เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พรทิพย์ จาละ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ประชุมครม.พิจารณาเห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.... ว่า ที่ประชุมครม.ไม่มีการท้วงติงใดๆ โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปรับฟังความคิดเห็นตามลำดับ และมีการแก้ไขไปแล้ว สาระต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงนั้น ทางสมช.ก็อยู่ร่วมในการพิจารณาด้วย

พรทิพย์ กล่าวถึงประเด็นเนื้อหาทื่มีการปรับเปลี่ยนไปว่า เบื้องต้นมีการเปลี่ยนไปเยอะ โดยตำแหน่งผู้อำนวยการก็เป็นนายกรัฐมนตรี การใช้อำนาจจะมีครม.เข้ามาดูแล ในเรื่องระเบียบต่างๆ ที่ผู้อำนวยการ กอ.รมน.โดยตำแหน่งสามารถออกได้นั้น ก็เปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่มีการยกเลิกการใช้พระราชกำหนด เพราะไม่ได้มีการใช้อำนาจแบบเดียวกับพระราชกำหนด ส่วนจะสามารถใช้ได้เมื่อใดนั้น ก็จะเป็นหลังจากที่การประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือผ่านมาเป็นกฎหมายก็ใช้ได้ทันที โดยเป็นหน่วยงานถาวรที่ดูแลงานด้านความมั่นคงโดยเฉพาะ ไม่ใช่หน่วยงานที่ตั้งขึ้นตามมติครม.

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากอ.รมน.ไม่มีกฎหมายรองรับ ต่อไปจะมีกฎหมายรองรับกับจังหวัดชายแดนภาคใต้  อาจจะใช้กอ.รมน.ได้โดยมีกอ.รมน.ภาคและกอ.รมน.จังหวัดด้วย

องค์กรที่ตั้งขึ้นเฉพาะขึ้นมาดูแลนั้น เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นมาเป็นหน่วยงานพิเศษ มีชื่อว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน แต่จะแตกต่างกัน คือ ของเดิมนั้น ตั้งขึ้นมาตามมติครม.หรือ ตั้งในช่วงที่เหตุการณ์ไม่ปกติอยู่มาเรื่อยๆ ตามมติครม. จากนี้ก็จะเป็นหน่วยงานถาวรในส่วนราชการลักษณะพิเศษ โดยนายกฯ จะเป็นผู้อำนวยการ  อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการยกเลิกการใช้ พรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่จะใช้คนละลักษณะ

คุณพรทิพย์ กล่าวว่า นี่เป็นกฎหมายตั้งองค์กร คือ ตั้งกอ.รมน.ขึ้นมาเป็นหน่วยงานพิเศษ ให้มีอำนาจหน้าที่ของการดูแลความมั่นคงในทั้งช่วงปกติ และในช่วงที่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน

เมื่อถามว่า กับสถานการณ์ของประเทศขนาดไหนจึงจะใช้พรบ.ดังกล่าว  คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ทางกอ.รมน.มีอำนาจดูแล แต่ไม่ได้เข้าไปใช้อำนาจอะไรเป็นพิเศษ และสามารถมีข้อเสนอแนะได้ 

เมื่อถามถึงประเด็นในการตรวจสอบถ่วงดุลนั้น คุณพรทิพย์ กล่าวว่า ในหลักการทั่วไป หากใช้อำนาจตามกฎหมายตามสมควร ก็ไม่ต้องรับผิด ในเรื่องการตรววจสอบว่าเรื่องนี้สมควรหรือไม่สมควรนั้น อาจจะต้องมีการไปฟ้องศาลแล้วศาลจะเป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งหากเป็นความผิดอาญา  ก็ต้องไปศาลอาญา แต่หากเป็นความผิดในเรื่องการออกคำสั่ง ก็ต้องไปร้องต่อศาลปกครอง เพราะการจะไปห้ามคนที่ต้องการฟ้องร้องคงไม่ได้

สำหรับขั้นตอนถัดไปนั้น คุณพรทิพย์กล่าวว่า อยู่ที่ครม. จะประสานงานส่งร่างดังกล่าวเข้าสู้ที่ประชุมสนช. ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสัปดาห์ถัดไป  หรือประมาณสัปดาห์สุดท้ายของเดือน

เมื่อถามว่า เดิมในร่างแรกดูเหมือนจะมีอำนาจมากกว่าพรก. คุณพรทิพย์ กล่าวว่า อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในตอนที่ทำร่างที่เขาอาจต้องการยกเลิกพรก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็เลยโอนอำนาจมาตรงนี้ และเมื่อคณะกรรมการไปพิจาณาแล้ว เห็นว่าพรก.ก็ดีอยู่แล้ว ขั้นตอนกระบวนการก็น่าจะเหมาะสมแล้วก็ไม่น่าจะไปยุ่งกับพรก.ฯ หากว่าต้องการให้มีองค์กรถาวร ก็ตั้งองค์กรถาวรขึ้นมา

.......................