Skip to main content
sharethis

การเมือง


ซีดี "ป๋าเล่าให้ฟัง"แฉความเลวร้ายอำนาจเก่า


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น- นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมรายการ "เวทีความคิด "ของโมเดิร์นไนน์ ทีวี วันนี้ (24 ส.ค.) ถึงการวิเคราะห์การเมืองในฐานะที่เคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลมาหลายสมัยว่า รู้สึกว่าขณะนี้ประเทศไทยประสบปัญหายิ่งกว่าคลื่นยักษ์สึนามิ เพราะนักการเมืองจำนวนมากยังขาดจิตสำนึก โดยเฉพาะผู้ที่เคยเป็นผู้แทนหรือ ส.ส.ยังไม่มีสำนึกรับผิดชอบชั่วดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเป็นห่วงมาก ยิ่งขณะนี้ไม่มีฝ่ายนิติบัญญัติ แม้จะมีฝ่ายบริหารรักษาการ แต่ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ให้เกิดการเปรียบเทียบกับกลุ่มอำนาจเก่าได้ และสิ่งสำคัญยังส่งผลให้ประชาชนขาดความสำนึกด้วย เพราะถูกครอบงำ


         


"ขนาดตุลาการรัฐธรรมนูญชี้ผิด ชี้ถูกไปแล้ว ทั้งถูกอายัดทรัพย์ ทั้งถูกออกหมายจับไปทั่วโลก ก็ยังไปเดินห้อมล้อมอยู่เคียงข้างคนผิด บ้านเมืองจะไปอย่างไร แล้วเราจะฟื้นฟูประเทศชาติได้อย่างไรกัน" นายเสนาะ กล่าว


         


หัวหน้าพรรคประชาราช กล่าวด้วยว่า การตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือว่าสำคัญมาก ทั้งนี้ใครที่ยังเชิดชูกลุ่มอำนาจเก่าอยู่ยังไม่สายที่จะกลับตัว อย่างไรก็ตาม การไปจับกลุ่มในลักษณะเช่นนั้น ถือเป็นการรวมตัวกันเพื่อใคร ทั้งที่คนบางคนมีคุณภาพ ก็ยังไปยืนอยู่ข้างคนผิด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศและเราจะแยกออกได้อย่างไร


         


ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังการเลือกตั้ง พรรคประชาราชจะวางตัวอย่างไร หรือจะไปจับขั้วการเมืองกับพรรคใด นายเสนาะ กล่าวว่า ยังวิเคราะห์ยาก


         


"ตอนนี้ผมมีหน้าที่ดูแลภาคอีสาน เพราะมีต้นทุนสูงที่สุดในชีวิต ผมจะลงไปชี้ผิด ชี้ถูกที่อีสาน ให้เห็นถึงความดี ความชั่ว และร่วมกันกอบกู้บ้านเมือง ร่วมต่อสู้ให้กับแผ่นดินอีกครั้ง ผมจะลงทุนทำซีดีออกมาหลายล้านแผ่น ในรูปแบบรายการ ชื่อว่า "ป๋าเล่าให้ฟัง" แจกประชาชนทั่วประเทศ ให้รู้ถึงความเลวร้ายของอำนาจเก่า และไม่อยากให้ประชาชนไปยืนอยู่ข้างคนผิด" นายเสนาะ กล่าว


         


ส่วนบทบาทโซ่ข้อกลางของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น หัวหน้าพรรคประชาราช ปฏิเสธที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขอบอก พล.อ.ชวลิต ที่เป็นพี่ที่เคารพอย่างหนึ่งว่า ตอนนี้บ้านเมืองสับสนวุ่นวายพออยู่แล้ว อย่าออกมาให้สับสนวุ่นวายกว่านี้ พล.อ.ชวลิต ถือเป็นพี่ที่ตนเคารพ ถ้ามีอะไร เราจับมือทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ของประเทศจะดีกว่า โดยขณะนี้ใกล้ถึงเวลาที่ธรรมชาติจะเรียกร้องพวกเราแล้ว


         


ต่อกรณีพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงหลายกลุ่มการเมือง ไม่เชื่อมั่นในความเป็นโซ่ข้อกลางของ พล.อ.ชวลิตนั้น นายเสนาะ กล่าวว่า ทำไม่ได้อยู่แล้ว อยากบอกว่า พล.อ.ชวลิต ออกมาแต่ละ "ช็อต" เรายังแปลไม่ออก แล้วคนทั่วไปจะแปลออกได้อย่างไร ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ยินดีที่จะทำงานการเมืองร่วมกับพล.อ.ชวลิต เพราะเรามีการคุยกัน ทานอาหารกันมา แม้จะคุยกันไม่ค่อยรู้ แต่หากถามว่าตนจะยืนอยู่จุดไหน ก็ขอยืนอยู่ที่พรรคประชาราช


         


สำหรับกรณีหัวหน้าพรรคประชาราชคนใหม่เป็นใครนั้น นายเสนาะ กล่าวว่า ยังคงยืนยันว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ คงต้องดูที่ความเหมาะสม ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดใคร และยังไม่ได้เสนอชื่อใคร ทั้งนี้หัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นใครไม่สำคัญ เพราะเราจะบริหารงานเป็นระบบ "สต๊าฟ "เราจะสนับสนุนคนในพรรคให้เป็นนายกรัฐมนตรี 1 คนอย่างแน่นอน ซึ่งจะไม่เป็น "วันแมนโชว์" เพราะเราทำงานเป็นทีม


 


 


พรรคพลังประชาชนได้สมัครเป็นหัวหน้า อดีต ทรท. ร่วมยกทีม


24 ส.ค. 50 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และศูนย์ประชุมบางกอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ถ.พระราม 1 พรรคพลังประชาชน ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2550 มีการแสดงวิสัยทัศน์ (ดีเบต) เพื่อผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชาชนคนใหม่ โดยมีผู้เสนอชื่อเข้าชิงคือ พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว ประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชาชน


 


หลังการแสดงวิสัยทัศน์ ผลการลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคปรากฏว่า นายสมัครได้ 80 คะแนน ขณะที่ พ.ต.ท.กานต์ได้ 33 คะแนน หลังจากนั้นยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนชุดใหม่รวมทั้งสิ้น 37 คน โดยมีนายสมัครเป็นหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย 1. นายยงยุทธ ติยะไพรัช 2. พ.ต.ท.กานต์ เทียนแก้ว 3. นายไชยา สะสมทรัพย์ 4.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 5. นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ 6. พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ 7. นายสัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ 8. นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ 9.น.ส.สุภาพร เทียนแก้ว และ10.นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล


 


เลขาธิการพรรค คือ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และมีรองเลขาธิการพรรค 4 คน ประกอบด้วย 1.นายชูศักดิ์ ศิรินิล 2.นายนพดล ปัทมะ 3.นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ และ4. นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ


 


เหรัญญิกพรรค คือ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ และมี ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง เป็นโฆษกพรรค


 


ส่วนกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย นายศรีเมือง เจริญศิริ, นายสุธา ชันแสง, นายมงคล กิมสูนจันทร์, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี, นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ, นายนิสิต สินธุไพร, นายธีระชัย แสนแก้ว, นายวีระพล อดิเรกสาร, นายสุทิน คลังแสง , นายอิทธิ ศิริลัทธยากร, นางมาลินี ภูตาสืบ, น.ส.ปิยะรัตน์ เทียนแก้ว, น.ส.ศรัญญา แสงวิมา, น.ส.มนัสปรียา ภูตาสืบ, น.ส.กาญจน์ณิชา แต้มดี ,นายกิตติกร โล่ห์สุนทร, นายบุญลือ ประเสริฐโสภา และนายพิเชษฐ์ ตันเจริญ


 


 


ตำรวจสั่งฟ้องคดีกุหลาบแก้ว


ผู้จัดการรายวัน- พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้า คดีกุหลาบแก้วว่า ล่าสุดพนักงสานสอบสวนได้สั่งฟ้อง นายสุรินทร์ อุปพัทธกุล หรือ "ดาโต๊ะสุรินทร์" ผู้ถือหุ้นในบริษัท กุหลาบแก้ว ผู้ถือหุ้นชั้นที่ 3 ในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ต่ออัยการแล้ว ในข้อหา เป็นคนสัญชาติไทย แต่ไปถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ซึ่งผิด พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว รวมทั้งให้ดำเนินคดีกับ บริษัท ลาเฟมอง ที่อยู่บนเกาะบริติช เวอร์จิ้น เป็นผู้สนับสนุนให้นายสุรินทร์ ทำผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจคนต่างด้าว แต่บริษัทดังกล่าว ตั้งอยู่ในต่างประเทศ และความผิด เกิดขึ้นในต่างประเทศด้วย เราจึงส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป


 


ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ร่วมกระทำความผิด ก็ได้ทำการสืบสวนติดตามอยู่ โดยมี พล.ต.ท.พิจาร จิตติรัตน์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ.9) ดำเนินการสอบสวน ซึ่งคดีนี้ยังไม่จบแค่นี้ แต่ที่ต้องบอกขั้นตอนการทำงาน เพราะอาจจะถูกมองว่าล่าช้า แต่คดีนี้เกี่ยวพันกับต่างประเทศมีเอกสารต่างๆ ที่ต้องแปลเป็นจำนวนมาก


 


 


"อภิสิทธิ์" ยัน ปชป.พูดจริงทำจริง เด็กไทยเรียนฟรี 12ปี


เว็บไซต์เดลินิวส์ -นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ จัดปฏิบัติการนโยบายด้านการศึกษา ที่โรงเรียนธรรมะวาที อ.เมือง จ.ชลบุรี พร้อมกับมอบคอมพิวเตอร์ หนังสือ และนมกล่อง เพื่อเป็นโรงเรียนตัวอย่างนำร่องในการประกาศวาระประชาชนด้านการศึกษา หลังจากนั้นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบอินเตอร์เน็ต พบปะตัวแทนครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ผ่านโรงเรียน 3 แห่ง คือ โรงเรียนบำรุงอิสลาม และโรงเรียนบ้านบาโอ จ.ปัตตานี โรงเรียนวังทองวิทยาคม จ.พิษณุโลก และโรงเรียนไผ่ใหญ่ศึกษา จ.อุบลราชธานี


 



นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายจะจัดการเรียนการสอนให้เกิดการเรียนฟรีได้จริงตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยมปลาย โดยที่ผ่านมามีการทำแล้วในโรงเรียนนำร่องของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ที่จะต้องมีการลงทุนในเรื่องของการศึกษา ตั้งแต่ในครรภ์จนถึงเด็กโต โดยทันทีที่พรรคเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมเร่งดำเนินการทันที



 


ขณะเดียวกัน เด็กนักเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะต้องได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ปรับการศึกษาให้เท่าเทียมกัน ปิดจุดอ่อนและจุดแตกต่างระหว่างโรงเรียนรัฐและโรงเรียนสอนศาสนา และมีค่าตอบแทนให้กับครูที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงด้วย นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณพัฒนาด้านการศึกษาให้สอดคล้องกับโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพด้วย


 


คุณภาพชีวิต


คนงาน"โรงสีเพรซิเดนท์"โวยถูกบังคับเซ็นใบลาออก


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - คนงานโรงสีข้าวเครือ "เพรซิเดนท์" ร้องถูกบีบเซ็นใบลาออก พร้อมจ่ายชดเชย 2.5 เท่า ชี้สองโรงสีดังอ้างปิดกิจการ เหตุพิษค่าบาท ขาดสภาพคล่อง แต่กลับไปตั้งบริษัทใหม่ ด้านผู้ประกอบการกลุ่มคลัสเตอร์ข้าวพิษณุโลก ยอมรับกระทบภาพลักษณ์ตลาดค้าข้าว "พาณิชย์" เตรียมระบายข้าว 1 ล้านตัน พร้อมคำนวณค่าปรับผิดสัญญา


 



 แหล่งข่าวจากพนักงานบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด จ.พิจิตร เปิดเผยว่าภายหลังบริษัทประกาศปิดกิจการโรงสีที่ จ.พิจิตร 2 แห่ง เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ทำให้พนักงานกว่า 200 คน ต้องตกงานนั้น บริษัทได้ให้พนักงานทุกคนเซ็นใบลาออก และจ่ายเงินชดเชย 2.5 เท่าแก่พนักงาน


 



ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า โรงสีข้าว 2 แห่งในเครือเพรซิเดนท์ อ้างเหตุผลที่ปิดกิจการ มาจากปัญหาค่าเงินบาท และขาดสภาพคล่องการเงิน เนื่องจากถูกองค์การคลังสินค้า (อคส.) ปรับสูงกว่า 1,000 ล้านบาท แต่เท่าที่ทราบเครือเพรซิเดนท์ กลับไปตั้งบริษัทใหม่ดำเนินกิจการลักษณะเดิม ชื่อ บริษัท สยาม อินดิก้า จำกัด นอกจากนี้ยังมีบริษัท สยามธัญรักษ์ ไซโล จำกัด ที่ดำเนินกิจการลักษณะเดียวกันยังดำเนินกิจการต่อไปได้ แสดงว่าบริษัทไม่ได้ประสบปัญหาจริง


 



นายบุญต่อ มัตยะสุวรรณ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ข้าว จ.พิษณุโลก กล่าวว่าการปิดกิจการของโรงสีและไซโลดังกล่าว ส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์ต่อวงการค้าข้าวพอสมควร เพราะกลุ่มเพรซิเดนท์ เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ แต่ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกข้าวได้รับผลกระทบ


 



ด้าน นายนิสิต เมฆอรุณกมล ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.พิษณุโลก กล่าวว่าโรงสีข้าวใน จ.พิษณุโลก มีประมาณ 24 แห่ง เริ่มประสบปัญหาเช่นเดียวกัน และยังมีปัญหาการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวกับรัฐบาล ที่มีเงื่อนไขยุ่งยาก ดำเนินการยาก มีต้นทุนสูง ทำให้โรงสีข้าวซึ่งส่วนใหญ่เป็นของกลุ่มผู้ประกอบการในท้องถิ่นขาดทุน


 



"ขณะนี้มีโรงสีข้าวไม่ต่ำกว่า 20% ที่เริ่มประสบปัญหา ชมรมได้หารือกับสมาชิกและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางป้องกันและช่วยเหลือสมาชิกแล้ว" นายนิสิต กล่าว


 



นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการจำหน่ายข้าวสาร ที่มีนางอรนุช โอสถานนท์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธาน ได้หารือถึงการระบายข้าวสารในสต็อกครั้งแรก หลังจากตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) โดยมีข้อสรุปว่าข้าวที่บริษัท เพรซิเดนท์ไม่มารับมอบภายหลังชนะประมูล กระทรวงพาณิชย์จะระบายข้าวดังกล่าวตามสัญญารับมอบข้าวก่อนหลังหมดอายุจำนวน 20 สัญญา ซึ่งจะเปิดประมูลเร็วที่สุดทั้งในประเทศและส่งออก ส่วนค่าปรับที่เอกชนไม่สามารถรับมอบข้าวได้ จะพิจารณาเป็นรายสัญญาและปรับรายวัน



 


"กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าบริษัทนี้คงไม่กล้าร่วมประมูลข้าวอีก และในอนาคตหากพบว่าบริษัทที่เข้าประมูลข้าวรายใดน่าสงสัยจะขอประกันความเสี่ยงไว้ก่อนทันที"



 


นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า สัญญารับมอบข้าวฉบับแรกที่บริษัทเพรซิเดนท์ ไม่มารับมอบเริ่มหมดอายุลงตั้งแต่เดือนมี.ค. จนถึงสัญญาฉบับสุดท้ายวันที่ 17 ส.ค.นี้ รวม 20 สัญญา มีเงินค้ำประกันที่วางไว้ 600 ล้านบาท ซึ่ง อคส.จะเรียกเก็บค่าเสียหายจากบริษัทส่วนหนึ่ง ที่เหลือต้องฟ้องแพ่ง โดยกระทรวงพาณิชย์จะคำนวณความเสียหายตามสัญญา ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดทำสำนวนส่งฟ้อง



 


ทั้งนี้ค่าเสียหายที่ อคส.จะได้คือ สั่งปรับ ภายหลังจาก อคส.ขายข้าวให้ผู้สนใจได้แล้ว โดยปรับ 0.2% ของมูลค่าข้าวที่ไม่มารับมอบเป็นรายวัน และถ้ารัฐประมูลได้ราคาต่ำกว่าที่ขายให้บริษัทเพรซิเดนท์ บริษัทต้องจ่ายส่วนต่างให้รัฐ ซึ่งค่าปรับจะคำนวณจากวันที่สัญญารับมอบข้าวหมดอายุถึงวันที่ อคส.ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับรายใหม่ได้ และบริษัทต้องจ่ายค่าฝากเก็บข้าวในโกดัง ค่ารักษาสภาพข้าวให้ อคส.ด้วย



นายพิสุทธิ์ กล่าวว่า วันที่ 27 ส.ค.จะครบกำหนด 7 วัน ที่ อคส.ทำหนังสือแจ้งสิ้นสุดสัญญารับมอบข้าวกับบริษัทเพรซิเดนท์ โดยข้าวที่ไม่มารับมอบประมาณ 1 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวขาว 70-80% ข้าวหอมมะลิ 20-30% มูลค่า 12,000 ล้านบาท



 


" บริษัทเพรซิเดนท์ถูกขึ้นบัญชีดำอยู่แล้ว เพราะบริษัทดังกล่าวคงไม่มีความสามารถที่จะขอเงินค้ำประกันจากทางธนาคารพาณิชย์ เพื่อมาร่วมประมูลข้าวในโครงการของภาครัฐในครั้งต่อไปได้" นายพิสุทธิ์ ระบุ



รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ค่าปรับที่บริษัทไม่มารับมอบ 0.2% ของข้าวจำนวน 1 ล้านตัน ที่มีมูลค่า 12,000 ล้านบาท จะทำให้บริษัทต้องเสียค่าปรับเบื้องต้นวันละ 24 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับความเสียหายจากส่วนต่างที่รัฐอาจขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าราคาประมูลครั้งแรก


 


รองผู้ว่าฯลำปางถกร่วม2กลุ่มแม่เมาะยุติข้อพิพาทจ่ายเงินชดเชย-สร้างบ้าน


เว็บไซต์แนวหน้า - จากกรณีที่เกิดความขัดแย้งแบ่งเป็น 2 กลุ่มของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้าและเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ จ.ลำปาง โดยฝ่ายหนึ่งต้องการให้รัฐจ่ายเงินค่าชดเชยทรัพย์สินที่ต้องรื้อถอนจากที่เดิม อีกกลุ่มหนึ่งต้องการให้รัฐสร้างบ้านแบบโครงการมั่งคงพร้อมให้ขนย้ายทรัพย์สินที่รื้อถอนให้โดยไม่ต้องการเงินค่าชดเชย


 



นายสามารถ ลอยฟ้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวจังหวัดได้มีการประชุมแกนนำทั้งสองฝ่าย โดยมีตัวแทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมดังกล่าวด้วย ซึ่งผลการประชุมเป็นที่น่าพอใจเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะแก้ไขปัญหาการอพยพแม่เมาะจบได้เร็วขึ้น การจัดจัดสรรพื้นที่ของชาวบ้านได้มีการจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครอบครัวของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้รับการเยียวยาจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือ กฟผ. จำนวน 463 ครอบครัว ในการจัดสรรพื้นที่นั้นได้มีการแบ่งกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วและพอใจกันทั้งสองฝ่าย


 



การแก้ไขปัญหาของทางจังหวัดจะมี 2 กลุ่มด้วยกัน คือกลุ่มเครือข่ายผู้ป่วย หากได้พื้นที่เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะมีการจับฉลากแบ่งพื้นที่กันเอง 121 ครอบครัว ในกลุ่มนี้หน้าที่ของทางจังหวัดจะต้องประสานกับ กฟผ. และรัฐมนตรีพลังงานเพื่อที่จะขอบ้านมั่นคง ส่วนของกลุ่มผู้ใหญ่มาลี 342 ครอบครัว ทางจังหวัดก็จะดำเนินการประสานกับ กฟผ.เรื่องเงินชดเชย ซึ่งกระบวนการในส่วนนี้ได้มีการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ได้มีการประการราคาเงินชดเชยไปแล้ว และมี 64 รายที่มีการอุทธรณ์เนื่องจากว่ามองราคาในการประเมินยังไม่มีความเป็นธรรม แต่ที่ไม่อุทธรณ์ก็จะแจ้งให้ทาง กฟผ. จ่ายเงินชดเชยไปก่อน


 


 


อนุกรรมการฯคลอดร่างคู่มือเรทติ้งทีวี


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ - ที่ประชุมคณะกรรมการประสานการดำเนินการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ จัดการประชุมครั้งที่ 3/2550 โดยมีคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ ประธานอนุกรรมการ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในที่ประชุม ร่วมกับคณะอนุกรรมการ ในที่ประชุมมีมติให้ช่องสถานีโทรทัศน์นำร่างคู่มือ การจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ฉบับใหม่ มาทดลองใช้จริง ตั้งแต่เดือนก.ย.- ธ.ค. 2550 นี้ รวมเป็นระยะเวลา 4 เดือน กรอบการทดลองคู่มือฯใหม่ดังกล่าว จะดำเนินการตามผังรายการเดิม แต่เน้นการกำหนดเรทติ้งของแต่ละรายการให้มีเนื้อหาสอดคล้องกับข้อกำหนดของรายการแต่ละประเภท



 


ภายในช่วงเวลาการทดลอง จะมีการกำหนดทบทวนคู่มือฯทุก 1 เดือน ซึ่งเป็นการนำประเด็นความเห็นจากการตีความ ของแต่ละฝ่ายมาอภิปรายร่วมกัน รวมทั้งใช้ระบบการประเมินจากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากทุกช่องสถานี เพิ่มรายการกลุ่ม "" ทุกวัย, ""สำหรับเด็ก 6-12 ปี และ "" รายการเด็กปฐมวัย 3-5 ปี อย่างน้อย 1 - 1.30 ชั่วโมง ในช่วงเวลาไพร์มไทม์ เวลา 16.00 - 22.00น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2548 แต่ยังไม่ปฏิบัติในช่วงที่ผ่านมา



 


"เราไม่ต้องการให้ใครเจ๊ง เอาคู่มือมาใช้แล้วมาดูกัน หากเมื่อฟรีทีวีทำเรียบร้อย ดูธรรมชาติว่าแต่ละช่วงเวลามันเหมาะกับรายการอะไร ถ้าปรับแล้วจะกระทบมากหรือไม่ กระทบใครบ้าง ก็ต้องมาลองดูกัน ถ้าเรียบร้อยเราก็จะได้ไปปรับปรุงส่วนอื่นๆ เคเบิลทีวี" คุณหญิงทิพาวดี กล่าว



 


หากการจัดเรทติ้งรายการและเพิ่มรายการทั่วไปในช่วงไพร์มไทม์ที่ขอความร่วมมือ สามารถแก้ปัญหาเรื่องการเสนอสื่อได้อย่างลงตัว เรื่องของการจัดเวลาเพื่อออกอากาศรายการแต่ละประเภท ก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับ แต่หากต้องปรับเวลาจริง อาจเป็นช่วงต้นปีหน้า หลังจากเจ้าของรายการส่วนใหญ่ วางผังไปจนถึงสิ้นปีแล้ว คณะกรรมการก็พร้อมจะขยายเวลาการทดสอบคู่มือฯออกไปเป็น 6 เดือน หรือมากกว่านั้นตามความเหมาะสม



 


อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ เช่น ประเด็นการนำเสนอเรื่องเพศ ซึ่งมีการปรับประเด็น การแต่งกาย เป็นสรีระและการแต่งกายที่ยั่วยุทางกามารมณ์ เพื่อครอบคลุมเจตนาของนักแสดง ซึ่งแสดงออกเรื่องการยั่วยุ แม้แต่งกายปกปิดก็ตาม รวมทั้ง การใช้ภาษา ในกลุ่มภาษาสแลง จะขยายให้ครอบคลุม ไวยากรณ์และการออกเสียงในการพูดร่วมด้วย



 


นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับสัญลักษณ์ ระบุความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ใหม่ ให้สื่อสารกับผู้ชมได้เข้าใจง่ายขึ้น ในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งทางสถานีทีไอทีวี จะเป็นผู้รับผิดชอบในการสร้างสรรค์สัญลักษณ์ดังกล่าว เพื่อนำมาใช้ในช่องอื่นๆ ต่อไป



 


นายประวิทย์ มาลีนนท์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง3 กล่าวว่า ทางช่องสถานีต้องมีการปรับตัวกันต่อไปตามมติที่ประชุม แต่ในส่วนของการจัดรายการที่เหมาะสมตามเวลา หากทดสอบก็ต้องพิจารณาจากรายการใหม่ที่จะเข้ามาในปีหน้า



 


ด้านนายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย ผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ กล่าวว่า มติประชุมต่อการทดสอบคู่มือฯ 4 เดือนหลังจากนี้ ยังไม่มีการบังคับให้ปรับผังรายการ ถือว่าเป็นมติที่น่าพอใจ ต่างจากการกำหนดข้อปฏิบัติที่ออกมาในฉบับแรกๆ ซึ่งนำมาปฏิบัติจริงแทบไม่ได้เลย



 


นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กล่าวว่า ผู้ผลิตรายการมีความพร้อม ในการจัดรายการให้เหมาะสม ซึ่งในส่วนของการจัดเวลาที่เคยเป็นประเด็นใหญ่ ก็อาจตกไปหากการทดสอบคู่มือฯให้ผลที่ลงตัวและเป็นประโยชน์


 


 


เศรษฐกิจ


ชะลอบาทแข็งอุ้มส่งออก ธปท.มั่นใจปีหน้าอ่อนค่า


ผู้จัดการออนไลน์-  นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในหัวข้อ"วิกฤติแรงงานจากพิษค่าเงินบาทแข็ง" โดยคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทว่า ปี 2551 เงินบาทจะอ่อนค่าลง เนื่องจากประเทศไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงจากปี 2550 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากไม่ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าหรือแข็งค่า ก็มีทั้งผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ สิ่งที่ ธปท.ควรดำเนินการก็คือ การดูแลความสามารถการแข่งขันในภาพรวม


 


