Skip to main content
sharethis







การเมือง



วิกฤติปรับ ครม.ส่อบานปลาย จับตา 4 รมต.ซุกหุ้น รุ่น 2 ไขก๊อก


ผู้จัดการรายวัน - หลังจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ (30 ก.ย.) นายกรัฐมนตรี ได้ใช้เวลาพักผ่อนอยู่กับบ้านพักย่านลาดกระบังทั้งวัน โดยในช่วงเช้าได้ออกกำลังกายด้วยการออกรอบตีกอล์ฟ ร่วมกับเพื่อนสนิทที่เป็นนายทหารหลายคน โดยมี พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ ร่วมก๊วนกอล์ฟ และรัปทานอาหารกลางวันด้วยกัน


 


ทั้งนี้มีกระแสข่าวว่า พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) จะเดินทางเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่บ้านพัก แต่คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ทั้ง พล.อ.สนธิ และคนใกล้ชิดไม่ได้มีการติดต่อ หรือแจ้งมาแต่อย่างใดว่าจะเข้าพบ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้นัดหมายเอาไว้


 


อย่างไรก็ตาม เวลา 9.00 น.วันนี้ (1 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี ได้นัดหมายรัฐมนตรีบางท่านเข้าหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้นัดหมาย พล.อ.สนธิ และนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าหารือในครั้งนี้ด้วย ซึ่งการหารือดังกล่าวจะเป็นการหาข้อสรุปว่าจะปรับครม.กี่ตำแหน่ง และจะดูท่าทีของการขอเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ขอเปิดอภิปรายตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล โดยพุ่งเป้าไปที่ประเด็นจริยธรรมของผู้บริหาร ซึ่งต้องรอดูว่า นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมเร่งด่วน หรือไม่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของประธาน สนช. ทั้งนี้เกรงกันว่า หากมีการเปิดอภิปรายทั่วไป อาจส่งผลกระทบถึงกำหนดการเลือกตั้งที่รัฐบาล และคณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดไว้ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ ให้เลื่อนออกไปอีก


 


เอแบคโพลล์ชี้ประชาชนหนุนซักฟอกจริยธรรมรัฐมนตรี


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - ศูนย์วิจัยเอแบค นวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรต่อการขอเปิดอภิปรายรัฐบาล" โดยศึกษาตัวอย่างประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,504 ตัวอย่าง ระหว่าง 29 - 30 กันยายน 2550 พบว่าประชาชนกว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวการเมืองเป็นประจำทุกสัปดาห์ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.6 เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ร้อยละ 70.7 รู้สึกเบื่อหน่ายเรื่องการเมือง ร้อยละ 47.8 เครียดเรื่องการเมือง ร้อยละ 41.0 วิตกกังวลต่อสถานการณ์การเมือง ร้อยละ 18.4 ขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานเรื่องการเมือง และร้อยละ 9.2 ขัดแย้งกับคนในครอบครัวเรื่องการเมือง ขณะที่ประชาชนเกินกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 29.6 สนับสนุนรัฐบาล มีเพียงร้อยละ 6.8 ไม่สนับสนุนรัฐบาล และที่เหลือร้อยละ 63.6 ระบุเป็นกลุ่มไม่สนับสนุนฝ่ายใด (พลังเงียบ)


 


นปช.ค้านกฎหมายสร้างรัฐทหาร เตรียมยื่นเรื่องถอด "ประพันธ์-คำนูณ" เอาคืนให้ "จรัล"


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ - กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มฯ แถลงว่า ขณะนี้คณะรัฐประหาร คมช.ได้ดำเนินการอย่างรีบเร่งในการผลักดันกฎหมาย 6 ฉบับ ที่เป็นกฎหมายสร้างรัฐทหาร ได้แก่ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, พ.ร.บ.ข่าวกรองแห่งชาติ, พ.ร.บ.สลายการชุมนุมทางการเมืองของประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น และ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกที่กำลังประกาศใช้อยู่ ทางกลุ่มขอเรียกร้องให้ยกเลิกการผลักดันกฎหมายดังกล่าวโดยเฉพาะกฎอัยการศึก


 


นพ.เหวง กล่าวว่า นปช.ขอเรียกร้องให้ยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ ยกเว้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะหากยังมีกฎหมายเหล่านี้อยู่การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค. ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเป็นแค่เปลือก แต่รัฐทหารจะกลายเป็นแก่นของประเทศไทย นอกจากนั้นยังขอคัดค้านกฎหมายที่ทำลายความมั่นคงของศาสนา คือ พ.ร.บ.สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ เพราะจะนำไปสู่ความแตกแยกทางศาสนา


 


วิเคราะห์หลังเลือกตั้งป่วนแน่ ปมฟ้องยุบพรรค-หาตัวนายกฯ


ผู้จัดการรายวัน - "ยุวรัตน์ กมลเวชช" ชี้เลือกตั้งวุ่นแน่ ว่าที่นายกฯ ประเทศไทยมืดมน วอนทุกฝ่ายเสียสละ หากเกิดวิกฤตซ้ำยากเยียวยา ระบุหลังเลือกตั้งสองขั้วใหญ่ได้ไม่เกิน 100 เสียง เพิ่มอำนาจต่อรองให้ขั้วที่สาม ด้าน "สดศรี สัตยธรรม" โวยสนช.วางยาเบื่อให้กกต.ตายหมู่ โยนภารกิจให้เกินกำลัง ติดใจให้เวลาแค่ 7 วัน ประกาศผลเลือกตั้ง มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ หาก 480 ว่าที่ ส.ส.ถูกฟ้องหมดแล้วเมื่อไรจะตั้งรัฐบาลได้ ขณะที่ "ปริญญา เทวานฤมิตรกุล" ฟันธง "หมัก" นำพลังประชาชนเป็นฝ่ายค้านแน่นอน


 


"อภิสิทธิ์" ข่าว ส.ส.ขายตัว ทำประชาชนเบื่อหน่ายการเมือง


สำนักข่าวเนชั่น - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีปราศรัยที่ จ.ชุมพร ว่า วันนี้ (30 ก.ย.2550) หากดูข่าวการเมืองตามหน้าหนังสือพิมพ์ จะเห็นข่าวนักการเมืองย้ายพรรค และมีเรื่องตัวเลข 10-30 ล้านบาท เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องของนักการเมืองที่ได้เงินจากพรรคการเมือง และหนีไม่พ้นที่จะนำเงินเหล่านั้นไปใช่จ่ายกับการเมือง ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเบื่อหน่าย เพราะคิดว่าเป็นมีแต่เรื่องผลกระโยชน์ การซื้อเสียง ขายสิทธิ์ มาถึงการซื้อตัว ส.ส แต่การระดมทุนใน จ.ชุมพร ก็เหมือนกับกรุงเทพฯ เชียงใหม่ สุราษฏร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งประชาชนเอาเงินมาสนับสนุนพรรคการเมือง และต้องการเห็นการเมืองที่สะอาด โปร่งใส


 


ตนเองอยากให้ประชาชนในประเทศได้รับรู้ว่า การเมืองแบบนี้จะทำให้ประเทศชาติเดินหน้า เพราะทุกคนได้แสดงความเป็นหุ้นส่วน เป็นเจ้าของพรรค พวกเราจะไม่ถูกครอบงำหรือรับคำสั่งของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พวกเราเป็นหนี้บุญคุณประชาชนทุกคน ทั้งในเรื่อง เงิน คะแนนเสียง ที่ทำให้เราเข้าไปมีบทบาทในการทำงาน ผมยืนยันว่าการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชนเป็นการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤต ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าการที่ประเทศวิกฤตมีต้นตอมาจากการเมืองในอดีตที่มีแต่การคอรัปชั่น ทุจริต


 


รมว.ศธ.ยืนยันไม่ลาออกจะรอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบก่อน


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ตรวจสอบการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยสยาม อาจผิดมาตรา 100 (4) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542ว่า เรื่องดังกล่าวไม่จำเป็นต้องคุยกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้วว่าไม่มีอะไรที่ขัดกฎหมาย และตัดสินใจลาออกจากกรรมการสภามหาวิทยาลัยเอกชนทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน เพื่อลดภาระงานและเอาเวลาทำงานนโยบายและกฎหมายด้านการศึกษาช่วงเวลาที่เหลือ 3-4 เดือนของรัฐบาล


 


นอกจากมั่นใจว่าการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเอกชนไม่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช.แล้ว ล่าสุดพบว่ารัฐธรรมนูญ มาตรา 260 บัญญัติไว้ว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี จะเป็นกรรมการหรือเจ้าหน้าที่อยู่ในหน่วยงานต่างๆ ไม่ได้ ยกเว้นตำแหน่งหรือการดำเนินการตามที่มีบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในสภามหาวิทยาลัย เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น ตนจึงรอการตรวจสอบของ ป.ป.ช.และพร้อมให้ความร่วมมือชี้แจง ให้เป็นบรรทัดฐานต่อไป โดยที่ไม่ลาออกก่อนแน่นอน


 


ดร.วิจิตร กล่าวด้วยว่า ได้ตรวจสอบก่อนเข้ารับตำแหน่งว่าไม่ผิดจากหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง แต่ถ้าอีกฝ่ายเห็นว่าผิด ถ้าการตรวจสอบเห็นต่างกันก็ต้องเชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือถ้าไม่เชื่อก็ต้องให้ใครตัดสิน แต่เขาเชื่อว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ดูแลกฎหมายของเขา เขาต้องทำอย่างรอบคอบ แต่เรื่องนี้เขาแก้ปัญหาเองได้ ไม่เอาภาระไปให้นายกรัฐมนตรี ที่มีเรื่องต้องทำให้บ้านเมืองอีกมาก และจะไม่ชิงหนีลาออกก่อนที่ยังไม่มีความชัดเจนเพื่อหนีปัญหา ไม่น้อยใจหรือรำคาญแล้วลาออกอย่างแน่นอน เพราะการเข้ามาไม่ใช่อยากจะมาแต่ถูกขอให้มาช่วยชาติก็เข้ามาด้วยความสง่างามและบริสุทธิ์ใจ แล้วจะกลัวทำไม หาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าผิดผมรับผิดชอบทั้งทางการเมืองด้วยการลาออก และในเชิงจริยธรรม หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย


 


 


 







ความมั่นคง



รมว.กลาโหม ยัน "พล.อ.สนธิ" รับนั่งรองนายกฯ ด้านความมั่นคงแล้ว


อินโฟเควสท์ - พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการออกรอบตีกอล์ฟกับนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตกลงใจมารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงแน่นอนแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ขัดข้องในเรื่องนี้ และคาดว่าจะต้องรอการโปรดเกล้าฯ ในอีกไม่เกิน 2 วัน


 


รมว.กลาโหม กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีจะหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 คน วันพรุ่งนี้เช้า ถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่าจะหาบุคคลใดมาทำหน้าที่แทน 3 รัฐมนตรีที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องการจะได้คนในเข้ามาทำหน้าที่มากกว่าที่จะสรรหารัฐมนตรีจากคนนอก เนื่องจากขณะนี้เวลาการทำงานของรัฐบาลเหลือไม่มากแล้ว


 


ฝ่ายความมั่นคงเตือนโจรใต้มีแผนป่วนหนักช่วงเดือน ต.ค.นี้


ผู้จัดการออนไลน์ - พ.ต.ท.จุมพล เปรมศิริ รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร อ.เบตง จ.ยะลา กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับการแจ้งเตือนจากหน่วยเหนือ รวมทั้งหน่วยข่าวความมั่นคง ทั้งตำรวจและทหาร เกี่ยวกับแผนการก่อเหตุในช่วงเดือนตุลาคมนี้ เนื่องจากเป็นวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธของขบวนการบีอาร์เอ็น และเป็นวันสถาปนาธรรมนูญของกลุ่มพูโลใหม่ และจะมีการรวมตัวของแต่ละกลุ่ม หารือในการก่อเหตุครั้งใหญ่พร้อมกันหลายจุด รวมถึงพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมที่หลบหนีจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่


 


ขณะนี้กลุ่มก่อความไม่สงบบางส่วนได้พยายามแฝงตัวเข้ากับชาวบ้านในการลอบก่อเหตุรุนแรง โดยหน่วยข่าวความมั่นคงแจ้งเตือนว่า กลุ่มก่อความไม่สงบได้กำหนดเป้าหมายในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลาบางส่วน ในเดือนตุลาคมนี้ โดยมีการกำหนดในบริเวณเขตเทศบาลต่างๆ ในพื้นที่ชั้นใน และสถานที่ราชการ ย่านสถานประกอบการ ร้านอาหารและสถานบันเทิง ตลอดจนชุมชนแออัด


 


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพื้นที่ อ.เบตง ได้มีการสั่งการปรับแผนรักษาความปลอดภัย โดยเน้นการสกัดการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามทุกวิถีทาง ตลอดจนการนำกำลังปูพรมปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะบริเวณห้องเช่าและหอพัก ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการกบดานเพื่อเตรียมก่อเหตุของกลุ่มแนวร่วม


 


สั่งตั้งด่านตรวจทั่ว กทม.เฝ้าระวังบึ้มซ้ำ-ตรวจกล้องวงจรปิดล่าไอ้โม่งมือวางระเบิด


ผู้จัดการออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ หัวมุมกำแพงกองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ติดกับโรงเรียนแผนที่ทหาร ถนนราชดำเนินนอก แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร ว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น.พล.ท.ประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. พล.ต.ดาพงษ์ รัตนสุบรรณ ผบ พล.ร.1 พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ ผบก.น.1 นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกหลายนาย ได้รุดมาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ที่เกิดเหตุดังกล่าว


 


โดย พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้มีการตั้งด่านพิเศษในสถานที่สำคัญๆ ทั่วพื้นที่กทม.เพื่อเฝ้าระวังเหตุร้ายที่เกิดขึ้นตลอดทั้งคืน อย่างไรก็ตามยังไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด แต่การที่มีการนำระเบิดมาวางไว้ที่บริเวณกองบัญชาการทหารบก ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอยู่แล้ว


 


ต่อข้อถามว่า การระเบิดที่เกิดขึ้นจะมีการโยงกับการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของ พล.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกในวันนี้ (1 ต.ค.) หรือไม่ พล.ต.ท.อดิศรตอบว่า ไม่สามารถตอบได้ คงต้องเก็บรวบรวมข้อมูลและหลักฐานก่อนว่าจะเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ อย่างไร แต่ในเบื้องต้นน่าจะเป็นการก่อกวนมากกว่าตั้งใจทำร้าย เพราะไม่มีสะเก็ดระเบิดมีแต่ดินระเบิดเท่านั้น


 


ด้าน พล.ท.ประยุทธ จันทร์โอชา แม่ทัพ ภาคที่ 1 กล่าวว่า น่าจะเป็นผู้ไม่หวังดีที่ต้องการก่อความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากรับทราบเหตุ พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนทันที เมื่อถามว่าได้รับทราบเบาะแสของข่าวว่าจะมีการลอบวางระเบิดหรือไม่ พล.ท.ประยุทธ กล่าวว่าไม่มีและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น คงต้องประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งว่ามีวัตถุประสงค์อะไร และคงต้องขอติดตามจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ทั้งนี้ได้เปิดการจราจรตามปกติแล้ว ขอร้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


 


ทหารสลายม็อบชาวพม่ากว่า 100 คนในแม่สอด


สำนักข่าวเนชั่น - เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ก.ย.2550 ชาวพม่าในเขตเทศบาลเมืองแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก ประมาณ 100 คน ได้รวมตัวถือป้ายประท้วงรัฐบาลพม่าบริเวณถนนสายแม่สอด-แม่ตาว ขณะที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 อ.แม่สอด เข้าสลายม็อบไม่ยอมให้ชุมนุม และยึดแผ่นป้ายที่เขียนโจมตีรัฐบาลพม่า จากนั้นได้ควบคุมตัวขึ้นรถยนต์ที่เตรียมไว้ แต่คุมตัวไม่นาน เจ้าหน้าที่ทหารก็ปล่อยตัว โดย พ.ท.สุรพัฒน์ นำลอง เสนาธิการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 ได้เจรจากับผู้ชุมนุม จนสลายตัวไปในที่สุด


 


รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขอร้องเจ้าหน้าที่ไทย และแจ้งวัตถุประสงค์ในการชุมนุมว่า ไม่ได้ทำให้ประเทศเดือดร้อน เพียงต้องการประท้วงรัฐบาลพม่าที่ทำร้ายพระสงฆ์และประชาชน นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลพม่าปล่อยผู้ถูกจับกุมทั้งหมด รวมทั้งนางอ่องซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยด้วย


 


อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้ทราบข่าวว่าจะมีชาวพม่าไปชุมนุมกัน จึงนำกำลังไปสกัดกั้น จนในที่สุดช่วงที่ชาวพม่าหาช่องทางรวมตัวกันประท้วง เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าสลายการชุมนุม และได้จับกุมชาวพม่า พร้อมป้ายกระดาษที่เตรียมไว้ไป 5 คน


 


เครือข่ายชาวพุทธ 40 องค์กร แถลงจี้รัฐบาลพม่ายุติความรุนแรง


เดลินิวส์ - เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 ก.ย. ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และองค์กรเครือข่าย 40 องค์กร นำโดยพระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์ฯ ออกแถลงการณ์ประฌามการเข่นฆ่าพระสงฆ์และประชาชนของรัฐบาลทหารพม่า พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าหยุดการกระทำที่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างโหดเหี้ยม ไร้เมตตาธรรมโดยเร็ว


 



ด้าน พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล รองประธานศูนย์ฯ และประธานองค์กรชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันที่ 1 ต.ค. เวลา 14.00 น.จะไปยื่นหนังสือที่สถานเอกอัครราชทูตสหภาพพม่าประจำประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ายุติการใช้กำลังทหารและอาวุธ เข่นฆ่าพระสงฆ์และประชาชนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขอให้รัฐบาลพม่าเปิดให้มีการเจรจาอย่างสันติ ภายใต้ประเทศเป็นกลาง เช่น จีน อินเดีย หรือประเทศในสหภาพยุโรป หรืออียู หรือสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน เครือข่ายฯ จะจัดกิจกรรมเดินพระพุทธมนต์ นำพระสงฆ์และฆราวาสเดิน ณ สนามหลวง เพื่อส่งกำลังใจให้พม่าทั้งพระและฆราวาสภายในสัปดาห์นี้


 



 







แรงงาน&คุณภาพชีวิต



สนช.ดันกม.หญิงสมรส-คนแปลงเพศเลือกใช้ 'นาง-นางสาว-นาย' ตามสมัครใจ


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นางจุรี วิจิตรวาทการ ประธานอนุกรรมาธิการสตรี ในคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ยกร่าง พ.ร.บ.คำนำหน้านามบุคคลเสร็จแล้ว สาระสำคัญ ได้แก่ หญิงที่จดทะเบียนแล้ว จะใช้คำนำหน้าว่า "นาง" หรือ "นางสาว" ได้ตามความสมัครใจ อีกทั้ง หญิงที่จดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็น "นาง" และต่อมาจดทะเบียนหย่า จะใช้คำนำหน้านามว่า "นาง" หรือ "นางสาว" ได้ตามความสมัครใจ


 


นอกจากนี้ ยังให้สิทธิกับชายและหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ใช้คำนำหน้าว่า "นางสาว" และ "นาย" ได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับเพศสภาพใหม่ และลดปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุว่า ชายที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นเพศหญิงแล้ว ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะใช้คำนำหน้านามว่านางสาวได้ และหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นเพศชายโดยผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะใช้คำนำหน้านามว่า "นาย" ได้


 


ขณะนี้กำลังขอรายชื่อสมาชิก สนช.รับรองไม่น้อยกว่า 25 ชื่อ เสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุม สนช.หากที่ประชุมรับหลักการ และรัฐบาลเห็นสอดคล้อง ตั้งกรรมาธิการร่วม ถ้ารัฐบาลไม่รับหลักการ สนช.สามารถเสนอเองได้


 


มนุษย์เงินเดือนวุ่น เครือข่าย สปส.ล่ม โวย รมว.แรงงานเกียร์ว่าง เตรียมยกทัพประท้วงหน้าทำเนียบ


ผู้จัดการออนไลน์ - ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2550 ระบบออนไลน์ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) และเครือข่ายที่ต่อเชื่อมข้อมูลของผู้ประกันตนกับหน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงแรงงานและหน่วยงานอื่น จะไม่สามารถดำเนินการเชื่อมต่อกันได้ ส่งผลให้สำนักงานประกันสังคมไม่สามารถให้บริการผู้ประกันตนทั่วประเทศได้ ทำให้ผู้ประกันตนจำนวนหลายล้านคนทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากจะไม่สามารถใช้สิทธิ์เบิกเงินชดเชยในระบบประกันสังคมได้ทันที อาทิ การเบิกเงินกรณีการชดเชยการว่างงาน ผู้ประกันตนที่ต้องการเบิกเงินชดเชย จะต้องเดินทางไปติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน


 


"เมื่อระบบถูกตัดขาด กรณีการขอชดเชยการว่างงาน ผู้ประกันจะต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่กรมจัดหางาน และไปตรวจสอบที่สำนักงานประกันสังคมว่า ตนเองจ่ายเงินสบทบประกันสังคมครบตามเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือเงินกรณีว่างงานหรือไม่ จากนั้นก็ต้องไปแจ้งความประสงค์ขอพัฒนาฝีมือแรงงานที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และไปเรียกร้องสวัสดิการแรงงานที่กรมสวัสดิการ จากเดิมที่สามารถติดต่อเพียงจุดเดียวก็สามารถดำเนินการได้ ทำให้ต้องเสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น" แหล่งข่าวในกระทรวงแรงงานกล่าว


 


นอกจากนี้ การไม่มีระบบออนไลน์ดังกล่าว ยังส่งผลให้หน่วยงานต่างๆ ในกระทรวงแรงงานในส่วนที่ต้องพึ่งพาข้อมูลจากสำนักงานประกันสังคม ไม่สามารถให้บริการประชาชนรวมถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านี้ ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลภายในหน่วยงานเพื่อปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานได้ ทำให้การทำงานมีความล่าช้า ทั้งนี้ สาเหตุที่ระบบเชื่อมโยงเครือข่ายของสำนักงานประกันสังคม เป็นอัมพาตเกิดจากการที่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงแรงงาน และเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เพิกเฉยต่อการต่อสัญญากับผู้ให้บริการ


 


"มีการอ้างการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ระบบเครือข่ายเพื่อกรณีการว่างงาน สำนักงานประกันสังคม ไม่สามารถใช้เงินเพื่อหน่วยงานอื่นได้ ทำให้ระบบที่เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของระบบประกันสังคมที่ติดต่อสื่อสารกับทุกกรมกองที่เกี่ยวข้อง ต้องถูกตัดขาด แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงใส่เกียร์ว่าง รอลงจากตำแหน่ง ไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้น" แหล่งข่าวจากกระทรวงแรงงานให้ความเห็น


 


นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า กรณีที่ระบบเครือข่ายประกันสังคมถูกตัดขาด แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติงานของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ตั้งแต่รัฐมนตรี และปลัด และรองปลัดกระทรวง ไปจนถึงเลขาธิการสปส.ว่า ไร้ประสิทธิภาพ ขาดวิสัยทัศน์และความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของผู้ประกันตนทั่วประเทศ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้


 


"หากมีการตัดสัญญาณระบบออนไลน์ของเครือข่ายผู้ประกันตน กรณีว่างงานของ สปส.ในสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะเกิดความวุ่นวายระดับประเทศ และเชื่อว่าสมาชิกผู้ประกันตนของสภาองค์การลูกจ้างแรงงานคงไม่อยู่เฉย และคงมีความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่พี่น้องผู้ประกันตน ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสภาองค์การลูกจ้างฯ เองก็เคยรวมพลไปเรียกร้องสิทธิ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้มา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง" นายพนัส กล่าว


 


 








ต่างประเทศ



สมเด็จพระสันตะปาปาขอให้ยุติเหตุการณ์รุนแรงในพม่าอย่างสันติ


กรมประชาสัมพันธ์ - สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 แห่งสำนักวาติกันเรียกร้องในวันนี้ให้แก้ไขสถานการณ์ที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในพม่าอย่างสันติ ถ้อยแถลงของสมเด็จพระสันตะปาปามีขึ้นหลังจากที่กลุ่มผู้มีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาลซึ่งรวมถึงผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่าที่ลี้ภัยในต่างประเทศขอให้สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่าอยู่ในขณะนี้


 


อดีตฑูตพิเศษ UN ระบุ กัมบารีควรให้พม่ารับปากเลิกยิงผู้ประท้วง


สำนักข่าวเนชั่น - นายราซาลี อิสมาอิล นักการฑูตชาวมาเลเซีย อดีตฑูตพิเศษประจำพม่าของนายโคฟี่ อันนาน ซึ่งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติคนก่อน  กล่าวแสดงความเห็นในวันนี้ว่า นายอิบราฮิม กัมบารี ฑูตพิเศษประจำพม่าคนปัจจุบันของสหประชาชาติ ผู้อยู่ในระหว่างเยือนพม่า เพื่อพยายามให้พม่ายุติการปราบปรามนองเลือดต่อผู้ประท้วงภายใต้การนำของพระสงฆ์ จะต้องขอคำรับรองจากรัฐบาลทหารพม่าในระหว่างการเยือนครั้งนี้ว่า พวกเขาจะเลิกยิงใส่ผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ออกมาแสดงความเห็นตามท้องถนน  เพราะไม่อาจปล่อยให้ประชาชนต้องล้มตายได้


 


นายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติคนปัจจุบัน ส่งนายกัมบาลีไปพม่าเมื่อวันเสาร์ เพื่อเป็นคนกลางพยายามจัดให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารพม่ากับผู้ประท้วง นายบันได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมในการเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับนายกัมารี และให้คำมั่นจะใช้แนวทางสันติและการสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติอย่างกว้างขวาง


 


นายราซาลี ลาออกจากตำแหน่งเมื่อปลายปี 2548 หลังใช้เวลา 22 เดือน พยายามเดินทางเข้าพม่า แต่ถูกปฏิเสธ ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว นายกัมบารีเยือนพม่า 2 ครั้ง รวมทั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ที่เขาได้รับอนุญาตให้พบนางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งถูกควบคุมตัวในที่พักเป็นส่วนใหญ่ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา


 


ชาวสิงคโปร์ชุมนุมประท้วงหน้าสถานทูตพม่า


ศูนย์ข่าวแปซิฟิค - กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่าราว 60 คน ได้ไปรวมตัวกันชุมนุมประท้วงด้านหน้าสถานทูตพม่าในสิงคโปร์ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เพื่อร่วมรำลึกถึงเหตุการณ์ประท้วงของพระสงฆ์และฆราวาสในนครย่างกุ้งของพม่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จากการที่ตำรวจปราบจราจลพม่าใช้แก๊สน้ำตาและตะบองปราบปรามผู้ประท้วง กลุ่มนักเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้งชาวสิงคโปร์ ชาวต่างชาติ และชาวพม่าที่ลี้ภัยเข้าไปอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ได้สวมเสื้อทีเชิร์ตและชูป้ายแสดงสัญลักษณ์การเรียกร้องให้ทางการพม่ายุติการใช้กำลังและความรุนแรงจัดการกับกลุ่มผู้ประท้วง ขณะเดียวกัน กลุ่มนักเคลื่อนไหวยังเตรียมที่จะยื่นรายชื่อของกลุ่มที่ได้รวมพลังกันคัดค้านการใช้กำลังของรัฐบาลพม่าในการจัดการกลุ่มผู้ประท้วง พร้อมเสนอให้รัฐบาลพม่าเปิดการเจรจากับพรรคฝ่ายค้านและชาวพม่า ตลอดจนร้องขอให้มีการปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ที่ถูกรัฐบาลทหารพม่ากักบริเวณอยู่ภายในบ้านพักด้วย


 


เงินดอลล์อ่อนทำ "โอเปก" ไม่ผลิตเพิ่ม


ผู้จัดการรายวัน - องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพิ่งลงมติในเดือนที่แล้วที่จะเพิ่มผลผลิตน้ำมันดิบของพวกตนขึ้นอีก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่วันนี้ (1 พฤศจิกายน) เป็นต้นไป เพื่อช่วยบรรเทาความวิตกเกี่ยวกับซัปพลายตึงตัว ซึ่งกำลังทำให้ราคา "ทองคำสีดำ" พุ่งลิ่ว นอกจากนั้นยังเป็นการส่งสัญญาณว่าทางโอเปกเอื้ออาทรบรรดาผู้บริโภค


 


โอเปกซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันกว่าหนึ่งในสามของซัปพลายที่ใช้กันทั่วโลก ยังกล่าวด้วยว่า จะประเมินสถานการณ์ของตลาดกันอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไปที่อาบูดาบี วันที่ 5 ธันวาคม


 


อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ฮุสเซน ชาห์ริสตานี รัฐมนตรีน้ำมันของอิรัก ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกโอเปก พูดว่า "เงินดอลลาร์ได้ลดมูลค่าลงอย่างสำคัญในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนั่นส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่อรายได้ (จากน้ำมัน) ของประเทศจำนวนหนึ่ง"


 


เงินตราอเมริกันที่อ่อนตัวลง ทำให้พวกสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งกำหนดราคากันเป็นสกุลเงินดอลลาร์ อาทิ น้ำมันดิบ มีราคาถูกลงสำหรับพวกที่ใช้เงินตราสกุลที่มีค่าแข็งกว่า และดังนั้นจึงเป็นการกระตุ้นดีมานด์ไปด้วยในตัว สภาพเช่นนี้เองมีส่วนช่วยชดเชยผลกระทบของการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลก พุ่งทำสถิติสูงสุดเมื่อดูที่ตัวเลขในสกุลดอลลาร์


 


ตั้งแต่การประชุมของโอกเปกครั้งหลังสุดในวันที่ 11 กันยายน ราคาน้ำมันได้ทะยานทำนิวไฮหลายต่อหลายครั้ง โดยน้ำมันดิบไลต์สวีตครูดของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก กำลังทะลุระดับ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาในเวลานี้สูงลิ่วจากปีที่แล้วถึงประมาณ 30% ทีเดียว โดยสาเหตุสำคัญก็คือความกังวลเรื่องซัปพลายพลังงานของโลกอยู่ในภาวะตึงตัว


 


ทว่าในขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ได้ลดค่าฮวบฮาบ ทำสถิติต่ำสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net