Skip to main content
sharethis

 


 Newsline ประจำวันที่ 25-26  กันยายน 2550


 


สรุปข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเทศพม่าประจำวันอังคารที่ 25 - วันพุธที่ 26 กันยายน 2550


 


1.สถานการณ์ในประเทศพม่า


1.1              หนังสือพิมพ์นิวไลต์ออฟเมียนมาร์กล่าวหากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเอ็นแอลดีใช้วิธีการรุนแรง


1.2              รัฐบาลทหารพม่าจับตลกดัง ฐานภวายภัตตาหารแก่พระพม่าที่นำการชุมนุมประท้วงรัฐบาล


1.3              นักการเมืองเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าถูกจับกุมแล้ว


1.4              พม่าสั่งเคอร์ฟิว 2 เมืองใหญ่ท่ามกลางการประท้วงขยายตัว


1.5              พระสงฆ์พม่านำกลุ่มผู้สนับสนุน ร่วมสวดมนต์ที่เจดีย์ชเวดากอง กรุงย่างกุ้ง ประกาศชุมนุมต้านรัฐบาลทหารพม่าต่อไป แม้จะถูกขู่ใช้กำลังก็ตาม โดยล่าสุดมีการเคลื่อนหน่วยปราบจลาจลเข้าปิดล้อมแล้ว สถานการณ์เริ่มตึงเครียด


1.6              เรื่องราคาเชื้อเพลิงในพม่า


1.7              ฤๅประวัติศาสตร์ กำลังจะซ้ำรอยที่พม่า


 



  1. การค้าชายแดน

2.1              ปัญหาการเมืองในพม่ากระทบการค้าชายแดน จ.ระนอง


2.2              การบินไทยสั่งการจับตาการชุมนุม เตรียมแผนฉุกเฉินขนพนักงานคนไทยกลับ กลุ่มธุรกิจไทยเกาะติดรายวัน นักท่องเที่ยวยุโรปเริ่มยกเลิกทัวร์


2.3              การค้าบริเวณชายแดนไทยติดประเทศพม่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วง


 



  1. แรงงานข้ามชาติ

3.1              หอฯสงขลาโอดแรงงานข้ามชาติขาด วอนรัฐบาลปรับกฎหมายย้ายข้ามเขต


3.2              แรงงานข้ามชาติจากพม่าเดินทางไปขอบัตร กอ.รมน.สั่งติดโชว์เจ้าหน้าที่


 



  1. ต่างประเทศ

4.1              กลุ่มสิทธิมนุษยชนเรียกร้องสหประชาชาติและพันธมิตรพม่าให้พยายามหาทางสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลทหารพม่าใช้ความรุนแรงยุติการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ


4.2              ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีนัดหารือฝ่ายค้านพม่า เผยจีนสะกิดเตือนรัฐบาลทหารแล้ว


4.3              อาเซียนนัดหารือระหว่างประชุมยูเอ็นวิกฤติการเมืองพม่า  


4.4              ประชาคมโลกเรียกร้องรัฐบาลทหารพม่าหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม


4.5              การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเริ่มขึ้นแล้ว เน้นพม่าและอิหร่าน 


4.6              เหตุประท้วงใหญ่พม่า บทพิสูจน์"ความน่าเชื่อถือ"อาเซียน


4.7              เลขาฯอาเซียนชี้พระประท้วง นำสู่การเปลี่ยนแปลงในพม่า


4.8              ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ยืนยันความพร้อมดูแลและช่วยเหลือคนไทยในสหภาพพม่าเดินทางกลับประเทศ หากสถานการณ์ภายในสหภาพพม่าอันตราย


 



  1. ชนชาติพันธุ์

5.1              คือ...คนมอญย้ายถิ่น


5.2              ชาวเชียงรายนับพันตักบาตรในเวลาเที่ยงคืน 


5.3              คณะรัฐมนตรี ผ่านพ.ร.บ.สัญชาติ และ ร่าง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร "สนช."เดินหน้าแก้ปัญหาเด็กไร้สิทธิทั้งระบบ





 


1.สถานการณ์ในประเทศพม่า


 


1.1              หนังสือพิมพ์นิวไลต์ออฟเมียนมาร์กล่าวหากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเอ็นแอลดีใช้วิธีการรุนแรง


 


หนังสือพิมพ์นิวไลต์ออฟเมียนมาร์ กระบอกเสียงของรัฐบาลทหารพม่า เผยแพร่บทความในหน้า 1 ฉบับวันนี้ กล่าวหากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ใช้วิธีการรุนแรง วาจาหยาบคายกับพระสงฆ์ที่ไม่เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาล


รายงานระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงชุมนุมที่หน้าวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าอาวาสไม่เข้าร่วมการประท้วงของกลุ่มพระสงฆ์พร้อมด่าทออย่างรุนแรง รวมถึงขู่จะขว้างผ้าถุงและยกทรงเข้าไปในบริเวณวัด เพื่อเหยียดหยามพระสงฆ์ในวัดดังกล่าว ซึ่งรายงานไม่ได้ระบุว่าเป็นวัดใด นอกจากนี้ยังไม่ระบุวันเวลาเกิดเหตุ ตลอดจนไม่มีรายงานว่าพระสงฆ์ในวัดมีปฏิกิริยาตอบโต้กลุ่มผู้ประท้วงอย่างไร


 (สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


1.2              รัฐบาลทหารพม่าจับตลกดัง ฐานภวายภัตตาหารแก่พระพม่าที่นำการชุมนุมประท้วงรัฐบาล


 


เพื่อนคนหนึ่งของนาย"ซานาการ์" ดาวตลกผู้มีชื่อเสียงที่สุดของพม่า เปิดเผยว่านายซานาการ์ ผู้แสดงตนว่าสนับสนุนพระสงฆ์พม่า ซึ่งกำลังเป็นผู้นำในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าและได้นำน้ำกับภัตตาหารไปถวายพระสงฆ์เมื่อวันจันทร์กับวันอังคารที่ผ่านมา ได้ถูกจับกุมตัวที่บ้านพักของเขา เมื่อเวลา 01.30 น. เช้ามืดวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 02.00 น.ตามเวลาในไทย


นายซากานาร์ รวมทั้งดาราภาพยนต์ผู้มีชื่อเสียงและศิลปินเป็นจำนวนมากของพม่า พากันออกมาเรียกร้องให้สาธารณชน ให้การสนับสนุนพระสงฆ์ ผู้กำลังเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหาร ครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปี และช่วงสุดสัปดาห์ เขาได้ให้สัมภาษณ์วิทยุคลื่นสั้น "เสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า" หรือ DVB ที่ส่งกระจายเสียงจากนอรเวย์ เข้าไปในพม่า เรียกร้องให้สาธารณชนลุกขึ้นสนับสนุนพระสงฆ์ เขากล่าวว่า พระสงฆ์ออกไปประท้วงพร้อมสวดมนต์เพื่อประชาชน ขณะที่ประชาชนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน ทำให้เขารู้สึกละอาย


และว่าพวกเขาอยู่ในวงการบันเทิง หาเลี้ยงตัวเองด้วยเงินจากประชาชน ปัญหาของประชาชนก็คือปัญหาของศิลปินด้วยเพราะหากประชาชนจนลง ศิลปินก็จนลงเช่นกัน


(คมชัดลึก วันที่ 26/09/2550)


 


1.3              นักการเมืองเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าถูกจับกุมแล้ว


 


นายวิน เนง นักการเมืองเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า ถูกจับกุมเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา ที่บ้านในกรุงย่างกุ้ง ขณะที่รัฐบาลทหารพม่าคุมเข้มมาตรการรักษาความมั่นคงทั่วประเทศ


เพื่อนและนักการทูตตะวันตกเปิดเผยว่า นายวิน เนง ถูกจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากเขานำอาหารและน้ำไปถวายพระสงฆ์ซึ่งเป็นแกนนำในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ก่อนหน้านี้


นายวิน เนง เคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ฐานจัดการแถลงข่าวให้นักเคลื่อนไหวที่ชุมนุมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ต่อมานายวิน เนง ก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระหลังถูกควบคุมตัวไว้ 1 คืน


 (สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


1.4              พม่าสั่งเคอร์ฟิว 2 เมืองใหญ่ท่ามกลางการประท้วงขยายตัว


 


รัฐบาลทหารพม่าตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนในนครย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์ สองเมืองใหญ่ของพม่าออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืนเมื่อวันอังคารที่ 25 ที่ผ่านมาหลังจากการชุมนุมประท้วงนำโดยพระสงฆ์ขยายจำนวนผู้เข้าร่วมมากขึ้นเป็นเรือนแสนสองวันติดต่อกันในย่างกุ้ง นับเป็นปฏิกิริยาต่อต้านรัฐบาลรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา


รัฐบาลพม่าประกาศเคอร์ฟิวผ่านเครื่องขยายเสียงในกรุงย่างกุ้ง ประกาศช่วงเวลาเคอร์ฟิว ระหว่าง 21.00 น. - 05.00 น. นอกจากนี้ ยังสั่งให้ทั้งสองเมืองใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของผู้บัญชาการกองกำลังในพื้นที่เป็นเวลา 60 วัน ขณะเดียวกันมีรายงานว่าทหารและตำรวจพม่ายกกำลังเข้าปิดล้อมเจดีย์ซูเลในนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่พระสงฆ์ใช้ในการชุมนุมและเป็นพื้นที่นองเลือดที่สุดในการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อปี 2531 ที่มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน


ทางด้านปฏิกิริยาจากประชาคมโลก ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเรียกร้องประชาคมโลกช่วยเหลือชาวพม่าเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมประกาศคว่ำบาตรรัฐบาลทหารพม่าเพิ่มเติม ขณะที่สหภาพยุโรปหรืออียู ขู่พร้อมเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรหากพม่าใช้กำลังสลายกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง


 (สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


1.5              พระสงฆ์พม่านำกลุ่มผู้สนับสนุน ร่วมสวดมนต์ที่เจดีย์ชเวดากอง กรุงย่างกุ้ง ประกาศชุมนุมต้านรัฐบาลทหารพม่าต่อไป แม้จะถูกขู่ใช้กำลังก็ตาม โดยล่าสุดมีการเคลื่อนหน่วยปราบจลาจลเข้าปิดล้อมแล้ว สถานการณ์เริ่มตึงเครียด


 


รัฐบาลทหารพม่าลุยแล้ว ส่งกองกำลังตร.ปราบจลาจล-ทหารร่วมสองร้อยนาย เข้ารายล้อมรักษาความสงบศาลากลางเมืองย่างกุ้ง ออกแถลงการณ์เตือนม็อบพระให้ยุติชุมนุมประท้วงขับไล่ ขู่ส่งหน่วยปราบจลาจลควบคุมสถานการณ์ เผยแกนนำพม่าเปิดประชุมฉุกเฉินที่เมืองหลวงใหม่ วางมาตรการรับเหตุชุนนุมใหญ่ในรอบ 20 ปี ผบ.ทอ."ชลิต พุกผาสุข" สั่งกองทัพอากาศเตรียมพร้อมอพยพคนไทยกลับประเทศ


เมื่อวันที่ 25 ก.ย. รัฐบาลทหารพม่าส่งรถบรรทุก 20 คัน ขนกำลังตำรวจปราบจลาจลและทหาร 200 กว่านายเข้าไปล้อมรักษาความสงบบริเวณศาลากลางเมืองย่างกุ้งแล้ว หลังจากม็อบพระภิกษุสงฆ์มีท่าทีไม่หวั่นเกรงคำขู่จากรัฐบาล นำประชาชน นักศึกษา สมาชิกพรรคฝ่ายค้านเอ็นแอลดีนับแสนคน ก่อม็อบประท้วงขับไล่รัฐบาลพม่าต่อเนื่องในกรุงย่างกุ้งเป็นวันที่ 9 และการชุมนุมวันนี้ยังขยายวงกว้างออกไปในอีก 7 จังหวัด อาทิ มัณฑะเลย์ และมะละแหม่ง


