1 ปีรัฐประหาร นักวิชาการอีสานดันพรรคการเมืองเสนอนโยบายรื้อ รธน.50

ห้องประชุมรับขวัญ อาคารขวัญมอ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน ร่วมกับเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสานและสหพันธ์นิสิตนักศึกษาอีสาน ได้จัดกิจกรรมสัมมนาสรุปบทเรียนเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และทิศทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองในอนาคต มีแกนนำองค์กรประชาชนและองค์กรนักศึกษาเข้าร่วมจำนวน 80 คน


 

ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิง คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำเสนอว่า การประเมิณเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน ว่าเกิดจากความขัดแย้งในพัฒนาการของทุนนิยมไทย เป็นการกลับมาชิงอำนาจทางการเมืองคืนของกลุ่มทุนศักดินาที่เสียผลประโยชน์ทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองจากกลุ่มทุนข้ามชาติ นอกจากนั้นวิทยากรได้แสดงความผิดหวังต่อคนชั้นกลาง ซึ่งเป็นที่คาดหวังของสังคมหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อ 15 ปีก่อนว่าจะเป็นแกนหลักที่จะผลักดันสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ในปัจจุบันเมื่อดูจากการแสดงออกของกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่เป็นตัวแทนของคนชั้นกลางกลับมีลักษณะอนุรักษ์นิยมและเชิดชูศักดินา จุดชนวนให้เกิดการรัฐประหารและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคณะรัฐประหารทั้งสิ้น ซึ่งน่าสนใจว่า ในกระแสโลกาภิวัฒน์นี้ทุนศักดินาที่สามารถกลับมาเป็นใหญ่ได้ในสังคมการเมืองไทยจะปรับเปลี่ยนตัวเองไปเป็นลักษณะใด

 

อ.พฤกษ์ เถาถวิล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี   เห็นว่า เสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อนพี่น้องนักวิชาการนักกิจกรรมทางสังคมที่เคยร่วมทุกข์สุขกันมาได้เปลี่ยนจุดยืนทางการเมืองไปจนทำให้เกิดการรัฐประหาร 19 กันยายนขึ้น และได้สรุปว่าหลังการรัฐประหาร สังคมไทยได้ถอยกลับไปปกครองในระบอบอำมาตยาธิปไตย และมีลักษณะเป็นรัฐราชการที่เข้มแข็งแต่ประชาชนอ่อนแอ เป็นระบบการปกครองที่จะนำเอาเทวดา อภิสิทธิชนเข้ามาบริหารประเทศ ลักษณะเด่นของคนชั้นนำกลุ่มนี้ก็คือ ชาติตระกูลดี ภาพลักษณ์ดี แต่ดูถูกนักการเมือง และคนชั้นล่างและสังคมไม่สามารถตรวจสอบได้

 

ในระดับท้องถิ่นจะย้อนกลับไปสู่ระบบการเมืองของเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ระบบราชการท้องถิ่นจะทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่ตอบสนองกับความต้องการและสภาพปัญหาของประชาชน แต่จะขึ้นตรงต่อสายการบังคับบัญชาจากรัฐส่วนกลาง ในขณะที่กลไกรัฐในการแก้ไขปัญหาของประชาชน เฉื่อยชา ไม่ทำงาน แต่กลไกรัฐในการควบคุมปราบปรามจะทำงานอย่างเข้มแข็ง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกกฏหมายจำนวนมากของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับผลประโยชน์หรือความทุกข์ยากของประชาชน แต่เป็นกฏหมายที่เข้ามาแย่งชิงสิทธิในทรัพยากรท้องถิ่น อาทิ ที่ดินทำกิน เมื่อประกอบกับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อคนยากจนถูกเลิกจ้างงานจากในเมือง เมื่อกลับสู่ชนบทกลับถูกรัฐราชการใช้อำนาจในการควบคุมบังคับต่างๆ ทำให้วิถีคนยากจนในชนบทไม่มีทางออก

 

น.พ.กิติภูมิ จุฑาสมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ และนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย นำเสนอว่า ระบอบทักษิณได้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงแล้วหลังการลงประชามติ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา การกล่าวอ้างถึงการจะกลับมามีอำนาจของกลุ่มทักษิณเป็นมายาภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาข่มขู่หลอกลวงประชาชนโดยคณะรัฐประหารเพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมในการสืบทอดอำนาจของตัวเอง และระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบที่ให้อำนาจกับอภิชนและระบบราชการให้มีความเข้มแข็งและทำให้ระบบการเมืองอ่อนแอได้ถูกสถาปนาขึ้น ผลประโยชน์ของคนยากคนจนที่เคยได้รับจากนโยบายของรัฐบาลไทยรักไทยจะถูกนำกลับไปปรนเปรอคนชั้นกลางในเมืองอีกครั้ง

 

น.พ.กิติภูมิได้ยืนยันสมมติฐานของ ด.ร.บัวพันธ์ ว่า ในปัจจุบันคนชั้นกลางเป็นคู่ความขัดแย้งหลักกับชนชั้นล่าง เนื่องจากผลประโยชน์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน เมื่อผู้เข้าร่วมสัมมนาตั้งคำถามว่า ควรกำหนดแนวทางในการเคลื่อนไหวเพื่อให้สังคมไทยกลับเข้ารูปรอยที่ถูกต้องได้อย่างไร วิทยากรได้เสนอแนวทางว่า น่าจะกดดันให้พรรคการเมืองประกาศนโยบายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมืองให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เช่น สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด การให้มีลงคะแนนระบบปาร์ตี้ลิสต์ การเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว และการเสนอให้ประชาชนใช้สิทธิตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ในการเข้าชื่อเสนอแก้ไขเนื้อหาของรัฐธรรมนูญและกฏหมายที่ริดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้พิสูจน์ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะมีประสิทธิภาพจริงสมกับคำที่ได้โฆษณาไว้หรือไม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท