10 สุดยอด "ข่าวขยะ" แห่งปี ค.ศ. 2006-2007

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ภัควดี  วีระภาสพงษ์ แปลและเรียบเรียง

 

โครงการ Project Censored นอกจากจัดอันดับ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว" เป็นประจำทุกปีแล้ว ยังจัดอันดับ "ข่าวขยะ" ไว้ด้วย "ข่าวขยะ" คือข่าวที่ไม่สมควรเป็นข่าว ข่าวไร้สาระที่บิดเบือนความสนใจของประชาชนไปจากข่าวสารที่แท้จริง แต่กลับเป็นข่าวที่สื่อมวลชนโหมประโคมให้ความสำคัญจนเกินจริงและกินเนื้อที่ของข่าวอื่นๆ ไปหมด

 

 

 

แม้ข่าวส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องในสหรัฐอเมริกา แต่หลายๆ ข่าวก็เข้ามาแย่งชิงพื้นที่สื่อในบ้านเราเหมือนกัน เมืองไทยเราน่าจะลองจัดอันดับ "ข่าวขยะ" แห่งชาติกันดูบ้าง

 

10 อันดับสุดยอด "ข่าวขยะ" ในช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย

 

 

อันดับ 1 บริทนีย์ สเปียรส์ สติแตก

"ข่าวขยะ" เกี่ยวกับนักร้องสาว บริทนีย์ สเปียรส์ ทะยานจากอันดับ 7 เมื่อปีก่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ในปีนี้ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ สเปียรส์ถูกถ่ายรูปในร้านตัดผมที่ลอสแองเจลิส สื่อมวลชนทุกสำนักต่างเกิดอาการตื่นเต้นตัวสั่น วิเคราะห์คาดเดากันไปต่างๆ นานาว่า เหตุไฉนบริทนีย์ที่น่าสงสารจึงเกิดสติแตกขึ้นมา แม้ว่าข่าวนี้อาจสำคัญอย่างยิ่งต่อวัยรุ่นอายุ 13 แต่ผู้บริโภคข่าววัยผู้ใหญ่น่าจะสนใจอยากรู้มากกว่าว่า จากการวิเคราะห์สำมะโนประชากรครั้งล่าสุดใน ค.ศ.2005 มีชาวอเมริกันเกือบ 16 ล้านคน ดำรงชีวิตอยู่ในความยากจนข้นแค้นอย่างร้ายแรง หนึ่งในสามของคนจนเหล่านี้อายุต่ำกว่า 17 และเกือบสองในสามเป็นผู้หญิง สื่อมวลชนกระแสหลักมีเวลาเหลือเฟือมานั่งวิเคราะห์ว่า บริทนีย์ สเปียรส์อายุน้อยเกินกว่าจะเป็นแม่คน แต่ไม่มีเวลามาสนใจว่า มีวัยรุ่นผู้หญิงจำนวนมากแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพังท่ามกลางความยากจน

 

เรื่องน่าสลดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ในระหว่างสัปดาห์ของข่าวกระฉ่อนเกี่ยวกับบริทนีย์ สเปียรส์ สถานีโทรทัศน์แทบไม่มีเวลาทำข่าวคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งพิพากษาเห็นชอบกับคำร้องของรัฐบาลบุชในการกักขังนักโทษไว้อย่างไม่มีกำหนด คำพิพากษานี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่เปิดทางให้ทารุณนักโทษในคุกที่กวนตานาโม

 

 

อันดับ 2 แอนนา นิโคลมีลูก

วันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2006 แอนนา นิโคล สมิธ (นางแบบเพลย์บอยที่เสียชีวิตเมื่อต้นปีนี้) คลอดลูกสาว ใครต่อใครพากันกังขากับปริศนาว่า ใครคือพ่อของเด็กกันแน่? สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวนี้ ในสูติบัตรระบุว่าพ่อเด็กคือ นายเฮาเวิร์ด สเติร์น ทนายความส่วนตัวของแอนนา นิโคลเอง ส่วนคนที่ติดตามข่าวนี้โดยตลอด สิ่งที่คุณไม่รู้ก็คือ รายงานในเดือนกันยายนปีเดียวกันนั้นเองระบุว่า ชาวอิรักที่เสียชีวิตจากความรุนแรงในเดือนสิงหาคมมีจำนวนมากกว่าตัวเลขที่นับในเบื้องต้นถึง 3 เท่า ตรงกันข้ามกับคำกล่าวของรัฐบาลสหรัฐฯ และอิรักที่อ้างว่า สามารถลดจำนวนการตายในเดือนนั้นลงได้ ในเวลาเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์ในทวีปอาร์กติกส่งเสียงเตือนถึง "ระเบิดเวลา" ลูกใหม่ที่มาในรูปของโลกร้อน

 

 

อันดับ 3 แบรด พิตต์และแองเจลินา โจลี มีลูกและรับลูกบุญธรรมอีกคน

หลังจากข่าวคราวทั้งข่าวลือข่าวจริงเกี่ยวกับ "ราชวงศ์แบรนเจลินา" โหมประโคมมากว่าสองปีแล้ว เรายังได้ยินเรื่องชีวิตส่วนตัวของแบรด พิตต์และแองเจลินา โจลีกันไม่พออีกหรือ? ดูเหมือนสื่อมวลชนจะตอบว่า "ไม่" วันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 เมื่อไชโลห์ ลูกสาวของทั้งสองถือกำเนิด สื่อมวลชนก็แห่กันทำตัวเป็นปาปาราซซี ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รูปถ่ายของ "ทารกที่สวยที่สุดในโลก" แต่สื่อกลับไม่สนใจรูปภาพอีกชุดหนึ่งที่เผยแพร่ออกมาในวันเดียวกัน รูปเหล่านั้นคือภาพของทหารนาวิกโยธินอเมริกันกำลังสังหารพลเรือนชาวอิรัก จากการสอบสวนพบว่า หน่วยทหารนั้นหน่วยเดียวฆ่าชาวอิรักไร้อาวุธไปถึง 24 คนโดยไม่มีเหตุผลเลย

 

 

อันดับ 4 "ฆาตกร" คดีโจน เบเนต ไม่ใช่ตัวจริง

วันที่ 16 สิงหาคม ค.ศ. 2006 จอห์น มาร์ค คาร์ ถูกจับที่ประเทศไทยและกลายเป็นผู้ต้องสงสัยคดีสังหารเด็กหญิงโจน เบเนต แรมซีย์ เมื่อคาร์อ้างว่าตนเองเป็นฆาตกร สื่อกระแสหลักทุกสำนักก็เหมือนคลุ้มคลั่ง ตลอดสองสัปดาห์หลังจากนั้น สถานีโทรทัศน์และเคเบิลหมกมุ่นอยู่กับเรื่องที่ลงเอยกลายเป็นโอละพ่อ การตรวจสอบดีเอ็นเอได้ผลพิสูจน์ว่า คาร์ไม่ใช่ฆาตรกรในคดีนี้ ในฤดูที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ สำนักข่าวทั้งหลายน่าจะหันไปสนใจปัญหาโลกร้อนมากกว่า

 

 

อันดับ 5 ข่าวดังๆ ดับๆ ว่าด้วยหนังสือของโอ เจ ซิมป์สัน

วันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2006 โอ เจ ซิมป์สันกลับมาเป็นศูนย์รวมความสนใจอีกครั้ง ด้วยการประกาศว่าจะตีพิมพ์นวนิยายที่ตั้งอยู่บนข้อสมมติว่า ถ้าเขาฆ่าภรรยาและเพื่อนภรรยา เขาจะลงมือแบบไหน แค่นี้สื่อมวลชนก็เล่นข่าวกันทั้งวัน สถานีโทรทัศน์จะทำหนังจากหนังสือเล่มนี้ แต่ไม่กี่วันให้หลัง ทั้งโครงการหนังสือและหนังก็ถูกยกเลิก ตัวซิมป์สันออกมายืนยันว่า เขาไม่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้เอง แต่มีนักเขียนเงาเขียนให้แทน และเขาไม่ได้ฆ่าใครตาย ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ!

ระหว่างที่มีข่าวครึกโครมของโอ เจ ซิมป์สัน ประธานาธิบดี จอร์จ บุชประกาศว่า เขาต้องการส่งทหารอีก 20,000 นายเข้าไปในอิรัก กว่าสื่อกระแสหลักจะหยิบยกข่าวนี้มาพูดถึง ก็ต้องรอจนเดือนมกราคมปีถัดมา บางทีข่าวเก่าก็กลายเป็นข่าวใหม่ได้เหมือนกัน

 

 

อันดับ 6 การประฝีปากระหว่าง "เดอะโดนัลด์" กับ "เดอะโอดอนเนลล์"

วันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2006 โรซี โอดอนเนลล์ (นักแสดงตลกและพิธีกรชื่อดัง) วิจารณ์มหาเศรษฐีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับเรื่องที่ทรัมป์บอกว่า ถ้าเป็นเขาจะยอมให้มิสยูเอสเอทำหน้าที่ต่อไป แม้ว่านางงามคนนั้นละเมิดกฎกติกาของการประกวดนางงามก็ตาม โอดอนเนลล์บอกว่า ทรัมป์ไม่ใช่คนที่ควรเป็นผู้ชี้ดีชั่วให้คนหนุ่มสาวในสหรัฐอเมริกา ส่วนทรัมป์ออกมาตอบโต้ทันควันด้วยการกล่าวหาโอดอนเนลล์หลายกระทง สื่อมวลชนประโคมข่าวนี้เป็นสัปดาห์ คอย "อัพเดท" ข่าว "สำคัญ" ของการประฝีปากระหว่างคนดังทั้งสองชนิดเกาะติด

 

แต่เรื่องที่สื่อมวลชนไม่ค่อยสนใจมากนักก็คือ ข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยครั้งใหม่ที่แสดงให้เห็นช่องว่างราวฟ้ากับนรกระหว่างคนรวยที่สุดและคนจนที่สุดในโลก งานวิจัยชิ้นนี้เป็นของสถาบันโลกเพื่อการวิจัยและพัฒนาทางเศรษฐกิจของสหประชาชาติ คนรวยที่สุด 2% ในโลกเป็นเจ้าของความมั่งคั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งในโลก ในขณะที่ทรัพย์สินของประชากรวัยผู้ใหญ่จำนวนครึ่งหนึ่งในโลกคิดเป็นแค่ 1% ของความมั่งคั่งในโลก รายงานนี้ถือเป็นการวิจัยความมั่งคั่งส่วนบุคคลของประชากรโลกที่ครอบคลุมที่สุดเท่าที่เคยทำกันมา

 

 

อันดับ 7 มิสยูเอสเอเป็น "สาวปาร์ตี้" ที่ชอบดื่มเหล้าและเสพย์ยา

วันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 2006 มีรายงานข่าวว่า มิสยูเอสเอ ทารา คอนเนอร์ ถูกคณะกรรมการตรวจสอบ เนื่องจากการดื่มเหล้า ใช้โคเคนและมีพฤติกรรมทางเพศโลดโผน สื่อมวลชนทั้งอเมริกาพากันปริวิตกสงสัยว่า เธอจะสวมมงกุฎต่อไปหรือจะถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง ในช่วงเวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นักโทษหลายร้อยคนจากอ่าวกวนตานาโมถูกส่งตัวไปยังประเทศอื่นและได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ ขัดแย้งกับคำกล่าวของโดนัลด์ รัมสเฟลด์ที่พูดหลังเหตุการณ์ 9/11 ว่า นักโทษเหล่านี้เป็นฆาตกรที่อันตรายที่สุดบนโลก

 

 

อันดับ 8 การหย่าร้างของพอล แมคคาร์ทนีย์

วันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2006 ฮีเธอร์ มิลส์ กับ พอล แมคคาร์ทนีย์ ประกาศแยกทางกัน แต่ความสนใจของสื่อมวลชนต่อชีวิตส่วนตัวของนักร้องดังคนนี้มีมาตั้งแต่ก่อนการประกาศอย่างเป็นทางการ สื่อมวลชนทุ่มเทพลังงานและเนื้อที่ไปกับการคาดเดาล่วงหน้าถึงการหย่าร้าง และไม่ได้เพลาความสนใจไปเลยเมื่อเว็บไซท์ของทั้งคู่แจ้งข่าวให้ทุกคนทราบ

 

วันต่อมา ข่าวโทรทัศน์ทุกช่องจึงพลาดการรายงานข่าวที่สำคัญต่อชีวิตของชาวอเมริกันมากกว่า ข่าวแรกคือ รัฐบาลบุชมีแผนการแก้ปัญหาพรมแดนสหรัฐฯ/เม็กซิโกด้วยการแปรรูปชายแดนให้เอกชนเข้ามาจัดการ ข่าวที่สองคือ จากรายงานของสหภาพเกษตรกรแห่งชาติของแคนาดา อาหารสำรองในโลกกำลังใกล้เข้าสู่จุดวิกฤต เนื่องจากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนน้ำ ความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศโลก และต้นทุนที่พุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อราคาปุ๋ย โลกอาจถึงขั้นขาดแคลนธัญญาหารในอนาคตอันใกล้

 

 

อันดับ 9 นักบินอวกาศใส่ผ้าอ้อมขณะทำร้ายคู่แข่งความรักของตน

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007 กัปตันลิซา โนแว็ก นักบินอวกาศที่ใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ถูกจับกุมตัวในฟลอริดาและถูกตั้งข้อหาสารพัด ทั้งข้อหาพยายามฆาตกรรม พยายามลักพาตัว ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย แน่นอน สื่อกระแสหลักไม่พลาดที่จะขุดคุ้ยทุกรายละเอียดปลีกย่อยที่สุดในชีวิตนักบินอวกาศหญิงคนนี้ แต่กลับไม่ใส่ใจต่อการขึ้นศาลของร้อยเอกเอห์เรน วาทาดะ ทหารอเมริกันที่ไม่ยอมไปทำสงครามในอิรัก ซึ่งเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่โนแว็กถูกจับ การตัดสินใจของวาทาดะที่จะต่อสู้กับระบบทหารสหรัฐฯ แทนที่จะยอมทำร้ายประชาชนอิรัก ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเท่าที่ควรเลย

 

 

อันดับ 10 มาดอนนารับเด็กแอฟริกันเป็นลูกบุญธรรม

วันที่ 11 ตุลาคม ค.ศ. 2006 มาดอนนารับเด็กชายวัยหนึ่งขวบจากประเทศมาลาวีเป็นบุตรบุญธรรม เธอกล่าวว่าอยากกระตุ้นให้สาธารณชนสนใจปัญหาโรคเอดส์ในตอนใต้ของแอฟริกา ชนวนของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ปะทุในอีก 4 วันต่อมา เมื่อพ่อของเด็กกล่าวว่า เขารู้สึกสับสนและไร้ทางสู้เมื่ออยู่ต่อหน้านักร้องสาวที่ตั้งใจจะรับลูกคนเดียวที่รอดชีวิตของเขาไปเป็นบุตรบุญธรรมให้ได้ ส่วนแม่ของเด็กเสียชีวิตไปแล้ว

 

แต่ข่าวที่สื่อมวลชนไม่ค่อยสนใจก็คือ จากการสำรวจความคิดเห็นระดับชาติ ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ถึง 88% เห็นว่า การหย่าร้างเป็นปัญหาสำคัญที่สุดของครอบครัวสมัยใหม่ การหย่าร้างมีผลกระทบต่อสถาบันครอบครัวยิ่งว่าปัญหาอื่นๆ เช่น รักร่วมเพศ ฯลฯ

 

 

………………………………………………………………………..

เรียบเรียงจาก http://www.projectcensored.org/



ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท