"Free
We want democracy
Release all political prisoners
Fight for Aung San Suu Kyi"
Htat Wai Min, Demo Wai Min และ May Zaw Moe สามสาวพี่น้องชาวพม่า ร่วมเปล่งเสียงตะโกน พร้อมชูกำปั้นขึ้นเหนือหัว เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ายุติการใช้ความรุนแรง คืนเสรีภาพและประชาธิปไตยให้ประชาชนพม่า และให้เลิกการกักตัวนางออง ซาน ซู จี และนักโทษการเมืองทั้งหมด
พวกเขาได้แต่หวังว่า เสียงร้องตะโกนของคนพม่าทั่วโลก จะได้ยินไปถึงหูของผู้นำประเทศต่างๆ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้างในพม่า
แม้จะรู้ดีว่า ความหวังช่างมืดมนเต็มที
"ยากเหลือเกินที่จะกดดันให้รัฐบาลทหารพม่าเปลี่ยนแปลง" Htat Wai Min วัย 21 ปี กล่าวอย่างหนักใจ
แม้กระนั้น เธอและคนพม่าจำนวนกว่าร้อยคนที่มาร่วมชุมนุมเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหารพม่า ที่บริเวณลานมาร์ติน เพลซ (
พวกเขาเรียกร้องให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติเข้าไปในพม่า เพื่อเจรจาและกดดันรัฐบาล ตลอดจนเรียกร้องให้จีน อินเดีย รัสเซีย และอาเซียน ใช้มาตรการกดดันพม่าให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะไทย ซึ่งจะต้องเผชิญกับปัญหาผู้ลี้ภัยจากพม่า จะต้องแสดงบทบาทนำในเวทีภูมิภาคและสหประชาชาติ
"รัฐบาลไทยจะต้องยกปัญหานี้ขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญว่า การปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างเหี้ยมโหด และการคงไว้ซึ่งมาตรการความรุนแรงของรัฐบาลทหารพม่านั้น เป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อความสงบสุขในภูมิภาค และต่อประเทศไทยโดยตรง" นพ.มินท์ โช (Myint Cho) สมาชิกของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ ของรัฐบาลพม่าพลัดถิ่นในออสเตรเลีย กล่าวกับประชาไท
"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยอมรับผู้อพยพลี้ภัย โดยไม่พยายามผลักดัน ผลักไสพวกเขาที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ลำบาก ให้กลับไปเผชิญหน้ากับอันตรายอีก และอยากจะขอร้องให้อนุญาตให้นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพม่าดำเนินการรณรงค์ในประเทศไทยได้ โดยไม่ถูกจับกุมหรือตั้งข้อหา" นพ.มินท์ โช กล่าวเพิ่มเติม
เหตุการณ์เข่นฆ่าทำร้ายพระสงฆ์และประชาชนพม่านั้น นพ.มินท์ โช เสนอว่า สหประชาชาติต้องส่งทูตพิเศษของสหประชาชาติด้านสิทธิมนุษยชนประจำพม่า เข้าไปสืบสวนในเรื่องนี้ นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้จีน อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลทหารพม่ามากที่สุดนั้น ไม่ให้คัดค้านมาตรการใดๆก็ตามของสหประชาชาติที่จะออกมาบังคับหรือดำเนินการกับพม่าในอนาคต
ด้านนายหม่อง หม่อง เอ (Maung Maung Aye) สมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งเมื่อปี 2533 กล่าวว่า ในตอนนี้สิ่งที่ประชาชนชาวพม่าต้องการอย่างที่สุดคือกำลังใจและการสนับสนุนจากประชาคมโลก ซึ่งจะต้องดำเนินการกดดันอย่างแข็งกร้าวต่อรัฐบาลทหารพม่า มิฉะนั้นแล้ว เหตุการณ์นองเลือดในพม่าก็จะยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในส่วนของรัฐบาลออสเตรเลียนั้น นายหม่อง หม่อง เอ เรียกร้องให้ใช้มาตรการกดดันขั้นสูงต่อรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า โดยการเลิกทำธุรกิจโดยตรงกับรัฐบาลพม่า และลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับพม่าลง
การเดินขบวนวันนี้ (5 ต.ค) มีผู้ที่สนใจเข้าร่วมทั้งชาวพม่าที่ไปอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย ชาวออสเตรเลีย และชุมชนชาวลาวในซิดนีย์ที่มาให้กำลังใจและสนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า ซึ่งหลังจากที่รวมตัวบริเวณลานมาร์ติน เพลสแล้ว ผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปยื่นจดหมายเรียกร้อง (ผ่านตัวแทน) ต่อนายอเล็กซานเดอร์ ดาวน์เนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย
ทางด้านองค์กร Australian Coalition for Democracy in Burma (ACDB) ซึ่งเป็นหน่วยงานในออสเตรเลียที่เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพม่า ผู้จัดการเดินขบวนครั้งนี้ เรียกร้องต่อประชาคมโลก ให้ช่วยเหลือสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพม่าในทุกด้าน ซึ่งรวมถึงการบริจาคเงินช่วยเหลือนักเคลื่อนไหวในพม่า การงดเว้นไม่เดินทางเข้าไปในพม่าจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตย ไม่ซื้อหรือสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ทำการผลิต จำหน่าย และขายในพม่า ตลอดจนส่งจดหมายประณามไปยังรัฐบาลทหารพม่า เรียกร้องให้ยุติการละเมิดสิทธิในชีวิตของคนพม่า และให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมดทันที
ACDB ได้จัดเดินขบวนประท้วงรัฐบาลทหารพม่า และเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย 2550 มีการเดินขบวนประท้วงในบริเวณย่านธุรกิจกลางเมืองซิดนีย์ การอดอาหารประท้วงหน้ารัฐสภารัฐนิวเซาท์เวลส์วันที่ 3 ต.ค 2550 การเดินขบวนประท้วงวันที่ 5 ต.ค 2550 และในวันศุกร์ที่ 6 ต.ค 2550 จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ประท้วงในพม่า
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)