เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 เครือข่ายผู้ใช้ยาประเทศไทย (Thai Drug User Network- TDN) และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ที่ทำงานด้านเอดส์และยาเสพติด 10 องค์กร รวมตัวกันที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อยื่นจดเปิดผนึกขอเพิ่มสิทธิประโยชน์และปรับปรุงการบริการการดูแลรักษาผู้ใช้ยาเสพติดในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีนายแพทย์สุวิทย์ วิบูลผลประเสริฐ ประธานคณะอนุกรรมการพัฒนาสิทธิประโยชน์และระบบบริการสาธารณสุขเป็นผู้มารับจดหมายฯ ดังกล่าว

"ผู้ใช้ยาเสพติดในประเทศไทยมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อต้องการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ (ARV) ผู้ให้บริการมักจะกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องไปเลิกยาเสพติดเสียก่อนจึงจะได้รับการรักษา หรือแม้แต่อยู่ในระหว่างการบำบัดด้วยสารทดแทนอย่างเมธาโดน ก็ถูกเลือกปฏิบัติจากสถานบริการบางแห่งเรียกเก็บค่าเมธาโดน ซึ่งที่จริงต้องฟรี

"และอีกปัญหาคือ การเข้าถึงการรักษาไวรัสตับอักเสบ ชนิดซี (Hepatitis C) ซึ่งมีผู้ใช้ยากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ติดไวรัสนี้ แต่การรักษามีค่าใช้จ่ายที่สูงมากจนผู้ใช้ยาไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ ในฐานะตัวแทนของผู้ใช้ยาและองค์กรที่ทำงานด้านเอดส์และยาเสพติด ขอให้พิจารณาเรื่องดังที่กล่าวมาเข้ามาอยู่ในระบบหลักประกันฯ โดยการบริการและการรักษาต่างๆ ผู้ใช้ยาสามารถเข้าถึงได้จริง" นายชูชาติ ฤกษ์พิจิตร รองประธานเครือข่ายผู้ใช้ยา ประเทศไทยกล่าว

สำหรับประเด็นที่ทางเครือข่ายคนทำงานเอดส์และยาเสพติดต้องการคือ 1. ให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์แก่ผู้ใช้ยาเสพติด ตามแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐานเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป โดยไม่ใช้การเป็นผู้ใช้ยาเสพติดมาเป็นเงื่อนไขในการให้การรักษา 2. เพิ่มการให้บริการการดูแลรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบชนิดซีโดยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล 3. เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการให้บริการการบำบัดรักษาด้วยเมธาโดนระยะยาว (Methadone Maintenance Treatment -MMT) โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และ 4. ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ใช้ยาเสพติด และภาคประชาสังคมมีส่วนร่วมในการจัดบริการตามข้อ 1-3 เพื่อให้การบริการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อนึ่ง หน่วยงานที่ร่วมยื่นจดหมาย ได้แก่ คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) เครือข่ายผู้ใช้ยาประเทศไทย เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการรักษาเอดส์ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ มูลนิธิรักษ์ไทย บ้านโอโซน ศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ บ้านออเด้นท์ และองค์การหมอไร้พรมแดนเบลเยี่ยมประเทศไทย