Skip to main content
sharethis

 


การเมือง


แฉ กมธ.ล็อบบี้บันทึกเจตนารมณ์ รธน.


เว็บไซต์ข่าวสด - น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ สมาชิกสนช. และอดีตประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ บันทึกเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 2550 ไม่ตรงเจตนารมณ์ที่แท้จริงหลายเรื่อง นายสมคิด คงนัดหารือ กมธ.ยกร่างฯ ในเรื่องนี้อีกครั้ง แม้ปัจจุบัน กมธ.ยกร่างฯจะหมดวาระไปหลังรัฐธรรมนูญ 50 ประกาศใช้ไปแล้วก็ตาม แต่ต้องเชิญกลับมาหารือร่วมกันเพราะหลายเรื่องมีการบันทึกไม่ตรงเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ


 



นายเดโช สวนานนท์ ประธานอนุ กมธ.ชี้แจงว่า เรื่องนี้จบไปแล้วเนื่องจากอนุ กมธ.ได้ทำงานเสร็จสิ้นในทุกขั้นตอน และได้จัดส่งเอกสารไปยังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมาถือได้ว่าไม่เป็นความจริงเพราะการทำงานของ กมธ. นำบันทึกรายงานการประชุมของ กมธ.ยกร่างฯ มาเปรียบเทียบด้วยทุกครั้ง ขณะนี้ กมธ.ทุกคณะได้สิ้นสถานภาพลงทันทีทีเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้ จึงไม่สามารถเรียกประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ได้อีก


 



นายคมสัน โพธิ์คง อดีต กมธ.ยกร่างฯ เสียงข้างน้อยและอนุ กมธ.วิสามัญฯกล่าวว่า ที่ กมธ.บางคนออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามี กมธ.ยกร่างฯ และ ส.ส.ร.เสียงข้างน้อยวิ่งเต้นล็อบบี้ให้มีการเปลี่ยนแปลงและบิดเบือนบันทึกเจตนารมณ์ เขาคงหมายถึงตน การออกมาให้ข้อมูลแบบนี้ถือว่าเป็นการบิดเบือนด้วยเช่นกัน เพราะตนทำงานใน กมธ.ตามระเบียบและขั้นตอนทุกประการ ขั้นตอนการทำงานของ กมธ.นำความเห็นของส.ส.ร.ทุกคน กมธ.ยกร่างฯทุกคน อนุ กมธ.ทุกคณะมาประมวลกันเพื่อให้เกิดความเป็นกลาง ในหลายมาตราที่มีการเปลี่ยนแปลงอนุ กมธ.ได้บันทึกอย่างละเอียดว่าใครมีความเห็นอย่างไรและแตกต่างแบบไหน


 



"การบอกว่าพวกผมพยายามวิ่งล็อบบี้เป็นการให้ข้อมูลที่ผิดพลาดอย่างรุนแรง ซ้ำร้ายสิ่งที่ผมไม่ได้พูดคือ กมธ.เสียงข้างมากที่เห็นแก่ประโยชน์ตนเองต่างหาก ที่วิ่งล็อบบี้ให้มีการบันทึกเจตนารมณ์ว่าให้มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจได้ โดยเป็นการวิ่งเต้นให้ผ่านนายนรนิติ เศรษฐบุตร อดีตประธานส.ส.ร. และนายเสรี สุวรรณภานนท์ รองประธานส.ส.ร.คนที่ 1 แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะอนุ กมธ.ได้บันทึกเจตนารมณ์ตามข้อเท็จจริง" นายคมสันกล่าว และว่ามาตราที่ กมธ.เสียงข้างมากไม่พอใจมีอยู่หลายส่วน ที่สำคัญที่สุดที่กรรมาธิการเสียงข้างมากพยายามวิ่งเต้นล็อบบี้ก็คือมาตรา 84 (11) เรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ได้สนับสนุนให้มีการแปรรูป โดยเฉพาะในส่วนโครงสร้างของรัฐวิสาหกิจ เว้นแต่การแปรรูปนั้นรัฐจะเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ มาตรานี้ก็ไม่ได้บันทึกเจตนารมณ์ที่ผิดเพี้ยน นอกจาก กมธ.บางคนอยากแก้ให้มันแปรรูปได้ เพื่อให้นำทรัพย์สมบัติของชาติไปขายทอดตลาดได้



 


"หากเรียกประชุม กมธ.ยกร่างฯในวาระพิเศษเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ผมจะไม่เข้าประชุม เพราะพวกคุณออกมาให้สัมภาษณ์ด่าพวกผมขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดคุยกันแล้ว" นายคมสันกล่าว



 


"สพรั่ง"ขอโทษผู้บริหารทีโอที ประกาศลาออกหลังรัฐบาลใหม่ "บรรณวิทย์"ขึ้นนั่งบอร์ด "เอซีที"