"สิ่งที่แบงก์ชาติทำตลอด คือการซื้อดอลลาร์ เป็นการสร้างอุปสงค์ขึ้นมา เพื่อไม่ให้บาทแข็งเร็วเกินไป และในระยะสั้นจำเป็นต้องดูแลการแข็งค่าให้ช้าลง เพราะการส่งออกยังเป็นปัจจัยหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยช่วงครึ่งปีที่ผ่านมามีการซื้อดอลลาร์ไปแล้ว 1.8 หมื่นล้านบาท" นางอัจนากล่าวและว่า หากเศรษฐกิจโลกจะชะลอ แต่ถ้าความต้องการใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัว ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าการลงทุน การบริโภคในประเทศยังไม่มี ก็ต้องดูแลการส่งออกต่อไป


 


ทั้งนี้ ธปท.ต้องดูจังหวะในการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทตามความจำเป็น ขณะที่การแทรกแซงของแต่ละประเทศก็แตกต่างกัน เพราะมีความพร้อมที่แตกต่างกัน ตนคิดว่า ในระยะยาวก็เห็นว่าไม่มีประเทศไหนที่อยู่ดีกินดีได้ในภาวะที่ค่าเงินอ่อนค่า นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ปัญหาเงินเยนแข็งค่าของญี่ปุ่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นแบบอย่างที่ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้มีการไปลงทุนภายนอกประเทศ


 


นางอัจนากล่าวว่า ไม่มีใครอยู่ได้ ถ้าขายของถูก แต่ซื้อของแพง ภาวะการแข็งค่าของเงินบาทนั้นส่วนหนึ่งเป็น เพราะระยะนี้การนำเข้าเครื่องจักรและสินค้าอุปโภคบริโภคยังมีไม่มากนัก จึงกลายเป็นการสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท ประกอบกับ ขณะนี้ยังมีเงินทุนเคลื่อนย้าย 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรับประกันไม่ได้ว่าจะไหลเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากแค่ไหน


 


 


ต่างประเทศ


บังกลาเทศจับกุมตัวอาจารย์มหาวิทยาลัย 4 คน หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นในประเทศ


กรมประชาสัมพันธ์- กองกำลังรักษาความมั่นคงของบังกลาเทศในจับกุมตัวอาจารย์มหาวิทยาลัย 4 คน ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้มีบทบาทสนับสนุนการประท้วงของนักศึกษาจนทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำให้รัฐบาลประกาศห้ามออกนอกบ้านตามเมืองต่างๆ 6 เมือง การจับกุมตัวดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเช้าวันนี้ ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศระงับการห้ามออกนอกบ้านชั่วคราวที่ประกาศใช้เมื่อ 3 วันก่อน


 


 


ออสซี่ปล่อยนักโทษกลับบ้านช่วงเอเปค-กันคุกรอผู้ประท้วง


เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ- สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวานนี้ว่า ทางการออสเตรเลียมีคำสั่งให้นักโทษราว 200 คนในนครซิดนีย์ ซึ่งกระทำความผิดลหุโทษและต้องโทษจำคุกเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ ให้กลับไปอยู่บ้านระหว่างสุดสัปดาห์ที่มีการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ช่วงต้นเดือนหน้า เพราะตำรวจต้องการพื้นที่ในห้องขังมากเป็นพิเศษ หลังข้อมูลข่าวกรองบ่งชี้ว่า การประท้วงอาจบานปลายเป็นเหตุรุนแรงจนทำให้มีการจับกุมผู้ก่อเหตุมากมายในช่วงดังกล่าว



 


นายแอนดริว ซีปิญอง รองผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาธ์เวลส์ เผยว่า เจ้าหน้าที่จะดำเนินการต่อต้านผู้ประท้วงที่พยายามทำลายทรัพย์สินและทำร้ายตำรวจ ขณะที่นายจอห์น ฮัตซีสเตอร์กอส รัฐมนตรียุติธรรมประจำรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ปฏิเสธแผนปล่อยตัวนักโทษ โดยว่า นักโทษยังต้องทำกิจกรรมบริการสังคม ระหว่างที่ชดใช้ความผิดตามเดิม



 


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนรักษาความปลอดภัยครั้งใหญ่สำหรับการประชุมสุดยอดเอเปค ซึ่งมีผู้นำจาก 21 ชาติมาเข้าร่วมประชุม รวมถึงประธานาธิบดีจากจีน รัสเซีย และสหรัฐ ก่อนหน้านี้ ทางการออสเตรเลียได้ส่งตำรวจกว่า 3,000 นาย โดยได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังต้านก่อการร้าย เข้าลาดตระเวนใจกลางนครซิดนีย์ ทั้งยังมีการกั้นเขตเฉพาะด้วยรั้วโลหะและคอนกรีต รวมถึงเคลื่อนย้ายรถบัสที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดกั้นถนน


 



ด้านนายอเลกซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย เผยว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชแห่งสหรัฐ นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น และนายกรัฐมนตรีจอห์น โฮเวิร์ดแห่งออสเตรเลีย อาจเข้าร่วมหารือความมั่นคงแบบไตรภาคี ในการเจรจานอกรอบการประชุมสุดยอดเอเปค โดยแผนหารือดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณา


 



ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นหลังหนังสือพิมพ์โยมิอุริในญี่ปุ่นระบุว่า การเจรจาไตรภาคีอาจมีขึ้นในวันที่ 8 กันยายน โดยผู้นำทั้ง 3 ชาติจะหารือเรื่องการปลดนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารของจีน


 


 


ซูดานขับนักการทูตอียู และแคนาดาออกนอกประเทศ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - ซูดานขับนักการทูตของสหภาพยุโรป (อียู) และของแคนาดา ออกนอกประเทศ วานนี้ ฐานแทรกแซงกิจการภายในของซูดาน สำนักข่าวซูนา ของทางการซูดาน รายงานอ้างคำแถลงของนายอาลี อัล-ซาเดค โฆษกกระทรวงต่างประเทศซูดาน ว่า กระทรวงต่างประเทศซูดาน ได้เรียกทูตจากคณะกรรมาธิการยุโรป และอุปทูตแคนาดา เข้าพบ และแจ้งว่า เขาทั้งสองคือบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ในซูดาน เนื่องจากแทรกแซงกิจการภายในของซูดาน อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงต่างประเทศซูดาน ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของข้อกล่าวหาดังกล่าว และไม่ได้เปิดเผยชื่อของนักการทูตชาวต่างชาติทั้ง 2 คนด้วย เพียงแต่ระบุว่า ทางการซูดานกำลังดำเนินความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้การขับนักการทูตทั้งสองส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างซูดาน กับอียู และซูดาน กับแคนาดา


 


ซูดานมักจะประสบปัญหาความขัดแย้งกับบรรดานักการทูตชาติตะวันตก เช่น เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ซูดานก็ได้ขับนักการทูตของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกนอกประเทศฐานวิพากษ์วิจารณ์วิกฤติสถานการณ์ความรุนแรงในแคว้นดาฟัวร์ ทางตะวันตกของซูดาน ทั้งนี้ สถานการณ์ความรุนแรงในแคว้นดาฟัวร์ เริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 เมื่อชนพื้นเมืองเผ่าต่าง ๆ ได้จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับกองกำลังรัฐบาลซูดาน เพื่อเรียกร้องส่วนแบ่งทรัพยากรในประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ส่งผลให้ทางการซูดานส่งทหารเข้าปราบปรามอย่างรุนแรง และเปิดทางให้กองกำลังพันธมิตรของรัฐบาลเข้าร่วมปราบปรามด้วย รายงานแจ้งว่า วิกฤติความรุนแรง และภาวะอดอยากแร้นแค้นในแคว้นดาฟัวร์ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 200,000 คน และประชาชนอีกกว่า 2 ล้านคน กลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่


 


 


มายสเปซเปิดเวทีคุยกับว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มายสเปซและเอ็มทีวีดอทคอม สองเวบไซต์ยอดนิยมในหมู่วัยรุ่น เตรียมจับมือจัดโครงการสนทนาออนไลน์แบบส่วนตัว ระหว่างกลุ่มเยาวชนกับผู้สมัครประธานาธิบดีสหรัฐ


 


โครงการดังกล่าวนับเป็นการร่วมมือในวงกว้างครั้งแรก ระหว่างสองบริษัทที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของสื่อคู่แข่งระหว่างเจ้าพ่อสื่อ "รูเพิร์ต เมอร์ดอค" แห่ง นิวส์ คอร์ป และ "ซัมเนอร์ เรดสโตน" จากเวียคอม


 


นายเจฟฟ์ เบอร์แมน รองประธานอาวุโสมายสเปซ กล่าวว่า การสนทนาออนไลน์ครั้งนี้จะเป็นการสนทนาแบบตัวต่อตัว มากกว่าการนำผู้สมัครหลายคนขึ้นเวที เพื่อแสดงวิสัยทัศน์อย่างที่เคยเห็นกันทั่วไป โดยผู้สมัครแต่ละคนจะมีโอกาสได้รับคำถามโดยตรง จากทั้งอีเมล โทรศัพท์ รวมไปถึงข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส)


 


ทั้งนี้จะมีการเปิดลานในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐ และถ่ายทอดสดการสนทนาแบบเรียลไทม์ระหว่างเยาวชนในอเมริกาและผู้ลงสมัครทั้ง 11 คน ซึ่งการสนทนาสดออนไลน์จะเริ่มขึ้นในวันที่ 27 กันยายน นี้ โดยมีนายจอห์น เอดเวิร์ดส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต เป็นแขกคนแรกของเวทีนี้


 


ด้านผู้ชมที่เป็นสมาชิกอยู่ในมหาวิทยาลัยจะสามารถส่งคำถามได้โดยตรง ขณะที่ผู้ชมออนไลน์ สามารถส่งคำถามผ่านทางอีเมล หรือโปรแกรมสนทนา จากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัว รวมทั้งผ่านข้อความสั้น (เอสเอ็มเอส) จากมือถือได้ด้วยเช่นกัน


 


นอกเหนือจากการสนทนาดังกล่าว เวบไซต์ทั้งสองแห่งยังจะสำรวจความนิยมของผู้สมัครแบบเรียลไทม์ว่าการสนทนาและแสดงวิสัยทัศน์ผ่านเวบไซต์ของผู้สมัครมีผลต่อคะแนนนิยมเพียงใดในทัศนะของผู้เข้าใช้บริการ ทั้ง มายสเปซและเอ็มทีวี


 


จากผลสำรวจของ Hitwise เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ระบุว่า มายสเปซ ครองส่วนแบ่ง 19% ในตลาดเวบไซต์ด้านความบันเทิงผ่านมัลติมีเดียของสหรัฐ ตามหลังยูทูบ ซึ่งมีส่วนแบ่ง 29% จากยอดผู้เข้าชมวิดีโอผ่านยูทูบมากกว่า 100 ล้านโหลดต่อวัน


 


 


จีนประกาศสงครามสินค้าไร้คุณภาพ


เว็บไซต์ไทยโพสต์ -รองนายกรัฐมนตรีอู๋อี๋ของจีน แถลงข่าวเปิดโครงการรณรงค์การต่อสู้กับผลิตภัณฑ์สินค้าไม่ได้มาตรฐาน ทั้งอาหาร ยา และสินค้าส่งออก ซึ่งในระยะหลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวหลายรายการ  ทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสินค้าประทับตรา "เมดอินไชน่า"  เสียหาย  โดยการรณรงค์ดังกล่าวจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปีนี้


 



"มันคือการต่อสู้อย่างจริงจังเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน ผลประโยชน์ของสาธารณะ เพื่อป้องกันชื่อเสียงของสินค้าจากจีน  และภาพลักษณ์ของประเทศ"  อู๋อี๋  ระบุในเว็บไซต์ของรัฐบาลจีน


 



ก่อนหน้านี้ ช่วงกลางเดือนสิงหาคม แมทเทล  บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ของสหรัฐประกาศเรียกคืนสินค้าที่ผลิตจากจีนจำนวน18 ล้านชิ้น เพราะแม่เหล็กที่ติดกับสินค้ามีอันตรายหากเด็กเอาเข้าปากแล้วกลืนลงไป หลังจากเมื่อต้นเดือนเดียวกันนี้  เพิ่งเรียกคืนสินค้ากว่า  1.5  ล้านชิ้น  เพราะพบสารตะกั่วปนเปื้อนในสีที่ใช้ผลิตปริมาณสูง


 



ขณะที่วอลมาร์ท ร้านค้าปลีกเบอร์หนึ่งของสหรัฐ เรียกร้องให้ซัพพลายเออร์ตรวจสอบสินค้าของเล่นอย่างถี่ถ้วน  หลังจากเกิดกรณีเรียกคืนของแมทเทล


 



ไม่ใช่เพียงของเล่นเท่านั้น ก่อนหน้านี้สินค้าส่งออกจากจีนหลายประเภท  ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์  ยางรถยนต์ อาหารทะเล และยาสีฟัน ก็ตกเป็นข่าวอื้อฉาวเพราะมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมาแล้ว  รวมถึงยาแก้ไอที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งคร่าชีวิตชาวปานามาไปมากกว่า  20  ราย


 



หลังจากกลายเป็นข่าวฉาวต่อเนื่อง  ปักกิ่งประกาศต่อสู้กับผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานอย่างจริงจัง  ทั้งออกกฎระเบียบข้อบังคับในการผลิตใหม่ สั่งปิดโรงงานหลายร้อยแห่งที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงการแถลงแก้ข่าวต่อสื่อมวลชนบ่อยครั้ง


 



รองนายกฯ  อู๋อี๋ ที่ได้รับฉายาว่าหญิงเหล็กแห่งรัฐบาลจีน ยังกล่าวโทษการตรวจสอบของหน่วยงานท้องถิ่นที่ไม่มีความเข้มงวดเพียงพอ และความล้มเหลวของเจ้าหน้าที่รัฐ  พร้อมข่มขู่จะเด้งเจ้าหน้าที่ที่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพด้วย


 



"มันเป็นการปกครองแบบใช้อำนาจเด็ดขาด จากเจ้านายสู่ลูกน้องผ่านทางการรณรงค์"  เมาโซวลง  ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะจากมหาวิทยาลัยประชาชนแห่งชาติจีน  กล่าว "ในจีนนั้น การรณรงค์แบบนี้มีบทบาทสำคัญต่อการรับมือปัญหา เพราะว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับล่างเห็นรองนายกรัฐมนตรีออกมาเน้นย้ำ  พวกเขาก็จะตื่นตัวตามไปด้วย"


 



นับตั้งแต่การพรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นครองอำนาจเมื่อปี2492 รัฐบาลจีนใช้การรณรงค์ในระยะสั้นแบบนี้บ่อยครั้งเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ  ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม   ในหลายปีหลัง ความจริงจังของการรณรงค์นั้นถือว่าลดน้อยลงไปมาก


 



"การประหารชีวิตเจิงเซียวหยู  ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับสนใจในปัญหามากขึ้น"  เมากล่าวถึงการประหารอดีตผู้อำนวยการองค์การอาหารและยาของจีน  หลังจากพบว่าทุจริตรับสินบน


 



ขณะเดียวกัน ข่าวรอยเตอร์รายงานว่า  สหรัฐเตรียมผลักดันให้จีนเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าระหว่างการประชุมกลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก  (เอเปก)  ที่นครซิดนีย์ของออสเตรเลียในเดือนหน้า


 



"ผมคิดว่า ประเด็นนี้จะอยู่ในการประชุมในเดือนหน้าด้วย" คาร์ลอส กูเตียเรซ  รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกล่าว พร้อมชี้ว่าทำเนียบขาวได้เพิ่มกระบวนการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าจากจีนแล้ว ขณะเดียวกัน กูเตียเรซเผยว่ารัฐบาลสหรัฐมีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับจีนเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการตรวจสอบของทั้งสองฝ่ายมีระบบเพียงพอ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net