Skip to main content
sharethis

ณรรธราวุธ เมืองสุข


สัมภาษณ์และเรียบเรียง


 


 


จังหวัดนราธิวาสถือเป็นพื้นที่ซึ่งมีเหตุร้ายรายวันมากที่สุดพื้นที่หนึ่งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และยังเป็นพื้นที่ซึ่งใช้ยุทธการพิทักษ์ชายแดนใต้มากที่สุด อยู่ภายใต้การรับผิดชอบของผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 (ผบ.ฉก.3) ที่ดูแลกำลังทหารทั้งหมดในจังหวัดนราธิวาสอย่าง "พ.อ.พีรพล วิริยะกุล" การยุติเหตุร้ายรายวัน พร้อมกับสลายโครงสร้างเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนความคิดความเชื่อ ผลลัพธ์สุดท้ายคือให้พื้นที่เกิดความมั่นคงและให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข คือเป้าหมายของนายทหารวัยกลางคนผู้นี้


 


อดีตนายทหารที่เคยผ่านสมรภูมิกับ "คอมมิวนิสต์" ตั้งแต่มียศว่าที่ร้อยตรี ซึ่งเคยต่อสู้ปะทะกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ในป่าเขา กระทั่งมารับหน้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาบอกว่าที่นี่คือสมรภูมิก่อการร้าย "กลายๆ" ขององค์กรปิดลับที่ไม่มีตัวตนแน่ชัด และหันเหสมรภูมิมาอยู่ในชุมชน


 


 


 


พ.อ.พีรพล วิริยะกุล


ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 (ผบ.ฉก.3)


 


 


ถึงขณะนี้ ทำไมยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้ก่อความไม่สงบคือฝ่ายใด?


พ.อ.พีรพล : กลุ่มที่ก่อเหตุในพื้นที่มีลักษณะขององค์กรที่ปิดลับ เขามีอุดมการณ์แบ่งแยกดินแดนชัดเจน ไม่มีฝ่ายใดออกมายอมรับหรอกว่าตนเองเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ก็รู้ว่ามีกลุ่มมาเฟีย กลุ่มการเมืองในพื้นที่เป็นฝ่ายเกื้อหนุน และที่น่าสังเกตคือ ยิ่งใกล้การเลือกตั้ง ฝ่ายการเมืองจะถูกยิงมากขึ้น


 


เราเองก็พอจะรู้ แต่ว่ามันไม่มีหลักฐานเพียงพอในบางครั้ง เรื่องหลักฐานนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก


 


คนใน 3 จังหวัดในอดีตถ้าติดตามดูจะเห็นว่ามีการยิงกันมาตลอด แม้ไม่มีเรื่องความมั่นคงก็ยังมีการยิงกัน ช่วงใกล้เลือกตั้งยิ่งมีสถิติคนถูกยิงมากขึ้น เหมือนมีเป้าหมายพยายามยกเหตุการณ์ให้รุนแรงซึ่งก็เห็นว่าปัญหาในภาคใต้มีลักษณะสลับซับซ้อน มีทั้งเรื่องคอรัปชั่นในพื้นที่ มีเรื่องอื่นๆ อีกมาก เรื่องการแบ่งแยกดินแดนอาจเป็นกลุ่มน้อย แต่มีความพยายามขยายไปสู่คนกลุ่มใหญ่


 


 


โจทย์ในการทำงานในพื้นที่เป็นอย่างไร?


