เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 1 กันยายน 2550 บนถนนสาย 410 ปัตตานี - ยะลา หมู่ที่ 4 บ้านต้นมะขาม ตำบลเมาะมาวี อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ขณะที่นาย
ในที่เกิดเหตุยังพบกระสุน 9 ม.ม. 2 ปลอก และแผ่นปลิวทิ้งในที่เกิดเหตุประณามว่ารัฐจับผู้บริสุทธิ์ และข่มขู่จะเอาชีวิตครู
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมเพื่อนนักศึกษาอีก 3 คน มีนาย
หลังเกิดเหตุนายอิมรอนได้เดินทางไปพบลูกสาวและเพื่อนๆ ที่สถานีตำรวจภะรอำเภอยะรัง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานครในวันเดียวกัน ส่วนศพของนายปิยพงศ์ ถูกนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดใหม่ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยผู้ปกครองของ นายปิยพงศ์ ได้เดินทางมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อนำศพกลับประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดในคืนวันเดียวกัน
พ.อ.วันชัย พ่วงขุมทรัพย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดปัตตานี สันนิษฐานเป็นการก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยในบริเวณดังกล่าว มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะอยู่ในพื้นที่ ซึ่งในการตรวจค้นและจับกุมนั้น ต้องรอให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอยะรังตรวจสอบหลักฐานและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อน
สำหรับนายปิยะพงษ์นั้น ภูลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 184 หมู่ที่ 4 ตำบลชะไม อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยบิดาเป็นนายทหารประจำอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นนักศึกษาที่นิสัยดีและเป็นนักกิจกรรมในมหาวิทยาลัย เข้าร่วมโครงการและเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง ล่าสุดได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้ทำรายงานเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้วย
ต่อมาในช่วงเย็น ที่งานรดน้ำศพนาย
ส่วนนายพงษ์เทพ แก้วเสถียร เพื่อนสนิทของนายปิยะพงษ์ ซึ่งขี่จักรยานยนต์ตามหลังมา เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาที่มีรถสัญจรผ่านไปมาตามปกติ หลังเกิดเหตุแล้ว ตนและเพื่อนๆ ได้พยายามขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ขับขี่รถผ่านไปมา แต่ไม่มีใครกล้าจอด แม้ตนจะเอาหมวกกันน็อคไปวางไว้กลางถนน จนกระทั่งเกือบ 10 นาทีผ่านไป ตนจึงกระโดดลงไปขวางรถที่กลางถนน โดยมีรถคันหนึ่งซึ่งมีผู้หญิงเป็นคนขับยอมจอดและพานายปิยะพงษ์ซึ่งยังมีลมหายใจไปโรงพยาบาล ขณะที่ตนได้ขี่จักรยานยนต์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ทหารที่ด่านใกล้ที่เกิดเหตุ
"สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากที่สุดในตอนนี้คือ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชน ร่วมมือกันมากกว่านี้ เพราะหลังจากที่ร้องขอความช่วยเหลือไปแล้ว ความช่วยเหลือมาถึงช้ามาก ทั้งที่มีเจ้าหน้าที่มากมาย แต่ทำไมไม่มีใครมาช่วยเพื่อนผม"
ด้านน.ส.อลิสา หะสาเมาะ อาจารย์คณะคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า นายปิยะพงษ์เป็นเด็กนักเรียนที่ดีมาก เป็นคนมีความตั้งใจทำงานเพื่อชุมชน และไม่กลัวที่จะลงไปในพื้นที่เพื่อพูดคุยกับชาวบ้าน แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะทำให้นักศึกษาหลายคนลาออกจากมหาวิทยาลัยไปแล้ว
"ถ้าดูในหลายๆ สถานการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้น จะพบว่าคนที่ช่วยได้มากที่สุดคือภาคประชาสังคม อย่างเช่นในกรณีของปิยะพงษ์ที่เจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุล่าช้า คนที่จะช่วยได้ก็คือประชาชนทั่วไป นี่คือสิ่งที่เราเสียใจว่าทำไมไม่มีใครมาช่วยปิยะพงษ์ แม้จะเข้าใจว่าในภาวะเช่นนั้นการที่คนจะออกมาช่วยกันมันมีข้อจำกัด แต่ถ้าเราไม่ช่วยกัน เราจะอยู่กันได้อย่างไร" น.ส.อลิสา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า บรรยากาศในงานรดน้ำศพนายปิยะพงษ์เป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยเพื่อนนักศึกษา ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทยอยเดินทางมารดน้ำศพตั้งแต่ช่วงเย็น หลังจากที่พระสงฆ์สวดอภิธรรมเสร็จ เวลาประมาณ 22.30 น. บิดาและญาติของนายปิยะพงษ์ซึ่งมาจาก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาถึงและรับศพนายปิยะพงษ์กลับไปดำเนินพิธีทางศาสนายังบ้านเกิด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)