Skip to main content
sharethis

 


การเมือง



 


ส.ส.ร.แฉกลยุทธ์โค่นรธน.บิดเบือน3ประเด็น


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญและประชาสัมพันธ์ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้ให้ผู้แทนกมธ.แต่ละภาคมารายงานความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคในการเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกภาคได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ทำให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น แต่ปัญหาคือเวลามีน้อย


 


อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการพยายามทำให้ร่างรัฐธรรมนูญเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับชาวบ้าน ฉบับการ์ตูน ฉบับภาษายาวี อักษรเบรลสำหรับคนตาบอด ซีดีบรรยายเป็นภาพ โดยมีล่ามภาษามือสำหรับคนพิการทางหู รวมทั้งยังมีวิดีโอออกเป็นชุดเพื่อเผยแพร่ทางทีวี ในลักษณะที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ


 


ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ประธานกมธ.วิสามัญประสานการมีส่วนร่วมและการประชามติ ส.ส.ร. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัดพบว่า ประชาชนส่วนมากตอบรับร่างรัฐธรรมนูญค่อนข้างดี แต่บางกลุ่มที่กล่าวหาในลักษณะไม่เป็นความจริง เช่น ระบุว่ารัฐธรรมนูญมีความเป็นอำมาตยาธิปไตย ให้อำนาจข้าราชการมาก ตนขอท้าให้ระบุมาเลยว่ามาตราไหนที่ให้อำนาจข้าราชการมากไปกว่ารัฐธรรมนูญ ปี 40


 


นอกจากนี้ ยังพบความพยายามบิดเบือนที่อาจผิดกฎหมาย 3 ลักษณะ คือ 1.มีการนำร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมาบิดเบือนเป็นรัฐธรรมนูญหาว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้อำนาจผู้บัญชาการทหารบกและทหาร ทั้งที่ร่างพ.ร.บ.ความมั่นคงฯไม่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญเลย


 


2.มีพระระดับเจ้าอาวาสในจ.สระแก้ว บิดเบือนเรื่องที่ส.ส.ร.ไม่บรรจุเรื่องศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ จนกลายเป็นว่ากมธ.ยกร่างฯได้ตัดคำว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะออก ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลย


 


ส่วนที่มีข่าวการจ่ายเงินให้ประชาชนล้มร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า มีการดำเนินการในเรื่องนี้จริงในจังหวัดบุรีรัมย์ สกลนคร และอุดรธานี ซึ่งตนได้บอกกับกกต.และเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเรื่องนี้ต้องสืบให้ได้จริงต้องหาพยานหลักฐานจนมั่นใจแล้วจับเพื่อเป็นคดีตัวอย่าง


 


อย่างไรก็ตามประชาชนกลุ่มที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือ กลุ่มที่บอกว่าอ่านแล้วเข้าใจยาก เพราะต้องยอมรับว่าเข้าใจยากจริง ๆ ซึ่งจะทำให้คนกลุ่มนี้ถูกซื้อได้ง่าย ส่วนกลุ่มที่ตนห่วงน้อยที่สุดคือ กลุ่มที่รัฐธรรมนูญดีอย่างไรก็ไม่รับ เป็นพวกหวนหาอำนาจเก่า อ้างว่าไม่รับเพราะมาจากรัฐประหาร แต่ไม่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่าในช่วงที่มีอำนาจมีเสียงในสภามากทำไมถึงไม่แก้รัฐธรรมนูญปี 40


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ส.ร.คาดหวังว่าจะมีประชาชนมาลงประชามติจำนวนเท่าไหร่รัฐธรรมนูญจึงจะมีความชอบธรรม นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า หากการลงประชามติใช้เกณฑ์เดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปที่มีผู้สมัครพรรคเดียวก็จะใช้มาตรฐาน 20 เปอร์เซนต์เห็นชอบก็ถือว่ามีความชอบธรรม แต่ส่วนตัวเห็นว่าผู้ใช้สิทธิน่าจะมีเกินครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิทั้งหมด


 


 


วิป สนช.ตั้งโคทมสอบ กมธ.ฉาว


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นายอรรคพล สรสุชาติ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกฤษฎีกาสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. เปิดเผยภายหลังการประชุมวิป สนช.ว่าที่ประชุมมีมติตั้งคณะกรรมการ 3 คนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีหน่วยงานร้องเรียนว่าคณะกรรมาธิการคณะหนึ่งของ สนช.ดำเนินการตรวจสอบทุจริตเกินหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งประกอบด้วย นางจุรี วิจิตรวาทการ นายโคทม อารียา และนายกำธร อุดมฤทธิรุจน์ โดยในเบื้องต้นของการตรวจสอบจะเกี่ยวกับการประชุมของกรรมธิการของแต่ละคณะว่าเป็นไปตามข้อบังคับของการประชุมหรือไม่ เพื่อจะได้วางกรอบการปฏิบัติงานของกรรมาธิการ ทั้งนี้ในที่ประชุมไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาในการสอบสวนไว้แต่คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานเนื่องจากมีกรรมาธิการคณะเดียวที่ถูกร้องเรียน


 


อย่างไรก็ตามโฆษกวิปสนช.ระบุอีกว่าที่ประชุมยังไม่ได้ชี้ว่ากรรมาธิการชุดดังกล่าวมีความผิด


 


 


เสนอศาลออกหมายจับพ.ต.ท.เสนอสินบนยุบพรรค


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วยผบ.ตร.)เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคการเมือง กรณีนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น เข้าร้องทุกข์ให้รรท.ผบ.ตร.ดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงในศาลยุติธรรมและข้าราชการตำรวจยศ "พ.ต.อ." ซึ่งจบจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รุ่น 2509 ในฐานความผิดให้สินบนแก่ตุลาการรัฐธรรมนูญ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 167 และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกำหมายอาญามาตรา 157


 


พล.ต.ท.จงรักกล่าวว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ก็ได้สอบปากคำผู้ใหญ่ระดับผู้พิพากษาที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ รวมทั้ง มล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกาซึ่งเป็นหนึ่งในคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้การยืนยันว่า ถูกเสนอสินบนเป็นเงิน 30 ล้านบาท จากการสอบปากคำทั้งหมดทำให้สามารถสรุปสำนวนเพื่อขออนุมัติหมายจับนายตำรวจยศ "พ.ต.อ." ดังกล่าวได้ โดยวันที่ 8 สิงหาคม เวลา 09.00 น.จะเดินทางไปยังศาลอาญาเพื่อขออนุมัติหมายจับด้วยตนเอง ซึ่งพยานหลักฐานที่จะนำไปขออนุมัติหมายจับนั้นเป็นคำให้การของพยานบุคคลซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้พิพากษาและอดีตผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ซึ่งให้การน่าเชื่อถือทั้งสิ้น


 


"รายละเอียดของสำนวนยังเปิดเผยไม่ได้ แต่ยืนยันว่าการกระทำของผู้ต้องหามีมูลความผิด ยืนยันในหลักฐานชัดเจนว่า ติดต่อให้สินบน ส่วนอีกคนที่เป็นข้าราชการศาลยุติธรรมนั้นต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของศาลฎีกา ชุดของนายวิรัช ลิ้มวิชัย รองประธานศาลฎีกาก่อน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะถือปฏิบัติไปในแนวทางนั้น เชื่อว่าไม่มีการช่วยเหลือกัน การสอบสวนเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เนื่องจากเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ และศาลฎีกาสอบสวนเอง" พล.ต.ท.จงรักกล่าวและว่า พยานหลักฐานยืนยันสอดพ้องต้องกัน โดยเฉพาะมล.ไกรกฤกษ์ให้การยืนยันชัดเจน ก็ถือว่าหลักฐานเพียงพอ ชัดเจน แม้มีการเสนอสินบนแต่ไม่มีการตอบรับก็ตาม ตามกฎหมายถือว่าเมื่อมีการเสนอให้ ไม่จำเป็นต้องรับกันจริง ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ต้องดำเนินคดี


 


เมื่อถามถึงกรณีที่โฆษกศาลยุติธรรมแถลงว่าผลการสอบสวนเรื่องนี้ข้อเท็จจริงมีมูล พล.ต.ท.จกรักกล่าวว่า คงต้องให้สำเร็จเป็นทางการก่อน เพราะที่ทราบยังเป็นเพียงข่าวยังไม่ถึงขั้นตอนสุดท้าย ส่วนการจะจับกุม "พ.ต.อ."คนดังกล่าวหรือไม่นั้น ต้องรอฟังคำสั่งศาลก่อน โดยตำรวจพร้อมดำเนินการทันที ส่วนจะสามารถสาว ถึงผู้การใหญ่ได้หรือไม่นั้นต้องรอฟังคำสั่งของศาลวันนี้ (8 ส.ค.)


 


รายงานข่าวแจ้งว่า พล.ต.ท.จงรักเดินทางขอข้อมูลและบันทึกปากคำนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม,นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม,นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาและนายจีรนิติ หะวานนท์ คณะกรรมการ คตส.นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.จงรักได้เดินทางสอบปากคำมล.ไกรฤกษ์กว่า 3 ชั่วโมง ทั้งนี้สำหรับ "พ.ต.อ."ที่พนักงานสอบสวนจะขออนุมัติหมายจับในคดีนี้นั้นได้ เกษียณอายุราชการไปแล้วในตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง


 


 


สาวนครปฐมคว้ารางวัลคำขวัญรณรงค์ประชามติ รธน.


ผู้จัดการออนไลน์ - กกต.นครปฐมปลื้มสาวนครปฐมคว้ารางวัลประกวดคำขวัญรณรงค์ออกเสียงประชามติ 19 สิงหาคม คว้าเงินรางวัล 5 พันบาท ด้วยคำขวัญ "ประชามติของคนไทย เพื่อประชาธิปไตยของบ้านเมือง"


 


นางพรรณทิพา ทองใย ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า จากการที่ กกต.ร่วมกับ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดทำโครงการรณรงค์การออกเสียงประชามติ เพื่อส่งเสริม การมีส่วนร่วมของประชาชนในการรณรงค์ให้ถึงความสำคัญของการออกเสียงประชามติ ซึ่งจะขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 กรกฏาคม 50 ที่ผ่านมา


 


โดย ผอ.กกต.จังหวัดนครปฐม กล่าวต่อไปว่า สำนักงาน กกต.จังหวัดนครปฐม ได้ประสานไปยังสถานศึกษา เพื่อประกาศเชิญชวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดนครปฐม ได้ส่งคำขวัญเข้าประกวด ซึ่งการตัดสินผลการประกวด เป็นดังนี้


 


รางวัลที่ 1 เงินสด 5,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร ด้วยคำขวัญที่ว่า "ประชามติของคนไทย เพื่อประชาธิปไตยของบ้านเมือง" จาก น.ส.สุจริตา เกิดทองดี จากจังหวัดนครปฐม


 


รองชนะเลิศ อันดับหนึ่ง เงินสด 4,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร ด้วยคำขวัญที่ว่า "ร่วมประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย ร่วมใจประชามติ" ของนายธวัชชัย ทรัพย์แสงศรี จากกรุงเทพมหานคร


 


รองชนะเลิศอันดับสอง รางวัลเงินสด 3,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ ด้วยคำขวัญ "รักประชาธิปไตย ใช้สิทธิให้พร้อมเพรียง ไปออกเสียงประชามติ" ของน.ส.สุวดี เบญวงศ์ จากจังหวัดราชบุรี


 


รางวัลชมเชยอันดับสาม รางวัลละ 1,500 บาท พร้อมเกียรติบัตรคือ รางวัลชมเชย " 19 สิงหา ลงประชามติ ใช้สิทธิ สร้างประชาธิปไตย" ของนางสมใจ ปฤชา จากจังหวัดปัตตานี "อ่านร่างรัฐธรรมนูญให้เข้าใจ แล้วไปออกเสียงประชามติ" ของนางศุภรางค์ โสมประภัศร์ กรุงเทพฯ และ "ร่วมปกป้องสิทธิ ภารกิจคนไทย ร่วมใจออกเสียงประชามติ" ของนายสุรัตน์ รุ่งธรรมานนท์ จังหวัดฉะเชิงเทรา


 


นางพรรณทิพา กล่าวตอนท้ายว่า ทางสำนักงาน กกต.ก็ได้นำคำขวัญ ดังกล่าวไปเพื่อในสื่อรณรงค์ต่อไป สิ่งที่น่าชื่นชมยินดีก็คือ นับเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวจังหวัดนครปฐมที่สามารถพิชิตรางวัลดังกล่าวจากผู้ส่งประกวดทั่วประเทศ


 


 


กมธ.ลดงบฯ กปส. 4.6 ล. - ตั้งข้อสังเกต อสส.ฟ้อง TITV อาจเหลว


ผู้จัดการออนไลน์ - นายทวี สุรฤทธิกุล โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2551 แถลงผลการประชุม โดยได้มีการปรับลดงบประมาณของกรมประชาสัมพันธ์ (กปส.) ลง 4.6 ล้านบาท ซ้ำตั้งข้อสังเกตถึงกรณีปัญหาข้อพิพาทกับสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เสนอให้สำนักงานตลาดสำนักนายกรัฐมนตรี ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 2 ส่วน จำนวนกว่าแสนล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจทำให้สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีฟ้องกลับ และสร้างความสียหายจนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ นอกจากนี้ยังได้มีการตังข้อสังเกตให้พิจารณานำสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ เป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะมากกว่าที่จะให้ทีไอทีวีดำเนินการ


 


ในขณะที่งบประมาณของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จำนวน 639 ล้านบาทนั้น ได้ตั้งข้อสังเกตให้มีการปรับกระบวนทัพและเพิ่มเติมนโยบายเชิงรุก เพราะเกรงว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของสำนักข่าวกรองลดลง


 


 


 


เศรษฐกิจ


 



ผู้ค้าหวยบนดินนัดชุมนุมจี้ รมว.คลังแก้ปัญหาอีก พรุ่งนี้


ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้ค้าหวยบนดินจะรวมตัวกันไปชุมนุมที่กระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องให้นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ช่วยเหลือผู้ค้าหวยบนดินที่เดือดร้อนจากการหยุดขายหวยบนดินอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้เวลาได้ผ่านไปนานเกือบ 9 เดือนแล้ว แต่ปรากฏว่า ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ผู้ที่เคยขายหวยบนดินต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก


 


ด้านนายฉลองภพ กล่าวว่าเรื่องทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงการคลังต้องดำเนินการ ซึ่งปัจจุบัน คณะกรรมการกฤษฎีกามีกฎหมายที่ต้องพิจารณาหลายฉบับ ทำให้ล่าช้าไปบ้าง ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บางคนเสนอให้โอนย้ายสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มาสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดจึงไม่สามารถให้ความเห็นใด ๆ ได้


 


ต่างประเทศ


 


สามีของตัวประกันสตรีเกาหลีใต้ในอัฟกานิสถานแสดงความเสียใจผ่านเว็บไซต์ยูทู๊บ


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - เหตุกลุ่มตอลีบานในอัฟกานิสถานจับชาวเกาหลีใต้ 23 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีเป็นตัวประกันที่ดำเนินมาเกือบ 1 เดือน แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดเป็นรูปธรรมจนมีการสังหารตัวประกันไปแล้ว 2 คน ในวันนี้ นาย เฮีย แฮง-ชิก วัย 36 ปี ได้แสดงความเสียใจถึงนาง คิม ยูน-ยัง ภรรยาของตน ซึ่งเป็น 1 ใน 21 ตัวประกันที่ยังมีชีวิตอยู่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทู๊บ


 


โดยเป็นวีดีโอความยาวประมาณ 2 นาที 30 วินาทีที่มีชื่อว่า แด่ภรรยาที่รัก ซึ่ง นาย เฮีย แฮง-ชิก กล่าวว่ารู้สึกเกลียดตัวเองที่ยังกินอาหารและนอนหลับได้ขณะที่ภรรยาป่วยและต้องอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก นาย เฮีย แฮง-ชิก กล่าวต่ออีกว่า ภรรยาของตนคงจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้และคิดถึงลูกๆเสมอ และหวังยังด้วยว่า ในที่สุดแล้วจะได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง


 


สำหรับวีดีโอดังกล่าวเป็นวีดีโอชุดแรกของกลุ่มครอบครัวของตัวประกันชาวเกาหลีใต้ที่จัดทำโดยความช่วยเหลือของอดีตผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ ซึ่งจะมีคำบรรยายทั้งภาษาเกาหลี ,อังกฤษและอัฟกัน


 


ด้านโฆษกของกลุ่มครอบครัวของตัวประกันชาวเกาหลีใต้กล่าวว่า แม้จะพยายามทุกวีถีทางในการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยเหลือตัวประกันแต่ก็ไม่สามารถทำให้ความกังวลหมดลงไปได้


 


ทั้งนี้ ครอบครัวของตัวประกันชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ต่างมาชุมนุมกันในโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งที่ย่านชานกรุงโซล เพื่อติดตามข่าวความคืบหน้าในการช่วยเหลือตัวประกัน


 


 


 


คุณภาพชีวิต


 



ผู้ว่าศรีสะเกษประกาศ 3 อำเภอเขตภัยพิบัติ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - นายมงคล สุระสัจจะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ อ.ขุนหาญ, อ.ภูสิงห์ และ อนทรลักษ์ ซึ่งพบว่ายังมีปริมาณน้ำท่วมอยู่เป็นจำนวนมก เนื่องจากตลอดทั้งวัน ยังมีฝนตกลงมาอีกอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ขณะที่กรมอุตุนิยมวิมทยา ได้ประกาศว่าจะมีดีเปรสชันเข้ามาส่งผลให้มีฝนตกอีกต่อไประยะหนึ่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ปริมาณน้ำที่ไหลลงมาจากเทือกเขาพนมดงรัก ในเขต 3 อำเภอชายแดน ก็จะยังมีอยู่ และส่งผลให้น้ำท่วมต่อเนื่องไประยะหนึ่งเช่นกัน


 


ดังนั้น นายมงคล สุระสัจจะ รองผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ จึงอาศัยอำนาจการรักษาราชการแทน ประกาศให้เขต 3 อำเภอ เป็นเขตภัยพิบัติ อุทกภัย พร้อมกับน้ำถุงยังชีพไปเยี่ยมราษฎรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ย้ายขึ้นมาอยู่ที่ว่าการอำเภอ และเทศบาลตำบลขุนหาญ ซึ่งมี 15 ครัวเรือน อีก 15 ครัวเรือนได้ย้ายไปขออาศัยที่บ้านญาติๆ


 


อย่างไรก็ดีสถานการณ์ล่าสุดปริมาณน้ำยังทรงตัง ไหลเข้าท่วมไร่นาเสียหายไปแล้วกว่า 3 พันไร่ จากเดิมที่เกิดสภาวะแห้งแล้งต้นข้าวกำลังจะแห้งตาย แต่พอน้ำมาก็ท่วมจนมองไม่เห็นใบ และเสียหายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดศรีสะเกษ ยังไม่ได้ประเมินความเสียหายที่ชัดเจน เพราะคาดว่าความเสียหายจะยังเพิ่มขึ้นอีก หากยังมีฝนตก และน้ำท่วมขังเช่นนี้อีกต่อไป ซึ่งขณะนี้ถนนในเขตตำบลห้วยจันทร์, กันมทรอม, สิ, กระหวัด และโนนสูง ยังมีน้ำท่วมผิวถนนสูงราว 50 -80 เซนติเมตร หากราษฎรจะเข้าอำเภอขุนหาญต้องใช้เรือท้องแบน หรือรถทหารที่ยกสูงเท่านั้น


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net