รัฐบาลพม่าออกแถลงการณ์เตือนม็อบพระและผู้สนับสนุนให้ยุติการชุมนุม พร้อมเตรียมส่งตำรวจปราบจลาจลติดอาวุธครบมือเข้าควบคุมสถานการณ์ทันทีที่ได้รับคำสั่ง นอกจากนั้น แกนนำรัฐบาลพม่ายังเปิดประชุมฉุกเฉินที่กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ เพื่อวางมาตรการรับมือเหตุชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี


พ.อ.เนอดา เมียะ แห่งสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) ซึ่งจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลพม่าบริเวณแนวชายแดน เปิดเผยว่า กองทัพพม่าเพิ่งสั่งถอนกำลังทหารจากกองพลที่ 22 ออกจากรัฐกะเหรี่ยง จึงมีความเป็นไปได้ว่าทหารกองพลนี้อาจถูกนำไปใช้ปราบปรามม็อบพระและผู้ชุมนุม ซ้ำรอยกับเหตุนองเลือดเมื่อปี 2531 (ค.ศ.1988) ซึ่งรัฐบาลพม่าเคยใช้กำลังหน่วยเดียวกันนี้ล้อมปราบม็อบนักศึกษาผู้เรียกร้องประชาธิปไตยจนมีผู้เสียชีวิตถึง 3,000 ราย


อย่างไรก็ตาม แม้สื่อของรัฐบาลพม่าจะออกข่าวข่มขู่ฝ่ายผู้ชุมนุมเป็นระยะๆ แต่ม็อบพระสงฆ์ยังคงไม่หวั่นเกรง โดยที่กรุงย่างกุ้ง ม็อบพระ 30,000 รูป และผู้สนับสนุนอีกราว 70,000 คน เดินขบวนก่อม็อบบริเวณศาลากลาง และศาสนสถานสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ เจดีย์ชเวดากองกับเจดีย์ซูเล มีการโบกธงพรรคเอ็นแอลดีและธงรูปนกยูงที่กลุ่มนักศึกษายุค 1988 เคยใช้เป็นสัญลักษณ์เคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลพม่า พร้อมร้องตะโกนคำขวัญเรียกร้องประชาธิปไตย เสรีภาพ ความสมานฉันท์ และความกินดีอยู่ดี


การชุมนุมประท้วงครั้งใหม่ภายใต้การนำของพระสงฆ์นี้นับเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันแล้ว  สำหรับการประท้วงเมื่อวานนี้ 24 กันยายน ที่มีผู้ชุมนุมถึงกว่า 1 แสนคน เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลทหารพม่าต้องประกาศเตือนผู้ชุมนุมว่าอาจเกิดการเผชิญหน้าจนเกิดการสูญเสียอย่างเช่นเมื่อ 19 ปีก่อนได้หากยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ด้านสื่อของทางการพม่า รายงานด้วยว่า ตลอดช่วง 7 วันที่ผ่านมาได้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลใน 7 จังหวัดจากทั้งหมด 14 จังหวัดของพม่า พร้อมกับกล่าวหาสื่อต่างชาติว่ามีส่วนกระตุ้นให้เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลพม่าด้วย


วันเดียวกัน รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวระดับสูงระบุว่า รัฐบาลพม่าเปลี่ยนสถานที่ควบคุมตัวนางออง ซาน ซู จี ผู้นำพรรคเอ็นแอลดี จากแต่เดิมที่เคยกักบริเวณนางซู จีเอาไว้ในบ้านพักกรุงย่างกุ้ง ย้ายตัวไปยังเรือนจำอินเส่ง ทัณฑสถานที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ขณะเดียวกัน เมื่อผู้ชุมนุมสลายตัวไปในช่วงเย็น ทหารกับตำรวจปราบจลาจลติดปืนไรเฟิลหลายร้อยคนเข้าไปปิดล้อมประจำการตามจุดสำคัญๆ ที่ฝ่ายผู้ชุมนุมมักใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการรวมตัว อาทิ เจดีย์ซูเล


รอยเตอร์แจ้งว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวคล้ายกับรัฐบาลพม่าต้องการส่งสัญญาณพร้อมประจันหน้ากับฝ่ายผู้ชุมนุมและรีบตัดนางซูจีออกจากวงจรการประท้วง เพราะก่อนหน้านี้ เคยมีผู้ชุมนุมบางส่วนพยายามเดินขบวนไปหน้าบ้านของนาง อย่างไรก็ตาม นายมาร์ก แคนนิ่ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำกรุงย่างกุ้ง กล่าวว่า จากการพูดคุยกับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมพม่า ได้รับคำยืนยันว่า รัฐบาลพม่าจะใช้ "แนวทางที่ถูกต้องเหมาะสม" เท่านั้นในการจัดการกับม็อบ


 (สำนักข่าวไทย, ข่าวสด วันที่ 25-26/09/2550)


 


1.6              เรื่องราคาเชื้อเพลิงในพม่า


 


หนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเดินขบวนประท้วงของพระสงฆ์ในหลายเมืองของประเทศพม่าที่ล่วงมากว่าสัปดาห์นั้น คือเรื่องของราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาของก๊าซหุงต้มที่พุ่งขึ้นถึง 500 เปอร์เซ็นต์ โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลพม่าซึ่งเป็นผู้ผูกขาดการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติแต่เพียงผู้เดียว ได้ประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงในประเทศทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ โดยราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นถึง 66 เปอร์เซ็นต์ จาก 1,500 จ๊าด เป็น 2,500 จ๊าดต่อแกลลอน ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 1,500 จ๊าด เป็น 3,000 จ๊าด ขณะที่ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 50 ลิตร ได้เพิ่มขึ้นถึง 500 เปอร์เซ็นต์ จาก 500 จ๊าด เป็น 3,000 จ๊าด


หรือถ้าคิดเป็นแบบไทยๆ ก็คือ น้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจากลิตรละ 8.93 บาท เป็น 14.93 บาท ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นจากลิตรละ 8.93 บาท เป็น 17.94 บาท และก๊าซหุงต้มเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.4 บาท เป็น 7.35 บาท ขณะที่บ้านเรากิโลกรัมละประมาณ 16.8 บาท!!


แม้จะดูเหมือนว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้น ก็ยังไม่ได้สูงเท่ากับบ้านเรา หากแต่การขึ้นราคาครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างรุนแรง เพราะกระทบถึงเรื่องค่าโดยสารและราคาข้าวของจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมัน


ในขณะที่ไม่มีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ โดยรายได้โดยเฉลี่ยของผู้ใช้แรงงานในพม่าอยู่ที่ 28 บาทต่อวัน ส่วนครูมีรายได้เพียงเดือนละ 40,000 จ๊าด หรือประมาณ 1,100 บาทเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องน้ำมันไม่ใช่เฉพาะเรื่องราคา แต่ยังมีเหตุผลอื่นประกอบ เรื่องแรกของเรื่องของการปันส่วนน้ำมันที่มีมานาน โดยเป็นการกำหนดโควต้าให้แต่ละคนซื้อได้ในปริมาณจำกัด เช่น เจ้าของรถแต่ละคันจะอนุญาตให้ซื้อน้ำมันได้เพียง 227 ลิตรต่อเดือน แต่ความเป็นจริงคือเจ้าของรถจะใช้น้ำมันไม่เต็มโควต้า และนำโควต้าน้ำมันที่ได้ไปขายในตลาดมืดแทน โดยบรรดาผู้ที่มีเงินก็จะสามารถหาซื้อน้ำมันได้ไม่จำกัดในตลาดมืดนี่เอง ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากระบบการค้าน้ำมันของรัฐบาล


ทั้งนี้ พม่าเป็นประเทศผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ประเทศหนึ่ง และสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซซีเอ็นจีตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา


 (มติชน วันที่ 26/09/2550)


 


1.7              ฤๅประวัติศาสตร์ กำลังจะซ้ำรอยที่พม่า


 


เดือนสิงหาคม ปี 1988 (พ.ศ.2531) หรือกว่า 19 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเผด็จการพม่าภายใต้การนำของอู เน วิน ประกาศลดค่าเงินจ๊าด ต่อด้วยการขึ้นราคาข้าวทั่วประเทศ เพื่อหารายได้เข้ารัฐสำหรับการพยุงค่าเงิน ที่เกิดขึ้นติดตามมาคือ การลุกฮือขึ้นมาประท้วงทั่วประเทศของประชาชน นำโดยขบวนการนักศึกษาที่เรียกตัวเองว่า "แนวร่วมนักศึกษาทั่วพม่า-เอบีเอสดีเอฟ"


ปฏิกิริยาของทหารพม่าในเวลานั้นก็คือ การปราบปรามอย่างหนัก รุนแรง และอำมหิต ภาพที่เผยแพร่ออกมาโดยนิตยสารอิรวดี ที่ลงประกอบบทความชิ้นนี้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความหฤโหดในเหตุการณ์ครั้งนั้น ตัวเลขจากการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ล่าสังหารไม่เลือกในครั้งนั้นอย่างน้อย 3,000 คน และอาจมากถึง 10,000 คน


เมื่อ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าภายใต้การนำของ พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย ประธานสภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (เอสพีดีซี) ที่สืบทอดอำนาจมาจาก "สภาเพื่อฟื้นฟูกฎหมายและความเป็นระเบียบแห่งรัฐ-สลอร์ก" ของกองทัพ ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซระหว่าง 100-500 เปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาและได้เห็นประจักษ์กันอยู่ในเวลานี้คือ คลื่นมหาชนที่แห่กันออกมาชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในนครย่างกุ้ง และอีก 24 หัวเมืองทั่วประเทศ


หรือประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอยในพม่า ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่ถึง 20 ปี?


กระนั้นนักวิเคราะห์และนักสังเกตการณ์จำนวนหนึ่งชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างความเคลื่อนไหวเมื่อเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา กับความเคลื่อนไหวครั้งใหม่นี้หลายประการ ตั้งแต่ธรรมชาติของการชุมนุมประท้วงเรื่อยไปจนถึงภาวการณ์ที่เป็นปัจจัยต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทหารพม่า


อ่อง ซอ ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการนิตยสารอิรวดี เคยสรุปเอาไว้เมื่อครั้งมีการชุมนุมประท้วงการขึ้นราคาน้ำมันประปรายของกลุ่มผู้ประท้วงว่า "ราคาน้ำมัน" ไม่ใช่ปมหลักของการประท้วง แต่ชาวพม่าพร้อมที่จะหยิบยกทุกเรื่องขึ้นมาเพื่อหาเหตุประท้วงในทางการเมือง เนื่องเพราะทนอยู่ในสภาพถูกกดขี่ ถูกจำกัดทุกสิ่งทุกอย่างต่อเนื่องยาวนานไม่ได้แล้วนั่นเอง


การประท้วงครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาอย่างชัดเจนตรงที่ หัวขบวนในการประท้วงครั้งนี้ไม่ใช่นักศึกษา หากแต่เป็นพระภิกษุสงฆ์ รูปแบบและธรรมชาติของการประท้วงก็แตกต่างกันออกไป


เมื่อ 19 ปีก่อน กลุ่มนักศึกษาประท้วงยืดเยื้อ ปักหลักยึดอาคารสถานที่ และตอบโต้การปราบปรามเป็นครั้งคราวของเจ้าหน้าที่ด้วยการบุกทำลายสถานที่ของทางการ มีการจัดตั้งกลุ่มอย่างชัดเจน และมีการจัดเวทีอภิปรายโจมตีรัฐบาลในหลายๆ จุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยย่างกุ้ง


แต่การเดินขบวนประท้วงครั้งนี้นำโดยพระสงฆ์จากวัดวาอารามต่างๆ ทุกสารทิศ การชุมนุม การเดินขบวนครั้งใหญ่ทุกครั้งเกิดขึ้นหลังเวลาเพล และเสร็จสิ้นสลายตัวอย่างสงบก่อนทำวัตรเย็นประมาณ 18.00-19.00 น. ไม่มีการยึดที่ตั้งเพื่อชุมนุมยืดเยื้อ ไม่มีการแสดงอาการตอบโต้อย่างกราดเกรี้ยว แต่เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านด้วยอสิงหา การขัดขืนเยี่ยงอารยะต่อรัฐบาลทหารพม่า


ระหว่างการเดินขบวน ภิกษุสงฆ์ ชีเหล่านี้ สวดพระปริต สวดแผ่เมตตา ไม่มีการกล่าวโจมตี มีเพียงกลุ่มประชาชนที่เข้าร่วม ร่วมตะโกนผ่านโทรโข่งตามเส้นทางร้องหาประชาธิปไตย และการแก้ไขความเดือดร้อนในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน


การเดินขบวนประท้วงที่มีขึ้นทุกวันดังกล่าวนี้ ไม่ปรากฏแกนนำในการชุมนุมแต่ละจุดชัดเจนนัก ไม่มีการจัดเวทีอภิปราย แต่เรียกร้องให้มีการเข้าร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังได้ผล กล่าวกันว่า องค์กรของสงฆ์ที่เรียกตัวเองว่า "สมาคมยุวพุทธทั่วพม่า-เอบีวายบีเอ" ทำหน้าที่เป็น "ผู้ประสานงาน" การจัดการชุมนุมครั้งนี้ ธูรา มินต์ หม่อง รัฐมนตรีกระทรวงกิจการศาสนาของพม่า ระบุว่า อู เขมสรา ภิกษุ เป็นผู้นำขององค์กรสงฆ์ดังกล่าวนี้


อย่างไรก็ตามไม่มีการประกาศข้อเรียกร้องของการชุมนุมออกมาอย่างเป็นงานเป็นการ แม้จะมีรายงานข่าวที่ไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน มีการอ่านแถลงการณ์เรียกร้อง 3 ประการ คือ ปล่อยตัวออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญของพม่า, ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคลง และดำเนินการฟื้นฟูประชาธิปไตยอย่างจริงจัง กระนั้น รายงานข่าวที่อ้างผู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับคำประกาศของเอบีวายบีเอ ที่กล่าวว่า รัฐบาลและเอสพีดีซีคือ "ศัตรูร่วม" ของประชาชน และประกาศจะเดินหน้าต่อไปจนกว่ารัฐบาลทหารพม่าจะ "พ้นไปจากแผ่นดินนี้"


เมื่อมองจากประวัติศาสตร์การรับมือกับการประท้วงเรียกร้องทางการเมืองในพม่าที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่าไม่น่าจะเลือกหนทางเจรจาเพื่อยุติการประท้วงในครั้งนี้


นักสังเกตการณ์บางคนเชื่อว่า การที่การชุมนุมประท้วงในครั้งนี้เกิดขึ้นในห้วงเวลาเดียวกับที่มีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในนครนิวยอร์กอยู่พอดี ทำให้รัฐบาลพม่าระงับการปราบปรามไว้ก่อน อีกบางคนเชื่อว่าท่าทีเรียกร้องที่ชัดเจนของรัฐบาลจีนให้ระงับการใช้วิธีรุนแรงทำให้พม่ายังไม่นองเลือดอยู่ในเวลานี้


เกียรติชัย พงษ์พาณิชย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพม่า เชื่อว่าการที่พม่าเป็นเมืองพุทธ ประชาชนเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์นับถือพุทธศาสนา ทำให้ทหารพม่าลังเลอยู่ไม่น้อยที่จะปราบปรามเหมือนเช่นที่เคยปราบปรามนักศึกษาประชาชนเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน


มีนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า การที่รัฐบาลพม่าย้ายเมืองหลวงไปยังกรุงเนปยีดอ ทำให้ความรู้สึกถึงการคุกคามลดน้อยลงไป กระนั้น การเสริมกำลังในย่างกุ้ง มะละแหม่ง มัณฑะเลย์ และพะโค ในวันเดียวกันนี้ ก็สะท้อนให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่าทหารพม่าเตรียมปราบ ไม่ได้เตรียมเจรจา ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดขึ้นวันใด เวลาไหน เท่านั้นเอง


(มติชน วันที่ 26/09/2550)



 


 


2.การค้าชายแดน



 


2.1              ปัญหาการเมืองในพม่ากระทบการค้าชายแดน จ.ระนอง


 


นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากร จ.ระนอง กล่าวว่า ปัญหาการประท้วงในประเทศพม่าส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนไทย-พม่า ด้านจ.ระนอง กับ จ.เกาะสอง จากเดิมที่มีการค้ามูลค่าประมาณเดือนละ 800-900 ล้านบาท ขณะนี้ลดลงเหลือประมาณ 500-600 ล้านบาท


พม่าเริ่มเข้มงวดในเรื่องการนำเข้าและส่งออกสินค้ามากขึ้น จากเดิมที่คาดว่าการค้าชายแดนด้านนี้ตลอดทั้งปีจะมีมูลค่ารวม 1 หมื่นล้านบาท น่าจะลดลง เหลือ 9 พันล้านบาท แต่เมื่อเทียบปีที่ผ่านมาถือว่ายังมีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ทางศุลกากรได้ประสานงานกับทางการพม่าอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อไป เพราะหากการประท้วงในพม่าขยายวงทางการพม่าอาจจะปิดด่านชายแดน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


อย่างไรก็ตามอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มูลค่าการค้าลดลงมาจากในช่วงนี้ ฝั่งทะเลอันดามันอยู่ในช่วงมรสุม ทำให้สัตว์น้ำทะเลที่นำเข้าจากพม่าลดลงตามไปด้วย


 (โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26/09/2550)


 


2.2              การบินไทยสั่งการจับตาการชุมนุม เตรียมแผนฉุกเฉินขนพนักงานคนไทยกลับ กลุ่มธุรกิจไทยเกาะติดรายวัน นักท่องเที่ยวยุโรปเริ่มยกเลิกทัวร์


 


นายวัลลภ พุกกะณะสุต รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำในสำนักงานย่างกุ้ง เตรียมการให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในย่างกุ้งขณะนี้ โดยได้ให้พนักงานทำการประเมินสถานการณ์ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ ซึ่งมาตรการแรกคือการดูแลความปลอดภัยของพนักงาน หากเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้น การบินไทยก็พร้อมที่จะสั่งระงับเที่ยวบิน หรือ ส่งเครื่องบินไปรับพนักงานที่ประจำที่โน้นกลับมา เนื่องจากว่าหากเกิดเหตุรุนแรงแล้ว จำนวนเที่ยวบินที่จะบินเข้าจะน้อยลง เพราะคนที่เดินทางเข้าประเทศพม่าจะลดลง อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่กระทบการจองตั๋วเครื่องบินผ่านการบินไทย ปัจจุบันยังเป็นปกติ


ขณะที่สายการบินแอร์บากัน ซึ่งเป็นสายการบินเอกชนจากพม่าที่เพิ่งเปิดเส้นทางบินกรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง ได้รายงานว่า ขณะนี้อัตราการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ยังคงไม่มีการยกเลิกหรือชะลอการเดินทางจากผู้โดยสาร


ด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจการนำเที่ยวไปยังประเทศพม่าบางส่วนแล้ว สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่มีแผนการเดินทางต่อไปยังพม่าเริ่มยกเลิกการเดินทาง โดยบางส่วนได้เลือกที่จะเดินทางไปประเทศอื่น เป็นต้น


นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทยังไม่มีแผนรองรับเหตุการณ์ในพม่า ได้แต่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดทุกชั่วโมง เพราะสถานการณ์ดังกล่าวน่าเป็นห่วง เห็นได้จากยอดผู้ชุมนุมที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลา จาก 100 คน เป็น 1 แสนคน ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลพม่าจะมีความอดทนได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งบริษัทได้มีการเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานเมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งแน่นอนว่าหากมีปัญหารุนแรง ย่อมส่งกระทบต่อยอดขายแน่นอน


ดร.สารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กล่าวถึงการชุมนุมประท้วงในพม่าว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ส่งผลกระทบกับการลงทุนในภาพรวมของซีพี ซึ่งได้เข้าไปสนับสนุนให้ปลูกข้าวโพดในเขตย่างกุ้ง และตองยี สิ่งที่เกิดขึ้นทางซีพี ก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยสั่งเจ้าหน้าที่ในท้องที่ติดตามเรื่องนี้อยู่


ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในเบื้องต้นคิดว่าการประท้วงจะไม่ลุกลาม ถึงด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ประกอบกับการลงทุนของซีพีในพม่าเป็นลักษณะการสนับสนุนให้ปลูกข้าวโพด จัดตั้งโรงงานอาหารสัตว์ และโรงงานแปรรูป ซึ่งทุกอย่างเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และรัฐบาลพม่า รวมทั้งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ดังนั้นแม้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทุกฝ่ายจะเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ และไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักลงทุนข้ามชาติแน่นอน


นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สผ. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำลังจับตาดูสถานการณ์ประท้วงในพม่าอย่างใกล้ชิด ทุกฝ่ายไม่ต้องการเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์รุนแรง ปตท.สผ.ก็มีแผนพร้อมในการอพยพเจ้าหน้าที่ ที่มีกว่า 10 คน ในพม่า ทั้งนี้การประท้วงที่เกิดขึ้น ขณะนี้ ปตท.สผ. ไม่ได้รับผลกระทบอะไร ยังมีการส่งก๊าซฯ จากพม่าทั้งแหล่งยาดานาและเยตากุล เข้ามาในไทยเป็นปกติ กว่า 1,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดย ปตท.สผ.ได้ลงทุนในพม่ารวมหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ


แหล่งข่าวจาก บมจ.ชิน แซทเทลไลท์ ซึ่งเข้าไปให้บริการดาวเทียมไอพีสตาร์ในประเทศพม่า กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเสียหาย หรืออุปสรรคอะไรจากเหตุการณ์ประท้วงในพม่า ตราบใดที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล แต่บริษัทกำลังจับตาดูว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ เพราะถือเป็นการแสดงพลังของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลทหารพม่า โดยขณะนี้ยังไม่กระทบต่อลูกค้า ปัจจุบัน ชิน แซท เข้าไปร่วมทุนกับเอ็มพีที ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมของพม่า ให้บริการอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมไอพีสตาร์


(กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26/09/2550)


 


2.3              การค้าบริเวณชายแดนไทยติดประเทศพม่ายังไม่ได้รับผลกระทบจากการประท้วง


  


ด้านบรรยากาศบริเวณชายแดนไทยติดประเทศพม่า เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น แม้จะยังไม่กระทบกับบรรยากาศการค้า แต่ทหารได้ตรึงกำลังเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ


บรรยากาศบริเวณด่านชายแดนอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตลอดทั้งวันที่ผ่านมายังเป็นไปตามปกติ แต่นักท่องเที่ยงค่อนข้างบางตาขณะที่ผู้ประกอบการอำเภอแม่สายต่างเร่งนำสินค้า ที่เก็บไว้ในโกดังฝั่งจังหวัดท่าขี้เหล็กกลับเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้นเพราะเกรงว่าหากมีการชุมนุม ในวันพรุ่งนี้จริงอาจมีการปิดด่านพรมแดน ซึ่งจะทำให้สินค้าตกค้าง อยู่ในประเทศพม่าอย่างไรก็ตามพบว่าเจ้าหน้าที่ประจำด่านทั้ง 2 ประเทศ ต่างเพิ่มกำลังและความเข้มงวด ในการตรวจนักท่องเที่ยวและยานพาหนะที่เข้าออกพรมแดนมากขึ้น


ขณะที่ชายแดนด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก บรรยากาศ ค่อนข้างเงียงเหงา เนื่องจากพม่าสั่งตรวจเข้มบุคคลที่ผ่านเข้าออกพื่นที่โดยเฉพาะพระสงฆ์ มีคำสั่งไม่ให้ผ่านเข้าออกประเทศโดยเด็ดขาด ประกอบกับจังหวัดตากได้ยกเลิกการออกบัตร ผ่านแดนและบัตรผ่านแดนชั่วคราวแก่ชาวพม่าบริเวณท่าสินค้าแนวชายแดน ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ที่ประกอบอาชีพรถรับจ้าง ไม่กล้ารับผู้โดยสารชาวพม่าเพราะหวั่นถูกตำรวจจับ จึงรวมตัวกันยื่นหนังสือขอผ่อนผันต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา


ด้านจังหวัดกาญจนบุรี  พลตรีอดุล อุบล ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ กำชับกองกำลังเฉพาะกิจ ร.9 ให้เพิ่มความเข้มงวดตามแนวชายแดนช่องทางติดต่อกับประเทศพม่า ให้มากกว่าปกติแต่เชื่อว่าสถานการณ์ในพื้นที่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง


ขณะที่ทั้งกรมศุลกากรและกรมการค้าต่างประเทศ ระบุเท่าที่ตรวจสอบตามด่านชายแดนไทย-พม่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงที่ขยายวงมากขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน 


ด้านททท.เผยมีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ภายในของพม่าซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศ ส่วนคนไทยที่ไปเที่ยวพม่าพบว่ายังมีไม่มากนัก


(สำนักข่าวไทย วันที่ 25/09/2550)



 



 


3. แรงงานข้ามชาติ



 


3.1              หอฯสงขลาโอดแรงงานข้ามชาติขาด วอนรัฐบาลปรับกฎหมายย้ายข้ามเขต


 


ร้อยเอกชวลิต กะลัมพะเหติ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่าขณะนี้อุตสาหกรรมอาหารในจังหวัดสงขลากำลังมีปัญหาขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากลูกหลานของคนในพื้นที่ไม่ชอบงานประเภทนี้ เมื่อเรียนจบแล้วก็โยกย้ายไปทำงานในจังหวัดอื่นหรือไม่ก็ไปทำอาชีพอื่น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าวทั้งชาวพม่า เขมร เวียดนาม เข้ามาทำแทน


อย่างไรก็ตามเมื่อแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ เข้ามาทำงานแล้วก็แต่งงานมีลูกมีหลานซึ่งต้องเรียนหนังสือ แต่กฎหมายกำหนดว่าห้ามย้ายข้ามเขต เช่น ถ้าขึ้นทะเบียนในเขตใดก็ต้องประจำอยู่ในเขตนั้น จะย้ายออกนอกพื้นที่ไม่ได้ ซึ่งจังหวัดสงขลามีอำเภอติดเขตชายแดน ทั้งหมด 4 อำเภอ


ต้องเข้าใจว่างานในอุตสาหกรรมนี้บางครั้งเป็นโครงการ มีกำหนดเวลาการว่าจ้าง เมื่อหมดโครงการแล้วไม่มีงานทำก็อยากจะย้ายเขตไปทำงานในเขตอื่นพร้อมกับหาที่เรียนใหม่ให้ลูกหลาน แต่เมื่อกฎหมายบังคับห้ามข้ามเขตแรงงานเหล่านี้ก็ไม่สามารถไปไหนได้ เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ประกอบการในเขตอื่น ถ้ามีโครงการเข้ามาอยากจ้างแรงงานจากเขตอื่นเข้าไปทำก็ไม่ได้ ได้เสนอเรื่องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดถึงปัญหาความเดือดร้อนของแรงงานต่างด้าวดังกล่าวเพื่อให้มีการยืดหยุ่นแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า


สิ่งที่ผมขอคืออยากให้มีการแก้ไขกฎหมายให้แรงงานเคลื่อนย้ายข้ามเขตได้ ถ้าย้ายข้ามไปจังหวัดอื่นไม่ได้ก็ขอให้ย้ายข้ามภายในจังหวัดสงขลาได้ คือกำหนดเขตให้กว้างหน่อย ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อแรงงานแล้วยังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมที่จะได้มีแรงงานใช้กันทั่วถึง ถ้าโรงงานไม่มีแรงงานก็ไม่สามารถสร้างสินค้าได้ เมื่อสินค้าไม่เกิดก็กระทบต่อเกษตรกรผู้สร้างวัตถุดิบที่จะนำไปผลิตสินค้า เรียกว่ากระทบกันเป็นลูกโซ่ เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากให้ยึดติดกับกรอบของกฎหมายมากเกินไป ถ้าปรับได้ก็น่าจะปรับ ต้องยอมรับว่าคนร่างกฎหมายนั่งอยู่บนหอคอย ไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงไม่รู้รายละเอียดปลีกย่อยที่พวกเราต้องประสบพบเจอ


สำหรับอุตสาหกรรมอาหารในจังหวัดสงขลานั้น ประกอบด้วยอุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และอุตสาหกรรมโรงงานแช่แข็ง เป็นต้น


 (สยามธุรกิจ ฉบับที่ 831 ประจำวันที่ 26-9-2007 ถึง 28-9-2007)


 


3.2              แรงงานข้ามชาติจากพม่าเดินทางไปขอบัตร กอ.รมน.สั่งติดโชว์เจ้าหน้าที่


 


แรงงานต่างด้าวพม่าหลบหนีเข้าเมืองทั้งชายหญิงเดินทางไปยังว่าการอำเภอเมืองระนอง ไปทำบัตรควบคุมคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ตามมาตรการของกรมการปกครองและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการควบคุม กำกับดูแล คนต่างด้าวที่มีอยู่ในพื้นที่


บัตรดังกล่าวมีลักษณะด้านหน้ามีรูปเจ้าของบัตรพร้อมชื่อ หมายเลขประจำตัว ชื่อและที่อยู่ของนายจ้าง พร้อมประทับตราของนายทะเบียนท้องที่ ส่วนด้านหลังบัตรมีเลขที่พร้อมระบุวันออกบัตรอย่างชัดเจน ทุกคนต้องแขวนบัตรติดตัวโดยเปิดเผยให้เจ้าหน้าที่สังเกตและตรวจสอบได้ตลอดเวลา ห้ามย้ายที่อยู่ ห้ามออกนอกพื้นที่ ห้ามเปลี่ยนนายจ้าง


 


จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่พบว่าในจังหวัดระนองมีแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าทั้งผิดกฎหมายและถูกกฎหมาย ประมาณ 60,000 คน แต่ละอำเภอต้องจัดทำบัตรควบคุมให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 กันยายน


 (มติชน วันที่ 25/09/2550)



 



 


4. ต่างประเทศ


 


4.1              กลุ่มสิทธิมนุษยชนเรียกร้องสหประชาชาติและพันธมิตรพม่าให้พยายามหาทางสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลทหารพม่าใช้ความรุนแรงยุติการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ


 


องค์การนิรโทษกรรมสากล ซึ่งมีสำนักงานในกรุงลอนดอน ของอังกฤษ เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ส่งคณะผู้แทนเดินทางไปยังพม่า เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมและรัฐบาลทหารพม่า นอกจากนี้ ยังเสนอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติพิจารณาประกาศมาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธ เพื่อไม่ให้จีนและอินเดียจัดส่งอาวุธให้แก่รัฐบาลทหารพม่า ซึ่งอาจนำไปใช้ในการปราบปรามผู้เดินขบวนประท้วง


ขณะเดียวกันกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ ซึ่งมีสำนักงานในนครนิวยอร์กเรียกร้องพันธมิตรพม่า รวมทั้ง จีน ไทย รัสเซีย และอินเดีย เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลทหารพม่ายุติการประท้วงของพระสงฆ์ โดยการใช้ความรุนแรง รัฐบาลทหารพม่าประกาศเคอร์ฟิวในกรุงย่างกุ้ง โดยมีผลในทางปฏิบัติวันพุธนี้ และประกาศให้กรุงย่างกุ้งเป็นเขตควบคุมของทหาร หลังจากเกิดการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ยืดเยื้อหลายวัน


(สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


4.2              ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซีนัดหารือฝ่ายค้านพม่า เผยจีนสะกิดเตือนรัฐบาลทหารแล้ว


 


ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์กเมื่อวันอังคารที่ 25 เรียกร้องรัฐบาลทหารพม่าให้ความเคารพต่อการประท้วงโดยสงบของชาวพม่า


นายซาร์โกซีระบุว่า ติดตามสถานการณ์การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าที่มีพระสงฆ์เป็นแกนนำมาโดยตลอด และมีกำหนดหารือกับกลุ่มผู้นำฝ่ายค้านพม่าในกรุงปารีส โดยไม่ระบุกรอบเวลาตลอดจนฝ่ายค้านรายใด อย่างไรก็ตาม นายเซน วิน หนึ่งในแกนนำฝ่ายค้านพม่าพลัดถิ่นระบุว่าเป็นหนึ่งในชาวพม่าที่จะหารือกับผู้นำฝรั่งเศส


ทางด้านรายงานจากกรุงปักกิ่ง โดยแหล่งข่าวทางการทูตตะวันตกเปิดเผยว่า จีนดำเนินการทูตแบบเบื้องหลังในการเตือนรัฐบาลทหารพม่าให้เร่งคลี่คลายสถานการณ์การประท้วงโดยเร็ว นอกจากนี้ ทางการจีนยังนัดผู้แทนพม่าหารือร่วมกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในกรุงปักกิ่งหารือแนวทางและความเป็นไปได้ในการปล่อยตัวแกนนำฝ่ายค้านพม่าบางคน ขณะที่ในเบื้องหน้าจีนซึ่งเป็นชาติที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจต่อพม่ายังยืนกรานนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติเพื่อนบ้านมาโดยตลอด


(สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


4.3              อาเซียนนัดหารือระหว่างประชุมยูเอ็นวิกฤติการเมืองพม่า


 


 รัฐมนตรีต่างประเทศของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  หรืออาเซียน 10 ชาติ มีกำหนดหารือระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ในวันพฤหัสบดีที่ 27 นี้


 


ประเด็นสำคัญที่รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะนำเข้าหารือจะรวมถึงสถานการณ์ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า ที่มีกลุ่มพระสงฆ์เป็นแกนนำที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นจนอาจลุกลามเป็นวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ของรัฐบาลทหารพม่า นอกจากนี้ อาเซียนยังมีกำหนดหารือกับ ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่คาดว่าจะเพิ่มความกดดันอาเซียนให้เพิ่มระดับการกดดันพม่า ซึ่งเป็นสมาชิกในการยุติปราบปรามฝ่ายค้านในพม่าให้มากขึ้น


 ส่วนทางด้านนายอัลเบอร์โต โรมูโล รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์ ให้ความเห็นว่า สถานการณ์พม่าปัจจุบันน่าจะถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลทหารพม่าจะเริ่มนำแผนปฏิรูปประชาธิปไตย  หรือโร้ดแมพ ที่ให้คำมั่นกับประชาคมโลกมาเป็นเวลากว่า 10 ปี มาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองโดยเร็วที่สุดต่อไป


 (สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


4.4              ประชาคมโลกเรียกร้องรัฐบาลทหารพม่าหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม


  


ประชาคมโลก ต่างพากันออกมาวิงวอนให้รัฐบาลทหารพม่า อดกลั้น และหลีกเลี่ยงการสลายการชุมนุมประท้วงรัฐบาลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีด้วยวิธีการรุนแรง


นายกอร์ดอน บราวน์  นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในพม่าเป็นการแสดงให้โลกเห็นว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่านั้น เป็นไปได้ยาก พร้อมกับแนะรัฐบาลทหารพม่าควรอดกลั้นและฉวยโอกาสดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองจะดีที่สุด และเตือนว่า การใช้กำลังเข้าแก้ปัญหา จะทำให้รัฐบาลพม่าพลาดโอกาสในการแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศอย่างน่าเสียดาย


นายเดวิด มิลิแบนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ได้ออกมาเตือนรัฐบาลทหารพม่า ว่าถึงเวลาแล้วที่นางออง ซาน ซู จี ผู้นำฝ่ายค้าน จะได้มีโอกาสทำหน้าที่ผู้นำประเทศพม่าที่เต็มไปด้วยเสรีภาพและประชาธิปไตย นายมิลิแบนด์ กล่าวเตือนว่า หากรัฐบาลทหารพม่าใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ก็จะถูกประชาคมโลกผนึกกำลังกันลงโทษพม่าอย่างรุนแรงและพร้อมเพรียงกัน


ด้านนายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รมว.ต่างประเทศ ออสเตรเลีย กล่าวว่า ขอชื่นชมผู้ชุมนุมต้านรัฐบาลพม่าว่าเป็นกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออสเตรเลียเห็นว่า ชาติที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลพม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน อินเดีย รวมถึงสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่งพม่าร่วมเป็นสมาชิกอยู่ ควรออกมากดดันไม่ให้รัฐบาลพม่าใช้ความรุนแรงและหันมาเปิดเจรจากับฝ่ายผู้ชุมนุม


ทางด้านรัฐมนตรีความช่วยเหลือของสวีเดน  กูนิลลา คาร์ลสัน  ได้ออกมาสำทับว่า โลกกำลังจับตาดูว่า รัฐบาลทหารพม่าจะจัดการอย่างไรกับประชาชนที่ชุมนุมเรียกร้องให้มีการปฏิรูปทางการเมือง นางแองเจลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ได้เรียกร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงให้พิจารณาสถานการณ์พม่าอีกครั้งว่าสมควรที่จะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรพม่าขึ้นอีกหรือยัง


ส่วนที่กรุงปารีส  นายเฟรเดอริก เดซาชโนซ์ โฆษกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส ก็ได้ออกมาเตือนรัฐบาลพม่าเช่นกันว่าจะต้องรับผิดชอบในความปลอดภัยของผู้ชุมนุมประท้วงโดยสันติ  สาธุคุณ อาร์ชบิชอป เดสมอนด์ ตูตู้ เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้ออกมายกย่องจิตวิญญาณในการต่อสู้เพื่อประชาชาธิปไตย ของชาวพม่าซึ่งนำโดยพระสงฆ์ ว่ายิ่งใหญ่เสมือนการเคลื่อนไหวอันนำ ไปสู่การยุติการแบ่งแยกและเหยียดผิวในอดีตของแอฟริกาใต้


ขณะที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ว่าที่เลขาธิการสมาคมประชาชาติอาเซียน กล่าวว่า การชุมนุมครั้งใหญ่ในรอบ  20 ปี ของชาวพม่าในขณะนี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในพม่าอย่างแน่นอน นายอามาเดอ ทาร์ดิโอ โฆษกสหภาพยุโรปก็เตือนเช่นกันว่า  27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรปกำลังจับตาดูสถานการณ์ในพม่าอย่างใกล้ชิด ว่าจะลงเอยอย่างไร และคิดว่าถึงเวลาแล้วที่สหภาพยุโรปจะเพิ่มการคว่ำบาตรรัฐบาลพม่าให้หนักยิ่งขึ้นกว่าเดิม 


ส่วนจีนนั้น นาง เจียง จู  โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุว่า รัฐบาลจีนยังคงยึดมั่นในนโยบายไม่แทรกแซงกิจการภายในของชาติเพื่อนบ้านต่อไปอย่างเหนียวแน่น และในฐานะเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับพม่า รัฐบาลจีนก็หวังว่าประชาชนพม่าและรัฐบาลจะหาทางคลี่คลายวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นให้ลงเอยด้วยสันติวิธี พร้อมกับย้ำว่าจีนไม่ขอแทรกแซงกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน


ปัญหาการเมืองในพม่ายังทำให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช  เตรียมประกาศคว่ำบาตรพม่าครั้งใหม่ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมุ่งเน้นไปที่สมาชิกคนสำคัญของรัฐบาลพม่า และผู้สนับสนุนทางการเงิน  โดยจะห้ามประทับตราหนังสือเดินทางหรือวีซ่าแก่บุคคลและครอบครัวที่พัวพันกับรัฐบาลพม่า  ขณะเดียวกัน 


ดร.คอนโดลีซซา  ไรซ์  รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า  รัฐบาลจะเพิ่มแรงกดดันต่อคณะมนตรีความมั่นคงให้ดำเนินการกับพม่าเพราะสิ่งที่รัฐบาลพม่ากำลังทำอยู่ในขณะนี้  ตอกย้ำให้เห็นถึงความโหดร้ายของรัฐบาลชุดนี้  ดร.ไรซ์  หวังว่านายอิบราฮิม  กัมบารี  ทูตพิเศษยูเอ็นเรื่องพม่าจะได้ไปเยือนพม่าในเดือนหน้าตามที่นายกัมบารีคาดหวัง  และเขาจะต้องได้หารือกับแกนนำฝ่ายค้านเช่นนางออง  ซาน  ซู  จี  ด้วย   


ส่วนญี่ปุ่น ประเทศผู้บริจาครายใหญ่ของพม่า เรียกร้องรัฐบาลทหารพม่าแสดงความอดทนต่อการประท้วง  อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น  จะยังไม่ทำให้ญี่ปุ่นต้องกลับมาทบทวนการให้ความช่วยเหลือต่อพม่า  ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้ญี่ปุ่นไม่ลงรอยกับสหรัฐฯ  และสหภาพยุโรปที่ต้องการให้คว่ำบาตรพม่า


ส่วนรัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ ระบุว่ารัฐบาลไทยกำลังติดตามสถานการณ์ในสหภาพพม่าอย่างใกล้ชิด ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนและเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของพม่า รัฐบาลไทยหวังที่จะเห็นพม่ามีสันติภาพและความปรองดองในชาติ


 (สำนักข่าวไทย วันที่ 26/09/2550)


 


4.5              การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเริ่มขึ้นแล้ว เน้นพม่าและอิหร่าน 


 


การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเริ่มขึ้นแล้ว โดยเลขาธิการสหประชาชาติและผู้นำสหรัฐหันไปเน้นเรื่องพม่าและอิหร่านในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม ขณะที่ผู้นำฝรั่งเศสเตือนว่าอิหร่านอาจเป็นภัยต่อความสงบสุขของนานาประเทศถ้าปล่อยให้อิหร่านแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์


นายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติเตือนบรรดาผู้นำโลกว่า ปัญหาท้าทายที่น่าหวาดกลัวจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งองค์การสหประชาชาติต้องให้ความสำคัญกับผลการปฏิบัติมากกว่าขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อเอาชนะปัญหาเหล่านี้ และได้หันไปกล่าวถึงปัญหาการประท้วงในพม่า โดยระบุว่ากำลังจับตามองสถานการณ์ ในพม่าอย่างใกล้ชิด โดยจะส่งนายอิบราฮิม กัมบารี รองเลขาธิการสหประชาชาติไปยังพม่าโดยเร็วที่สุด สถานการณ์ในพม่ายังเป็นประเด็นสำคัญในการกล่าวสุนทรพจน์ ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ผู้นำสหรัฐ โดยบุชประกาศมาตรการคว่ำบาตร ครั้งใหม่ต่อบรรดาผู้นำทหารพม่าและผู้ที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่บุคคลเหล่านี้ นอกจากนี้ผู้นำสหรัฐยังกล่าวถึงการขยายสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นโอกาสดีที่ญี่ปุ่นซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐจะได้เข้าเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และกล่าวถึงสันติภาพในตะวันออกกลางด้วย ด้านประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ผู้นำฝรั่งเศส ได้เน้นย้ำถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นถ้าปล่อยให้อิหร่านแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์


(สำนักข่าวเนชั่น วันที่ 26/09/2550)


 


4.6              เหตุประท้วงใหญ่พม่า บทพิสูจน์"ความน่าเชื่อถือ"อาเซียน


 


สมาชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ยังลังเลหรือพยายามหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินมาตรการแบบเผชิญหน้ากับพม่า ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านร่วมภูมิภาค แต่ผู้สังเกตการณ์มองว่าเหตุประท้วงครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปีที่เกิดขึ้นในนครย่างกุ้งขณะนี้ อาจส่งผลให้อาเซียนสูญเสียความน่าเชื่อถือ หากไม่สามารถยื่นมือแก้ไขให้ปัญหาคลี่คลายโดยสันติ


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นับตั้งแต่พม่าเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ก็ได้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่ชาติเพื่อนบ้าน จากความล่าช้าในการผลักดันกระบวนการสร้างประชาธิปไตย ซึ่งเรื่องนี้ชาติตะวันตกมองว่าอาเซียนไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอในการกดดันให้พม่าเร่งปฏิรูปสู่ระบอบประชาธิปไตย รวมถึงปรับปรุงด้านสิทธิมนุษยชน


เมื่อพิจารณาตามมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วไป อาเซียนยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ กับพม่ามากนัก ผมสงสัยว่าผู้กำหนดนโยบายในมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือมะนิลา จะยอมรับเรื่องนี้หรือไม่ นายฮิโระ คัตสุมาตะ นักวิชาการแห่งสถาบันศึกษากิจการระหว่างประเทศ เอส.ราชารัฐนัม ในสิงคโปร์ กล่าว และว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะอาเซียนต้องการพม่ามากกว่าที่พม่าต้องการอาเซียน อีกทั้งอาเซียนวิตกว่า พม่าซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติจะหันไปกระชับสัมพันธ์กับจีนแทน


อย่างไรก็ตามเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลพม่าครั้งล่าสุด ที่มีประชาชนและพระสงฆ์เข้ารวมมากถึง 100,000 คน ทำให้รัฐบาลชาติอาเซียนเผชิญกระแสเรียกร้องให้ออกมาแสดงบทบาทมากขึ้น


อาเซียนสามารถดำเนินการได้มากกว่านี้อย่างแน่นอน คำถามอยู่ที่ว่า พวกเขาอยากทำหรือไม่ จะเป็นเรื่องน่าอายมากหากอาเซียนยังคงนิ่งเฉยกับเหตุชุมนุมประท้วงที่เกิดจากกระแสต่อต้านของประชาชน นายซาอิด อิบราฮิม สมาชิกรัฐสภามาเลเซีย และประธานที่ประชุมระหว่างรัฐสภาของอาเซียน กล่าวพร้อมแนะนำว่า อาเซียนควรใช้ช่องทางการทูตและอิทธิพลทั้งหมดที่มีเข้ากดดันพม่า


นายซาอิดแสดงความมั่นใจว่า แม้รัฐบาลทหารของพม่าจะยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อหยุดยั้งการเดินขบวนประท้วงนำโดยพระสงฆ์ ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 1 สัปดาห์ แต่ท้ายที่สุด รัฐบาลทหารก็อาจตัดสินใจสลายการชุมนุมด้วยการใช้กำลัง ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก


จนถึงปัจจุบันรัฐบาลชาติสมาชิกอาเซียนยังไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อวิกฤติการเมืองในพม่ามากนัก ยกเว้นรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งประกาศแสดงจุดยืนเมื่อวันจันทร์ (24 ก.ย.) ว่าต้องการเห็นประชาธิปไตยเบ่งบานในแผ่นดินพม่า


ด้านนายอ่อง เคง ยอง เลขาธิการอาเซียน กล่าวแต่เพียงว่า เขาหวังให้การประท้วงดำเนินไปอย่างสงบและสันติ ขณะที่นายรูดอล์ฟโฟ ซีเวอริโน เลขาธิการอาเซียนคนก่อนหน้านี้ให้ความเห็นว่า อาเซียนคงไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก โดยอาจมีการออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่อาเซียนไม่อยู่ในฐานะที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปในพม่าเพื่อให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากรัฐบาลและประชาชนพม่าต้องคลี่คลายปัญหาด้วยตัวเอง


ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ อาเซียนเริ่มแสดงท่าทีแข็งกร้าวกับรัฐบาลพม่าเป็นบางครั้ง หลังถูกสหรัฐและชาติยุโรปโจมตีว่าไม่ยอมกดดันพม่า อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากการออกแถลงการณ์แล้ว อาเซียนยังไม่ได้ออกมาตรการใดๆ รองรับประเด็นโต้แย้งดังกล่าว แม้มีการถกเถียงกันเรื่องการออกกลไกที่เปิดทางให้กลุ่มสามารถถอดถอนสมาชิกภาพ หรือขับพม่าออกจากอาเซียน