เว็บไซต์แนวหน้า - พ.อ.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) มี พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยบัญชาการทหารบก เป็นประธาน เมื่อวันที่ 31สิงหาคม ได้มีมติแต่งตั้งให้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ที่ปรึกษาประธานบอร์ด เป็นประธานกรรมการ บริษัท เอซีที โมบาย จำกัด (ผู้ให้บริการโครงข่ายกับกิจการร่วมค้าไทยโมบาย) แทนนายกิตติพงศ์ เตมียะประดิษฐ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในฐานะประธานบอร์ดเอซีที โมบาย ที่ลาออจากตำแหน่งประธานเอซีที โมบาย ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม.ที่ผ่านมา


 



นอกจากนี้บอร์ดยังมีมติมอบอำนาจให้ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ไปเป็นตัวแทนพล.อ.สพรั่ง เข้าร่วมประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) กิจการร่วมค้าไทยโมบาย (ผู้ให้บริการโทรศัพท์ระบบ1900) ทุกครั้ง เพื่อให้เข้าไปช่วยแก้ปัญหา และเจรจากับเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับไทยโมบาย


 



"ตอนแรกบอร์ดให้พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ไปเป็นกรรมการเอซีที โมบาย แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นประธานบอร์ดเอซีที โมบายมากกว่า ก็จึงเสนอให้เป็นประธานบอร์ดแทน" พ.อ.นาฬิกอติภัค


 



ด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวหลังรับทราบมติบอร์ดว่า จะเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหาและตรวจสอบความไม่โปร่งใสในกิจการร่วมค้าไทยโมบาย และบริษัท เอซีที โมบาย ให้ผลงานภายใน 1 เดือน เพราะไม่เชื่อกิจการโทรศัพท์มือถือที่เปิดให้บริการมากว่า 4 ปีจะมีปัญหาขาดทุนสะสมกว่า 7,200 ล้านบาท ขณะที่การให้บริการโครงข่ายของเอซีที โมบาย ก็บริหารขาดทุนสะสมกว่า 200 ล้านบาท


 



ในวันเดียวกัน พล.อ.สพรั่ง พร้อมกับ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ในฐานะที่ปรึกษาประธานคณะกรรมการบริการ ทีโอที และผู้บริหารระดับสูงของ ทีโอที ทำการชี้แจงต่อพนักงานของ ทีโอที ถึงเรื่องราวสับสน และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในทีโอที โดยพล.อ.สพรั่ง กล่าวในการเปิดใจว่า การเข้ามารับหน้าที่ในครั้งนี้เป็นเพียงการทำงานในระยะชั่วคราว เพื่อมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเดิม


 



พลเอก สพรั่ง กล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องขอโทษ คณะกรรมการ ทีโอที ทุกคนที่ตนเองใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมในการประชุม แต่เป็นเรื่องธรรมดาของทหาร ส่วนความสับสนที่เกิดขึ้นในการทำงานขณะนี้เป็นเพราะมีคนบางกลุ่มที่ต้องการทำลายตนเอง ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วไม่เกี่ยวกับการให้ตนออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดทีโอที และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. แต่ขอยืนยันว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่งจนกว่าจะมีคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่หลังจากการเลือกตั้งเสร็จสิ้น เพื่อปกป้องไม่ให้ทรัพย์สินของชาติตกอยู่ในมือผู้ฉกฉวยประโยชน์


 



นอกจากนี้ยังได้กล่าวพลเรือเอกบรรณวิทย์ เก่งเรียนว่า เป็นเพื่อนที่คบกันมานาน แต่จะไม่มีการปกป้องหากเพื่อนทำความผิดแต่อย่างใด รวมทั้งยังยืนยันว่า ไม่ได้มีการรวมกันตั้งกลุ่มเพื่อน "ผมสงสารคนที่ถูกใส่ร้ายป้ายสี แต่ทำนองเดียวกันคนดีต้องไม่ท้อแท้ ขณะนี้ประเทศเรานั้นกำลังเจอศึก การก่อการร้ายมากขึ้น โดยมีเชื้อโรคที่ชื่อว่า โรคฉวยโอกาส การปฏิบัติงานนั้นอาจจะต้องให้เพื่อนคอยเตือน พวกมารทั้งหลายแหล่มันตีผมทุกวัน ใครทำอะไรต้องได้รับผล ผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ผมกลัวคนที่ดีกว่าผม"


 


 


สมัคร เหน็บ คมช.ดับเบิลสแตนดาร์ด


เว็บไซต์คมชัดลึก -นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ระบุว่าเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนหลายฝ่ายออกมาระบุว่าอาจจะผิดกฎหมายว่า อยากย้อนถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษากลุ่มรวมใจไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา ที่ไปจุดธูปจุดเทียนแสดงตัวกันชัดเจน ทั้งๆ ที่อยู่สถานะเดียวกันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คือถูกตัดสิทธิทางการเมืองเหมือนกันเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ จะยุบแต่พรรคพลังประชาชน พรรคของนายสมศักดิ์และนายสมคิดไม่ไปยุบบ้างหรือ


