Skip to main content
sharethis



 



 



 


อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างการลงพื้นพบปะเกษตรผู้ปลูกลำไย และนักธุรกิจชั้นนำในภาคเหนือ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา (ที่มา: ภาพชุด:ปชป.ลงพื้นที่ภาคเหนือ พบเกษตรกรผู้ปลูกลำไย, ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์, 20/8/2550)


 


การขึ้นเหนือเพื่อพบเกษตรกรผู้ปลูกลำไย และนักธุรกิจในภาคเหนือเมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา คือการเคลื่อนยุทธวิธีการเมืองที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของประชาธิปัตย์ แต่จังหวะก้าวครั้งนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะดูเหมือนว่าจะเป็นจังหวะก้าวสู่ความเป็นไปได้ของการจัดตั้งรัฐบาล คำฝากจากเกษตรกรและนักธุรกิจเหนือ จึงเป็นการฝากความหวังจริงจังกว่าการเปิดเวทีที่ผ่านมาในฐานะฝ่ายค้าน


 


บรรดานักธุรกิจจากภาคเหนือตอนบนจึงเคลื่อนพลเข้าร่วมหารือ โดยมีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่งหัวโต๊ะรับฟังความเห็นกันคับคั่ง


 


สลายความขัดแย้ง ฟื้นท่องเที่ยว


นายณรงค์ ตนานุวัฒน์ ประธานกรรมการหอการค้าเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการต่างๆ ที่มีในเชียงใหม่มีมาก แต่ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม ซึ่งเราต้องมีเสาหลักในแต่ละหัวเมือง เนื่องจากเชียงใหม่ถูกจัดวางให้เป็น International city, Regional city , National city และระดับ Local city อย่างไรก็ตามในแต่ละระดับไม่เหมือนกัน ซึ่งจะความโดดเด่นต่างกันไปเพียงแต่ต้องเชื่อมโยงให้เข้าถึงกัน ทั้งนี้การที่เชียงใหม่ถูกมองว่าเป็น International city นั้นหอการวิเคราะห์ร่วมกันว่า ยังไม่ถึงระดับนั้น แม้ว่าจะมีโรงเรียนนานาชาติถึง 7 แห่ง แต่สถาบันระดับอุดมศึกษายังไม่มีมหาวิทยาลัยนานาชาติ จึงเป็นจุดบอดของที่นี้ด้วย


 


อย่างไรก็ตามเมื่อถูกวางให้เป็นศูนย์กลางของเมืองล้านนา พร้อมกับเสนอว่าควรมีผู้ว่าราชการของกลุ่มจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของกลุ่มจังหวัด โดยได้รับความมือจาก 3 ฝ่ายทั้ง ภาครัฐ เอกชน และสถานศึกษา ซึ่งในที่นี้ภาคเอกชนจะควบรวมกับประชาชนในท้องถิ่นนั้นด้วย ซึ่งหากนำมาผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน จะโยงถึงโครงการใหม่อย่าง ศูนย์ประชุมนานชาติ ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2534 จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถสานต่อไปได้ จึงอยากให้ประชาธิปัตย์หากได้เป็นรัฐบาล ช่วยผลักดันโครงนี้ให้สำเร็จด้วย เพราะเชียงใหม่มีศักยภาพหลายด้านโดยเฉพาะการท่องเที่ยว อย่างพืชสวนโลกครั้งที่ผ่านมาก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่านักท่องเที่ยวจำนวน 3.8 ล้านคนแห่กันร่วมชมอย่างคับคั่ง แต่ไม่ได้ต่อยอดเพิ่มเติมในการแข่งขันระดับโลก พร้อมกับยกประเทศฮ่องกง ซึ่งมีโอเชี่ยนพาร์ค 40 กว่าไร่แต่มีนักท่องเที่ยวมากถึง 5-6 ล้านคน ซึ่งสามารถเอาชนะดิสนีย์แลนด์ อย่างไรก็ตามพืชสวนโลกที่เชียงใหม่ 470 ไร่ หรือ 10 เท่าของโอเชี่ยนพาร์ค น่าจะมีการบริหารงานที่ดี จึงจะลบภาพเชียงใหม่เมืองปราบเซียนได้ เพราะจากที่ผ่านมาค่าที่พักในโรงแรมเชียงใหม่ถูกมากที่สุดในโลก ยิ่งถ้ามีศูนย์ประชุมแสดงสินค้านานาชาติ รวมถึงมหกรรมพืชสวนโลก เศรษฐกิจหลังจากนี้จะดีขึ้น ส่วนกรณีการค้าชายแดนภาคเหนือซึ่งอยู่ติดกับประเทศพม่า แต่มีการปิดด่านรอบด้าน จึงทำให้ไทยเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ


 


"ผมเชื่อว่าในบทบาทของภาคเอกชนที่มุ่งนำความเจริญให้กับประเทศชาติ แต่หลายครั้งที่ข้อมูลบกพร่อง รวมถึงมีกฎเกณฑ์ที่ยุ่งยาก แต่ถ้ามีการวางแผนล่วงหน้าก็จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวไม่เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิม อย่างไรก็ตามเราต้องลดความขัดแย้งให้บ้านเมืองให้เข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุดจบไปทั้งขั้วอำนาจเก่าและใหม่ ผมพร้อมสนับสนุนเต็มที่"อภิสิทธิ์กล่าว


 


หนุนรถไฟหั่นต้นทุน "อภิสิทธิ์"แย้มทำรางคู่-ขยายราง


ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า อยากให้มีรถไฟความเร็วปานกลาง เนื่องจากการรถไฟไม่ได้มีการปรับปรุงเส้นทางเดินรถ ซึ่งก็เชื่อว่าหากมีรถไฟความเร็วปานกลาง จะสามารถลดต้นทุนได้มากถึง 10 % ขณะที่โลจิสติกส์ 21 % ต้องใช้เงินลงทุนมากด้วย เชื่อว่าในระยะยาวพลังงานต่างๆที่นำเข้ามาจำนวนมหาศาล จะสามารถตัดทอต้นทุนทางธุรกิจและแข่งขันกับต่างประเทศได้


 


ด้านนายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า โลจิสติกส์ร้อยละ 21 เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข ทั้งนี้ต้นทุนของโลจิสติกเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นจากความยุ่งยากของภาครัฐ หน่วยงานสนับสนุน ที่ยื้อเวลาในการทำธุรกรรม ซึ่งแนวทางที่จะทำต่อไปนั้นจะต้องปรับรื้อระบบราชการให้สะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ตามวาระประชาชนต้องมาก่อน โดยขณะนี้การจะเปลี่ยนขนาด ราคา อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นทางพรรคกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะทำรางเท่าเดิม แต่ให้เป็นรางคู่ กับอีกด้านหนึ่งจะขยายราง เพราะหากจะทำรางคู่ ต้องมีการสับเปลี่ยนรางที่ดีด้วย จึงจะสามารถวิ่งได้ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่หากอยากได้กำลังวิ่งที่เร็วกว่านี้จะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยแน่ ซึ่งหากจะทำระดับนั้นได้ต้องคุ้มค่ากับการลงทุนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาต้นทุน การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และความเป็นไปได้ของโครงการด้วย ซึ่งจะได้ข้อสรุปในเร็วนี้


 


ด้านประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ เสริมกรณีการขนส่งด้วยรถไฟ หากรอจะใช้รางคู่หรือรางเดี่ยวจะล่าช้า โดยตนเห็นว่าภาคเอกชนต้องส่งรถคอนเทรนเนอร์ออกวิ่งตามจุดต่างๆ ส่วนบริษัทย่อยๆให้ประจำจุดที่ต้นทาง-กลาง-และปลายทาง จะเร็วและแน่นอนกว่า


 


อุตสาหกรรมจังหวัดรื้อปัญหาต้นน้ำ-ปลายน้ำ


นายวีรยุทธ์ สุขัตวัฒนโก ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมภาคเหนือตั้งแต่ไตรมาสแรก-เดือนพฤษภาคมว่า ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยแยกปัญหาเป็น 3 ระดับ คือ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ ทั้งนี้ปัญหาต้นน้ำจะมีปัญหาในภาคเอกชน อย่างกรณีการโซนนิ่ง ซึ่งการทำธุรกิจใดๆผู้ประกอบการต้องเลือกสถานที่ แต่ชุมชนมาล้อมภายหลัง เมื่อโรงงานส่งกลิ่นเหม็น ผลสุดท้ายก็ต้องปิดโรงงาน ซึ่งแท้ที่จริงนั้นเป็นเพราะชุมชนเข้ามาล้อมโรงงานและเดือดร้อนกันเองทั้งนั้น จึงลำบากต่อภาคลงทุน แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุดคือ Product Activity การประหยัดพลังงาน และลดขั้นตอนการทำธุรกรรมกับทางราชการลง จากกรม และกระทรวง แบ่งงานไม่ชัดเจนและทำงานซ้ำซ้อ ในเมื่อมีศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานอยู่ที่เชียงใหม่ก็ให้ดำเนินการได้เลย นอกจากนี้บางโครงการที่รัฐจัดให้ และส่งที่ปรึกษามาดูแล แต่ที่ปรึกษากลับไม่เข้าใจในเนื้องานเสียด้วยซ้ำ จึงทำในการดำเนินการล่าช้า เพราะแทนที่เราจะได้ความรู้เพิ่มกลับต้องเสียเวลาสอนงาน


 


ส่วนเรื่องนวัตรกรรมมักจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมากนัก อย่างอุตสาหกรรมจังหวัดมีผลงานการวิจัยลำไยให้เป็นน้ำตาลชนิดพิเศษ ซึ่งโครงการนี้ได้ประสานงานให้แล้ว แต่ต้องชะงักในขั้นตอนการต่อยอดนำไปใช้-การตลาด


 


จี้บริหารค้าเสรี หวั่นซ้ำรอยโมเดิร์นเทรด


ขณะที่นายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ให้ความเห็นว่าธุรกิจการค้าสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดเริ่มเข้ามาในเชียงใหม่ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก สำหรับหอการค้าเชียงใหม่มีนโยบายเปิดกว้างให้กับการค้าเสรี จึงไม่ปิดกั้นที่จะมีการเปิดห้างร้านธุรกิจสมัยใหม่ เพียงแต่ต้องการให้ภาครัฐมีนโยบายควบคุมคู่กันไป เพราะหากบริหารไม่ดีจะซ้ำรอยโมเดิร์นเทรด แนะรัฐควบคุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์ อย่าให้ขยายถึงชนบท แม้ผู้บริโภคก็เออออ แต่ตลาดสดจะมีปัญหา รวมถึงวิถีชีวิตชาวบ้านจะแปรเปลี่ยน ปัญหาที่ตามมาคือ ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม คนว่างงาน และปัญหาโสเภณี


 


นายเฉลิมชาติยังกล่าวต่อไปอีกว่า เศรษฐกิจภาคประชาชนในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ตัวเลขจีดีพีจะโต แต่ทำไมกำลังซื้อถดถอย ค้าขายไม่ดี เช่นเดียวกันผู้จบการศึกษาในเชียงใหม่ พบว่าส่วนใหญ่ยังตกงาน เป็นผลมาจากกระทรวงศึกษาธิการมุ่งให้คนจบปริญญาด้านวิชาการ ไม่ได้เน้นสายอาชีพ ประกอบกับรสนิยมของครอบครัวที่ปลูกฝังให้ลูกต้องเรียนด้านวิชาการ ทั้งที่ภาคธุรกิจขาดแคลนงานเฉพาะด้านวิชาชีพมากกว่า เศรษฐกิจตอนนี้กำลังตกอยู่ในท้องปลาวาฬต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน


 


อภิสิทธิ์ ให้ความเป็นห่วงกรณีค้าปลีก ค้าส่ง ซึ่งกลไกของรัฐที่จะเข้ามาจัดการต้องเป็นที่ยอมรับ เช่นการคุมพื้นที่ หรือปัญหาที่ห้างใหญ่คลอดห้างเล็กออกกระจายตามแหล่งชุมชน ทำให้ธุรกิจชุมชนอยู่ไม่ได้ ตนถือว่าเป็นการค้าที่ไม่เป็นธรรม พร้อมแนะว่าควรมีการขีดกรอบที่เหมาะสมสลายความไม่เป็นธรรมนั้นให้ได้


 


ฟุ้งเรียนฟรี- หนุนเบี้ยยังชีพ เพิ่มมูลค่าสินค้าสุขภาพ


นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะส่งเสริมในการพัฒนาคน หนุนให้เรียนฟรี 12 ปี เรียนได้จริงจนจบมัธยมศึกษาตอปลาย ซึ่งขณะนี้กำลังจะนำร่องที่กรุงเทพฯ โดยประสานงานผ่านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ส่วนเรื่องเงินออม ซึ่งเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ ประชาธิปัตย์เป็นผู้เริ่มต้นโครงการนี้อยู่แล้วแต่จะเสริมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ซึ่งจะทำในกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ สหกรณ์ออมทรัพย์ โดยเรียกเก็บเงินออมในอัดตราส่วนที่ใกล้เคียงกับประกันสังคม โดยกำลังดูท่าทีการสนับสนุนองค์กรออมระดับชุมชน หากว่าจะขยายประกันสังคม ซึ่งจากที่พบจำนวนผู้เอาประกันตน 9 ล้านคน ก็จะขยายให้ครอบคลุมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในหมู่ที่ไม่มีนายจ้าง หรือทำงานอิสระ


 


ทั้งนี้ในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมในการกำหนนโยบายของการพัฒนาในบงประมาณการพัฒนาจังหวัด สิ่งที่ประชาธิปัตย์เชื่อคือ การผลักดันการกระจายอำนาจ โดยดึงเอาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาล และเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจ (กรอ.)ทั้งในระดับท้องถิ่น-ระดับชาติ เป็นกลไกในการลักดันการพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน


 


ขณะเดียวกันประเด็นเกี่ยวกับพื้นที่ยังจะสานต่อจากนายชวน หลีกภัย ทั้ง 4 เหลี่ยมเศรษฐกิจของภาคเหนือ และ3 เหลี่ยมเศรษฐกิจของภาคใต้ อะไรที่ผลักดันได้เป็นกรณีพิเศษจะหนุนเต็มที่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะเชื่อมโยงกับปัญหาพื้นฐานและเรื่องโลจิสติก แต่โดยหลักแล้วยังมุ่งเปิดการค้าเสรี ซึ่งเชื่อว่าเป็นทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องผลักดันกลไกที่คุ้มครองผลประโยชน์ของประเทศ เพียงแต่กลไกที่ใช้นั้นต้องเป็นที่ยอมรับของสากล ซึ่งอาจใช้เครื่องมือทางการค้าทั้งกฎหมายการแข่งขันทางการค้า การคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงความปลอดภัยและเน้นมาตรฐานของสินค้า ซึ่งต่อไปนี้ไทยจะไม่ต้องกลัวกับการเปิดการเสรี พร้อมชี้จุดยืนเดียวคือต้องโกยผลประโยชน์ให้กับคนในชาติ


 


ส่วนกรณีภาคเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาท ต้องแก้ให้ตรงจุด เพื่อใช้ทรัพย์ที่มีอย่างจำกัดให้คุ้มค่าที่สุด อย่างไรก็ตามยังให้ความสนใจกับภาคการเกษตรเป็นกรณีพิเศษ เพราะหากว่าเพิ่มผลผลิตและมูลค่าสินค้าได้ซึ่งอาจต้องพึ่งนวัตรกรรมด้วย เนื่องจากมีสำนักงานกองทุนนวัตรกรรม ซึ่งเป็นกลไกผลักดันของพรรคสมัยเป็นรัฐบาลที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ แต่อยากเสริมแนวทางเกษตรปลอดภัย โหนกระแสสุขภาพที่กำลังแรงในกลุ่มผู้บริโภคที่กังวลเรื่องสารเคมี การตัดแต่งพันธุกรรมพืช


 


เหน็บทุจริตศูนย์ประชุมไม่น่าชะงัก ชี้ประเทศเสียโอกาส


 


ส่วนกรณีหอประชุมนั้นนายอภิสิทธิ์ให้ความเห็นว่า"ที่ผ่านมาภาคบริการโดยรวมของประเทศลดลง ทางภาคเหนือมีนวัฒนธรรม ประเพณีและโครงสร้างอื่นๆ สนับสนุน เราก็พร้อมที่จะเดินหน้าศูนย์ประชุมต่อไป เพราะการที่ชะงักเกิดจากสำนักงานตรวจการแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบว่ามีการทุจริตการประมูล ทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตัดงบ แต่ผมเห็นว่าควรนำคนผิดมาลงโทษ แต่ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคให้งานหยุดชะงักอย่างนี้ ต้องแยกกันให้ออก เพราะเป็นการเสียโอกาสของประเทศ อย่างไรก็ตามที่ผ่านสมาการตั้งงบศูนย์ประชุมนานาชาติไว้ แต่ไม่มีแผนการตลาด ถ้าไปสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่แทนที่จะได้ประโยชน์ ต้องมีแผนการตลาดที่จะช่วงชิงลูกค้าจากประเทศคู่แข่ง น่าจะเป็นแผนการฟื้นการท่องเที่ยว แต่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างบอนคาสิโน เพราะระดับประเทศสูงกว่าที่จะต้องพึ่งของแบบนั้น เพื่อดึงนักท่องเที่ยว"


 


นายทรงวิทย์ อิทธิพัฒนากุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ทั้งนี้ก็เผยว่า ต้องมีการส่งเสริมการขายให้กับศูนย์ประชุมนานาชาติ เพราะหากเชียงใหม่รุกกลุ่มประชุมสัมมนาหรือตลาดไมซ์ เพราะที่ผ่านไม่เชียงใหม่ไม่มีสถานที่รองรับ จึงเสียโอกาสทางเศรษฐกิจไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับกล่าวถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วประเทศมีรายได้ 8-9 แสนล้านบาท/ปี โดยเป้าที่การท่องเที่ยวห่างประเทศไทยตั้งไว้ 15 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยว 5 หมื่นล้านคน การท่องเที่ยวจึงมีความสำคัญกับเชียงใหม่ เพราะรัฐบาลเรียกเชียงใหม่ว่าเป็นศูนย์กลาง (Hub)ของการคมนาคม โลจิสติกส์ การเงิน การลงทุน ของภาคเหนือ แต่มีสายการบินที่จำกัด ซึ่งมีเพียงสิงคโปร์มาเลเซีย ฮ่องกง ใต้หวัน ที่มีศักยภาพ ตนคิดว่าน่าจะมีประเทศที่มีศักยภาพ และมีกำลังซื้อมากกว่านี้มาที่เชียงใหม่ แม้ว่าการบินไทยจะมีนโยบายบินลงที่กรุงเทพ จึงทำให้จังหวัดอื่นๆลำบากต้องต่อเที่ยวบิเอง ซึ่งนี่เป็นอุปสรรคของการท่องเที่ยว ทั้งนี้หากมีการคมนาคมโดยรถไฟ ซึ่งมีการเสนอให้วิ่งได้ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเชียงใหม่ เนื่องจากในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านคนเดินทางเข้ามาที่เชียงใหม่ อีก3 ล้านคนเป็นคนไทย ต้องรองรับการขนส่งให้มีประสิทธิภาพเอื้อต่อนักท่องเที่ยวด้วย ขณะที่ปีนี้มีโรงแรมระดับ 5 ดาวแจ้งเกิดอีก 2 แห่ง ทั้งเมอร์ลิเดียน และแชงแกลิล่า ซึ่งโรงแรมในเชียงใหม่เฉลี่ยแล้วสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ 5 หมื่นคน /วัน


 


ขณะเดียวกันเชียงใหม่กลับพบจุดบอดในจุดขายของตัวเอง อย่างงานพืชสวนโลกครั้งที่ผ่านมา 3 เดือนมีคนเข้าชมแล้วกว่า 3.8 ล้านคน ถึงเวลานี้เปิดอีกรอบเมื่อเดือนต้นเดือนสิงหาคมกลับไม่มีจุดขายที่จะต่อยอดได้ แนะต้องนำเอาวิถีชีวิตคนล้านนาเข้าไปผสมผสาน นอกจากนี้เชียงใหม่ยังมีงานใหญ่ประจำปี 3 งาน ทั้งงานไม้ดอกไม้ประดับ เทศกสลสงกรานต์ และลอยกระทง รัฐควรเจียดงบสนับสนุนกิจกรรมเสริมให้สามารถแข่งกับต่างชาติได้ แม้เราไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มาก แต่นั่นจะเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศได้ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการขายด้านการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วย


 


นอกจากนี้ควรเรียกเก็บค่าเข้าชมอุทยานของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เป็นธรรม ซึ่งจากเดิมเก็บเท่ากัน ต่อมาปรับเปลี่ยนเป็นคนไทยเก็บในราคา 20 บาท ส่วนต่างชาติ 200 บาท ล่าสุด ปี2549 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศขึ้นราคาเพิ่มอีก 100 % ผู้ประกอบการก็เดือดร้อน จึงยื้อการประกาศใช้มาได้เกือบหนึ่งปี พร้อมเสนอว่าปัญหาการท่องเที่ยวที่ขาดการพัฒนาการบริหารอย่างมืออาชีพ หากเป็นไปได้ควรแยกกีฬาและการท่องเที่ยวออกจากกัน เพื่อให้เชียงใหม่จะมีโอกาสตีตลาดได้เพิ่มขึ้น


 


ธุรกิจชม.- ลป.เสียงแตก วุ่นปัญหาจังหวัด


นางอัจฉราวรรณ ลิ้มเล็งเลิศ นายกสมาคมนักธุรกิจสตรีและวิชาชีพแห่งประเทศไทย - เชียงใหม่ (สธวท.) กล่าวว่า เชียงใหม่ยังไม่มีเม็ดเงินทีละมากๆเข้าจังหวัด ซึ่งก็อยากให้เป็นศูนย์กลาง (Hub)อย่างแท้จริงต้องมีสายการบินที่บินตรงมาจากยุโรป จะสร้างรายได้เข้าประเทศมหาศาล แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจที่ทำให้การท่องเที่ยวสะดุด โดยเฉพาะปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ทั้งประเทศ ขณะที่ค่าเงินบาทยังไม่นิ่ง แม้ว่าเชียงใหม่จะเป็นจังหวัดใหญ่รองจากกรุงเทพ จากผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) 1.1 แสนล้านบาท แต่พบว่าเป็นจังหวัดที่มีรายได้เป็นอันดับที่ 13 ของประเทศ ซึ่งสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง พร้อมแนะให้ผู้บริหารทบทวนนโยบายจังหวัด อย่างไรก็ตามภาคธุรกิจยังเจอมรสุมทั้งคลื่นเล็ก คลื่นใหญ่ ตั้งแต่เรื่องดอกเบี้ยที่ทยอยลดลงทีละสลึง ธุรกิจก็ยังซบเซาเช่นเคย ส่วนกรณีเงินบาทยังแข็งค่ามาก ชี้ว่าควรแสดงความชัดเจนในเรื่องนี้


 


นายพูลศักดิ์ สุนทรพาณิชกิจ ประธานหอการค้าจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่าอยากได้อุโมงค์ลอดข้ามแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีระยะทาง 350 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลา 6 ชั่วโมง ซึ่งระบบการขนส่งรางคู่ (Cable Car) ต้องผ่านสภาพัฒน์ เข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่อเห็นชอบจึงจะทำได้ ทั้งนี้แม่ฮ่องสอนก็มีบริษัทเคเบิลคาร์ ทรานสปอร์ต ที่เชียงใหม่ซึ่งใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งถึงแม่ฮ่องสอน โดยสามารถลำเลียงผู้โดยได้ถึง 40 ตัน/เที่ยว คาดแม่ฮ่องสอนจะเป็นเมืองที่เจริญได้ใน 10 ปีข้างหน้า โดยเป็นเมืองที่อยู่ติดกับพม่า ซึ่งมีสินค้าอัญมณีและไม้สักที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ถูกปิดกั้นจากการประกาศปิดป่า ขณะที่จีนและสิงคโปร์กอบโกยเต็มที่ แต่ไทยเสียโอกาส


 


นายพูลศักดิ์ยังเสนอให้แม่ฮ่องสอนมีโรงโม่หิน ไม่ต้องพึ่งเชียงใหม่ เนื่องจากหินที่แม่ฮ่องสอนถูกอนุรักษ์ด้วยมติครม.ที่ชี้ให้พื้นที่นี้เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ พร้อมกับให้มีการพัฒนาถนนเส้นเดิม เส้นทางปายให้ลดความโค้งชัน ฟื้นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ ส่วนถนนเส้นทางสะเมิง-แม่ฮ่องสอน ไม่สามารถทำได้เพราะอยู่ติดกับเขตวนสัตว์และอุทยาน ซึ่งหากทำได้นี่จะเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง


 


นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เสนอว่าควรทำให้การผลิตสินค้าเกษตรบุกตลาดนอกประเทศ ทำอย่างไรให้ขายได้ แนะรัฐต้องควบคุมและดูแลเกษตรกร พร้อมรับรองคุณภาพมาตรฐาน (QC) พร้อมกับยกประเทศจีนที่มีความพร้อมในการแข่งขันทางธุรกิจการท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ซึ่งขณะที่ไทยเรากำลังเจรจาเปิดพรมแดนพม่ากับจีน แล้วคลัสเตอร์ภาคเหนือต้องพร้อมเรื่องโลจิสติกส์ โดยต้องเกาะกันเป็นกลุ่มถึงจะประสบความสำเร็จ


 


ที่มา : นิตยสารข่าวรายสับปดาห์ พลเมืองเหนือ


 


ข่าวประกอบ


ภาพชุด:ปชป.ลงพื้นที่ภาคเหนือ พบเกษตรกรผู้ปลูกลำไย, ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์, 20/8/2550

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net