ความจริงในพื้นที่มันมีเชื้อมานานแล้ว ปัจจุบันมีการรับเชื้อความรุนแรงเพิ่มเข้ามาอีก


โจทย์แรกคือ ต้องยุติเหตุร้ายรายวันให้ได้ การป้องปรามและปราบปรามการก่อความไม่สงบ เพื่อยุติเหตุร้ายรายวัน เป็นกิจเฉพาะหลัก อันที่สอง ต้องสร้างความเข้าใจกับกลุ่มก่อความไม่สงบ กับคนที่ไม่ดื้อดึง เราก็ไม่รุนแรง ถ้ายังจับปืนอยู่เราก็รุนแรง


 


เราพยายามทำให้พื้นที่เกิดความมั่นคง ประชาชนอยู่ดีมีสุข ซึ่งต้องใช้เวลา แต่การทำงานต้องมีผลกระทบกับประชาชนอยู่แล้ว แต่เราพยายามให้ผลกระทบน้อยที่สุด


 


การทำงานของทหารมันก็ต้องมีแผน มีการปรับกลยุทธ์กันตลอดเวลา การดำเนินการ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 570 หมู่บ้าน เราได้รับรายงานจากหน่วยข้างล่างว่ามี 88 หมู่บ้านเป็นหมู่บ้านแดง ประชาชนตกอยู่ภายใต้อิทธิพลในภาวะจำยอม เราต้องใช้กำลังทหารเข้าไปดำเนินการดึงอำนาจรัฐกลับคืนมา พยายามทำให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทำงานได้เต็มที่ เพราะเขาคือสัญลักษณ์ของอำนาจรัฐ แต่อย่างที่บอกว่าต้องคำนึงถึงผลกระทบกับประชาชนให้มากที่สุด การเข้าไปในพื้นที่ มีคำพูดของทหารว่า เราเข้าไปทำงานการทหารต้องได้การเมืองด้วย หมายถึงต้องได้ใจประชาชนออกมาด้วย


 


ไม่ได้หมายความว่า 570 หมู่บ้านจะไม่เกิดเหตุ เพราะโจรมันต้องเคลื่อนไหว เขาต้องทำให้ได้ทุกหมู่บ้าน พยายามเข้าไปดำเนินการให้ได้ อยู่ที่ว่าประชาชนจะสนับสนุนเขาหรือเปล่า ถ้าประชาชนไม่เอาเขาก็แผ่อิทธิพลไม่ได้ การทำงานเขาก็ใช้ 3 เกาะติดของเหมา เจ๋อ ตุง นั่นแหละ คือเกาะติดพื้นที่ ประชาชน และฝ่ายตรงข้าม


 


ในปี 2548 เหตุการณ์ยังรุนแรง เพราะยุทธศาสตร์การใช้กำลังทหารยังไม่ชัดเจน แต่พอ 6 เดือนที่ผ่านมาเรามีทหารหลักคุมพื้นที่ แต่ก่อนถูกดึงออก เปิดช่องว่าง แต่ตอนนี้ใช้ทหารหลักยึดพื้นที่ แล้วใช้ทหารพรานเสริมในการที่เราเปิดแผน ตรงนี้ทำให้เราจำกัดเสรีและความพยายามปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม ถ้าเราไม่จำกัดพวกนี้ก็ไปทำร้ายประชาชน ไปวางระเบิด ใน จ.นราธิวาสเรามีการจับกุมผู้ก่อเหตุและวัตถุระเบิดไปมาก ซึ่งการก่อเหตุร้ายน่าจะลดน้อยลง อย่างเดือนนี้ (กันยายน) ลดลงเยอะถ้าเทียบกับปีก่อน แต่ก็อย่างที่บอกว่าพื้นที่นี้แต่ก่อนก็มีการยิงกันเยอะ เขาไม่ต้องขึ้นศาลกัน


 


แนวร่วมนี่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่อย่าให้มันต่อไปๆ ผมบอกไว้เลยว่าทหารนี่ทำงานหนักมาก แต่ผมบอกลูกน้องเสมอว่ายังไม่ชนะ ที่ยังไม่ชนะเพราะคุณทำให้เห็นแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยั่งยืนนี่ต้องประกบติดชิดนะ เพราะความคิดความเชื่อของเขาโตขึ้นๆ ทุกวัน ทหารก็เป็นคนต่างถิ่น ต่างศาสนา มาไม่นานก็ไป คุณได้ไปคุยกับเขาได้มากแค่ไหน สนิทมากแค่ไหน


 


จริงๆ ที่นี่ การปลุกระดมไม่กี่เรื่องหลัก เช่น เรื่องประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี หรือเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐรังแก ไม่ได้รับความเป็นธรรม เรื่องนี้ทำอย่างไรให้เขารู้ว่าเราจะเอาเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้เขาเห็นว่าเขาได้รับความเป็นธรรม


 


ที่ผ่านมาฝ่ายทหารเองก็มีข้อครหาจากภายนอกว่ามีการเหวี่ยงแห ทั้งในยุทธการและปฏิบัติการทั่วไป จะมีคำอธิบายว่าอย่างไร?


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเอากองกำลังทหารลงไปค้น แล้วก็มีการจับ นั่นคือเหวี่ยงแหนะ แต่เดี๋ยวนี้มีเครื่องมือคือชุดนิติวิทยาศาสตร์ เรามีชุดเครื่องมือสแกนสารวัตถุระเบิด เครื่องชี้เลยว่าคนนี้มีวัตถุระเบิด ถ้าแอมโมเนียนไนเตรตเพียงเล็กน้อยนี่เราจะปล่อย ทั้งที่สารตัวนี้ประกอบวัตถุระเบิดนะ สมมติว่าเราจับมา 50 ก็จะสกรีนคัดเลือก คนนี้ปล่อยไป คนนั้นปล่อยไป ส่วนคนนี้หนัก ประวัติก็มีด้วย ต้องเอาไว้


 


ส่วนเรื่องครหา อันนี้ก็เป็นจุดอ่อนของทางรัฐ แต่ในพื้นที่การปฏิบัติงานก็มีการบอกกล่าวกันว่า นี่ที่เราจับไม่ได้เอาไปไหนนะ  มีเหตุผลอย่างนี้นะ เราก็บอกเขาและให้ญาติเขาไปเยี่ยมด้วย พาไปเยี่ยม พาไปดูให้เห็นว่า เราไม่ได้รังแก แม้แต่พี่น้องที่ถูกจับไปอยู่ที่ ศสฉ. (ศูนย์เสริมสร้างสมานฉันท์) ที่ค่ายอิงคยุทธ บางคนมีความผิดระดับเป็นแกนนำแต่เขาไม่ได้พูดกับพ่อแม่พูดกับญาติเลย เพราะถูกสั่งสอนให้ปิดลับ เพราะฉะนั้นบางทีพ่อแม่พี่น้องที่ขนกันไปห้าหกคันรถไปเยี่ยมแล้วเขาไม่คุยไม่บอก ญษติที่ไปก็บอกว่าเห็นไหม เจ้าหน้าที่รัฐรังแกเอามาจับขัง ญาติที่ไปร้อยคนก็ขยายไปทั้ง 3 จังหวัด


 


นี่คือลักษณะของข้อครหาที่พบ ซึ่งมาทั้งสองกระแสคือ ชาวบ้านก็บอกว่าทหารเหวี่ยงแห จับญาติฉันทำไม กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนก็ออกมาบอกว่าอยู่ตั้งนานทำไมเพิ่งมาทำ ส่วนเราในมุมทหารก็คิดแค่ว่า สิ่งใดที่ทำให้ประเทศเกิดความมั่นคงและสงบสุขในระยะยาวก็ต้องทำ  


 


 


การปฏิบัติงานของฝ่ายความมั่นคงเพื่อเดินทางไปสู่เป้าหมายได้ผลมากน้อยเพียงใด?


คือถ้าพูดตอนนี้เราหาตัวละครในหมู่บ้าน หรือโครงสร้างตัวละครนี่ชัดเจนขึ้น จากปี 47 นี่เราหน้ามืดเลยนะ เพราะว่าตอนนั้นแหล่งข่าวของเราถูกทำลายหมดเลย เราก็รู้ว่าช่วงที่อดีตนายกฯ ทักษิณไล่ทหารออกไป 2 ปีช่วงนั้นฝั่งโน้นเข้มแข็งที่สุด เขาจัดตั้งกันอย่างเสรีเลย ที่จริงเค้าทำมาก่อนตั้งแต่ปี 35-36 โน่นที่เค้าไปค้นบ้านมะแซ อุเซ็งเจอบันได 7 ขั้นอะไรอย่างนั้น เพราะฉะนั้นพอมาถึงตรงนี้ก็เจอโครงสร้างชัดเจนขึ้น นำไปสู่การปฏิบัติงานมากขึ้น เมื่อได้โครงสร้างแล้วก็มีการวางแผนการใช้กำลังที่ชัดเจนขึ้นตามลำดับ เพราะฉะนั้นที่บางคนด่าว่า เอ๊ะ! ทำไมทหารทำอะไรอย่างนั้น จริงๆ การปฏิบัติหน้าที่ของทหารต้องปรับโดยตลอด มันมีกระบวนการคิด มีเกมเสี่ยงที่ยอมรับได้หรือไม่ อะไรอย่างนี้ แต่บางทีข่าวออกไปว่าทำอะไรกันมั่ง มาอยู่กินอย่างนี้


 


ที่ถามว่าทำไปได้กี่เปอร์เซ็นต์ คงเป็นคนตอบไม่ได้ แต่ถ้ามองภาพกระแสตอบรับของประชาชน ตอนนี้มาให้ความร่วมมือเกินครึ่ง ซึ่งแต่ก่อนเหมือนกับพูดแล้วโดนหันหลัง เดี๋ยวนี้มากขึ้น และยังมั่นใจว่าต่อไปต้องมากขึ้น อย่างที่นราธิวาสก็มีแนวทางที่ชัดขึ้น อย่างที่สุไหงปาดี ภาพการเมืองออกเยอะ เรื่องงานมวลชน มีเรื่องบ้านเหลืองบ้านขาว แต่ไม่ไปคุมกองกำลัง ถึงโดนถูกยิง ถูกซุ่ม เพราะคุมกองกำลังเขาไม่ได้ พอส่งทหารพรานเข้าไปผมก็บอกคนที่รับผิดชอบว่าต้องคุมกองกำลังฝั่งตรงข้ามให้ได้ แต่เขาก็เล่นน้อย เพราะถนัดงานด้านการเมือง พอลูกน้องคนหนึ่งที่ย้ายจากเจาะไอร้องไปสุไหงปาดี ตอนนี้เงียบเลย เพราะบอกให้เขาคุมกองกำลังของฝั่งโน้นให้ได้ก่อนแล้วปีหน้าค่อยเล่นงานการเมือง


 


ลูกน้องพี่ที่เป็นกองพันตรงมีอยู่ 2 กองพันในขณะนี้ คือที่เจาะไอร้องและที่สุไหงปาดีมี 1 กองพัน คือ ฉก.31 และที่ อ.ระแงะอีก 1 กองพันคือ ฉก.38 นอกนั้นก็มาจากที่อื่น


 


 


ยุทธการพิทักษ์ชายแดนใต้ในความรับผิดชอบของ พ.อ.พีรพลคืบหน้าเพียงใด?


ที่เปิดไปแล้วตอนนี้ในฐานะหน่วยแม่คือพิทักษ์ปาดี, พิทักษ์รือเสาะ และที่เจาะไอร้องและบาเจาะด้วย เขาก็ต้องแบ่ง อย่างที่บาเจาะอยู่ในความควบคุมของนาวิกโยธิน แต่ร่วมมือกับผม เราต้องไปเปิดให้ก่อน


 


เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ อย่างที่บอกว่าเราไปเจอหมู่บ้านที่จัดตั้งเรียบร้อยแล้วเราต้องไปดำเนินการกุมสภาพให้ได้ ผมคบกับพวกบีอาร์เอ็นเก่า พูโลเก่า นั่งคุยกัน ซึ่งคำพูดของเขาก็ตรงกับสิ่งที่ผมคิด เขาบอกว่า ขบวนการเปรียบเสมือนนก ประชาชนเปรียบเสมือนต้นไม้ นกนี่มันจิกไปทั่ว จิกเสร็จมันก็ไปเกาะต้นไม้ คือไปพักที่หมู่บ้าน เพราะฉะนั้นเราต้องยึดหมู่บ้าน สลายการจัดตั้งให้ได้แล้วมันจะไม่มีที่พัก มันก็ค่อยๆ เร่ร่อนไปเรื่อย ก็เหมือนเราเกาะติดนั่นแหละ เราต้องกุมสภาพให้ได้จริง ผมยังคิดเลยว่าของผม (นราธิวาส)  570 หมู่บ้าน ถ้าเอากองพันมาลง 19 กองพันนะ แต่นี่เขาใช้แค่ 7-8 กองพันแล้วมันจะไหวหรือ เพราะเกมมันเคลื่อนที่ไปตลอดไปได้เร็ว แล้วความเป็นพี่น้องที่เขาเชื่อกันอีก


 


แล้วต้องศึกษาคุณลักษณะของคน 3 จังหวัดด้วย ถ้าศึกษาไม่ดีแล้วทหารทำงานไม่ได้ผล ผมลงไปเจอกับลูกน้องตามกองร้อย แล้วถามเค้า บอกเค้า ให้กำลังใจกัน บอกเขาว่าเราต้องศึกษาคุณลักษณะของคนที่ดีให้ดีนะ ไม่อย่างนั้นคุณเข้าไปเกาะติดพื้นที่ลำบาก ที่สำคัญ ขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังศึกษาเลย นำมาสู่การเข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา


 


 


คุณลักษณะของ "หมู่บ้านจัดตั้ง"เป็นอย่างไร?


คุณลักษณะของหมู่บ้านจัดตั้ง ซึ่งขณะนี่อาจเพิ่มแล้ว ที่บอกว่า 88 หมู่บ้านขณะนี้อาจเพิ่มแล้ว คุณลักษณะของหมู่บ้านจัดตั้งก็คือ มันมีความอึมครึม มีความหวาดระแวง เพราะโจรในหมู่บ้านมันคุมอยู่ แอบมองว่าใครมาให้ข่าวรัฐ ใครเป็นสปาย เพราะฉะนั้นคนในหมู่บ้านจะระแวงซึ่งกันและกัน ถ้าจำได้ รัฐเคยมีโครงการ "ฮารับปันบารู" ที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาหวาดระแวงระหว่างไทยพุทธกับมุสลิมมาแล้ว


 


ส่วนคุณลักษณะอันที่สองก็คือเวลาทหารเข้า จะมีผู้หญิงกับเด็กออกมาต่อต้าน แต่ตอนนี้เงียบ เพราะเรารุกหนัก มีการจับขึ้นรถแล้วมีทหารพรานหญิงช่วย เดี๋ยวนี้มีผู้หญิงปั๊บจับอุ้มขึ้นรถเลยนะ เดี๋ยวนี้ไม่กล้าเลย ส่วนผู้ชายไม่ได้เลย เวลาเข้ามัสยิด จะให้น้องทหารมุสลิมที่มีเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ ของกรมการราบ 151 ที่ขึ้นกับกองกำลังศรีสุนทร กองพลทหารราบที่ 15 ผมก็ให้แต่งชุดมุสลิม ใส่หมวกกะปิเยาะ แต่งชุดดาวะห์ ทำงานการทหารแต่แต่งชุดนี้ขึ้นไปมัสยิดก็ไม่น่าเกลียดเลย คือทำให้มัน Soft ลง


 


เพราะฉะนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนในการรบ ผมต้องปรับเปลี่ยนตลอด และเดี๋ยวนี้ต้องเอากำลังฝึก น้องมุสลิมที่เป็นนายสิบมาฝึกเป็นนักพูด พูดแทนพวกผมไทยพุทธ


 


คุณลักษณะต่อไปของหมู่บ้านจัดตั้งคือ เมื่อลาดตระเวณเข้าไปในหมู่บ้านจะไม่พบเด็กหนุ่มเลย หนีหมด จากผลการซักถามเขาก็บอกว่า เจ้าหน้าที่เข้าไปต้องหลบ กลัวเจ้าหน้าที่ถ่ายรูป เขาไม่อยากให้พบหน้า เวลาปฏิบัติการหรือเป็นแนวร่วมหรือไปโปรยตะปูเรือใบหรือตัดต้นไม้จะได้จำไม่ได้


 


ต่อไป จะมีกรณีของการไม่อาบน้ำศพ หมายถึงว่าในหลักศาสนาคนตายจะต้องอาบน้ำศพ ถ้าไม่อาบน้ำศพหมายความว่าเขาปลุกระดมแล้วว่าเป็น "นักรบญีฮาด" ถ้าหมู่บ้านนี้ไม่อาบน้ำศพก็ตีได้สองประเด็นอีกว่า ที่ไม่อาบน้ำศพเพราะเขาถูกบังคับ บางทีโจรบังคับห้ามอาบน้ำศพ อิหม่ามอยากจะอาบ แต่ก็กลัวปืน ก็เลยไม่อาบ แสดงว่ามีเหมือนกัน


 


นอกจากนั้นก็มีสัญลักษณ์ตามหมู่บ้านหรือหมู่บ้านรอบข้าง เช่นพ่นสเปรย์ พ่นสีอย่างที่เห็นกัน แต่มันจะไม่ทำที่บ้านตนเองหรอก มันจะทำรอบนอกใกล้ๆ ยังเอาเยาวชนมาจัดตั้งในลักษณะเป็นการท้าทายว่า เฮ้ย! เอ็งแน่หรือเปล่า ลองไปฉีดสเปรย์สิ เฮ้ย! แน่หรือเปล่า ลองขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าไฟแดงที่มีตำรวจอยู่สิ พอกล้าขึ้นเรื่อยๆ ก็จะโยนปืนให้ ถ้าแน่ก็ยิงคนเลย อย่างที่เห็นๆ มันจะเป็นขั้นๆไป นี่คือคุณลักษณะของหมู่บ้านจัดตั้ง


 


หมู่บ้านจัดตั้งอีกประเภทคือ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นรอบๆ หรือใกล้ๆ กับหมู่บ้าน มันไม่เกิดในหมู่บ้านตัวเอง หมู่บ้านจัดตั้งนี่จะเงียบ ไม่มีเหตุ จะให้เป็นแหล่งพักพิงไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้ ไม่ให้เจ้าหน้าที่มากระตุก เอาไว้พัก พอเจ้าหน้าที่เข้า ก็จะเข้าแบบเร่งด่วน บางทีเจอหมู่บ้านเงียบอาจจะสงบก็ได้ แต่บางทีความคิดความเชื่อแข็งขึ้นๆๆๆ ก็อย่างที่บอกว่าทหารต้องไป "สืบสภาพ" คุณอย่าไปฟังอย่างเดียว คุณต้องตระเวณเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ว่าใช่ไม่ใช่ ถ้าใช่ให้ตั้งสมมติฐานก่อนแล้วค่อยเข้าไปพิสูจน์ว่าคืออะไร มีตัวมั้ย มีโครงสร้างมั้ย


 


 


ขณะนี้งานการเมืองของฝ่ายความมั่นคงคืบหน้าไปแค่ไหน?  


ถ้าพูดถึงงานการเมืองขณะนี้ อย่างที่ผมย้อนไปว่า การใช้กำลังจะพูดว่าทำแบบจับฉ่ายก็ได้ เพราะมันทำทุกอย่าง เพราะกำลังมันไม่พอ ลองดูว่าหมวดปืนเล็กทำงานกี่อย่างตอนนี้นะมี รปภ.ครู ลาดตระเวนเส้นทาง ลาดตระเวนพื้นที่ ดูแลชุมชนไทยพุทธ ตั้งจุดตรวจยุทธศาสตร์ รักษาความปลอดภัยเส้นทางที่ประชาชนสัญจร โอ้โห! มันเหนื่อยมาก วันๆ เวลาเดินเข้าไปหมู่บ้านทำงานการเมือง นายบอกว่า ชาวบ้านบอกว่าทหารไม่ยิ้มเลย จะยิ้มได้อย่างไร มันเหนื่อยมันเครียดทั้งวัน