นายจาวาฮาร์ ฮัสซัน ผู้อำนวยการสถานบันยุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศศึกษาในมาเลเซีย ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบันยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ชาติสมาชิกอาเซียนมีแนวโน้มเข้าแทรกแซงน้อยลง หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในพม่า อาเซียนก็สามารถออกแถลงการณ์แข็งกร้าวได้ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าให้การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหาร


อาเซียนจำเป็นต้องระมัดระวังจากสถานการณ์ในขณะนี้ รัฐบาลแต่ละชาติไม่สามารถถูกมองว่าให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล ซึ่งอาจบานปลายเป็นเหตุรุนแรง


หลังจากอาเซียนอ้างมาหลายปีว่าความเปลี่ยนแปลงในพม่าต้องเกิดขึ้นจากคนในประเทศ การที่เหตุประท้วงเกิดจากพลังชาวพม่า ถือเป็นคำเตือนว่าอาเซียนไม่อาจทำตัวเพิกเฉยได้อีกต่อไป


อาเซียนจะถูกมองในแง่ลบอย่างแน่นอน เพราะประเด็นสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยเป็นส่วนสำคัญของบรรทัดฐานโลก ยิ่งอาเซียนดำเนินการเชื่องช้า ภาพลักษณ์ของกลุ่มก็จะยิ่งแย่ลงในสายตาชาวโลก นายคัตสุมาตะกล่าวตบท้าย


 (กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 26/09/2550)


 


4.7              เลขาฯอาเซียนชี้พระประท้วง นำสู่การเปลี่ยนแปลงในพม่า


 


สำนักข่าวเอพีรายงานคำให้สัมภาษณ์ของด็อกเตอร์สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย นอกรอบการประ ชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรายการหนึ่ง ที่นครนิวยอร์คของสหรัฐฯซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยเอเชีย ฟาวเดชั่น ซึ่งด็อกเตอร์สุรินทร์ ผู้เป็นว่าที่เลขาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยมีกำหนดจะเข้ารับตำแหน่งเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า ได้แสดงความคาดหวังเมื่อวันจันทร์ว่า คลื่นมหาชนที่ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกอาเซียน จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในบางรูปแบบ (some kind of change) ขณะเดียวกัน เขาก็ได้แสดงความวิตกว่าการชุมนุมซึ่งมีผู้เข้าร่วมนับแสนคนแล้ว และยังคงเป็นการชุมนุมอย่างสงบจนถึงปัจจุบัน อาจกลายเป็นความรุนแรงขึ้นได้


อาเซียนตั้งความหวังไว้อย่างแท้จริงว่าสิ่งต่างๆจะไม่ลุกลามเกินควบคุมจะไม่กลายเป็นความรุนแรงจนเกินไป แต่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบางประการ และเขาเชื่อว่าการประท้วงที่มีขึ้นอยู่ในปัจจุบันจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งไม่ได้เห็นกันเลยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และว่าการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ มีความแตกต่างจากการชุมนุมครั้งก่อนๆ ในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เพราะนำโดยสถาบันหนึ่งซึ่งได้รับความเคารพนับถืออย่างยิ่งสังคมพม่า ซึ่งหมายถึงพระสงฆ์ แต่ขนาดของฝูงชนทำให้น่ากลัวจะคุมไม่อยู่ เขาได้ตั้งความหวังว่า สถานการณ์จะไม่ลุกลามเป็นการเผชิญหน้าแบบใช้ความรุนแรง พร้อมคาดหวังเสียงสนับสนุนและให้กำลังใจจากประชาคมโลกด้วย


 (คมชัดลึก วันที่ 25/09/2550)


 


4.8              ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ยืนยันความพร้อมดูแลและช่วยเหลือคนไทยในสหภาพพม่าเดินทางกลับประเทศ หากสถานการณ์ภายในสหภาพพม่าอันตราย


 


พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. กล่าวว่า สถานการณ์ภายในสหภาพพม่าขณะนี้ไม่ถึงขั้นต้องอพยพคนไทยออกจากสหภาพพม่า หลังเกิดการประท้วงของพระภิกษุสงฆ์และนำไปสู่การประกาศเคอร์ฟิวของรัฐบาล แต่ยืนยันว่าทุกฝ่ายได้ประสานเตรียมการช่วยเหลือคนไทยในสหภาพพม่าไว้แล้ว โดยขณะนี้ผู้ช่วยทูตทหารบกและเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้คอยติดตามดูแลและประสานการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และหากเกิดปัญหา กองทัพอากาศ ก็พร้อมส่งเครื่องบินรับคนไทยกลับประเทศได้ทันที เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ตาน ฉ่วย ประธานเอสพีดีซี เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อหลบสถานการณ์ภายในประเทศพม่า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ไม่มี เป็นเพียงข่าวลือ


พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. และรองประธาน คมช.สั่งการให้กองทัพอากาศ โดยกองบิน 6 จัดเตรียมความพร้อมในการที่จะนำเครื่องบินลำเลียงแบบซี-130 เพื่อเดินทางไปรับคนไทยในสหภาพพม่าทันทีที่รัฐบาลสั่งการให้นำคนทั้งหมดกลับประเทศ


 (สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 25/09/2550)



 


 


5. ชนชาติพันธุ์


 


5.1              คือ...คนมอญย้ายถิ่น


 


แรงงานมอญ หาใช่พม่า 


จังหวัดสมุทรสาคร หรือมหาชัย ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทย แรงงานเหล่านั้นประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์มอญมีจำนวนมากที่สุดถึงร้อยละ 70 นอกเหนือจากนั้นอีกร้อยละ 30 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ เช่น กะเหรี่ยง ทวาย คะฉิ่น คะยา ไทยใหญ่ ปล่อง และพม่า


สาเหตุที่มีจำนวนแรงงานข้ามชาติเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มอญมากที่สุดนั้น เป็นเพราะบริเวณพื้นที่ต้นทางของการอพยพมาจากเขตรัฐมอญ (Mon State) คือ จังหวัดมะละแหม่งและจังหวัดสะเทิม รวมทั้งบริเวณพื้นที่อื่นๆ ในภาคพะโค ภาคตะนาวศรี เขตรัฐกะเหรี่ยงที่มีคนมอญอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งอยู่ในเขตภาคตะวันออกของประเทศพม่าและมีพรมแดนติดกับประเทศไทย จึงอพยพเดินทางข้ามเขตแดนได้ง่าย อาจกล่าวได้ว่าคนมอญนั้นน่าจะเดินทางมาจากทุกๆ พื้นที่ที่มีคนมอญอาศัยอยู่


แรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมอญ หรือคนมอญย้ายถิ่น เข้ามาทำงานอาชีพกรรมกรในประเภทกิจการประมง กิจการต่อเนื่องจากประมงทะเล งานก่อสร้าง งานเกษตร ผู้รับใช้ในบ้าน เป็นต้น ส่วนใหญ่แรงงานจะอยู่ในประเภทกิจการต่อเนื่องจากประมงทะเล อาทิเช่น งานแกะกุ้ง แล่ปลา ต้มหอย โรงน้ำแข็ง โดยอาศัยตามหอพัก ขณะที่มีแรงงานจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรม 


ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติกระจุกตัวมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเทศบาลนครและเขตพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลรอบข้าง กระทั่งก่อตัวเป็นชุมชนแรงงานข้ามชาติอย่างน้อย 60 ชุมชนย่อย มีชุมชนขนาดใหญ่ในแหล่งที่มีการจ้างงาน เช่น ชุมชนตลาดกุ้ง มีจำนวนประมาณ 3,000-4,000 คน ชุมชนเกาะสมุทรประมาณ 3,000 คน แถบคลองบางหญ้ามีจำนวนนับหมื่นคน เพราะเป็นที่พักและสถานที่ทำงานอยู่ด้วยกัน แถบชุมชนมหาชัยนิเวศน์-ณรงค์มิตรมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 3,000 คน แถบชุมชนเคหะท่าจีนพบว่ามีการเช่าตึกทั้งตึกให้อยู่อาศัยประมาณ 400-500 คน นอกจากนั้นจะเป็นการอยู่อย่างกระจายตัว เช่น ชุมชนโกรกกรากใน และโกรกกรากนอก ส่วนชุมชนท่าฉลอม ชุมชนบางหญ้าแพรก ชุมชนวัดเจษฎารามมีไม่ต่ำกว่าหมื่นคน


แรงงานจากประเทศพม่านั้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใด เมื่อเข้ามาทำงานในประเทศไทยมักถูกมองว่าเป็น 'คนพม่า' และถูกเรียกว่า 'แรงงานพม่า' ทว่าการนิยามตัวตนผ่านสัญชาตินั้น บางครั้งไม่เพียงพอ โดยเฉพาะผู้คนในประเทศพม่า เนื่องด้วยเงื่อนไขทางด้านการเมืองและกระบวนการสร้างชาติของพม่าที่ไม่สามารถหลอมรวมกลุ่มชาติพันธุ์ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ พยายามแยกตัวเป็นอิสระ และสร้างสำนึกความเป็นชนชาติขึ้นแทนที่


กลุ่มชาติพันธุ์มอญก็เช่นกัน แม้ว่าในระดับการรับรู้ของผู้คน หน่วยงานของรัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชนที่ปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแรงงานจะทราบว่าเป็นคนมอญ แต่ก็เป็นเพียง 'คนมอญพม่า' เท่านั้น 


ไม่ง่ายเลยที่จะแยกแยะได้ว่ามอญกับพม่าแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้สนใจภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และการเมืองในประเทศพม่า


เมื่อพวกเขาตกอยู่ในสภาพแรงงานข้ามชาติ หรือแรงงานต่างด้าวจึงไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องเหล่านี้ พวกเขาถูกเหมารวมว่า 'มอญพม่า' คนมอญจากเมืองมอญจึงต้องเผชิญกับอคติทางชาติพันธุ์ที่มีต่อคำว่าพม่าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง


อคติทางชาติพันธุ์นั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนของแรงงานด้านต่างๆ 


แรงงานมอญต้องเผชิญตั้งแต่การถูกขูดรีดจากนายหน้าระหว่างการขนย้ายแรงงานข้ามประเทศ สภาพการทำงานที่เลวร้าย การถูกทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ ความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐ


ทั้งหมดนั้นล้วนมีสาเหตุมาจากอคติทางชาติพันธุ์ที่มีต่อแรงงานข้ามชาติ ซึ่งมีการสร้างและผลิตซ้ำผ่านสื่อหรือกลไกต่างๆ ในสังคม เพื่อตอกย้ำว่าแรงงานข้ามชาติเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ และมาแย่งงานแรงงานไทยทั้งที่แรงงานเหล่านี้ทำงานแบบ '3 ส.' คือ สุดเสี่ยง สกปรก แสนลำบาก อันเป็นลักษณะงานที่แรงงานไทยส่วนใหญ่ไม่นิยม


เมื่อเป็นดังนี้ คนมอญย้ายถิ่นจึงซ่อนอัตลักษณ์ความเป็นพม่า และเลือกแสดงอัตลักษณ์ความเป็นมอญให้เด่นชัดขึ้น เพื่อสร้างการยอมรับและประนีประนอมกับสังคมไทย พวกเขาเลือกแสดงอัตลักษณ์ความเป็นมอญผ่านสิ่งต่างๆ เช่น ภาษา วัฒนธรรมประเพณี และการจัดงานวันชาติมอญ


ภาษาสะท้อนอัตลักษณ์


คนมอญย้ายถิ่นใช้ภาษามอญทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติจากประเทศพม่าจึงไม่ใช่ภาษาพม่าอย่างที่หลายคนเข้าใจ ประกอบกับในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครนั้น มีคนไทยเชื้อสายมอญตั้งหลักแหล่งอยู่มาก จึงเกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนมอญย้ายถิ่นและคนไทยเชื้อสายมอญ


ภาษามอญยังถูกใช้เป็นกลยุทธ์ทางตลาดที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการดึงดูดลูกค้าที่เป็นคนมอญด้วยกัน


องค์ บรรจุน คนไทยเชื้อสายมอญแถบมหาชัยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า


"พี่ชายผมเป็นพ่อค้าตระเวนขายของอยู่สมุทรสาคร เมื่อก่อนภาษามอญก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แย่กว่าทุกวันนี้มาก แต่เพราะว่ามีลูกค้าเป็นมอญ ภาษามอญก็ดีขึ้น เพราะพยายามพูดมอญ เพื่อจะได้เป็นจุดดึงดูดลูกค้าคนมอญ จากนั้นก็เริ่มมีลูกค้าประจำ"


ในตัวเมืองสมุทรสาครมีคนไทยเชื้อสายจีนที่เป็นเจ้าของกิจการร้านค้าอยู่มาก แม้จะพูดภาษามอญไม่ได้ แต่ก็มักเลือกลูกจ้างที่เป็นคนมอญย้ายถิ่นเพราะจะช่วยดึงลูกค้าที่เป็นคนมอญด้วยกัน นอกจากนี้โรงงานและสถานประกอบการหลายแห่งในมหาชัยใช้ภาษามอญสื่อสารกันในโรงงาน มีการจ้างครูไปสอนภาษามอญให้กับพนักงานของบริษัทที่เป็นคนไทยอีกด้วย


ย่านที่มีคนมอญย้ายถิ่นอาศัยอย่างหนาแน่น เช่น มหาชัยนิเวศน์ เกาะสมุทร ตลาดพงษ์ทิพย์-ซอยณรงค์มิตร ตลาดกุ้ง มักพบข้อความภาษามอญอยู่ทั่วไป ส่วนมากติดตามร้านเสริมสวย ร้านถ่ายรูป ร้านขายโทรศัพท์ ร้านโชห่วย รถโดยสาร ป้ายประกาศสมัครงาน คลินิก โรงพยาบาล โรงงาน ฯลฯ บางแห่งใช้ข้อความทั้งภาษามอญและพม่าควบคู่กัน


ทางจังหวัดสมุทรสาครได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามอัธยาศัย 2 แห่ง คือ ศูนย์การเรียนรู้พัฒนาภูมิปัญญามอญ วัดบางหญ้าแพรก ตั้งอยู่ภายในวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก และศูนย์การเรียนรู้ชุมชนไทยมอญพัฒนา ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเบญจทรัพย์ ถนนเอกชัย ทั้งสองแห่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างคนไทยเชื้อสายมอญและคนมอญย้ายถิ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อสอนภาษาไทยและภาษามอญแก่แรงงาน และลูกหลานของคนมอญย้ายถิ่น


เมื่อผู้เรียนมีทักษะแล้วก็จะสามารถเข้าสู่ระบบการศึกษาของไทยได้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.)


โจ่ซอน ผู้ประสานงานของศูนย์พัฒนาภูมิปัญญามอญ เล่าว่า แนวคิดในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ก็เพื่อรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมและรักษาภาษามอญไว้ เพื่อให้ชาวมอญไม่หมดไปจากโลกนี้


"เราเกิดมาเป็นคนมอญก็อยากให้เด็กมอญได้ภูมิใจในความเป็นชนชาติของเขา เราเกิดเป็นคนมอญมันก็มีความน้อยใจ ในเมื่อเขาไม่มีการศึกษาเขาก็จะไม่รู้ประวัติศาสตร์ของมอญ ไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์เป็นอย่างไร ภาษานั้นสำคัญมากจะรักษาประเทศให้อยู่ได้ ภาษาและวัฒนธรรมต้องคงอยู่ ถ้าภาษามอญหมดไปเมื่อไรก็จะกลายเป็นพม่าไปหมด ตอนนี้วัฒนธรรมต่างชาติรุกคืบเรา วัฒนธรรมดั้งเดิมของเรากำลังจะหมดไปเรื่อยๆ"


สิ้นแผ่นดิน-ไม่สิ้นชาติ


ตามความเข้าใจของคนทั่วไป เมื่อกล่าวถึงงานวันชาติมอญก็จะหมายถึงงานวันชาติที่จัดอยู่ตามเขตชายแดนไทย-พม่า ณ บ้านเจดีย์สามองค์ หรืองานวันชาติในเขตรัฐมอญ ประเทศพม่า กระทั่งเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่คนมอญย้ายถิ่นเข้ามาเป็นแรงงานในจังหวัดสมุทรสาครเป็นจำนวนมาก จึงรวมตัวจัดงานวันชาติขึ้น


งานวันชาติมอญที่สมุทรสาครนี้มีคนมอญเข้ามาร่วมงานมากที่สุดในประเทศไทย แม้ว่าการจัดงานวันชาติของคนมอญอาจดูแข็งและสื่อไปในทางการเมือง จนทำให้เกิดความวิตกว่าจะเป็นการกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ด้วยแรงงานเหล่านั้นเป็นกลุ่มชาติพันธุ์มอญ พูดภาษามอญ และมีวัฒนธรรมประเพณีมอญ จึงได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มคนไทยเชื้อสายมอญในเมืองไทยให้มีการจัดงานขึ้น


ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนสำนึกทางชาติพันธุ์ระหว่างคนมอญย้ายถิ่นและคนไทยเชื้อสายมอญ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีบรรพบุรุษร่วมกัน ดังนั้นงานวันชาติมอญที่นี่จึงมีชื่อว่า 'วันรำลึกบรรพบุรุษมอญ' ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ที่วัดศิริมงคล ต.บ้านเกาะ และวัดบางหญ้าแพรก ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร


 


งานวันรำลึกนี้ได้ลดทอนสัญลักษณ์ของอุดมการณ์ชาตินิยมและการเมือง ไม่มีการสวนสนามของทหารมอญ ไม่มีการเชิญธงชาติมอญ แต่สิ่งที่ยังคงอยู่คือการแสดงออกซึ่งวัฒนธรรมประเพณีมอญ เช่น การแสดงนาฏศิลป์ การแสดงดนตรีสากลและการแข่งขันกีฬา ตะกร้อ ฟุตบอล ออกร้านจำหน่ายสินค้า เช่น เสื้อยืดสกรีนลายสัญลักษณ์ของงานวันชาติ ชุดประจำชาติ สร้อยไข่มุก เข็มกลัดรูปหงส์ สายรัดข้อมือ หนังสือและสิ่งพิมพ์ภาษามอญ ซีดีเพลง คาราโอเกะศิลปินเพลงมอญ เป็นต้น


วันนั้นแรงงานมอญย้ายถิ่นที่มาร่วมงานจะพร้อมใจกันแต่งชุดประจำชาติ ผู้ชายนุ่งโสร่งแดง เป็นโสร่งพื้นแดงลายตารางคล้ายคันนามีแถบขาวคาดที่กลางผืน เดิมแถบสีเกิดจากการนำผ้าสองชิ้นเย็บริมต่อกัน เนื่องจากกี่ทอผ้าของมอญมีขนาดเล็กทำให้ได้ผ้าทอมีลักษณะเป็นผ้าหน้าแคบ แต่ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการทอด้วยเครื่องจักรให้ได้ขนาดความกว้างของผืนผ้าโสร่ง แต่ก็ยังคงแถบสีขาวไว้เหมือนเดิม เป็นสัญลักษณ์ทำให้โสร่งมอญแตกต่างจากโสร่งพม่า ส่วนเสื้อเป็นสีขาวพื้น อาจมีลายตารางสีแดงบนพื้นขาว คอกลมแขนยาวผ่าหน้าผูกเชือก


ผู้หญิงต้องนุ่งผ้าถุงแดง ลายดอกบนพื้นแดงมีเชิง สวมเสื้อสีขาวหรือสีชมพูอ่อนแขนยาว คอกลมผ่าหน้าผูกเชือก ชายเสื้อค่อนข้างยาวปิดสะโพกเพื่อให้แตกต่างจากเสื้อผู้หญิงพม่าที่มีลักษณะชายเสื้อสั้นแบบเอวลอย นอกจากนี้ยังมีเสื้อลายมอญมีข้อความเขียนด้วยภาษามอญ และลวดลายเป็นเรื่องราวเกี่ยวตำนาน ประวัติศาสตร์ และสัญลักษณ์รูปหงส์


ชุดประจำชาติยังสามารถใช้ในโอกาสอื่นๆ เช่น เทศกาลงานบุญ วันสำคัญทางศาสนา งานแต่งงาน สวมใส่ไปทำงาน และแม้แต่อยู่ในที่พัก


อองซอนโม่น วัย 25 ปี คนมอญจากหมู่บ้านกวักเต่ เมืองมุเดิง จ.มะละแหม่ง พม่า เช่าห้องอยู่แถบมหาชัยนิเวศน์ เข้ามาเป็นแรงงานในสมุทรสาครประมาณ 9 ปี เล่าถึงชุดประจำชาติมอญและเสื้อลายมอญให้ฟังว่า


"รู้จักมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว โสร่งแดง เสื้อขาว ชุดประจำชาติเราก็รู้ สีแดงหมายถึงสีเลือด แสดงว่ารักชาติ ส่วนสีขาวหมายถึงศาสนาและจิตใจที่ใสสะอาด ที่พม่าไม่มีเสื้อสกรีนลายหรอก เป็นเสื้อขาวเฉยๆ ตราแบบนี้ก็ไม่มี ทำไม่ได้ เขาไม่ให้ทำ แต่ในประเทศไทยทำได้"


ส่วน มิอู วัยเดียวกัน คนมอญหมู่บ้านฮะปลาง จ.มะละแหม่ง ทำงานที่สมุทรสาครนาน 12 ปี เผยใจว่า


"ถ้ามอญแต่งชุดมอญแสดงว่ารักชาติ ถ้าไม่แต่งชุดแบบนี้ เขาก็ดูไม่ออก อันไหนมอญอันไหนพม่า"


บรรยากาศงานวันชาติมอญครึกครื้นและสนุกสนานมาก เป็นช่วงเวลาที่คนมอญย้ายถิ่นจะได้พบปะสังสรรค์กัน ผู้มาร่วมงานส่วนหนึ่งจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มมีลักษณะเป็น 'กลุ่มทำบุญทำทาน' เป็นการรวมตัวของคนหนุ่มสาวเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในงานบุญประเพณี อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานแล้วตั้งแต่อยู่ในพม่า


การร่วมงานวันชาติของคนมอญแสดงออกถึงความรักชาติ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการจับอาวุธขึ้นต่อสู้ แม้ว่าอุดมการณ์รักชาติของคนมอญรุ่นใหม่จะถูกผลิตขึ้นจากอิทธิพลปัญหาทางการเมืองระหว่างรัฐบาลพม่าและชนกลุ่มน้อยเมื่อ 60 ปีก่อน ที่เริ่มต้นด้วยการจับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อกู้ชาติมอญ กระทั่งมีการเจรจาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่า การเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองของมอญก็ยังคงมีอยู่เรื่อยมา


อุดมการณ์รักชาติได้ถูกอธิบายใหม่ว่าเป็นการรักษาไว้ซึ่งภาษาและวัฒนธรรมมอญ หากสิ่งเหล่านี้ยังคงอยู่ ชาติมอญก็จะคงอยู่ด้วย


และคนมอญย้ายถิ่นในประเทศไทย ก็ได้หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของ 'ความเป็นไทย' ในปัจจุบันนี้


 (กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 25/09/2550)


 


5.2              ชาวเชียงรายนับพันตักบาตรในเวลาเที่ยงคืน 


 


เมื่อเวลา 00.01 น.วันที่ 26 กันยายน ประชาชนชาวจังหวัดเชียงราย กว่า 1,000 คน ได้นำข้าวสาร อาหารแห้งมาทำบุญตักบาตรเที่ยงคืนกับพระภิกษุสงฆ์จากวัดต่างๆ ที่เดินทางออกมาบิณฑบาตร เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงและเป็นวันพระ ที่ชาวล้านนาถือว่าวันดังกล่าวจะเป็นวัน "เป็งปุด" วันสำคัญที่ชาวล้านนาจะออกมาทำบุญครั้งใหญ่ ด้วยการนำข้าวสาร อาหารแห้ง มาตักบาตรให้กับพระภิกษุสงฆ์ จากวัดต่างๆที่ออกมาบิณฑบาตร


พระราชสิทธินายก เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน หรือเป็งปุด เป็นประเพณีความเชื่อของประชาชนชาวพม่ามาตั้งแต่อดีต แต่เนื่องจากทางภาคเหนือตอนบน หรือชาวอาณาจักรล้านนา ที่มีอิทธิพลกับประเทศพม่านั้น ได้รับประเพณีดังกล่าวมา จึงได้สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ซึ่งถือว่าเป็นประเพณีเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนาอย่างหนึ่งของชาวเชียงราย ถือว่าในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำ วันเพ็ญที่ตรงกับวันพุธในรอบปี โดยไม่จำเพาะเจาะจงต้องอยู่ในเดือนใดบางปีอาจมีแค่ครั้งเดียว สองครั้ง หรือบางปีก็ไม่มีเลยก็ได้ เป็นวันที่จะทำบุญตักบาตรเพื่อบูชาพระอุปคุต


ทั้งนี้จากเรื่องเล่าที่เล่าสืบทอดต่อกันมาเชื่อกันว่าวันนี้ พระอุปคุตต์ที่มีอิทธิฤทธิ์จะขึ้นมาจากทะเลโดยแปลงกาย มาเป็นสามเณรน้อยออกมาโปรดสัตว์ ถ้าผู้ใดได้ใส่บาตรกับพระอุปคุตต์แล้ว บุคคลนั้นจะเกิดร่ำรวยเป็นเศรษฐี บังเกิดแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลในชีวิตได้อานิสงส์แรง ซึ่งชาวบ้านจะจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร หรือข้าวสารอาหารแห้งไว้รอใส่บาตรเวลากลางคืน พอใกล้จะถึงเที่ยงคืนก็จะพากันออกมายืนเรียงรายตามท้องถนนในหมู่บ้าน หรือในเมือง พอหลังเที่ยงคืนผ่านไป (ย่างเข้าวันพุธ) พระจากหลายวัดในตัวเมืองและวัดตามท้องถิ่นก็จะออกมาบิณฑบาตกัน ปัจจุบันเป็นการรู้กันเองโดยอัตโนมัติ


อย่างไรก็ตามวัฒนธรรมประเพณีดังกล่าว ที่มีการตักบาตรเที่ยงคืนก็เป็นของประเทศพม่า ไม่ใช่ของประเทศไทย ถ้าของประเทศไทย พระภิกษุสงฆ์จะออกบิณฑบาตประมาณตีห้า โดยก่อนหน้านี้ทางมติคณะสงฆ์ จังหวัดเชียงราย ก็ได้มีการสั่งห้ามแล้ว แต่เนื่องจากประเพณีดังกล่าว เป็นประเพณีความเชื่อที่สืบทอดกันมานาน การห้ามความเชื่อแรงศัทธา ถือได้ว่าเป็นเรื่องยาก ดังนั้น หากไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่


 (สำนักข่าวเนชั่น วันที่ 26/09/2550)


 


5.3              คณะรัฐมนตรี ผ่านพ.ร.บ.สัญชาติ และ ร่าง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร "สนช."เดินหน้าแก้ปัญหาเด็กไร้สิทธิทั้งระบบ


 


เมื่อวันที่ 25 ก.ย. การแก้ไขปัญหา "เด็กไร้สัญชาติ" หลายฝ่ายยังคงต้องรอร่างพ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่....) พ.ศ ..... ที่เสนอโดย กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อส่งให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในช่วงสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดีหากทางกฤษฎีกาส่งเรื่องกลับมาไม่ทันจริง ทางสนช.จะดำเนินการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. สัญชาติที่เสนอโดยกรมการปกครอง และร่าง พ.ร.บ. สัญชาติที่ยกร่างโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาฯ ของสนช. ซึ่งรวมถึงร่างพ.ร.บ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ.... ที่เสนอโดยกรมการปกครอง ล่าสุดผ่านความเห็นชอบในหลักการจาก ครม. ในวันที่ 25 ก.ย.ควบคู่กัน


ด้านนางเตือนใจ ดีเทศน์ ประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะและสิทธิบุคคลในประเทศไทย สนช. ยืนยันหลัง ครม.ผ่านร่าง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร ว่า เพื่อการแก้ปัญหาบุคคลไร้สัญชาติอย่างเป็นระบบ เรื่องการทะเบียนราษฎรทั่วประเทศต้องก้าวหน้าขึ้นด้วย เพื่อที่จะสามารถกำหนดสถานะบุคคลตาม พ.ร.บ. สัญชาติ ได้ดังนั้น การประชุมของ สนช.ในสัปดาห์หน้า หรืออาจจะเป็นสัปดาห์ต่อไป สนช. จะนำร่าง พ.ร.บ. ทั้งของกรมการปกครองและของทางสนช. รวมทั้ง พ.ร.บ. การทะเบียนราษฎรที่ ครม. เห็นชอบแล้ว พิจารณาพร้อมกันทีเดียว


ส่วนนายวีนัส มีสุข อนุกรรมาธิการพิจารณาข้อมูล ข้อเท็จจริงของปัญหาการไร้สถานะทางกฎหมาย และสิทธิของบุคคล สนช. ในฐานะผู้แทนกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยในเวทีรับฟังข้อเสนอแนะของภาคประชาชน และภาควิชาการในการจัดการปัญหาไร้สถานะ และสิทธิบุคคลประเทศไทย: กรณีคนไร้รากเหง้า ซึ่งจัดโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะและสิทธิบุคคลในประเทศไทย สนช.ว่า ทางกรมการปกครองได้ขอความร่วมมือจากกระ ทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงยุติธรรม สำรวจตัวเลขและรายชื่อของ "เด็กไร้รากเหง้า" ซึ่งรวบรวมแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 5,764 คน จากนั้นทางกรมการปกครองจะส่งแบบ 89 ไปให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลอีกครั้งหนึ่ง


เมื่อแบบ 89 ส่งกลับมาทางกรมการปกครองจะทำทะเบียนประวัติเอาไว้ โดยเริ่มต้นทางการจะกำหนดเลขประจำตัว 13 หลัก โดยมีเลข 0 นำหน้าให้ จากนั้นจะนัดเจ้าตัวมาถ่ายรูปเพื่อทำบัตรประจำตัวผู้ไร้สถานะทางกฎหมาย เป็นบัตรแถบแม่เหล็กสีขาว ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญในการพิสูจน์สถานะต่อไป ส่วนภาพรวมที่หลายคนอาจมองว่าล่าช้า สาเหตุคือในการสำรวจคนไร้สถานะของรัฐทุกครั้งจะมีคนกลุ่มอื่นเข้ามาร่วมสำรวจด้วย อาทิ ชนกลุ่มน้อย และเพื่อป้องกันการสวมรอยในขั้นตอนการทำบัตร ทางการจะต้องสแกนลายนิ้วมือ หากพิสูจน์ได้ว่าไม่ซ้ำคนกัน ทั้งนี้หากมีระบบจะปฏิเสธทันที ส่วนเหตุผลที่ยังดำเนินการไม่ได้ เพราะขาดงบประมาณ


กรณีที่ร่าง พ.ร.บ. สัญชาติ ไม่ได้กล่าวครอบคลุมถึงเรื่องเด็กไร้รากเหง้านั้น สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยร่างพ.ร.บ. ทะเบียนราษฎร พ.ศ. .... ที่ยกร่างโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะและสิทธิบุคคลในประเทศไทย สนช. ซึ่งผ่านการอนุมัติในหลักการจากที่ประชุม สนช. ไปเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา และที่ประชุม ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่มีความเห็นคัดค้าน ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวทางกรมการปกครองได้นำมาแก้ไขเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย และขณะนี้ผ่านการพิจารณาครม.ไปแล้ว 


สำหรับ ร่าง พ.ร.บ. ทะเบียนราษฎร (ฉบับที่...) พ.ศ.... ที่ผ่านหลักการในที่ประชุม ครม.นั้น นายณัฐฐวัฒน์
ศิริโยธิน ผช.โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงว่า ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎรตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนก่อนเสนอให้ สนช. พิจารณาต่อไป โดย มีสาระสำคัญ อาทิ เพิ่มเติมการแจ้งการเกิด การแจ้งการตาย และการแจ้งการย้ายที่อยู่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยให้ รมว.มหาดไทยมีอำนาจ ออกกฎกระทรวงปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแจ้งการเกิด การแจ้งการตาย และการแจ้งการย้ายที่อยู่ตามที่กฎหมายเดิมกำหนดไว้ เพื่อสามารถอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมการแจ้งการเกิดกรณีเด็กในสภาพแรกเกิดหรือเด็กไร้เดียงสาที่ถูกทอดทิ้ง และเพิ่มเติมเรื่องบันทึกการรับตัว ให้มีรายละเอียดทางกายภาพ และประวัติของเด็กเพื่อสามารถนำไปสู่การสืบเสาะแสวงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเด็ก, เพิ่มเติมเรื่องการกำหนด ให้นายทะเบียนรับแจ้งการเกิดและออกสูติบัตรให้แก่เด็กทุกคนที่เกิดในราชอาณาจักรไทย   และกำหนดแบบสูติบัตรเป็นการเฉพาะรายสำหรับเด็กที่เกิดในราชอาณาจักรไทย แต่ไม่ได้ให้สัญชาติไทย


ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันวิจัยสุขภาพภาคเหนือ ได้จัดการสัมมนาระบบสุขภาพของแรงงานข้ามชาติ และแรงงานชาติพันธุ์ โดยมีนักวิชาการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมสัมมนาด้วย ขณะที่การสัมมนาช่วงหนึ่ง ทาง รศ.เพทาย พงษ์เพียจันทร์ ประธานคณะทำงานเครือข่ายการวิจัยภาคเหนือตอนบน ได้กล่าวถึงเด็กต่างด้าวหรือไร้สัญชาติที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาลัยแม่ฮ่องสอน มีจำนวนกว่า 100 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่หรือชาวพม่า เมื่อจบมามีวุฒิได้รับปริญญา ทางมหาวิทยาลัยเองก็ได้ให้ทุนการศึกษาต่าง ๆ ด้วย


ด้านนายพร้อมพล สัมพันธโนอนุตโร นายกสมาคมปกากะญอ เพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า สถานการณ์เรื่องปัญหาเด็กไร้สัญชาติของชาวกะเหรี่ยง หรือชาวปกากะญอนั้น มีอยู่จำนวนมาก ทั้งประเทศมี 3 แสนกว่าคน ที่ยังไม่มีสัญชาติ ที่ จ.เชียงใหม่ มีจำนวนมากกว่า 1 หมื่นคน ส่วนมากอาศัยอยู่ในภูเขาพื้นที่สูงห่างไกลความเจริญ และมติ ครม. จะให้เข้าไปศึกษาได้เท่าเทียมคนทั่วไป ได้รับวุฒิการศึกษา แต่ไม่มีสิทธิที่จะไปสมัครงานเพราะไม่มีสัญชาติ ส่วนคนที่ไม่มีฐานะไม่มีสัญชาติก็จะหันไปบวชเป็นพระในพุทธศาสนา เพื่อร่ำเรียนหนังสือ นี่คือปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไข


 (เดลินิวส์ วันที่ 26/09/2550)


 


 

            Newsline เป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการวิจัยไทย (Thai Research) มูลนิธิส่งเสริมสันติวิถี (Peaceway Foundation) เป็นการรวบรวมข่าวภาษาไทยที่น่าสนใจเกี่ยวกับประเทศพม่า และผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย เพื่อให้ผู้คนในสังคมไทยได้รับรู้ ตระหนักถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับประชาชนในพม่า และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและรณรงค์ให้เกิดสันติภาพที่แท้จริงในประเทศพม่าต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการวิจัยไทย และโครงการอื่นๆติดตามได้ที่ www.burmaissues.org/En/Index.html หรือ http://www.oknation.net/blog/burmaissues


 


 



 

 


 


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net