประสงค์ ซึ่งภูฏานจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกในปีหน้า

         

อย่างไรก็ตาม กษัตริย์จิกมีจะยังคงดำรงตำแหน่งพระประมุขของประเทศหลังการเลือกตั้งและยังคงมีพระราชอำนาจอย่างกว้างขวาง แต่รัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งสามารถลงมติถอดถอนพระองค์ได้หากได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3

 

 

พม่าขวางตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียน

เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างทูต 2 คนประจำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ว่า พม่าได้คัดค้านข้อเสนอตั้งหน่วยงานสิทธิมนุษยชนประจำภูมิภาค ภายใต้กฎบัตรอาเซียนซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการร่างโดยชาติสมาชิก

         

ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากชาติที่มีแนวคิดเสรีมากกว่า เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และไทย และเป็นหนึ่งในประเด็นโต้แย้งที่ทำให้การร่างกฎบัตรอาเซียนไม่สามารถเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากสมาชิกบางชาติมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน เช่น พม่า

         

อาเซียนซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2510 ได้ตัดสินใจร่างกฎบัตรเพื่อยกระดับอาเซียนให้กลายเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับมากขึ้น และชาติสมาชิกหวังจะลงนามรับรองกฎบัตรในการประชุมสุดยอดผู้นำ เดือนพฤศจิกายนนี้ คณะทำงานระดับสูงของอาเซียนได้ร่างกฎบัตรเสร็จสิ้นไปแล้ว 95% และวางแผนจะเสนอร่างฉบับสมบูรณ์ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ ในวันจันทร์ (30 ก.ค.)

         

ทูตชาติต่างๆ เห็นพ้องให้มีการรับประกันการปกป้องสิทธิมนุษยชนในร่างกฎบัตรอาเซียนด้วย แต่พม่าปฏิเสธข้อเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนเป็นการเฉพาะ ขณะที่เอพีรายงานว่า ร่างกฎบัตรฉบับปัจจุบันเสนอให้มีการเคารพเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชน และสนับสนุนความยุติธรรมในสังคม แต่ไม่ได้ระบุถึงการตั้งคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน

         

อย่างไรก็ดี สมาชิกอาเซียนบางชาติวิตกว่า การตั้งคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนอาจนำไปสู่การตรวจสอบสถานการณ์ในชาติสมาชิกอย่างละเอียด และอาจเป็นการละเมิดนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในชาติสมาชิกของอาเซียน ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนร้องเรียนว่า นโยบายดังกล่าวถือเป็นการส่งเสริมชาติสมาชิกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท