มีชัย ฤชุพันธุ์-สมคิด เลิศไพฑูรย์-รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์-เกษียร เตชะพีระ ขึ้นเวที---มีชัยชี้สังคมไทยเทหมดหน้าตักดึงศาลสู่การเมือง หลังเข้ารูปเข้ารอยควรเก็บศาลขึ้นหิ้ง, รังสรรค์วิเคราะห์การเมืองถอยไปก่อนปี 2540 ชี้ประชามติไม่เป็นธรรม-หลักเกณฑ์โหวตรับต้อง 2 ใน 3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง, เกษียร ระบุแก้เผด็จการทุนด้วยการฟื้นเผด็จการทหาร กีดกันไทยรักไทย-คนรากหญ้า สังคมไม่มีทางสงบ, สมคิด เผยมีการตั้งใจอธิบาย รธน.คลาดเคลื่อน พร้อมแจงทุกข้อข้องใจ
ประชาไท - 17 ส.ค.50 ภายในงานมติชนแฟร์ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีการจัดเสวนา เรื่อง "คว่ำ-ไม่คว่ำ ร่างรัฐธรรมนูญ ชาติรอด-ไม่รอด"โดยมี นาย
หากมีการคว่ำรัฐธรรมนูญ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องร่วมกันหารือหยิบ รธน.ฉบับใดฉบับหนึ่งที่เคยใช้แล้วปรับปรุงแก้ไข้ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน คือต้องแล้วเสร็จภายใน 19 ก.ย. และเมื่อมีรธน.แล้วก็ต้องมีกฎหมายลูกตามมา ซึ่งจะเลือกตั้งได้เมื่อใดก็แล้วแต่สภาจะเขียนกำหนดไว้ ผู้ร่างกฎหมายลูกซึ่งปกติคือ กกต. ก็ต้องยกร่างกฎหมายลูก เมื่อ ครม.เห็นชอบกฎหมายลูกก็จะส่งให้ สนช. โดยไม่มีเวลากำหนดว่าต้องเสร็จเมื่อไร
มีชัย กล่าวต่อว่า ในชีวิตได้เกี่ยวข้องกับการร่าง รธน.มาไม่น้อย และพบว่า รธน.ทุกฉบับ ไม่สามารถทำให้ถูกใจทุกคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องบางเรื่องอยากเขียนอย่างหนึ่งแต่เขียนไม่ได้ เพราะที่ประชุมไม่เอาด้วย ฉะนั้น การจะคว่ำหรือไม่คว่ำ รธน. ก็แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะรู้สึกว่าเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นที่พอใจหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่า ดูจากโครงสร้างแล้ว ร่าง รธน.50 ไม่ได้ต้องการทำให้รัฐบาลอ่อนแอ แต่ต้องการแก้ปัญหาจากช่องว่างของ รธน.40 ที่ตั้งใจจะให้ฝ่ายบริหารเข้มแข็งโดยเด็ดขาดเพื่อให้เดินหน้านโยบายได้เต็มร้อย แต่ล้มเหลวในระบบถ่วงดุลตรวจสอบ เพราะองค์กรอิสระไม่ได้อิสระจริง ร่าง รธน.50 จึงแก้ปัญหาฝ่ายบริหารที่แข็งจนไม่ได้ถ่วงดุล หากพึ่งองค์กรอิสระไม่ได้ก็ยังสามารถนำคดีสู่ศาลได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือก นอกจากนี้โครงสร้างในการจัดระบบการสรรหาที่ใช้ประธานศาลต่างๆ มาสรรหา ก็เป็นทางเลือกในการคัดเลือกบุคคลที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไปอยู่ในองค์กรอิสระ
"ปัจจุบันนี้เราเชื่อถือสถาบันตุลาการ เป็นสถาบันที่มีเกียรติ เราก็หันไปหาสถาบันนี้เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการเมืองให้มากที่สุด เหมือนกับเราเทหมดหน้าตัก เหมือนเราเอาสิ่งที่ดีที่สุดแล้วมาใช้ ผมจึงมีความเห็นว่า เมื่อเหตุการณ์เข้ารูปเข้ารอยเราควรจะถอยกลับ ควรรักษาท่านไว้ใช้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะการเมืองมันขัดแย้งกันตลอดเวลา"
ศ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ กล่าวต่อว่า ในวิชาเศรษฐศาสตร์รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญถือเป็นเอกกะสถาบัน อันเป็นกฎกติกาที่ควบคุม กำกับ ตรวจสอบสังคมการเมือง และในอีกด้านก็ให้อำนาจในการผลิตกฎกติกาชุดต่างๆ ในการควบคุมกำกับ เชื่อมโยงสมาชิกในสังคม ดังนั้น ในฐานะที่รัฐธรรมนูญเป็นสัญญาสังคม ก็ต้องมีคุณสมบัติสามประการ 1. เป็นธรรมต่อสมาชิกทั้งมวลในสังคม 2. เกื้อกูลให้ตลาดการเมืองส่งมอบบริการความสุขให้ประชาชน 3.ประชาชนยอมรับ
รังสรรค์ ได้วิเคราะห์ในเกณฑ์ความเป็นธรรมของ รธน.ว่า มีปัญหา 4 ประเด็นคือ 1.ความไม่สอดคล้องต้องกันของตรรกวิทยาของ รธน. เพราะร่างฉบับนี้ใช้ข้อสมมติในพฤติกรรมที่แตกต่างกันของมนุษย์ในสังคม มองประชาชนเป็นคนที่ต้องการหาประโยชน์ส่วนตัวสูงสุด เป็นจุลอัปรียชน มองนักการเมืองเป็นมหาอัปรียชน ในอีกด้าน รธน.มองตุลาการเป็นอรหันต์ นี่เป็นการใช้ข้อสมมติซึ่งแตกต่างกันในการออกแบบ รธน. ทั้งที่น่าจะต้องใช้ข้อสมมติบนพื้นฐานเดียวกัน บทบัญญัติจึงเป็นไปในทางควบคุมกำกับประชาชนและนักการเมืองอย่างเข้มงวด
2.กลไกการถ่วงดุลอำนาจอธิปไตย ร่าง 50 สืบทอดจารีตการเขียน รธน.ให้อำนาจอธิปไตยก้าวก่ายกันและกัน ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ 2475 และมากขึ้นตามลำดับ ร่าง 50 ให้อำนาจตุลาการเพิ่ม แต่ไม่ได้สร้างกลไกเพิ่มเติมในการใช้อำนาจตุลาการ เป็นครั้งแรกที่ตุลาการก้าวไปใช้อำนาจนิติบัญญัติ เสนอร่างกฎหมายได้ และมีบทบาทมีอำนาจมาก
"การเพิ่มอำนาจของตุลาการ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายความน่าเชื่อถือของตุลาการ ในอดีตตุลาการน่าเชื่อถือเพราะมีอำนาจจำกัด ถ้าตัดสินคดีด้วยความเที่ยงธรรม ความน่าเชื่อถือก็เกิด ในอนาคตการที่อำนาจตุลาการก้าวล่วงไปในอำนาจนิติบัญญัติ และเรื่องต่างๆ เป็นการเปิดช่องทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันตุลาการเอง"
3.ประโยชน์ทับซ้อน ร่าง รธน. 50 มีผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะแม้จะห้าม กมธ.ร่างฯ สมัคร ส.ส. หรือ ส.ว. แต่ไม่ได้ห้าม ส.ส.ร. ขณะเดียวกันมีการขยายเวลาเกษียณอายุราชการของผู้พิพากษาและอัยการในบทเฉพาะกาล แต่ไม่ได้บอกว่าผู้พิพากษาหรือตุลาการที่เป็น ส.ส.ร. หรือ กมธ.จะไม่ได้ประโยชน์จากหมวดนี้ รวมถึงการบัญญัติให้มีการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองทัพอย่างเพียงพอด้วย
4.การฟื้นคืนระบอบประชาธิปไตย ร่าง รธน. 50 ทำให้ระบอบอำมาตยาธิปไตยฟื้นคืน เห็นได้จากสมาชิกวุฒิสภาที่เกือบครึ่งมาจากการคัดสรร โดยที่ ส.ว.ก็ยังคงมีอำนาจกว้างขวางเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40
รังสรรค์กล่าวต่อถึงประเด็นสองที่ว่า ร่างนี้เอื้ออำนวยให้ตลาดการเมืองผลิตความสุขแก่ประชาชนหรือไม่ โดยเขาระบุว่า นักการเมือง รัฐบาลมีหน้าที่ผลิตบริการความสุขบริการแก่ประชาชน ตลาดการเมืองในอุดมคติต้องมีการแลกเปลี่ยนระหว่างเมนูนโยบายกับคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ร่าง รธน.50 จะทำให้เบี่ยงเบนไปจากตรงนั้นและจะพาการเมืองไทยไปสู่ระบอบพหุพรรค ก่อนปี 2540 เพราะเปลี่ยนระบบการแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบปาร์ตี้ลิสต์
"มันมีผลสำคัญคือทำให้ตลาดการเมืองไม่ใช่ตลาดแลกเปลี่ยนระหว่างเมนูนโยบายกับคะแนนเสียงเลือกตั้งอีกต่อไป และยังลดทอนความเข้มแข็งของฝ่ายบริหาร โดยการสร้างกลไกตรวจสอบเกินพอดี รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลผสม อายุจะสั้น รัฐบาลที่อ่อนแอยากจะผลิตบริการความสุขส่งมอบให้ประชาชนได้" รังสรรค์กล่าว
ประเด็นสุดท้ายเรื่องการยอมรับของประชาชน รังสรรค์ระบุว่ามันเป็นเกณฑ์สำคัญมาก โดยผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ดูว่าร่างนี้มีที่มาจากที่ไหน มีตัวแทนประชาชนมีส่วนในการร่างหรือไม่ และร่างเสร็จแล้วก็จำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจ ถกอภิปรายเนื้อหาบทบัญญัติต่างๆ แต่ร่าง รธน. 50 ให้เวลาน้อย มีความไม่เป็นธรรมในการถกอภิปราย โดยรัฐบาล และ คมช.พยายามดันให้ประชาชนรับ นอกจากนี้ยังไม่มีการกำหนดกฎในการลงคะแนนเสียงประชามติ ซึ่งเขาเห็นว่าควรจะใช้กฎเสียง 2 ใน 3 หรืออย่างน้อยที่สุดคือ ครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จึงจะถือว่ารัฐธรรมนูญผ่านประชามติ
เกษียร เตชะพีระ กล่าวว่า จะมองตัว รธน.นี้ในมุมการเมือง โดยโยงตัวบทเข้ากับสภาพแวดล้อมของสังคมการเมืองไทยที่ผ่านมาใน 3 ประเด็น คือ 1.อะไรคือเกณฑ์ที่เราจะใช้ได้ในการพิจารณาว่าจะคว่ำหรือไม่คว่ำ 2.พิจารณาความเกี่ยวพันของร่าง รธน.นี้ กับเผด็จการทุนนิยมของระบอบทักษิณ 3. พิจารณาความเกี่ยวพันของร่าง รธน.นี้กับเผด็จการทหาร คปค.
ในประการแรก เกณฑ์การเมืองที่ใช้ตัดสินใจรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอยู่ที่ว่าคนนั้นมองว่าอะไรคือภัยคุกคามเฉพาะหน้าที่ร้ายแรงกว่า ระหว่างเผด็จการทุนนิยมของระบอบทักษิณ กับเผด็จการทหารของ คปค. หากเป็นอย่างแรกก็ไปรับ หากเป็นอย่างหลังก็ต้องไม่รับ
ประการที่สอง ร่าง รธน.นี้โยงกับเผด็จการทุนนิยมของระบอบทักษิณอย่างไร เกษียร ระบุว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เคยกล่าวถึงแผน 4 ขั้นของ คปค.ในจัดการกับระบอบทักษิณซึ่งมีการยุบพรรค ดำเนินคดีอาญาเรื่องทุจริตกับแกนนำ การที่ คตส.ตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และสุดท้ายคือการลงประชามติ
เกษียรระบุว่า อำนาจของเผด็จการทุนนิยม แท้ที่จริงแล้วอยู่ที่อำนาจทุนใหญ่และฐานคะแนนเสียงที่ค่อนข้างเหนียวแน่นและคงเส้นคงวา ร่าง รธน.นี้เข้ามาตัดตอนและลิดรอนอำนาจการเมืองผ่านการเลือกตั้ง โดย 1.ลดอำนาจนักการเมืองจากการเลือกตั้ง เพราะเปลี่ยนวิธีเลือกตั้ง ทำให้การนำระดับชาติของพรรคการเมืองอ่อนลง และจะทำให้อิทธิพลของนักเลือกตั้งท้องถิ่นมากขึ้น 2.เพิ่มอำนาจข้าราชการตุลาการ และบุคคลจำนวนหนึ่งที่เป็น "คนดี" มาทำหน้าที่ใน ส.ว. และองค์กรอิสระ 3.ประกันความอิสระโดยสัมพัทธ์ของข้าราชการประจำจากนักการเมือง ห้ามนักการเมืองก้าวก่ายแทรกแซงข้าราชการ และ4.ทหารได้รับการยอมรับรับรองว่ามีสิทธิอำนาจในการตัดสินใจว่าใคร ควรได้อะไร เมื่อไร อย่างไร โดยเฉพาะมาตรา 309 ที่แม้มีเจตนาดีแต่อาจถูกคนคิดมิชอบไปตีความได้ว่า รับรองสิทธิอำนาจนี้ของทหาร
"มันทำให้อำนาจทางการเมืองเหวี่ยงสวิงจากทุนใหญ่และบรรดาคนจน คนชายขอบ ไปสู่ ทหาร ตุลาการ คนดีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
อย่างไรก็ตาม เกษียร ระบุด้วยว่า ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่การเปลี่ยนอำนาจใหม่ ซึ่งเกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจระลอกใหม่ของโลกาภิวัตน์ ทำให้เกิดกลุ่มทุนใหญ่ที่สัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลก และพวกคนจนชายขอบ โดยกลุ่มทุนที่ต้องการบริหารอำนาจรัฐเองได้ปรากฏเป็นพรรคไทยรักไทยและคนยากจนเป็นฐานมวลชนเขา
"เพื่อขจัดปัญหาระบอบทักษิณ แล้วเราปิดประตูนี้ ทำให้ประตูที่คนเหล่านี้จะเข้าสู่อำนาจรัฐลำบากมากขนาดนั้น ผมไม่คิดว่ามันจะนำไปสู่ความสงบ ไปสู่ความสมานฉันท์ ผมคิดว่ามันจะนำไปสู่ภาวะตึงเครียดซึ่งเราอึดอัดเหมือน 20 ที่แล้วเหมือน 14 ตุลา 16 ถึง 2535 ฉะนั้นมันใหญ่กว่าเรื่องระบอบทักษิณ มันเป็นเรื่องของคนสองกลุ่มที่ขอมีส่วนแบ่งในอำนาจรัฐ (กลุ่มทุนใหญ่ที่ผูกโยงกับเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์และคนจน คนชายขอบที่ถูกแย่งชิงทรัพยากร และเป็นฐานเสียงให้ไทยรักไทย) คำถามคืออะไรคือระบอบการเมืองที่จะปรองดองคนเหล่านี้เข้ามาร่วมกันใช้อำนาจรัฐได้ โดยไม่ทำลายคนอื่น ไม่รังแกคนอื่น ซึ่งผมไม่คิดว่ามีคำตอบในร่างรัฐธรรมนูญ 2550 "
ประเด็นต่อมา ร่างนี้เกี่ยวพันอย่างไรกับ คปค. เกษียรกล่าวว่า จากประสบการณ์ของต่างประเทศในการจัดการให้ภาวะไม่มีเสรีภาพเป็นเผด็จการ ไปสู่ภาวะของเสรีภาพประชาธิปไตยนั้น ต้องจัดการกับปัญหาของระบบราชการที่ มีอำนาจล้นฟ้า ทุจริตเยอะ และไม่พร้อมรับผิดให้ได้ ซึ่งจะแก้โดย 1.ต้องทำให้อำนาจการเมืองจากการเลือกตั้งอยู่เหนือข้าราชการประจำ 2.ให้ระบอบราชการปลอดการเมือง 3.ให้ทหารถอยทัพกลับค่าย แต่ร่าง รธน.กลับทำในทางตรงกันข้ามทั้งหมด
"รัฐธรรมนูญนี้รับรองสิทธิของทหารที่ใช้กำลังอาวุธตัดสินชี้ขาดได้ ว่าใครควรจะใช้อำนาจทางการเมือง"
สมคิด เลิศไพฑูรย์ กล่าวว่า ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองของฝรั่งเศส ระบุว่า รธน.ที่ดี ต้องค้ำประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชน และต้องสร้างดุลยภาพระหว่างสามอำนาจ ที่ผ่านมาคนวิจารณ์เรื่องสิทธิเสรีภาพน้อย เพราะวิจารณ์ไม่ได้ เนื่องจากร่าง รธน.นี้เพิ่มเรื่องนี้ไปมาก ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ รธน.หลายเรื่องมีความคลาดเคลื่อน ทั้งโดยไม่ตั้งใจ และที่ตั้งใจ เช่น การส่ง จม.ไปที่ต่างๆ ว่าถ้าประชามติผ่านก็ยังจะไม่มีการเลือกตั้ง หรือกรณีที่พูดกันว่าหากร่าง รธน.ผ่านประธานองคมนตรีจะได้รับการยกฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทั้งที่จริงบทบัญญัติเรื่ององคมนตรีเขียนกันมาต่อเนื่องโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
"เราเอาเรื่องรัฐธรรมนูญไปผูกกับการรัฐประหาร หรือระบอบทักษิณ ซึ่งผมในฐานะคนร่างไปรับผิดชอบขนาดนั้นไม่ได้"
สมคิดได้แจกแจงทีละประเด็นถึงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน 1.เรื่องอำนาจตุลาการที่พูดกันมากว่าได้รับการเพิ่มอำนาจมาก ทั้งที่ รธน.ปี 40 ตุลาการก็เข้าไปมีบทบาทสรรหาองค์กรตาม รธน.อยู่แล้ว นอกจากนี้คณะร่างฯ ยังได้จัดระบบการตรวจสอบอำนาจศาลหลายประการ เช่น การลดอำนาจศาลฎีกาลงให้ต้องพยายามพิจารณาเฉพาะข้อกฎหมาย, ให้ผู้ตรวจการตรวจสอบศาลได้เป็นครั้งแรก, การถอดถอนตุลาการ ผู้พิพากษาทำได้โดยประชาชนเข้าชื่อ 20,000 ชื่อ, ศาลต้องแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน (มาตรา 264)
2.เรื่องรัฐบาลไม่เข้มแข็ง สมคิดกล่าวว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอาจนำไปสู่รัฐบาลผสมหลายพรรค แต่ผู้ร่างฯ ไม่ได้มีเจตนาให้รัฐบาลอ่อนแอ โดยสมคิดตั้งข้อสมมติว่า ต่อให้ใช้ระบบการเลือกตั้งเขตละ 3 คน แต่หากพรรคสมาชิกไทยรักไทยไม่ถูกตัดสิทธิ์ก็น่าจะยังได้เสียงส่วนใหญ่ อีกทั้งรธน.ก็ยังให้รัฐบาลมีบทบาทได้เหมือนเดิม
3.เรื่องห้ามรัฐบาลแทรกแซงข้าราชการประจำ เป็นการเขียนบนพื้นฐานว่าถ้าแทรกแซงเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง พรรคการเมืองนั้นทำไม่ได้ แต่ถ้าแทรกแซงเพื่อการบริหารปกติเขาทำได้ เพื่อให้เกิดดุลยภาพระหว่างฝ่ายประจำกับฝ่ายการเมือง
4.เรื่อง ส.ว.จากการสรรหา สมคิดระบุว่ามีคนพยายามสร้างทฤษฎีว่าคนที่มาจากการแต่งตั้งถอดถอนคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ ถ้าเข้าใจเช่นนั้นขอให้กลับไปอ่านตำราของอังกฤษใหม่ ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกัน มันขึ้นกับการวางระบบว่าต้องการระบบของประเทศอย่างไร อีกทั้ง 74 คนก็มาจากการสรรหาที่มีการเสนอชื่อและกลั่นกรอง ไม่ใช่แต่งตั้ง
"ผมเห็นด้วยว่าเป็นประชาธิปไตยน้อยกว่าการเลือกตั้ง แต่มันจะได้ ส.ว.ที่เป็นอิสระและเป็นกลางมากกว่าที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้บอกว่าจะดีกว่าทั้งหมด แต่มันเป็นทางเลือกหนึ่งของสังคม จะได้คนที่หลากหลาย"
5.เรื่องงบทหาร ที่เพิ่มขึ้น เขากล่าวว่า เป็นเพียงการเลือกหยิบบางเรื่องมาอธิบาย ทั้งที่มาตราอื่นๆ ที่พูดถึงภาคส่วนอื่นๆ งบประมาณก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น กองทุนสนับสนุนทางการเมืองของภาคประชาชน ระบบสวัสดิการของคนไร้ที่อยู่ งบประมาณขององค์กรอิสระ งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
รธน.ปัจจุบันอาจมีข้อด้อยหลายข้อ ผมยอมรับ แต่โดยภาพรวม รธน.นี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายคนพยายามวิเคราะห์
6. มาตรา 309 ที่อธิบายว่าเป็นการนิรโทษกรรม คมช. สมคิดระบุว่าไม่ใช่เช่นนั้นเลย เพราะการนิรโทษกรรมได้เสร็จสิ้นไปแล้วตาม รธน.ชั่วคราว 2549 การกำหนดมาตรานี้เป็นแค่การอุดช่องว่างทางกฎหมายที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เผื่อจะมีปัญหาบางประการเกิดขึ้น
"สิ่งที่เราพยายามทำคือ ทำให้ความขัดแย้งที่อยู่นอกระบบมาเป็นความขัดแย้งในระบบ ถ้ามีการเลือกตั้งภายในปีนี้ ความขัดแย้งก็จะอยู่ในสภาแทนที่จะไปอยู่บนถนน หรือในสนามหลวงอย่างที่เป็นอยู่"
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)