 


เมื่อถามว่า การเข้ามารับธงจาก พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น แสดงว่าศึกษาข้อมูลมาแล้วว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ผิดตามข้อกล่าวหา นายสมัคร กล่าวว่า ตนก็ดูแล้ว แล้วเห็นไหมว่าตนไม่ผิดก็ยังขุดเรื่องเก่าๆ เช่น ขยะและรถดับเพลิงขึ้นมา ขุดขึ้นมาเล่นงานตน ก็รู้ๆ อยู่ว่าเพราะอะไร


 


ส่วนกรณีที่ นายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย เตรียมจัดตั้งพรรคแทนคุณแผ่นดินอีสาน และประกาศสกัดกั้นพรรคพลังประชาชนนั้น นายสมัคร กล่าวว่า ผู้ที่จัดตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อสกัดพรรคพลังประชาชนเป็นเรื่องน่าอาย ซึ่งเชื่อว่าไม่กระทบต่อการหาเสียงในภาคอีสาน


 


 


"บิ๊กบัง" ยัน "ทหารเก่าไม่เคยตาย" - ย้ำ "การแตกสามัคคี" เป็นภัยร้ายแรงในชาติ


ผู้จัดการออนไลน์ - ที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พิษณุโลก พลเอกสนธิ บุญรัตยกลิน ผู้บัญชาการทหารบกเดินทางมาตรวจเยี่ยม และให้โอวาทกำลังพลกองทัพภาคที่ 3 โดยมีพลโทจิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 จัดพิธีสวนสนามอำลาหน่วยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 โดยมีทหารจากจากกรมรบพิเศษ ค่ายสฤษดิ์เสนา เป็นแถวแรกตามด้วยขบวนทหารปืนใหญ่ รถถังและเฮลิคอปเตอร์อย่างยิ่งใหญ่


 


พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.กล่าวต่อกำลังพล ว่า 2 ปีที่ผ่านมา ชาติบ้านเมืองอยู่ในภาวะวิกฤต การเป็นทหารของชาติต้องทำหน้าที่ปกป้องรักษา ปฏิบัติงานอย่างหนัก เพื่อทำให้กองทัพมีเกียรติ ศักดิ์ศรี อย่างไม่ท้อถอย ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีขวัญกำลังใจ มีความรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว ทุกคนได้อุทิศเลือดเนื้อให้คงไว้ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประประมุข ขอให้ภูมิใจว่า ทหารได้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จ ลุล่วงไปด้วยดี ขอบใจทหารกองทัพภาคที่ 3 อีกครั้งที่ทุ่มเท แก้ปัญหาอย่างไม่ยากนัก


 


อย่างไรก็ตาม ปัญหาบ้านเมืองยังมีอีกมากและยาวไกล ภัยรูปแบบใหม่ คือ การแตกความสามัคคีของคนในชาติเป็นภัยที่รุนแรงที่สุด สิ่งที่ต้องการ คือ ทำให้ประชาชนและกองทัพเป็นเนื้อเดียวกัน ทหารทำได้ คือ รักและสามัคคี เพราะได้ปฏิญาณตนต่อหน้าธงไชยเฉลิมพลในสมัยที่เป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีใครจะมาแลกเราได้ ต้องหนักแน่นเท่านั้นเพื่อแก้ปัญหาได้ลุล่วง ก็ขอขอบใจทหารทุกนายตรงนี้


 


พลเอกสนธิ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ตนเดินทางมาที่นี่คราวนี้ เป็นการอำลาชีวิตราชการทหารเป็นภารกิจแรก อำลาหน่วยกองทัพภาคที่ 3 พร้อมกับมาตรวจเยี่ยมและฟังบรรยายสรุปในรอบ 2 ปีที่ผ่านมาว่า มีอะไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางปรับใช้กับ ผบ.ทบ.คนใหม่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหายาเพสติดเป็นเรื่องใหญ่ ถือว่าเป็นประตูที่ยาเสพติดหลุดเข้ามา จึงได้เน้นย้ำเป็นพิเศษ สิ่งต่อมาก็คือฝากให้กำลังพลมีความสามัคคี กองทัพต้องแน่นแฟ้น กองทัพกับประชาชนต้องเป็นหนึ่งเดียว


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า ชีวิตหลังเกษียณจะเข้ามาวงการการเมืองหรือไม่ พลเอกสนธิ บอกว่า ยังไม่ถึงเวลา ตอบไม่ได้ ยังไม่เกษียณ แม้ว่าเกษียณไปแล้ว แต่ยังรัก-ห่วงกองทัพ 40 กว่าปีที่เป็นทหารก็เหมือนคำว่า old soldier never die ความห่วงใยบ้านเมืองคงมีต่อไป ผูกพันอยู่ในกายและใจ สำหรับการเตรียมการเลือกตั้งถือ เป็นงานหนึ่งของ กอ.รมน.ที่ได้รับมอบภารกิจแก่หน่วยเกาะติดในพื้นที่ ตาม 3 แนวทางเกาะติดงาน งานทำความเข้าใจกับระบอบประชาธิปไตยถือว่าเป็นงานสำคัญ


 


ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สำหรับ ผบ.ทบ คนใหม่จะเป็นบุคคลที่มาจากทัพภาคที่ 3 หรือไม่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หยอกเล่นกับผู้สื่อข่าวว่า คงไม่ทัน แม่ทัพ 3 ท่านนี้ (พลโทจิรเดช) ช้าไปหน่อย เพราะแค่พลโท คงไม่ทัน หากเร็วหน่อยก็มีสิทธิ์ เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.คนใหม่ เป็นอดีตแม่ทัพภาค 3 ใช่หรือไม่ พลเอกสนธิ บอกว่า ตอบไม่ได้


 สำหรับการเมืองต่อไป คาดหวังกับนักการเมืองอย่างไรนั้น พลเอกสนธิ บอกว่า ตนอยากเห็นนักการเมืองที่มีความรักชาติบ้านเมือง บ้านเมืองจะแบ่งแยกไม่ได้ กองทัพกับประชาชนต้องเป็นเนื้อเดียว


 


 


สนธิข้องใจอียูจุ้นแนะแอ้ดหาต้นตอ


ไทยโพสต์ - พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2550 ถึงกรณีที่กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) ขอเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง พร้อมกับขอทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าเราคงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะตกลงกัน แต่เราจะเน้นย้ำในเรื่องกระบวนการของการเลือกตั้ง หากมีจุดใดที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) จะเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ต้องพยายามรักษาให้ถูกต้องและเป็นธรรมต่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกหน่วยต้องทราบปัญหาอยู่แล้ว และทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ทราบปัญหาอยู่แล้วจากบทเรียนที่ผ่านมา


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมาะสมหรือไม่ที่อียูจะเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้งของไทย พล.อ.สนธิตอบว่า ต้องศึกษาที่มาที่ไปว่าเป็นอะไรและอย่างไร จะให้ตอบว่าเหมาะหรือไม่นั้น พวกเราที่เป็นคนไทยเป็นผู้ตัดสินใจจะถูกต้องมากกว่า ซึ่งทางด้านรัฐบาลและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องไปศึกษา อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าเราเป็นคนไทย เรื่องสิทธิ เสรีภาพ ความเป็นเอกราชของเรามีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรากำลังสร้างความสมานฉันท์ เราจะต้องให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบของความถูกต้องเป็นหลัก เพราะฉะนั้นจะต้องดำรงความถูกต้อง อะไรที่ไม่ถูกต้องเราจะต้องพยายามกำจัดออกไป


 


"เราต้องศึกษาที่มาว่ามีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร และทำไมถึงเกิดมาอย่างนี้ ถ้าเราศึกษาต้นตอได้ว่ามาจากไหน เราก็จะสามารถตอบคำถามตัวเองได้ และสามารถตอบคำถามในสังคมได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงต้องฝากทางรัฐบาลว่าจะต้องหาที่มาที่ไปตรงนี้ให้ได้ เพื่อประเมินข้อเท็จจริงในการปฏิบัติในอนาคต ซึ่งทางด้านการข่าวก็กำลังติดตามอยู่" พล.อ.สนธิตอบคำถามที่ว่า มีการรายงานหรือไม่ว่ากลุ่มอำนาจเก่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


 


ประธาน คมช.กล่าวต่อไปว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องภายใน เพราะเรามีองค์กรกลางการเลือกตั้ง หรือพีเน็ต คอยเฝ้าดูอยู่แล้ว เหมือนองค์กรสากลอยู่แล้วที่จะประสานกับต่างประเทศ เขาก็เข้ามาดูแลอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลน่าจะต้องตัดสินใจได้อยู่แล้ว ทางเราก็คงไม่มีปัญหาแล้วแต่รัฐบาล ทั้งนี้ทุกประเทศมีวัฒนธรรมการบริหารประเทศ และวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยบ้านใครบ้านมัน ไม่เหมือนกัน


 


"เราอย่าไปคิดว่าบ้านเราจะเป็นเหมือนประเทศนั้นประเทศนี้ คงเป็นไปไม่ได้ ต่างชาติจะต้องเข้าใจเราว่านี้คือวัฒนธรรมของประเทศเรา เพราะว่าเป็นอย่างนี้ ต้องยอมรับประเทศวัฒนธรรมของเรา" ประธาน คมช.กล่าว


 


เมื่อถามว่า การพบปะเอกอัครราชทูตต่างประเทศเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม เขามีความเข้าใจไทยมากน้อยแค่ไหน พล.อ.สนธิบอกว่า ทูตต่างประเทศที่อยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนวันที่ 19 กันยาน 2549 เข้าใจประเทศไทยดี เพราะคนที่จะเข้ามาเป็นทูตประจำประเทศไทย ต้องมีการอบรมในเรื่องของประเทศที่จะมาประจำค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น ทุกคนรู้จักประเทศและวัฒนธรรมประเพณีดี และรู้จักวัฒนธรรมทางการเมืองไทยดี ที่สำคัญลักษณะนิสัยของคนไทยเขารู้ดี เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 19 กันยายน 2549


 


"เชื่อว่าทูตทุกคนทราบดี และหลัง 19 กันยายน 2549 ผมได้มีโอกาสพบกับทูตในหลายประเทศ เขาเข้าใจปัญหาของเราดี และในหลายๆ ประเทศก็ทำหนังสือมาชื่นชมแสดงความยินดีกับความสำเร็จ"


 


พล.อ.สนธิย้ำว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลและ กกต.ต้องหารือกัน ทาง คมช.คงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ผลสรุปออกมาอย่างไร ทาง กอ.รมน.ก็จะขยายผลในวิถีทางปฏิบัติเท่านั้นเอง


 


 


กกต.ไม่รับจดทะเบียน"ไทยรวมไทย"


เว็บไซต์ข่าวสด - ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง มีหนังสือตอบรับการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรครักษ์แผ่นดินไทย จำนวน 10 คน ตามที่นายประหยัด ชอระหาญ รองหัวหน้าพรรคในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค ยื่นคำร้อง กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงมีนายสุชน ชาลีเครือ เป็นหัวหน้าพรรค นางเมลิสสา โสภาพรรณวดี เป็นเลขาธิการพรรค


 


อย่างไรก็ตามนายทะเบียนพรรคการเมืองยังได้แจ้งให้พรรครักษ์แผ่นดินไทยทราบว่า นายทะเบียนไม่ตอบรับการขอเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคจากพรรครักษ์แผ่นดินไทยเป็น "พรรคไทยรวมไทย" ที่มีชื่อย่อพรรคว่า "พทท." เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า ชื่อที่มีการขอเปลี่ยนแปลงนั้นซ้ำพ้องกับชื่อพรรคไทยรักไทย ที่ยังคงสภาพความเป็นพรรคการเมืองอยู่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบการชำระบัญชีของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แม้จะถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค และการนำคำว่าพรรคไปรวมไว้ในชื่อย่อพรรคขัดกับหลักสากล ทั้งนี้พรรครักษ์แผ่นดินไทยอยู่ในระหว่างการพิจารณาสั่งยุบพรรคของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ส่งรายงานประจำปีระยะเวลาที่พ.ร.บ.พรรคการเมืองกำหนดไว้



 


เศรษฐกิจ


ธปท.ไม่ฟันธง ศก.ดีหรือแย่ มึนดัชนีแปลก


โพสต์ ทูเดย์ - นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส เศรษฐกิจในประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ค.ยังส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น หรือจะยังชะลอต่อไป เนื่องจากข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจมีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แต่โดยรวมการลงทุนและการใช้จ่ายบริโภคในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น จากที่ติดลบสูงเปลี่ยนมาติดลบน้อยลง หากดูจากแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณการลงทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง


 


ทั้งนี้ การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนยังติดลบ 3% จากเดือนก่อนติดลบ 2.7% ภาคการก่อสร้างมีการลงทุนเพิ่มขึ้น เห็นได้จากยอดการขายปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้นจากที่เคยติดลบ 5.2% เป็นติดลบเพียง 3.5% ยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ จากที่เคยติดลบ 5.4% เป็นติดลบเพียง 0.5% การนำเข้าสินค้าทุนติดลบ 0.7% จากที่เคยติดลบ 2.6%


 


"ดังนั้นเรายังเชื่อว่าในท้ายที่สุดเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้นได้ ตามความชัดเจนทางการเมืองที่จะมีเลือกตั้ง นโยบายการลงทุน การใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาล แม้จะยังต้องรอติดตามผลกระทบปัญหาสินเชื่อคุณภาพต่ำ (ซับไพรม์) ของสหรัฐอยู่ก็ตาม" นางอมรา กล่าว


 


ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของ นักธุรกิจเดือนนี้อยู่ที่ 40.7 ลดลงจาก 43 ในเดือนก่อน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้น เล็กน้อยจากระดับ 48.8 เป็น 48.9 ตามองค์ประกอบการลงทุนที่ปรับ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนการบริโภค ภาคเอกชนเดือน ก.ค. ยังขยายตัว ติดลบ 1%


 


 


คุณภาพชีวิต


ดัดหลังคลิปวีดีโอฉาว 3 สมาคมร่วมมือสกัด


เว็บไซต์ไทยรัฐ - เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา สมาคมผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ดูแลเว็บไทย และสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ได้ลงนามร่วมกันเพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลบนบริการอินเตอร์เน็ต ที่กฎหมายยังคลอบคลุมไม่ถึงไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพคลิปวีดีโอขณะบุคคลกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ่ายช้อนใต้กระโปรง เป็นต้น โดยสมาคมที่ร่วมลงนามทั้งหมดจะพยายามปิดกั้นไม่ให้ภาพดังกล่าวได้มีโอกาสเผยแพร่ได้โดยง่ายบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต


 


ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมลงนามประกอบด้วยผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ไอเอสพี) รายใหญ่ในประเทศทั้งหมด เว็บไซต์ 4 รายใหญ่ ได้แก่ พันทิพย์ สนุก กระปุก และสีแดง รวมทั้งนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย ซึ่งจะกำหนดให้สมาชิกที่มีอยู่ทั้งหมดซื้อโฆษณาสนับสนุนเว็บไซต์และไอเอสพีที่ร่วมโครงการเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังทำได้ผ่านการแจ้งเบาะแสจากประชาชนทั่วไปโดยหากพบเห็นภาพหรือข้อความที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลบนบริการอินเตอร์เน็ต สามารถแจ้งมาได้ที่เว็บไซต์ hotline.in.th โดยเบื้องต้นเชื่อว่าจะดำเนินการได้โดยรวดเร็วหากเป็นกรณีเว็บไซต์ในประเทศ


 


กมธ.เคาะโฆษณาเหล้าหลังเที่ยงคืนถึงตีห้า


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... โดยมี น.พ.มงคล ณ สงขลา รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน ได้พิจารณามาตรา 31/1 ที่ระบุว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโรงภาพยนตร์ โดยในช่วงเริ่มต้นการพิจารณา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ เสนอว่าควรมีการปรับเวลาการโฆษณาระหว่างหลังเวลา 22.00 น. ถึงก่อนเวลา 05.00 น. เป็นระหว่างหลังเวลา 24.00 น. ถึงก่อนเวลา 05.00 น. ซึ่งได้รับการตอบรับและมีการอภิปรายสนับสนุนจากกรรมาธิการหลายคน อาทิเช่น นายอัมมาร สยามวาลา นางบัญญัติ ทัศนียะเวช นายสำราญ รอดเพชร


 


ต่อมาเวลา 15.20 น. ได้มีการขอมติที่ประชุมว่าจะยึดตามร่างเดิม หรือเห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการไปศึกษามา โดยกรรมาธิการที่เห็นชอบตามร่างเดิมของกระทรวงสาธารณสุขคือห้ามโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมง มีเพียง 7 เสียงเท่านั้น ในขณะที่ 12 เสียง เห็นชอบให้มีการแก้ไขเวลา


 


ทั้งนี้ เมื่อลงมติอีกครั้งว่า จะแก้ไขเวลาโดยปรับเวลาการโฆษณาระหว่างหลังเวลา 22.00 น. ถึงก่อนเวลา 05.00 น. เป็นระหว่างหลังเวลา 24.00 น. ถึงก่อนเวลา 05.00 น. ตามที่นายวัลลภเสนอหรือไม่ ปรากฏว่า 12 เสียงเห็นชอบให้แก้ไขเวลาตามที่นายวัลลภเสนอ มีเพียง 5 เสียงเท่านั้นที่เห็นชอบตามร่างที่คณะอนุกรรมาธิการเสนอมา จึงได้ข้อสรุปว่าที่ประชุมมีมติ 12 เสียง ต่อ 5 เสียงให้คุมโฆษณาหลัง 24.00 - 05.00 น.


 


 


ชง"ร่างพ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ" ปรับโครงสร้างวธ.คลุมงานทุกมิติ


เว็บไซต์มติชน -นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติเมื่อเร็วๆ นี้ ให้ วธ.เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.วัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.... ดังนี้ 1.ขอเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (กวช.) โดยให้นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกฯมอบหมายให้รับผิดชอบด้านวัฒนธรรมเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการ วธ.เป็นรองประธาน และปลัดกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ 2.กำหนดให้สำนักงานปลัด วธ.ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการและงานธุรการของ กวช. 3.กำหนดอำนาจหน้าที่ของ กวช.เพิ่มเติมให้มีอำนาจวางนโยบายและกำหนดแผนงาน รวมทั้งยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมระดับชาติ และเสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องครอบคลุมทุกมิติด้านวัฒนธรรม และภารกิจด้านศิลปะ ศาสนาและวัฒนธรรมของ วธ. และ 4.กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) เปลี่ยนชื่อเป็นสำนักงานวัฒนธรรมวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทย ดูแลรับผิดชอบเรื่องวัฒนธรรมวิถีชีวิตและภูมิปัญญาไทย รวมทั้งกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม


 



 "ที่ผ่านมา กวช.อยู่ใน สวช. ส่งผลให้การดำเนินงานทางวัฒนธรรมไม่ครอบคลุมทุกมิติ จึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้างผู้ที่จะมากำหนดนโยบายด้านงานวัฒนธรรมระดับชาติให้ครบคลุมทุกมิติ และเกิดความชัดเจนในการบริหารจัดการทางวัฒนธรรมของแต่ละหน่วยงานใน วธ. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา ก่อนจะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป" นายวีระกล่าว



 


พระเทพฯทรงแนะเสนอ"คึกฤทธิ์"บุคคลโลก


เว็บไซต์มติชน - คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีที่ วธ.เตรียมจะเสนอชื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ.2528 ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ให้ประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกประจำปี 2554 เนื่องในวาระครบ 100 ปี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงชี้แนะให้ วธ.เสนอชื่อ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์เป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านศิลปวัฒนธรรม มากกว่าด้านการเมือง เนื่องจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์มีผลงานด้านวรรณกรรมและการแสดงที่โดดเด่นมากมาย อาทิ งานประพันธ์วรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดิน และได้ก่อตั้งโขนธรรมศาสตร์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมไทย ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์โขน ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนไทยได้เรียนรู้และรักษานาฏศิลป์


 



"ที่สำคัญ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ยังได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์คนแรกของประเทศไทย จึงมีเหตุผลเหมาะสมอย่างยิ่งที่สมควรจะเป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งดิฉันได้มอบหมายให้นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัด วธ. เป็นประธานคณะกรรมการรวบรวมเอกสารสำคัญทางด้านศิลปวัฒนธรรมที่เป็นผลงานของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ เพื่อจะนำเสนอต่อองค์การยูเนสโกได้พิจารณาคัดเลือกประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกทางด้านศิลปวัฒนธรรม ประจำปี 2554 ต่อไป" คุณหญิงไขศรีกล่าว



 


นายวีระกล่าวว่า ตนได้ตั้งคณะทำงานเพื่อรวบรวมเอกสารและข้อมูลผลงานสำคัญๆ ทางด้านศิลปวัฒนธรรมของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์จากหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย พร้อมทั้งได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลและเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมในต่างประเทศ เพื่อให้มีความสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด ก่อนจะรวบรวมนำเสนอต่อคณะกรรมการยูเนสโกประจำประเทศไทย เพื่อให้เสนอไปยังองค์การยูเนสโกสำนักงานใหญ่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้พิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย



 


ต่างประเทศ


สหรัฐฯเตรียมเจรจาปรับความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ


เว็บไซต์คมชัดลึก -การเจรจาซึ่งมีกำหนดเริ่มในวันนี้ มีขึ้นตามข้อตกลงในที่ประชุม 6 ชาติเมื่อเดือนกุมภาพันธ์โดยเกาหลีเหนือได้รับคำมั่นว่าจะได้รับประโยชน์ทางการทูตและความช่วยเหลือต่างๆ หากยอมละเลิกโครงการนิวเคลียร์


 



โดยนายคริสโตเฟอร์ ฮิลล์ หัวหน้าผู้แทนเจรจาด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐ ซึ่งเดินทางถึงเจนีวาแล้วเมื่อวานนี้ กล่าวว่า ทุกฝ่ายจำเป็นที่จะต้องทำให้เรื่องนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีความคืบหน้า ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือยอมปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลักที่เมืองยองเบียนแล้ว แต่ยังไม่ประกาศว่าได้ยุติกิจกรรมด้านนิวเคลียร์ทั้งหมด


 



คาดว่าสหรัฐจะหาทางให้เกาหลีเหนือสร้างความเชื่อมั่นว่าจะเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่เกาหลีเหนือก็ต้องการให้สหรัฐถอดชื่อประเทศตนออกจากกลุ่มประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย แต่นักวิเคราะห์มองว่าสองฝ่ายยังมีจุดยืนที่ต่างกันมาก จึงคาดว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่น่าจะเกิดผลลัพธ์อะไรมากนัก


 


 


ยูเอ็นเรียกร้องพม่าปล่อยตัวผู้ประท้วงการปรับขึ้นราคาน้ำมัน


ผู้จัดการออนไลน์ - นายเปาโล เซอร์จิโอ ปินเฮโร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวผู้ประท้วงต่อต้านการปรับขึ้นราคาน้ำมันที่ถูกจับกว่า 100 คน ซึ่งผู้ที่ถูกจับบางคนถูกทุกตีและถูกกระทำทารุณกรรมด้วย


 


นายปินเฮโร แถลงวานนี้ว่า การประท้วงของนักเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นเพียงการแสดงออกซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น และรัฐบาลพม่าควรจะปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับทั้งหมดโดยเร็ว นอกจากนี้ เขายังจะขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจะเปิดการประชุมครั้งใหม่ในปลายเดือนนี้ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในพม่า และยังเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้านของพม่าควรจะเข้าไปช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย


 


ทางด้านนางลอร่า บุช ภริยาของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้นำสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ ขอให้นายบัน ออกแถลงการณ์ประณามการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในพม่า หลังจากที่ประธานาธิบดีบุช ประณามไปแล้วก่อนหน้านี้ น อกจากนั้น สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ยังต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงและการกดขี่ข่มเหงในพม่าอีก


 


 


นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าที่ถูกจับอดอาหารประท้วง


ไอ.เอ็น.เอ็น. - นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าหลายคนที่ถูกจับระหว่างการเดินขบวนคัดค้านการปรับขึ้นราคาน้ำมันของรัฐบาล เริ่มอดอาหารประท้วงกรณีที่ตำรวจไม่ยอมรักษาผู้ประท้วงคนหนึ่งที่ขาหัก


 


 นางซู ซู เวย์ ผู้ประท้วงที่สามารถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ว่า นายเอ เทง เนียงผู้ร่วมประท้วงถูกกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลชกต่อยและทุบตี ก่อนที่จะถูกผลักจนทำให้ขาหัก และขณะนี้ถูกควบคุมตัวพร้อมกับกลุ่มผู้ประท้วงอื่นอีก 60 คนที่ค่ายตำรวจในกรุงย่างกุ้ง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ช่วยรักษาอาการแต่อย่างใดและจากรายงานของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยหรือ เอ็นแอลดี. ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านระบุว่า เจ้าหน้าที่พม่าได้จับกุมผู้ประท้วงครั้งนี้กว่า 100 คน ซึ่งนับเป็นการปราบปรามครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในพม่า ตั้งแต่นักศึกษาและพระลุกฮือขึ้นร่วมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2531


 


 


ทหารพม่าฟุ้งร่างรธน.เสร็จแล้ว


เว็บไซต์ข่าวสด - เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 31 ส.ค. สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของพม่าที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลทหารพม่า เปิดเผยว่า การอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และการประชุมจะปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 3 ก.ย. นี้


 



การร่างรัฐธรรมนูญภายใต้การกำกับของรัฐบาลทหารพม่าดำเนินลากยาวมานานกว่า 14 ปี จนมาเสร็จสิ้นในช่วงเวลานี้ที่กลุ่มประชาชนเริ่มเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลในเรื่องขึ้นราคาน้ำมันอย่างพรวดพราดเป็น 2 เท่า โดยไม่แจ้งข่าวต่อประชาชน การประท้วงใหญ่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีผู้ถูกจับกุมไปแล้วกว่า 100 ราย รวมถึงแกนนำที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย


 



ทั้งนี้ พม่าไม่มีรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ปี 2531 เมื่อสมาชิกพรรคเอ็นแอลดีของนางออง ซาน ซู จี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2533 กลับถูกทหารยกเลิก และกวาดล้าง พร้อมยึดอำนาจการปกครอง



 


เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในฉนวนกาซ่า เพื่อต่อต้านกฎการห้ามชุมนุมในที่สาธารณะ


ไอ.เอ็น.เอ็น - ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนได้ก่อการประท้วงอย่างรุนแรงในพื้นที่ฉนวนกาซ่าเนื่องจากไม่พอใจที่กลุ่มฮามาส ซึ่งใช้กำลังบุกยึดฉนวนกาซ่าจากพรรคฟาตาห์ของประธานาธิบดี-มาห์มุด อับบาส ในช่วงที่ผ่านมา ได้ใช้กฎห้ามการชุมนุมของประชาชนในที่สาธารณะ โดยในตอนแรกชาวปาเลสไตน์ได้รวมกลุ่มชุมนุมประท้วงอย่างสงบ แต่ต่อมาได้กลายเป็นเหตุรุนแรง และพากันเดินขบวนมายังเมืองหลักๆในฉนวนกาซ่า ทำให้มีการปะทะกันกับกลุ่มปกป้องความมั่นคงของกลุ่มฮามาสและมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคน และยังมีนักข่าวชาวฝรั่งเศส 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยด้วยทั้งนี้ ผู้ประท้วงกล่าวหากลุ่มฮามาสว่า ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเรือนและใช้มัสยิดทางศาสนา ในการโน้มน้าวประชาชนให้คล้อยตามแนวทางของตัวเอง


 


 


ว่างงานญี่ปุ่นต่ำสุดรอบ 9 ปี


เว็บไซต์สำนักข่าวเนชั่น - กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นแถลงว่า อัตราการว่างงานในญี่ปุ่นลดลงต่ำสุดในรอบกว่า 9 ปี มาอยู่ที่ 3.6% เมื่อเดือนก.ค. จาก 3.7% เมื่อเดือนที่แล้ว ถือเป็นการลดลงแตะระดับต่ำสุดนับจากเดือน ก.พ.2541 โดยตัวเลขผู้ว่างงานลดลง 340,000 คนจากปีที่แล้ว เหลือ 2.34 ล้านคน เป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 20 ขณะนี้ตลาดแรงงานญี่ปุ่นอยู่ในภาวะตึงตัว เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นจากภาวะถดถอยยาวนาน และบริษัทต่างๆ แข่งขันกันว่าจ้างแรงงานฝีมือจบใหม่ ขณะที่มีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของครัวเรือนในญี่ปุ่นเมื่อเดือนก.ค.ลดลง 0.1% เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net