 


แต่ว่า เฉพาะปีที่ผ่านมา ยังไม่พอใจผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 แต่ปีหน้าจะชัดเจนขึ้นในแง่ของงานการเมือง เพราะว่าเราได้บูรณาการ 3 ฝ่าย แต่ที่ผ่านมาก็ได้แล้วระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้นำไปสู่การทำให้ประชาชนได้ใจเกือบร้อย เราพยายามทำให้ได้ เพราะคิดว่าคนร้อยเปอร์เซ็นต์ มีแค่หนึ่งหรือสองเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ไปยุ่งเกี่ยว แล้วปีหน้านี้จะชัดเจนเลย ประกาศไปทุกหน่วยเลยว่า 1 กองพันผมจะให้เวลา 2 เดือน ต้องให้ได้ 4 หมู่บ้านแดง หมู่บ้านเหลืองหรือเขียวอีก 4 หมู่บ้าน เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้น 1 กองพันจะได้ 8 หมู่บ้านในเวลา 2 เดือน เอา 6 คูณเข้าไปแล้วเอาจำนวนกองพันคูณเข้าไป อย่างของพี่ปีหน้า มี 8 กองพัน คูณ 4 ก็เท่ากับ 32 คูณ 6 เท่ากับ 180 แล้วหมู่บ้านเหลืองหมู่บ้านเขียวอีก 160 ก็ 300 กว่า จาก 580 หมู่บ้านถ้าปีแรกทำได้ตามแผนปีที่สองจะเห็นชัดขึ้น


 


แล้ววิธีการทำก็คือ ถ้าหมู่บ้านแดงเข้าไม่ได้ กำลังทหารรุกก่อนเพื่อกุมสภาพกำลังทหารให้ได้แล้วเอาการเมืองเข้า แล้วจะมีหน่วยการเมืองเข้า อย่างหน่วยทักษิณพัฒนา หน่วยของหมวกแดง (รบพิเศษ) หน่วยงานการเมืองของทหาร หน่วย นปค. หน่วยปกครอง พวกนี้ก็จะทำ แต่ผมก็เป็นห่วงเรื่องเวลา 2 เดือนให้เขากุมสภาพ ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร คุณต้องตั้งฐานแล้วแผ่ขยายไปเหมือนโดมิโน เพื่อให้ชาวบ้านอุ่นใจ เขาได้ไม่มีความรู้สึกว่า ทหารมาก็ออกอีกแล้ว นี่คือจุดอ่อนที่เราต้องมองลงไป


 


เพราะฉะนั้นงานพัฒนาของทั้ง 3 ฝ่าย คือฝ่ายทหาร ตำรวจ และปกครองต้องไปด้วยกัน ผมเพิ่งคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ต่อไปทางจังหวัดหรือทางอำเภอมีโครงการอะไรต้องมาตั้งร่วมด้วยกัน ในหมู่บ้านนี้ต้องไปด้วยกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำต้องเป็นขนมเปียกปูน ไม่ใช่ขนมชั้น อยู่ด้วยกันทั้งสามฝ่าย ขนมเปียกปูนมันต้องเป็นเนื้อเดียว ไม่ใช่ขนมชั้นที่ต้องแยกกัน


 


แต่งานการเมือง ทหารต้องมีองค์ความรู้ ฝ่ายปกครองต้องมีองค์ความรู้ ต้องเป็นนักคิดนักพูด นักปฏิบัติการทางจิตวิทยา เพราะความคิดความเชื่อ คุณต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเค้า ถ้าไม่ได้เรื่องความคิดความเชื่อ คุณไม่ได้เขาแน่นอน แล้วการทำงานมันต้อง "ติดชิพ" ตั้งแต่โรงเรียนตาดีกา โรงเรียนปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ขณะเดียวกันก็ต้องไปตามคนที่ติดชิพไปแล้วด้วย ถ้าไม่หยุด ไม่ตาม ปล่อยไปให้เป็นการทำงานของทหารก็ไม่ได้ เขาโตขึ้นทุกวัน ไอ้หน่วยที่มาทีหลังคุณก็จะเจอแต่ความคิดที่แข็งแกร่ง สุดโต่งขึ้นเรื่อยๆ


