โดยแถลงการณ์ระบุว่า ในขณะที่นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุทานนท์ เข้ารับตำแหน่งควบ รมต. มหาดไทย และได้เสนอให้การขจัดการซื้อเสียงเป็นวาระแห่งชาติ ทาง เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรีหรือ อันเฟรล เห็นด้วยกับขอเสนอดังกล่าว และเรียกร้องให้พรรคการเมืองต่างๆ คณะกรรมการการเลือกตั้ง รัฐบาล และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ให้ความร่วมมือเพื่อให้ความพยายามครั้งนี้เป็นไปได้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะทำอย่างไรให้มีการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพื่อกำจัดการซื้อเสียงให้ได้

"พรรคการเมืองต้องให้ความร่วมมือกับ กกต. มากขึ้น และไม่เป็นผู้ละเมิดกฏหมายเลือกตั้ง ผู้สมัคร สส. ทุกคนต้องมีความโปร่งใส ต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินรายรับ พร้อมกับสามารถระบุการใช้จ่ายเงินได้ว่าได้ใช้เงินไปอย่างไรระหว่างการเลือกตั้ง" นายอิเชา สุเปรียดี ผู้ประสานงานโครงการอันเฟรล กล่าว

 "กกต. ควรจะตรวจสอบกลับไปยังผู้สมัคร สส. ที่แจกแจงการใช้จ่ายเงินว่าได้จ่ายไปเพื่อการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งของตนอย่างตรงไปตรงมาตามที่ชี้แจงหรือไม่ โดยอาจจะมีการสุ่มตรวจสอบในจังหวัดต่างๆที่น่าสงสัย ส่วนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการไม่รับเงิน เพราะการรับเงินเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการคอรัปชั่นต่อไป สังคมไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างวัฒนธรรมการเมืองที่ใสสะอาดกันใหม่"

เมื่อนายกรัฐมนตรีได้รับการขานรับประเด็นการทำให้การเลือกตั้งบริสุทธิยุติธรรม อันเฟรลขอถือโอกาสนี้ติดตามการปฏิบัติงานและร่วมกันส่งเสริมให้เป็นจริง หวังว่าจะเห็นความคืบหน้าที่มีนัยสำคัญ

"ถ้ารัฐบาลต้องการให้มีการเลือกตั้งที่เป็นอิสระจำเป็นต้องยกเลิกกฏอัยการศึก เพื่อไม่ให้ประชาชน ที่สนับสนุนกลุ่มอำนาจเก่ารู้สึกกลัวว่าจะถูกเลือกปฏิบัติด้วยกฏดังกล่าว หรืออาจจะทำให้การเลือกตั้งขาดความชอบธรรมเพราะมีกฏอัยการศึก ขณะเดียวกันหน่วยงานของรัฐบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กอ.รมน และทหารต้องไม่แทรกแซงในทุกขั้นตอนของการเลือกตั้ง เมื่อทุกฝ่ายต้องการที่จะนำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประเทศไทย ประชาชนต้องเชื่อได้ว่าผลการเลือกตั้งนั้นได้สะท้อนความคิดของประชาชนจริงๆ ไม่ใช่มาจากการกระทำที่ไม่บริสุทธิเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่ง" นายสุเปรียดี กล่าวตบท้าย