 


เพราะฉะนั้นก็อย่างที่บอกว่าคุณต้องเป็นนักพูด ปีหน้าเราจะมีนักพูดที่เป็นมุสลิม ใครอยากเป็นก็ส่งชื่อมา เราฝึกให้ ให้ลงไปพบปะผู้นำศาสนา ไปตามมัสยิด ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีทางเลย


 


           


ขณะนี้ภารกิจเร่งด่วนที่สุดคืออะไร?


ขณะนี้ภารกิจเร่งด่วนคือ มุ่งยุติเหตุร้ายรายวันให้ได้ ทำลายโครงสร้างสลายโครงสร้างให้ได้เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นำไปสู่ความคิดความเชื่อ ผลลัพธ์สุดท้ายคือให้พื้นที่เกิดความมั่นคง ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข


 


การทหารไม่สามารถสำเร็จได้ด้วยตัวของมันเอง แต่มันมีแนวคิดมีหลักการที่เดินได้ มันต้องมีตัวช่วยเข้ามา ขณะนี้มีตัวช่วยคือ 1.คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 2.กลุ่มที่จัดตั้งทั้งหลาย เช่น กลุ่มอำนวยความยุติธรรม ฯลฯ 3.กรรมการสิทธิบางคนที่เขามองเป็นกลาง บางคนออกมาด่าเย้วๆ แต่เวลาพวกผมถูกโจรยิงทำไมไม่ออกมาร้องบ้าง...ขอโทษนะ ทำไมไม่ออกมาช่วยกันบ้าง เราออกมาเสี่ยงชีวิตกันอย่างนี้ เรานอนที่บ้านกันไม่ดีกว่าหรือ? แต่ผมก็ไม่ว่าหรอก เป็นหน้าที่เขา


 


ตัวช่วยต่อไปคือ 4.ประชาชนชาวบ้าน ตอนนี้ชาวบ้านช่วยได้เยอะ ผู้นำอย่างกำนันผู้ใหญ่ตอนแรกผมปล่อยให้สบาย ครั้งที่สองก็แบ่งฝ่าย ถึงตอนนี้เขาต้องเลือกทางเดินแล้ว


 


จริงๆ หน้าที่เช่นนี้ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร หน้าที่ของทหารคือป้องกันประเทศ แต่เรื่องการดูแลประชาชนและพิทักษ์ทรัพยากรคือหน้าที่ของตำรวจ แต่เขาทำไม่ได้ ทหารจึงลงมา มันต้องช่วยกัน


 


ตอนนี้ศูนย์ราชการต่างๆ พอพูดถึงเรื่องความมั่นคงเขาก็คิดถึงเรื่องทหารแล้ว จริงๆ มันไม่ใช่ ความมั่นคงมันมีความมั่นคงทางการทหาร ความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคงทางด้านการเมือง สังคม เทคโนโลยี และสภาพภูมิศาสตร์ สภาพภูมิศาสตร์นี่อาจไม่เคยได้ยิน แต่มันเพิ่มเข้ามา เพราะมันเป็นการแย่งชิงดินแดนใหม่แล้ว อย่างหมู่เกาะสแปรดลีย์ ที่แย่งชิงระหว่างจีนและฟิลิปปินส์  เมื่อก่อนเป็นเพียงภูเขาหิน ไม่มีใครเอา ถึงตอนนี้ใครก็อยากได้ อ้างกรรมสิทธิ์กันเฉย เพราะใต้เกาะมีน้ำมัน มีทรัพยากร


 


เพราะฉะนั้น ความมั่นคงมันมีอีกหลายมิติที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และต้องร่วมมือร่วมไม้กัน.


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net